• Thailand (TH) language switcher
  • English (UK) language switcher

White Style normal-style white-yellow

decrease-font normal-font increase-font

Calendar  Youtube Youtube Facebook    
  • HOME
  • About Us
    • Company Profile
    • Vision / Mission / Value / Duty
    • Organization Structure
    • Contact US
    • Sitemap
  • Policy and Plan
    • Government Policy Statement
    • Thai Integrated Energy Blueprint TIEB
      • Thailand Power Development Plan
      • Thailand Energy Efficiency Development Plan
      • Alternative Energy Development Plan
      • Oil Plan
  • Related Laws
    • Acts / Royal ordinance
  • Energy Information Services
    • Energy Situation
      • Energy Situation in year 2015 and trend in year 2016
      • The energy situation in the first tenth months of 2015 and outlook for 2015
      • The energy situation in the first nine months of 2015 and outlook for 2015
      • The energy situation in the first eight months of 2015 and outlook for 2015
    • Xayaburi Hydroelectric Power Project
    • Thailand – Myanmar’s Energy Cooperation Projects
    • Electricity Trade between Thailand and Malaysia.
    • Power Purchased from Laos PDR.
    • Economic and Power Trading in the Greater Mekong Sub-region
    • Thailand energy report 2015
  • Energy Statistics
    • Summary Statistic
    • Petroleum Statistic
    • NGV Statistic
    • Coal and Lignite Statistic
    • Electricity Statistic
    • Energy Economy Statistic
    • Value Energy Statistic
    • Petroleum Price Statistic
    • CO2 Statistic
    • Indicators Statistic
Subscribe to this RSS feed
Super User

Super User

Monday, 17 December 2018 14:13

ประกาศกบง.ฉบับที่ 77 พ.ศ. 2561

Published in ประกาศกบง.
Tagged under
Be the first to comment!
Read more...
Tuesday, 04 December 2018 09:14

ประกาศกบง.ฉบับที่ 76 พ.ศ. 2561

Published in ประกาศกบง.
Tagged under
Be the first to comment!
Read more...
Friday, 30 November 2018 10:33

ประกาศกบง.ฉบับที่ 75 พ.ศ. 2561

Published in ประกาศกบง.
Tagged under
Be the first to comment!
Read more...
Thursday, 29 November 2018 13:52

กบง.ครั้งที่71 -วันพฤหัสบดีที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

 

eppo s

มติการประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน

ครั้งที่ 24/2561 (ครั้งที่ 71)

วันศุกร์ที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561 เวลา 13.00 น.

 


1. การปรับอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง


ผู้มาประชุม

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน                                               ประธานกรรมการ

(นายศิริ จิระพงษ์พันธ์)

รองผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน                             กรรมการและเลขานุการ

(นายเพทาย หมุดธรรม)

แทนผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผน


เรื่องที่ 1 การปรับอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง

สรุปสาระสำคัญ

        1. จากสถานการณ์ราคาน้ำมันตลาดโลกมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง ราคาน้ำมันตลาดโลกปิดตลาด ณ วันที่ 1 พฤศจิกายน 2561 น้ำมันดิบดูไบ น้ำมันเบนซิน 95 และน้ำมันดีเซล อยู่ที่ 73.40 78.44 และ 91.91 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ปรับลดลง 1.55 2.84 และ 1.95 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ตามลำดับ อัตราแลกเปลี่ยน ณ วันที่ 1 พฤศจิกายน 2561 อยู่ที่ 33.2028 บาทต่อเหรียญสหรัฐฯ ราคาไบโอดีเซลช่วงวันที่ 29 ตุลาคม - 4 พฤศจิกายน 2561 อยู่ที่ลิตรละ 22.52 บาท และราคาเอทานอล ณ เดือนพฤศจิกายน 2561 อยู่ที่ลิตรละ 23.31 บาท ฐานะกองทุนน้ำมันฯ ณ วันที่ 28 ตุลาคม 2561 มีสินทรัพย์รวม 39,099 ล้านบาท หนี้สินรวม 15,745 ล้านบาท โดยกองทุนน้ำมันฯ มีฐานะสุทธิ 23,354 ล้านบาท แยกเป็นบัญชีน้ำมันที่ 28,128 ล้านบาท และบัญชีก๊าซ LPG ติดลบที่ 4,774 ล้านบาท

        2. โครงสร้างราคาน้ำมัน ณ วันที่ 2 พฤศจิกายน 2561 ของน้ำมันเบนซิน น้ำมันแก๊สโซฮอล 95 E10 น้ำมันแก๊สโซฮอล 91 E10 น้ำมันแก๊สโซฮอล E20 น้ำมันแก๊สโซฮอล E85 น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว และน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว B20 เป็นดังนี้ (1) อัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ อยู่ที่ 7.0800 1.1200 1.1200 -1.7800 -7.3800 -0.6000 และ -3.1000 บาทต่อลิตร ตามลำดับ (2) ค่าการตลาด อยู่ที่ 3.2402 2.4618 2.6302 2.6561 4.1736 2.1448 และ 2.3764 บาทต่อลิตร ตามลำดับ และ (3) ราคาขายปลีก อยู่ที่ 37.24 29.85 29.58 26.84 21.14 29.89 และ 26.89 บาทต่อลิตร ตามลำดับ ประมาณการสภาพคล่องกองทุนน้ำมันฯ ในเดือนพฤศจิกายน 2561 มีรายรับ ในกลุ่มเบนซินและแก๊สโซฮอลประมาณ 401 ล้านบาทต่อเดือน มีรายจ่ายจากกลุ่มน้ำมันดีเซลหมุนเร็วประมาณ 1,064 ล้านบาทต่อเดือน ภาพรวมกองทุนน้ำมันฯ มีรายจ่าย 652 ล้านบาทต่อเดือน

