อนาคตพลังงานไทยเสี่ยงอะไร ถ้าไม่มีไฮโดรเจน (สีเขียว) ?
ไฮโดรเจนสำคัญอย่างไร?
ไฮโดรเจน (Hydrogen) กลายเป็นหนึ่งในประเด็นสำคัญระดับโลกที่ทุกประเทศให้ความสนใจในฐานะพลังงานสะอาดแห่งอนาคต และเป็นหนึ่งในพลังงานสำคัญที่ช่วยสนับสนุนการบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emissions) ภายในช่วงกลางศตวรรษที่ 21 (~ ปี 2050) ซึ่งสอดคล้องกับทิศทางของไทยที่ตั้งเป้าหมายบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ภายในปี 2050 และ Net Zero Emissions ภายในปี 2065
ไฮโดรเจนอาจดูเป็นเพียงพลังงานทางเลือกใหม่รูปแบบหนึ่งที่ยังห่างไกลจากชีวิตประจำวันของประชาชนทั่วไป แต่ในความเป็นจริง ไฮโดรเจนกำลังมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในฐานะฟันเฟืองหนึ่งของระบบพลังงานสะอาด เนื่องจากการใช้พลังงานไฮโดรเจนไม่ก่อให้เกิดการปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ทำให้ไฮโดรเจนกลายเป็นเครื่องมือสำคัญในการผลักดันโลกไปสู่เป้าหมาย Net Zero Emissions ซึ่งไม่อาจบรรลุได้ด้วยพลังงานหมุนเวียนจากแสงอาทิตย์และลมเพียงอย่างเดียว เพราะแหล่งพลังงานเหล่านี้มีความไม่แน่นอน เช่น แสงแดดมีเฉพาะตอนกลางวันหรือบางวันไม่มีลมเลย ส่งผลให้การผลิตไฟฟ้าไม่สม่ำเสมอ จึงจำเป็นต้องมีระบบพลังงานที่ยืดหยุ่น เช่น การกักเก็บพลังงานส่วนเกินจากพลังงานหมุนเวียน หรือการมีแหล่งพลังงานสำรองที่สามารถนำมาใช้ได้ทันทีเมื่อต้องการ เป็นต้น โดยไฮโดรเจนสามารถเข้ามามีบทบาทในส่วนนี้ได้ เช่น การใช้ไฟฟ้าส่วนเกินจากพลังงานหมุนเวียนมาผลิตไฮโดรเจนและจัดเก็บไว้ในรูปของก๊าซ และเมื่อต้องการใช้ไฟฟ้า ก็สามารถนำไฮโดรเจนกลับมาผลิตไฟฟ้าได้อีกครั้ง ด้วยคุณสมบัตินี้ ไฮโดรเจนจึงเปรียบเสมือนแบตเตอรี่รูปแบบใหม่ที่ช่วยเชื่อมโยงระบบพลังงานหมุนเวียนให้มีเสถียรภาพมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ไฮโดรเจนยังสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ในหลายภาคส่วน เช่น ภาคขนส่ง (ใช้เป็นเชื้อเพลิงสำหรับรถยนต์ รถไฟ เรือ และเครื่องบิน) ภาคอุตสาหกรรมที่ลดการปล่อย CO2 ได้ยาก (ใช้ผลิตความร้อนในการผลิตเหล็ก ปูนซีเมนต์ และสารเคมี) และภาคการผลิตไฟฟ้า (ใช้ไฮโดรเจนเป็นเชื้อเพลิงผสมกับก๊าซธรรมชาติเพื่อผลิตไฟฟ้า)
อย่างไรก็ตาม ไฮโดรเจนที่ใช้ในระบบพลังงานสะอาดจะต้องเป็น “ไฮโดรเจนสีเขียว” (Green Hydrogen) ซึ่งผลิตจากพลังงานหมุนเวียนและไม่มีการปล่อย CO2 ตลอดกระบวนการผลิต เช่น การแยกน้ำด้วยไฟฟ้า (Electrolysis) ซึ่งต่างจากไฮโดรเจนสีเทา (Grey Hydrogen) ที่ผลิตจากเชื้อเพลิงฟอสซิล เช่น ก๊าซธรรมชาติ และไฮโดรเจนสีน้ำเงิน (Blue Hydrogen) ที่แม้จะมีการดักจับ CO2 ได้บางส่วนแต่ก็ยังปล่อย CO2 อยู่บ้าง ดังนั้น ไฮโดรเจนสีเขียวจึงเป็นหนึ่งในหนทางที่สามารถช่วยโลกบรรลุเป้าหมาย Net Zero Emissions (รูปที่ 1)
รูปที่ 1 ไฮโดรเจนสีเขียวกับการเปลี่ยนผ่านพลังงานสะอาดสู่ Net Zero Emissions
แล้วอนาคตพลังงานไทยเสี่ยงอะไร ถ้าไม่มีไฮโดรเจน (สีเขียว)?