        3. จากสถานการณ์ราคาน้ำมันตลาดโลกที่มีแนวโน้มราคาลดลงอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้กองทุน น้ำมันฯ มีเงินสะสมสำหรับสถานการณ์ที่ราคาน้ำมันตลาดโลกมีความผันผวน ฝ่ายเลขานุการฯ ขอเสนอให้ปรับเพิ่มอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ของน้ำมันเบนซิน น้ำมันแก๊สโซฮอล 95 E10 น้ำมันแก๊สโซฮอล 91 E10 น้ำมัน แก๊สโซฮอล E20 น้ำมันแก๊สโซฮอล E85 ขึ้น 0.40 บาทต่อลิตร ส่วนน้ำมันดีเซลหมุนเร็วและน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว B20 ปรับเพิ่มขึ้น 0.30 บาทต่อลิตร โดยราคาขายปลีกไม่เปลี่ยนแปลง ซึ่งจะส่งผลให้ค่าการตลาดเฉลี่ยของกลุ่มน้ำมันเบนซินและแก๊สโซฮอล และค่าการตลาดเฉลี่ยของน้ำมันฯ ทุกชนิดอยู่ที่ 2.25 และ 1.98 บาทต่อลิตร ตามลำดับ ส่วนค่าการตลาดของน้ำมันดีเซลอยู่ที่ 1.8448 บาทต่อลิตร ซึ่งจากการปรับอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ดังกล่าวจะทำให้กองทุนน้ำมันฯ มีรายรับเพิ่มขึ้น 903 ล้านบาทต่อเดือน จากติดลบ 652 ล้านบาทต่อเดือน เป็นมีรายรับ 251 ล้านบาทต่อเดือน โดยแยกเป็นกลุ่มเบนซินและแก๊สโซฮอลมีรายรับเพิ่มขึ้น 372 ล้านบาทต่อเดือน จาก 401 ล้านบาทต่อเดือนเป็น 773 ล้านบาทต่อเดือน และกลุ่มดีเซลหมุนเร็ว มีรายจ่ายลดลง 531 ล้านบาทต่อเดือน จากมีรายจ่าย 1,064 ล้านบาทต่อเดือน เป็นมีรายจ่าย 533 ล้านบาทต่อเดือน

มติของที่ประชุม

     1. เห็นชอบการปรับอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ดังนี้

     น้ำมันเบนซิน เดิม 7.08 บาท/ลิตร ใหม่ 7.68 บาท/ลิตร เปลี่ยนแปลง +0.60 บาท/ลิตร

     น้ำมันแก๊สโซฮอล 95 เดิม 1.12 บาท/ลิตร ใหม่ 1.72 บาท/ลิตร เปลี่ยนแปลง +0.60 บาท/ลิตร

     น้ำมันแก๊สโซฮอล 91 เดิม 1.12 บาท/ลิตร ใหม่ 1.72 บาท/ลิตร เปลี่ยนแปลง +0.60 บาท/ลิตร

     น้ำมันแก๊สโซฮอล E20 เดิม -1.78 บาท/ลิตร ใหม่ -1.18 บาท/ลิตร เปลี่ยนแปลง +0.60 บาท/ลิตร

     น้ำมันแก๊สโซฮอล E85 เดิม -7.38 บาท/ลิตร ใหม่ -6.78 บาท/ลิตร เปลี่ยนแปลง +0.60 บาท/ลิตร

     เฉลี่ยถ่วงน้ำหนักกลุ่มเบนซิน และแก๊สโซฮอล เดิม 0.43 บาท/ลิตร ใหม่ 1.03 บาท/ลิตร เปลี่ยนแปลง +0.60 บาท/ลิตร

     น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว เดิม -0.60 บาท/ลิตร ใหม่ 0.01 บาท/ลิตร เปลี่ยนแปลง +0.61 บาท/ลิตร

     น้ำมันดีเซลหมุนเร็วB20 เดิม -3.10 บาท/ลิตร ใหม่ -2.50 บาท/ลิตร เปลี่ยนแปลง +0.60 บาท/ลิตร

    โดยมอบหมายให้สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) รับไปดำเนินการออกประกาศ คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน เพื่อให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 3 พฤศจิกายน 2561 เป็นต้นไป

     2. มอบหมายให้ สนพ. พิจารณาค่าการตลาดของน้ำมันดีเซลหมุนเร็วในวันที่ 5 พฤศจิกายน 2561 หากสูงกว่า 2.00 บาทต่อลิตร ให้ปรับอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงของน้ำมันดีเซลหมุนเร็วเป็น 0.20 บาทต่อลิตร และให้ออกประกาศคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน เพื่อให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 6 พฤศจิกายน 2561 เป็นต้นไป


Published in มติกบง.
Tagged under
Be the first to comment!
Read more...
Thursday, 29 November 2018 13:19

กบง.ครั้งที่70 -วันพฤหัสบดีที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

 

eppo s

มติการประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน

ครั้งที่ 23/2561 (ครั้งที่ 70)

วันพฤหัสบดีที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561 เวลา 11.30 น.

 


1. หลักเกณฑ์การคำนวณราคา ณ โรงกลั่นของน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว


ผู้มาประชุม

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน                                               ประธานกรรมการ

(นายศิริ จิระพงษ์พันธ์)

รองผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน                             กรรมการและเลขานุการ

(นายเพทาย หมุดธรรม)

แทนผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผน


เรื่องที่ 1 หลักเกณฑ์การคำนวณราคา ณ โรงกลั่นของน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว

สรุปสาระสำคัญ

        1. คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) เมื่อวันที่ 20 เมษายน 2561 เห็นชอบหลักเกณฑ์ การคำนวณราคา ณ โรงกลั่นน้ำมันของน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว โดย ราคาน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว (บาทต่อลิตร) เท่ากับ (1-X) ของราคาน้ำมันดีเซลหมุนเร็วอ้างอิงราคากลางของตลาดภูมิภาคเอเชีย บวก (X) ของราคาไบโอดีเซลประเภทเมทิลเอสเตอร์ของกรดไขมัน โดยที่ ค่า X เท่ากับร้อยละโดยปริมาตรไบโอดีเซลประเภทเมทิลเอสเตอร์อัตราต่ำของน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว ตามประกาศกรมธุรกิจพลังงาน (ธพ.) และราคาไบโอดีเซล (บาทต่อลิตร) คือ ราคาอ้างอิง ไบโอดีเซลประเภทเมทิลเอสเตอร์ของกรดไขมัน ตามหลักเกณฑ์ที่ กบง. เห็นชอบ ที่ผ่านมา ธพ. ได้ออกประกาศกรมธุรกิจพลังงาน เรื่อง กําหนดลักษณะและคุณภาพของน้ำมันดีเซล (ฉบับที่ 10) พ.ศ. 2560 โดยให้น้ำมันดีเซลหมุนเร็วมีสัดส่วนไบโอดีเซลอยู่ที่ร้อยละ 6.5 ถึง 7.0 ซึ่งปัจจุบันผู้ค้าน้ำมันผสมไบโอดีเซลอยู่ที่ร้อยละ 6.6 โดยปริมาตร ทั้งนี้ ปัจจุบัน ธพ. ได้จัดทำประกาศกรมธุรกิจพลังงาน เรื่อง กําหนดลักษณะและคุณภาพของน้ำมันดีเซล โดยให้น้ำมันดีเซลหมุนเร็วมีสัดส่วนไบโอดีเซลอยู่ที่ร้อยละ 6.6 ถึง 7.0 โดยอยู่ในขั้นตอนการประกาศลง ราชกิจจานุเบกษา โดยให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 8 พฤศจิกายน 2561 เป็นต้นไป

        2. สถานการณ์ผลผลิตปาล์ม ปี 2561 สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) ได้ประมาณการว่าจะมีปริมาณผลผลิตปาล์มน้ำมัน 15.389 ล้านตัน ขณะที่ผลการตรวจสอบของคณะทำงานตรวจสอบสต๊อกน้ำมันปาล์มคงเหลือทั้งระบบระดับจังหวัด ณ สิ้นเดือนกันยายน 2561 ปรากฏว่ามีสต๊อกน้ำมันปาล์มคงเหลือ 375,591 ตัน สูงกว่าระดับสต๊อกปกติของประเทศที่ควรจะมีที่ 250,000 ตัน ซึ่งทำให้ราคาผลปาล์มน้ำมันเคลื่อนไหวอยู่ในเกณฑ์ต่ำอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น จึงมีความจำเป็นต้องดำเนินมาตรการดูดซับสต๊อกส่วนเกินจำนวน 125,591 ตัน เพื่อให้ปริมาณสต๊อกน้ำมันปาล์มดิบให้กลับอยู่ในภาวะสมดุล

        3. เพื่อให้สอดคล้องกับการปรับเพิ่มสัดส่วนผสมไบโอดีเซลในน้ำมันดีเซลหมุนเร็วตามประกาศ กรมธุรกิจพลังงาน ฝ่ายเลขานุการฯ ขอเสนอแนวทางการปรับปรุงหลักเกณฑ์การคำนวณราคา ณ โรงกลั่นน้ำมันของน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว โดยขอปรับปรุงค่า X จากเดิมเท่ากับ “ร้อยละโดยปริมาตรไบโอดีเซลประเภทเมทิล เอสเตอร์อัตราต่ำของน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว ตามประกาศกรมธุรกิจพลังงาน” ขอแก้ไขเป็น “ร้อยละโดยปริมาตรไบโอดีเซลประเภทเมทิลเอสเตอร์อัตราเฉลี่ยการใช้จริงของน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว ตามประกาศกรมธุรกิจพลังงาน” โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 5 พฤศจิกายน 2561 เป็นต้นไป และมอบหมายให้ ธพ. ติดตามตรวจสอบการใช้ไบโอดีเซลผสมในน้ำมันดีเซลหมุนเร็วเป็นสัดส่วนไม่ต่ำกว่าร้อยละ 6.8 ด้วยวิธีการและมาตรการที่เหมาะสมเพื่อให้มีปริมาณการใช้ ไบโอดีเซลสูงสุด ทั้งนี้ การเพิ่มสัดส่วนผสมไบโอดีเซลในน้ำมันดีเซลหมุนเร็วจากร้อยละ 6.5 ถึง 7.0 เป็นร้อยละ 6.6 ถึง 7.0 จะส่งผลให้อัตราเฉลี่ยการใช้จริงของน้ำมันดีเซลหมุนเร็วตามประกาศ ธพ. อยู่ที่ร้อยละ 6.8 ซึ่งจะช่วย ดูดซับสต๊อกน้ำมันปาล์มดิบเพิ่มขึ้นประมาณ 62,000 ตันต่อปี และทำให้ต้นทุนน้ำมันดีเซลหมุนเร็วเพิ่มขึ้นประมาณ 0.01 บาทต่อลิตร

มติของที่ประชุม

     1. เห็นชอบหลักเกณฑ์การคำนวณราคา ณ โรงกลั่นน้ำมันของน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว ดังนี้

     น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว = (1-X) ของราคาน้ำมันดีเซลหมุนเร็วอ้างอิงราคากลางของตลาดภูมิภาคเอเชีย + (X) ของราคาไบโอดีเซลประเภทเมทิลเอสเตอร์ของกรดไขมัน

     โดยที่ X = ร้อยละโดยปริมาตรไบโอดีเซลประเภทเมทิลเอสเตอร์อัตราเฉลี่ยของน้ำมันดีเซล หมุนเร็วตามประกาศกรมธุรกิจพลังงาน

     ไบโอดีเซล = ราคาอ้างอิงไบโอดีเซลประเภทเมทิลเอสเตอร์ของกรดไขมัน ตามหลักเกณฑ์ที่ คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงานเห็นชอบ (บาทต่อลิตร)

     น้ำมันดีเซลหมุนเร็วอ้างอิงราคากลางของตลาดภูมิภาคเอเชีย = (MOPS Gasoil 50 ppm + พรีเมียม) ที่ 600F x อัตราแลกเปลี่ยน /158.984

     โดยที่ พรีเมียม = ค่าขนส่ง World Scale ด้วยเรือขนาด LR1 แบบ Long Term Charter (สิงคโปร์ – ศรีราชา) + ค่าขนส่งทางท่อ (ศรีราชา – กรุงเทพฯ) + ค่าประกันภัยร้อยละ 0.084 ของ C&F +ค่าสูญเสียร้อยละ 0.3 ของ CIF + ค่าสำรองน้ำมัน เพื่อความมั่นคง 0.68 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล

    ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 8 พฤศจิกายน 2561 เป็นต้นไป

     2. มอบหมายให้กรมธุรกิจพลังงาน ติดตามตรวจสอบการใช้ไบโอดีเซลผสมในน้ำมันดีเซลหมุนเร็วเป็นสัดส่วนไม่ต่ำกว่าร้อยละ 6.8 ด้วยวิธีการและมาตรการที่เหมาะสมเพื่อให้มีปริมาณการใช้ไบโอดีเซลสูงสุด


Published in มติกบง.
Tagged under
Be the first to comment!
Read more...
Thursday, 29 November 2018 08:05

กบง.ครั้งที่69 -วันศุกร์ที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2561

 

eppo s

มติการประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน

ครั้งที่ 22/2561 (ครั้งที่ 69)

วันศุกร์ที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2561 เวลา 08.00 น.