ในวันที่โลกกำลังก้าวเข้าสู่ยุคพลังงานสะอาดและการพัฒนาที่ยั่งยืน ไทยเองก็ต้องเตรียมตัวรับมือกับการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ หากเราไม่เริ่มนำไฮโดรเจนสีเขียวเข้ามาใช้ในภาคพลังงานไฟฟ้า ขนส่งและอุตสาหกรรม อาจต้องเผชิญกับความเสี่ยงหลายด้าน (รูปที่ 2) โดยมีรายละเอียดดังนี้
1. เสี่ยงต่อ ความมั่นคงทางพลังงาน
หากไทยยังคงพึ่งพาก๊าซธรรมชาติและถ่านหินเป็นแหล่งผลิตไฟฟ้าหลักโดยไม่มีทางเลือกอื่นอย่างไฮโดรเจนสีเขียวเข้ามาเสริม ระบบพลังงานของไทยจะมีความเปราะบางมากขึ้นในระยะยาว ปัจจุบันราคาก๊าซธรรมชาติมีความผันผวนในตลาดโลก แต่ยังคงถูกกว่าไฮโดรเจนสีเขียวที่ผลิตได้ในปริมาณจำกัดและต้นทุนสูง อย่างไรก็ตาม ในอนาคต หากเทคโนโลยีการผลิตไฮโดรเจนสีเขียวพัฒนาและขยายตัวมากขึ้น จะช่วยให้ราคาถูกลงจนสามารถแข่งขันกับก๊าซธรรมชาติได้ แต่ถ้าไทยยังไม่มีโครงสร้างพื้นฐานรองรับการนำไฮโดรเจนสีเขียวมาใช้ ก็จะเสี่ยงต่อการเผชิญต้นทุนพลังงานที่อาจสูงขึ้นและไม่มั่นคงในอนาคต
2. เสี่ยงต่อ การแข่งขันด้านอุตสาหกรรมและการค้า
ภาคอุตสาหกรรมหลักของไทย เช่น ปิโตรเคมี เหล็ก ซีเมนต์ และการส่งออกอาหารแปรรูป จะได้รับผลกระทบอย่างมาก เนื่องจากมาตรการปรับคาร์บอนของสินค้าก่อนส่งออกข้ามพรมแดนไปยังประเทศคู่ค้าต่าง ๆ เช่น มาตรการ CBAM (Carbon Border Adjustment Mechanism) ของสหภาพยุโรปและประเทศคู่ค้า จะบังคับให้สินค้าส่งออกที่มีการปล่อย CO2 สูงถูกเก็บภาษีเพิ่ม หากอุตสาหกรรมไทยไม่มีพลังงานทางเลือกอย่างไฮโดรเจนสีเขียวมาทดแทนการใช้ฟอสซิลในกระบวนการผลิต จะทำให้ต้นทุนสูงขึ้นและเสียเปรียบคู่แข่งทางการค้า นอกจากนี้ ยังมีอุตสาหกรรมการบินและโลจิสติกส์ระหว่างประเทศที่กำลังเปลี่ยนผ่านสู่เชื้อเพลิงสะอาด หากไทยไม่พัฒนาศักยภาพพลังงานจากไฮโดรเจนสีเขียว อาจทำให้เส้นทางการค้าและการลงทุนระหว่างประเทศลดบทบาทลง เช่น สนามบินหรือท่าเรือบางแห่งในอนาคตอาจรับเฉพาะเครื่องบิน เรือ หรือรถขนส่งที่ใช้เชื้อเพลิงสะอาด เป็นต้น
3. เสี่ยงต่อ สถานะทางเศรษฐกิจและการลงทุน
ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ภูมิภาคอาเซียนจะเริ่มขับเคลื่อนการลงทุนด้านไฮโดรเจนอย่างเป็นรูปธรรม โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมพลังงานสะอาดและการผลิตเชื้อเพลิงทางเลือกอย่างไฮโดรเจนสีเขียว หากไทยยังไม่มีนโยบายที่ชัดเจนและโครงสร้างพื้นฐานที่พร้อมรองรับ นักลงทุนพลังงานสะอาดจะเลือกลงทุนในประเทศเพื่อนบ้านที่มีความพร้อมด้านไฮโดรเจนมากกว่าอย่างเช่น มาเลเซียและอินโดนีเซีย ทำให้อุตสาหกรรมใหม่ เช่น โรงงานแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า ศูนย์จัดเก็บและประมวลผลข้อมูล (Data Centre) เป็นต้น อาจไม่เลือกไทยเป็นฐานการลงทุนหลักในภูมิภาค
4. เสี่ยงต่อ เป้าหมาย Net Zero Emissions ของประเทศ