 


1. การปรับอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง


ผู้มาประชุม

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน                                               ประธานกรรมการ

(นายศิริ จิระพงษ์พันธ์)

รองผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน                             กรรมการและเลขานุการ

(นายเพทาย หมุดธรรม)

แทนผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผน


เรื่องที่ 1 การปรับอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง

สรุปสาระสำคัญ

        1. คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) วันที่ 20 เมษายน 2561 ได้มีมติเห็นชอบ ค่าการตลาดน้ำมันเชื้อเพลิงที่เหมาะสมที่ 1.85 บาทต่อลิตร และเมื่อวันที่ 8 มิถุนายน 2561 กบง. มีมติเห็นชอบแนวทางการปรับอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงของน้ำมันเบนซินและแก๊สโซฮอลให้มีค่าใกล้ศูนย์สุทธิ ต่อมา กบง. เมื่อวันที่ 28 กันยายน 2561 ได้มีมติเห็นชอบให้ฝ่ายเลขานุการฯ ใช้กลไกกองทุนน้ำมันฯ ในการรักษาเสถียรภาพราคาน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว ในอัตราไม่เกิน 1.00 บาทต่อลิตร ในวงเงินไม่เกิน 6,000 ล้านบาท โดยสามารถชดเชยเพิ่มขึ้นจากปัจจุบันที่ใช้เงินกองทุนน้ำมันฯ ชดเชยในอัตรา 0.30 บาทต่อลิตร และมอบหมายให้สถาบันบริหารกองทุนพลังงาน (สบพน.) จัดทำรายงาน รายรับ/รายจ่าย และฐานะกองทุนน้ำมันฯ รายงาน กบง. ทราบทุกเดือน และเมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 2561 กบง. มีมติเห็นชอบแนวทางการบรรเทาผลกระทบจากราคาน้ำมันตลาดโลกที่ปรับตัวสูงขึ้น ดังนี้ (1) กรณีราคาน้ำมันดิบดูไบไม่เกิน 87.5 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ให้ใช้กลไกกองทุนน้ำมันฯ ในการรักษาเสถียรภาพราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว โดยปรับลดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนฯ สำหรับน้ำมันดีเซลหมุนเร็วลงอีก 0.50 บาทต่อลิตร จากเดิมชดเชยไม่เกิน 1.00 บาทต่อลิตร เป็นชดเชยไม่เกิน 1.50 บาทต่อลิตร (2) กรณีราคาน้ำมันดิบดูไบอยู่ในช่วง 87.5 -92.5 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ให้ใช้กลไกกองทุนน้ำมันฯ ในการรักษาเสถียรภาพราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว โดยปรับลดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ สำหรับน้ำมันดีเซลหมุนเร็วลงอีก 0.50 บาทต่อลิตร จากเดิมชดเชยไม่เกิน 1.50 บาทต่อลิตร เป็นชดเชยไม่เกิน 2.00 บาทต่อลิตร และ/หรือปรับเพิ่มราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลหมุนเร็วขึ้นอีก 0.50 บาทต่อลิตร และ/หรือปรับลดอัตราภาษีสรรพสามิตของน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว

        2. สถานการณ์ราคาน้ำมันตลาดโลกปิดตลาด ณ วันที่ 25 ตุลาคม 2561 มีดังนี้ (1) น้ำมันดิบดูไบอยู่ที่ 74.95 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล (2) น้ำมันเบนซิน 95 อยู่ที่ 81.28 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล (3) น้ำมันดีเซลอยู่ที่ 93.86 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล (4) อัตราแลกเปลี่ยน ณ วันที่ 25 ตุลาคม 2561 อยู่ที่ 33.0969 บาทต่อเหรียญสหรัฐฯ (5) ราคาไบโอดีเซลประเภทเมทิลเอสเตอร์ของกรดไขมันวันที่ 22 - 26 ตุลาคม 2561 ลิตรละ 22.68 บาท และ (6) ราคาเอทานอล ณ เดือนตุลาคม 2561 ลิตรละ 23.31 บาท โดยฐานะกองทุนน้ำมันฯ ของน้ำมัน ณ วันที่ 21 ตุลาคม 2561 มีสินทรัพย์รวม 38,534 ล้านบาท หนี้สินรวม 14,793 ล้านบาท ฐานะกองทุนน้ำมันฯ สุทธิ 23,741 ล้านบาท โดยแยกเป็นบัญชีน้ำมัน 28,359 ล้านบาท และบัญชีก๊าซ LPG ติดลบ 4,618 ล้านบาท จากสถานการณ์ราคาดังกล่าวข้างต้น ส่งผลทำให้โครงสร้างราคาน้ำมัน ณ วันที่ 26 ตุลาคม 2561 เป็นดังนี้ (1) ค่าการตลาดน้ำมันเบนซิน น้ำมันแก๊สโซฮอล 95 E10 น้ำมันแก๊สโซฮอล 91 E10 น้ำมันแก๊สโซฮอล E20 น้ำมันแก๊สโซฮอล E85 น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว และน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว B20 อยู่ที่ 3.3302 2.5797 2.7468 2.8050 4.4961 1.9563 และ 2.1916 บาทต่อลิตร ตามลำดับ ส่วนราคาขายปลีก อยู่ที่ 37.24 29.85 29.58 26.84 21.14 29.89 และ 26.89 บาทต่อลิตร ตามลำดับ ปัจจุบันน้ำมันแก๊สโซฮอล 95 E20 และน้ำมันแก๊สโซฮอล 95 E85 รัฐยังคงชดเชยราคา โดยกลุ่มของน้ำมันเบนซินและแก๊สโซฮอลมีรายรับประมาณ 41 ล้านบาทต่อเดือน กลุ่มน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว มีรายจ่ายประมาณ 1,122 ล้านบาทต่อเดือน และภาพรวมกองทุนน้ำมันฯ มีรายจ่าย 1,071 ล้านบาทต่อเดือน

        3. จากสถานการณ์ราคาน้ำมันตลาดโลกที่มีแนวโน้มราคาลดลงอย่างต่อเนื่องฝ่ายเลขานุการฯ ขอเสนอแนวทางการปรับอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ เพื่อให้มีเงินสะสมไว้ใช้ในสถานการณ์ราคาน้ำมันตลาดโลกมีความผันผวน โดยมีหลักการ ดังนี้ (1) กรอบล่าง สำหรับน้ำมันกลุ่มเบนซิน และแก๊สโซฮอลให้ใช้อัตราปัจจุบัน ดังนี้ น้ำมันเบนซิน น้ำมันแก๊สโซฮอล 95 น้ำมันแก๊สโซฮอล 91 น้ำมันแก๊สโซฮอล E20 และน้ำมันแก๊สโซฮอล E85 อยู่ที่ 6.68 0.72 0.72 -2.18 และ -7.78 บาทต่อลิตร ตามลำดับ ส่วนน้ำมันดีเซลหมุนเร็วให้ใช้กรอบล่างชดเชยที่อัตราไม่เกิน1.00 บาทต่อลิตร และ (2) กรอบบน สำหรับน้ำมันกลุ่มเบนซินและแก๊สโซฮอล ในช่วงราคาน้ำมันปรับตัวลดลงสามารถปรับเพิ่มอัตราส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ เพิ่มขึ้นจากกรอบล่างได้ไม่เกิน 1.00 บาทต่อลิตร ดังนี้ น้ำมันเบนซิน น้ำมันแก๊สโซฮอล 95 และน้ำมันแก๊สโซฮอล 91 น้ำมันแก๊สโซฮอล E20 และน้ำมันแก๊สโซฮอล E85 มีกรอบบนอยู่ที่ 7.68 1.72 1.72 -1.18 และ -6.78 ตามลำดับ ส่วนน้ำมันดีเซลหมุนเร็วกรอบบนอยู่ที่ไม่เกิน 1.00 บาทต่อลิตร ทั้งนี้ ในการปรับอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ให้ใช้กลไกกองทุนน้ำมันฯ บริหารราคาน้ำมันเชื้อเพลิง การปรับเพิ่มหรือลดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ให้ยึดหลักเกณฑ์ค่าการตลาดเฉลี่ยที่เหมาะสม ตามมติ กบง. วันที่ 20 เมษายน 2561 และมอบหมายให้ สบพน. จัดทำรายงาน รายรับ/รายจ่าย และฐานะกองทุนน้ำมันฯ ของบัญชีน้ำมัน เพื่อรายงาน กบง. ทราบทุกครั้ง

มติของที่ประชุม

     1. เห็นชอบกรอบการปรับอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ดังนี้

     กลุ่มน้ำมันเบนซิน และน้ำมันแก๊สโซฮอล* กรอบล่าง = 0.00 บาท/ลิตร กรอบบน = 1.00 บาท/ลิตร

     - น้ำมันเบนซิน กรอบล่าง = 6.68 บาท/ลิตร กรอบบน = 7.68 บาท/ลิตร

     - น้ำมันแก๊สโซฮอล 95 กรอบล่าง = 0.72 บาท/ลิตร กรอบบน = 1.72บาท/ลิตร

     - น้ำมันแก๊สโซฮอล 91 กรอบล่าง = 0.72 บาท/ลิตร กรอบบน = 1.72บาท/ลิตร

     - น้ำมันแก๊สโซฮอล E20 กรอบล่าง = -2.18 บาท/ลิตร กรอบบน = -1.18 บาท/ลิตร

     - น้ำมันแก๊สโซฮอล E85 กรอบล่าง = -7.78 บาท/ลิตร กรอบบน = -6.78 บาท/ลิตร

     น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว กรอบล่าง = -1.50 บาท/ลิตร กรอบบน = 1.00 บาท/ลิตร

     หมายเหตุ * อัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักตามปริมาณการใช้แต่ละชนิดน้ำมันในกลุ่มน้ำมันเบนซิน และน้ำมันแก๊สโซฮอล

     2. มอบหมายให้ฝ่ายเลขานุการฯ ใช้กลไกกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงบริหารราคาน้ำมันเชื้อเพลิงโดยปรับเพิ่มหรือลดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงตามกรอบข้อ 1 โดยสามารถปรับได้โดยการรักษาระดับค่าการตลาดที่เหมาะสมและส่วนต่างราคาขายปลีก ที่คำนึงถึงค่าความร้อนของชนิดเชื้อเพลิง และมอบหมายให้สถาบันบริหารกองทุนพลังงาน (องค์การมหาชน) จัดทำรายงาน รายรับ/รายจ่าย และฐานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเพื่อรายงานคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน ทราบทุกครั้ง


Published in มติกบง.
Tagged under
Be the first to comment!
Read more...
Tuesday, 27 November 2018 16:31

สถานการณ์ราคาน้ำมันเชื้อเพลิง 5 - 8 พฤศจิกายน 2561

Published in สถานการณ์ราคาน้ำมัน
Tagged under
Be the first to comment!
Read more...
Tuesday, 27 November 2018 16:30

สถานการณ์ราคาน้ำมันเชื้อเพลิง 29 ตุลาคม - 1 พฤศจิกายน 2561

Published in สถานการณ์ราคาน้ำมัน
Tagged under
Be the first to comment!
Read more...
Tuesday, 27 November 2018 16:35

สถานการณ์ราคาน้ำมันเชื้อเพลิง 19 - 22 พฤศจิกายน 2561

Published in สถานการณ์ราคาน้ำมัน
Tagged under
Be the first to comment!
Read more...
Tuesday, 27 November 2018 15:05

กบง. ครั้งที่68 -วันพฤหัสบดีที่ 11 ตุลาคม 2561 พ.ศ. 2561

 

eppo s

มติการประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน

ครั้งที่ 21/2561 (ครั้งที่ 68)

วันพฤหัสบดีที่ 11 ตุลาคม 2561 เวลา 13.30 น.