ไทยตั้งเป้าหมาย Net Zero Emissions ภายในปี 2065 แต่หากไม่มีไฮโดรเจนสีเขียวเข้ามาเสริมในพลังงานไฟฟ้า ขนส่ง และอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นแหล่งปล่อย CO2 หลัก การลดการปล่อย CO2 จะทำได้จำกัด และต้องพึ่งพาการดูดซับจากป่าหรือการซื้อคาร์บอนเครดิตจากต่างประเทศเพิ่มขึ้น อาจทำให้เป้าหมาย Net Zero Emission ต้องเลื่อนออกไป และไทยอาจเสียโอกาสในการเป็นศูนย์กลางการค้าพลังงานสะอาดในภูมิภาค
รูปที่ 2 ความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นหากไทยยังไม่มีไฮโดรเจนสีเขียวในอนาคต
สถานการณ์ปัจจุบันของไฮโดรเจนในไทยเป็นอย่างไร?
ไทยกำลังเตรียมพร้อมรับมือกับอนาคตด้านพลังงานและเศรษฐกิจยุคใหม่อย่างจริงจัง เพื่อลดความเสี่ยงต่อการเปลี่ยนแปลงของโลกและรักษาความมั่นคงด้านพลังงานในระยะยาว หนึ่งในกุญแจสำคัญของการเปลี่ยนผ่านนี้คือ ไฮโดรเจนสีเขียว ซึ่งถือเป็นพลังงานสะอาดที่จะเข้ามาเสริมระบบพลังงานหลัก โดยไทยได้เริ่มวางแผนและเริ่มขับเคลื่อนพลังงานไฮโดรเจนมาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ปี 2015 จนถึงปัจจุบัน (2025) เช่น
1. การจัดทำแผนยุทธศาสตร์และนโยบายไฮโดรเจนระดับประเทศ เพื่อวางกรอบการพัฒนา การลงทุน และทิศทางพลังงานของประเทศในอนาคต โดยเน้นการส่งเสริมการผลิตและการใช้ไฮโดรเจนสีเขียว
2. การวางแผนสร้างโครงสร้างพื้นฐานรองรับไฮโดรเจน เช่น โรงผลิตไฮโดรเจนสีเขียวจากพลังงานหมุนเวียน และระบบขนส่งไฮโดรเจนทางท่อ ทางบกและทางเรือ
3. เตรียมโครงการนำร่อง Hydrogen Valley ในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรม เพื่อส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาดให้กับผู้ลงทุนและเชื่อมโยงการใช้ไฮโดรเจนกับอุตสาหกรรมสำคัญ เช่น โรงงานปิโตรเคมี โรงไฟฟ้า และระบบขนส่ง เป็นต้น
4. เตรียมการวิจัย พัฒนา และส่งเสริมโครงการนำร่อง เพื่อให้เกิดการผลิตและการใช้ไฮโดรเจนในภาคส่วนต่าง ๆ โดยเฉพาะไฮโดรเจนสีเขียว
5. พัฒนามาตรฐานความปลอดภัย กฎหมาย และการรับรองคุณภาพไฮโดรเจน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ลงทุนและประชาชน รวมทั้งรองรับการใช้ไฮโดรเจนในระบบพลังงานอย่างปลอดภัย
6. เตรียมกลไกสนับสนุนราคาพลังงานสะอาดและระบบภาษีคาร์บอน เพื่อจูงใจให้ภาคเอกชนและอุตสาหกรรมหันมาใช้ไฮโดรเจนสีเขียวมากขึ้นและเพื่อส่งเสริมธุรกิจพลังงานสะอาด
7. สร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการใช้ไฮโดรเจนเป็นพลังงานสะอาด เพื่อให้ประชาชนยอมรับและใช้ไฮโดรเจนได้อย่างมั่นใจและปลอดภัย