 


1. สถานการณ์พลังงานและแนวโน้มราคาพลังงานในตลาดโลก

2. การขอนำส่งเงินและขอรับเงินชดเชยจากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง การผลิตก๊าซปิโตรเลียมเหลวจากโรงโอเลฟินส์

3. การปรับอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง

4. การขอผ่อนผันนำเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงฝากกระทรวงการคลัง


ผู้มาประชุม

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน                                               ประธานกรรมการ

(นายศิริ จิระพงษ์พันธ์)

รองผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน                             กรรมการและเลขานุการ

(นายเพทาย หมุดธรรม)

แทนผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผน


เรื่องที่ 1 สถานการณ์พลังงานและแนวโน้มราคาพลังงานในตลาดโลก

สรุปสาระสำคัญ

        สนพ. ได้รายงานสถานการณ์ราคาน้ำมันตลาดโลก ให้ที่ประชุมทราบ ดังนี้ (1) ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ มีทิศทางปรับตัวสูงขึ้น ปัจจัยหลักมาจากการที่ประเทศสหรัฐฯ ประกาศมาตรการคว่ำบาตรการส่งออกน้ำมันดิบของประเทศอิหร่านในวันที่ 4 พฤศจิกายน 2561 ทำให้หลายประเทศเริ่มลดปริมาณการนำเข้าน้ำมันดิบจากอิหร่าน เช่น ประเทศจีนลดปริมาณการนำเข้าน้ำมันดิบน้ำมันดิบจากจีนลงร้อยละ 50 และประเทศอินเดียหยุดการซื้อน้ำมันดิบจากอิหร่านทั้งหมด ประกอบกับปัญหาทางการเมืองและเศรษฐกิจของประเทศเวเนซุเอลาส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้น ทั้งนี้ ประเทศซาอุดิอาราเบียและประเทศรัสเซียได้ประกาศปรับเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันดิบเพื่อทดแทนปริมาณน้ำมันดิบที่หายไปจากมาตรการคว่ำบาตรประเทศอิหร่าน ทำให้มีการคาดการณ์ว่าราคาน้ำมันดิบในเดือนตุลาคม 2561 จะยังทรงตัวอยู่ที่ 83 – 88 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล (2) ราคาก๊าซ LPG มีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากมาตรการคว่ำบาตรประเทศอิหร่านและสงครามทางการค้าระหว่างประเทศจีนและประเทศสหรัฐฯ โดยราคา CP เดือนตุลาคม 2561 อยู่ที่ 655 เหรียญสหรัฐฯต่อตัน เพิ่มขึ้น 37.5 เหรียญสหรัฐฯต่อตัน จากเดือนก่อนหน้า (3) ราคา LNG เดือนกันยายน 2561 ปรับตัวสูงขึ้นจากเดือนก่อนหน้า เนื่องจากหลายประเทศเพิ่มปริมาณการสำรองเพื่อรองรับความต้องการใช้ในช่วงฤดูหนาว ประกอบกับแหล่งผลิตก๊าซ LNG Asgard และ Sakhalin ของประเทศรัสเซียและประเทศบรูไนหยุดผลิตฉุกเฉิน ส่วนราคาก๊าซ LNG เดือนตุลาคม 2561 คาดการณ์ว่าจะยังคงปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจากประเทศจีนปรับเพิ่มภาษีนำเข้าก๊าซ LNG จากสหรัฐอเมริกา (4) ราคาถ่านหินมีทิศทางปรับตัวลดลง โดยเดือนกันยายน 2561 อยู่ที่ 113.4 เหรียญสหรัฐฯ ต่อตัน เนื่องจากค่าเงินของประเทศผู้ผลิตถ่านหิน เช่น อินโดนีเซีย และจีน การอ่อนค่าลง รวมทั้งประเทศสหรัฐฯ ประสบปัญหาพายุเฮอร์ริเคนส่งผลกระทบต่อการส่งออกถ่านหิน รวมถึงนโยบายการควบคุมมลพิษของประเทศจีนทำให้มีส่งออกถ่านหินลดลง ทั้งนี้ ปัจจัยที่อาจส่งผลต่อราคาถ่านหินในช่วงปลายปี คือ การเจรจาระหว่างผู้ผลิตถ่านหินจากประเทศออสเตรเลีย กับโรงไฟฟ้าประเทศญี่ปุ่น และ (5) โครงสร้างราคาน้ำมันเชื้อเพลิง ณ วันที่ 11 ตุลาคม 2561 ค่าการตลาดน้ำมันดีเซลหมุนเร็วอยู่ที่ 1.24 บาทต่อลิตร ต่ำกว่าค่าการตลาดที่เหมาะสมซึ่งอยู่ที่ 1.80 บาทต่อลิตร ส่วนค่าการตลาดน้ำมันแก๊สโซฮอล 95 อยู่ที่ 1.83 บาทต่อลิตร อยู่ในระดับใกล้เคียงกับค่าการตลาดที่เหมาะสม ซึ่งอยู่ที่ 1.85 บาทต่อลิตร โดยค่าการตลาดเฉลี่ยทุกผลิตภัณฑ์อยู่ที่ 1.53 บาทต่อลิตร อยู่ในระดับต่ำกว่าค่าการตลาดเฉลี่ยที่เหมาะสมประมาณ 0.32 บาทต่อลิตร

มติของที่ประชุม

     ที่ประชุมรับทราบ

เรื่องที่ 2 การขอนำส่งเงินและขอรับเงินชดเชยจากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง การผลิตก๊าซปิโตรเลียมเหลวจากโรงโอเลฟินส์

สรุปสาระสำคัญ

        1. คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2559 มีมติเห็นชอบ การดำเนินงานเพื่อเปิดเสรีธุรกิจก๊าซ LPG โดยกำหนดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนหรือชดเชยสำหรับก๊าซที่ผลิตในราชอาณาจักรโดยโรงกลั่นน้ำมันเชื้อเพลิงและโรงอะโรเมติก เท่ากับส่วนต่างระหว่างราคาก๊าซ LPG ณ โรงกลั่น และราคาโรงกลั่นน้ำมันเชื้อเพลิงและโรงอะโรเมติก และกำหนดราคาก๊าซ LPG ที่ผลิตจากโรงกลั่นน้ำมันเชื้อเพลิงและโรงอะโรเมติก จาก CP-20 เป็น CP เหรียญสหรัฐฯ ต่อตัน เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2560 บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) (บริษัท PTTGC) ได้มีหนังสือสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) แจ้งว่า บริษัท PTTGC นำบิวทาไดอีนเหลว จากโรงโอเลฟินส์มาทำการผลิตเป็นก๊าซ LPG จำนวน 5,000 ตัน ในเดือนมิถุนายนและเดือนกรกฎาคม 2560 เพื่อจำหน่ายให้แก่ลูกค้าเป็นครั้งแรก และขอสอบถามว่าบริษัท PTTGC เข้าข่ายที่จะต้องนำส่งเงินกองทุนน้ำมันฯ และได้รับเงินชดเชยเงินจากกองทุนน้ำมันฯ ตามประกาศ กบง. ฉบับที่ 14 พ.ศ. 2560 หรือไม่ ทั้งนี้บริษัท PTTGC ได้นำส่งเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯ ไปก่อนตามประกาศ กบง. ฉบับที่ 14 พ.ศ. 2560 ข้อ 3 (2) และขอสงวนสิทธิ์ในการขอคืนเงินจากกองทุนน้ำมันฯ หากทราบความชัดเจนว่าไม่ต้องนำส่งเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯ

        2. เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2560 กบง. ได้มีมติเห็นชอบการนำส่งเงินและขอรับเงินชดเชยจากกองทุนน้ำมันฯ กรณีการผลิตก๊าซปิโตรเลียมเหลวจากโรงโอเลฟินส์ ดังนี้ (1) กำหนดราคาก๊าซ LPG ที่ผลิตจากโรงโอเลฟินส์ เท่ากับ CP เหรียญสหรัฐฯ ต่อตัน กำหนดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนหรืออัตราเงินชดเชยสำหรับก๊าซที่ผลิต ในราชอาณาจักรจากโรงโอเลฟินส์ เท่ากับส่วนต่างระหว่างราคาก๊าซ LPG ณ โรงกลั่นและโรงโอเลฟินส์ ทั้งนี้มอบหมายให้ สนพ. รับไปดำเนินการออกประกาศ กบง. ฉบับที่ 17/2560 เรื่อง การกำหนดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนและอัตราเงินชดเชยสำหรับก๊าซที่ผลิตในราชอาณาจักร จากโรงโอเลฟินส์ โดยให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 6 กรกฎาคม ถึงวันที่ 31 กรกฎาคม 2560 และ (2) มอบหมายให้ สนพ. หารือประเด็นปัญหาข้อกฎหมายไปยังสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา (สคก.) เกี่ยวกับการกำหนดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนและอัตราเงินชดเชยสำหรับก๊าซที่ผลิตในราชอาณาจักรจากโรงโอเลฟินส์ โดยให้มีผลย้อนหลังตั้งแต่วันที่ 15 มิถุนายน 2560 ถึงวันที่ 5 กรกฎาคม 2560 อันมีผลทำให้โรงโอเลฟินส์มีหน้าที่ส่งเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯ และมีสิทธิได้รับเงินชดเชยในช่วงระยะเวลาดังกล่าวได้หรือไม่

        3. เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม 2560 สนพ. ได้มีหนังสือถึง สคก. เพื่อหารือประเด็นข้อกฎหมายดังกล่าว ซึ่ง สคก. ได้มีหนังสือแจ้งผลตามบันทึกสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2561 ว่าโรงโอเลฟินส์ไม่มีหน้าที่ต้องส่งเงินเข้ากองทุนและไม่อาจได้รับเงินชดเชยในช่วงระยะเวลาตั้งแต่วันที่ 15 มิถุนายน 2560 ถึงวันที่ 5 กรกฎาคม 2560 ตามประกาศ กบง. ฉบับที่ 14 พ.ศ. 2560 และไม่มีเหตุที่ กบง.จะต้องออกประกาศให้โรงโอเลฟินส์นำส่งเงินเข้ากองทุนและมีสิทธิได้รับเงินชดเชยจากกองทุนในช่วงเวลาดังกล่าวแต่อย่างใด

มติของที่ประชุม

     ที่ประชุมรับทราบ

เรื่องที่3 การปรับอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง

สรุปสาระสำคัญ

        1. คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) วันที่ 28 กันยายน 2561 ได้มีมติเห็นชอบแนวทาง การปรับอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ของน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว โดยให้ฝ่ายเลขานุการฯ ใช้กลไกกองทุนน้ำมันฯในการรักษาเสถียรภาพราคาน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว ในอัตราไม่เกิน 1.00 บาทต่อลิตร ในวงเงินไม่เกิน 6,000 ล้านบาท โดยสามารถชดเชยเพิ่มขึ้นจากปัจจุบันที่ใช้เงินกองทุนน้ำมันฯ ชดเชยในอัตรา 0.30 บาทต่อลิตร และมอบหมายให้สถาบันบริหารกองทุนพลังงาน (องค์การมหาชน) (สบพน.) จัดทำรายงาน รายรับ/รายจ่าย และฐานะกองทุนน้ำมันฯ ของบัญชีน้ำมัน เพื่อรายงาน กบง. ทราบทุกเดือน และต่อมาเมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2561 กบง. ได้มีมติมอบหมายให้ฝ่ายเลขานุการฯ จัดทำแนวทางบรรเทาผลกระทบของราคาน้ำมันดิบต่อราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว โดยให้นำเสนอต่อ กบง. ในการประชุมครั้งถัดไป

        2. ราคาน้ำมันตลาดโลกปิดตลาด ณ วันที่ 10 ตุลาคม 2561 มีดังนี้ (1) น้ำมันดิบดูไบอยู่ที่ 82.98 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล (2) น้ำมันเบนซิน 95 อยู่ที่ 93.40 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล (3) น้ำมันดีเซลอยู่ที่ 99.70 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล (4) อัตราแลกเปลี่ยน ณ วันที่ 10 ตุลาคม 2561 อยู่ที่ 33.0500 บาทต่อเหรียญสหรัฐฯ (5) ราคาไบโอดีเซลประเภทเมทิลเอสเตอร์ของกรดไขมันวันที่ 8-14 ตุลาคม 2561 ลิตรละ 22.69 บาท และ (6) ราคาเอทานอล ณ เดือนตุลาคม 2561 ลิตรละ 23.31 บาท โดยฐานะกองทุนน้ำมันฯ ของน้ำมันฯ ณ วันที่ 7 ตุลาคม 2561 มีสินทรัพย์รวม 38,852 ล้านบาท หนี้สินรวม 14,260 ล้านบาท ฐานะกองทุนสุทธิ 24,592 ล้านบาท โดยแยกเป็นบัญชีน้ำมัน 28,919 ล้านบาท และบัญชีก๊าซ LPG ติดลบ 4,327 ล้านบาท จากสถานการณ์ราคาดังกล่าวข้างต้น ส่งผลทำให้โครงสร้างราคาน้ำมัน ณ วันที่ 11 ตุลาคม 2561 เป็นดังนี้ (1) ค่าการตลาดน้ำมันเบนซิน น้ำมันแก๊สโซฮอล 95 E10 น้ำมันแก๊สโซฮอล 91 E10 น้ำมันแก๊สโซฮอล E20 น้ำมันแก๊สโซฮอล E85 น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว และน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว B20 อยู่ที่ 2.3601 1.8314 1.9988 2.3032 4.7209 1.2389 และ 1.2224 บาทต่อลิตร ตามลำดับ ส่วนราคาขายปลีกน้ำมันเบนซิน น้ำมันแก๊สโซฮอล 95 E10 น้ำมันแก๊สโซฮอล 91 E10 น้ำมันแก๊สโซฮอล E20 น้ำมันแก๊สโซฮอล E85 น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว และน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว B20 อยู่ที่ 38.84 31.45 31.18 28.44 22.04 29.89 และ 26.89 บาทต่อลิตร ตามลำดับ โดยสภาพคล่องกองทุนน้ำมันฯ ปัจจุบันน้ำมันแก๊สโซฮอล 95 E20 และน้ำมันแก๊สโซฮอล 95 E85 รัฐยังคงชดเชยราคา แต่เข้าใกล้ ศูนย์-สุทธิ ในกลุ่มของน้ำมันเบนซินและแก๊สโซฮอลแล้ว ดังนั้น ประมาณการฐานะกองทุนน้ำมันฯ ประจำเดือนตุลาคม 2561 มีรายรับในกลุ่มเบนซินและแก๊สโซฮอลประมาณ 41 ล้านบาทต่อเดือน ในขณะที่กองทุนน้ำมันฯ มีรายจ่ายจากกลุ่มน้ำมันดีเซลหมุนเร็วประมาณ 1,869 ล้านบาทต่อเดือน โดยภาพรวมกองทุนน้ำมันฯ มีสภาพคล่องติดลบ 1,817 ล้านบาทต่อเดือน