การเตรียมความพร้อมเหล่านี้ เป็นก้าวสำคัญที่จะช่วยให้ไทยไม่หลุดจากขบวนของโลกที่กำลังเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาด พร้อมทั้งช่วยเสริมความมั่นคงทางเศรษฐกิจในระยะยาว แม้จะต้องใช้เวลาอีกสักระยะ แต่ไทยก็เริ่มขับเคลื่อนและวางแผนอย่างเป็นระบบมากขึ้น เพราะในโลกยุคใหม่ พลังงานสะอาดกลายเป็นตัวชี้วัดความก้าวหน้าและความน่าเชื่อถือของแต่ละประเทศ ดังนั้น ไฮโดรเจน โดยเฉพาะไฮโดรเจนสีเขียวจึงไม่ใช่แค่พลังงานทางเลือกอีกต่อไป แต่กลายเป็น “พลังงานจำเป็น” ที่หลายประเทศ เช่น ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และออสเตรเลีย กำลังลงทุนอย่างจริงจัง เพื่อสร้างความมั่นคงด้านพลังงานและความสามารถในการแข่งขันในอนาคต
สำหรับไทย เรายังมีโอกาสอีกมากในการพัฒนาการผลิตและการใช้ไฮโดรเจนสีเขียวในอนาคต โดยตอนนี้ได้เริ่มวางแผนและวางรากฐานอย่างเป็นระบบแล้ว หากได้รับการสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ไทยอาจกลายเป็นศูนย์กลางไฮโดรเจนของภูมิภาค เป็นฐานการลงทุนของอุตสาหกรรมสะอาด สร้างงานใหม่ เพิ่มรายได้ และช่วยผลักดันประเทศไปสู่เป้าหมาย Net Zero Emissions เพื่ออนาคตที่มั่นคงและยั่งยืนสำหรับทุกคน
“ไฮโดรเจนสีเขียวเป็นหนึ่งในตัวแปรสำคัญของเป้าหมาย Net Zero Emissions”
เอกสารอ้างอิง
1. พลังงานไฮโดรเจน Hydrogen (2568), สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน, สืบค้นเมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2568, https://www.eppo.go.th/index.php/th/conservation/item/21376-hydrogen
2. ทำไม “ไฮโดรเจน” คืออนาคตพลังงานไทยที่จะมุ่งสู่ Net Zero ในปี 2065 (2568), THE STANDARD TEAM, สืบค้นเมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2568, https://thestandard.co/hydrogen-net-zero-2065/
3. Hydrogen for aviation A future decarbonization solution for air travel (2568), International Air Transport Association, สืบค้นเมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2568, https://www.iata.org/globalassets/iata/publications/sustainability/h2-for-aviation-facts.pdf
4. อาเซียนกับการพัฒนา ‘พลังงานไฮโดรเจน’ (2567), วรัญญา ยศสาย, สืบค้นเมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2568, https://www.itd.or.th/itd-data-center/67_51/
5. How does Hydrogen help nations break free from fossil fuels? (2568), Abi Morgan, สืบค้นเมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2568, Montel - Blog - How Does Hydrogen Prevent Reliance on Fossil Fuels?
6. Asia Market Opportunities 2025: Hydrogen Crucial to Decarbonisation Strategies, Jari Hietala, สืบค้นเมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2568, Asia Sees Hydrogen As Essential to Decarbonisation Strategies
7. Alternative Energy Development Plan: AEDP2015 (2015), Ministry of Energy, สืบค้นเมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2568, https://www.eppo.go.th/images/POLICY/PDF/AEDP2015.pdf