        3. ฝ่ายเลขานุการฯ ขอเสนอแนวทางการบรรเทาผลกระทบจากราคาน้ำมันตลาดโลกที่ปรับตัวสูงขึ้นในวงเงินไม่เกิน 16,200 ล้านบาท ดังนี้ (1) เมื่อราคาน้ำมันดิบดูไบเฉลี่ยเดือนก่อนหน้าไม่เกิน 85 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ใช้กลไกกองทุนน้ำมันฯ ในการรักษาเสถียรภาพราคาน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว โดยปรับเพิ่มอัตราการชดเชยราคาน้ำมันดีเซลหมุนเร็วอีก 0.50 บาทต่อลิตร จากเดิมชดเชย 1.00 บาทต่อลิตร เป็นชดเชยไม่เกิน 1.50 บาทต่อลิตร (2) เมื่อราคาน้ำมันดิบดูไบเฉลี่ยเดือนก่อนหน้าอยู่ระหว่าง 85 – 87.5 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ใช้กลไกกองทุนน้ำมันฯ โดยใช้อัตราการชดเชยที่ 1.50 บาทต่อลิตร และปรับเพิ่มราคาขายปลีกเพิ่มขึ้นอีก 0.50 บาทต่อลิตร จากเดิม 29.89 บาทต่อลิตร เป็น 30.39 บาทต่อลิตร (3) เมื่อราคาน้ำมันดิบดูไบเฉลี่ยเดือนก่อนหน้าอยู่ระหว่าง 87.5 - 90 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลใช้กลไกกองทุนน้ำมันฯ โดยใช้อัตราการชดเชยที่ 1.50 บาทต่อลิตร ปรับเพิ่มราคาขายปลีกเพิ่มขึ้นอีก 0.50 บาทต่อลิตร จากเดิม 29.89 บาทต่อลิตร เป็น 30.39 บาทต่อลิตร และปรับลดภาษีสรรพสามิตลง 0.50 บาทต่อลิตร จากเดิม 5.98 บาทต่อลิตร เป็น 5.48 บาทต่อลิตร และ (4) เมื่อราคาน้ำมันดิบดูไบเฉลี่ยเดือนก่อนหน้าเกิน 90 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล หากดำเนินการตามแนวทางข้อ (1) – (3) แล้ว และวงเงินการช่วยเหลือของกองทุนน้ำมันฯ หมดแล้ว และราคาน้ำมันยังอยู่ในระดับสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ให้กองทุนน้ำมันฯ ทำการกู้เงินเพิ่ม 20,000 ล้านบาท และใช้กลไกการบรรเทาผลกระทบตามแนวทางข้อ (1) – (3) ตามลำดับ

มติของที่ประชุม

     1. เห็นชอบแนวทางการบรรเทาผลกระทบจากราคาน้ำมันตลาดโลกที่ปรับตัวสูงขึ้น ดังนี้

     1.1 กรณีราคาน้ำมันดิบดูไบไม่เกิน 87.5 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ให้ใช้กลไกกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงในการรักษาเสถียรภาพราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว โดยปรับลดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับน้ำมันดีเซลหมุนเร็วลงอีก 0.50 บาทต่อลิตร จากเดิมชดเชยไม่เกิน 1.00 บาทต่อลิตร เป็นชดเชยไม่เกิน 1.50 บาทต่อลิตร

     1.2 กรณีราคาน้ำมันดิบดูไบอยู่ในช่วง 87.5 - 92.5 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ให้ใช้กลไกกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงในการรักษาเสถียรภาพราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว โดยปรับลดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับน้ำมันดีเซลหมุนเร็วลงอีก 0.50 บาทต่อลิตร จากเดิมชดเชยไม่เกิน 1.50 บาทต่อลิตร เป็นชดเชยไม่เกิน 2.00 บาทต่อลิตร และ/หรือปรับเพิ่มราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลหมุนเร็วขึ้นอีก 0.50 บาทต่อลิตร และ/หรือปรับลดอัตราภาษีสรรพสามิตของน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว

     2. มอบหมายให้ฝ่ายเลขานุการฯ หารือกับกระทรวงการคลัง กรณีมีความจำเป็นต้องปรับลดอัตราภาษีสรรพสามิตของน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว

เรื่องที่4 การขอผ่อนผันนำเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงฝากกระทรวงการคลัง

สรุปสาระสำคัญ

        1. คณะกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียน อาศัยอำนาจตามพระราชบัญญัติการบริหารทุนหมุนเวียน พ.ศ. 2558 ได้ออกประกาศคณะกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียน เรื่อง มาตรฐานการเงิน การจัดซื้อจัดจ้าง การบริหารพัสดุ การบัญชี การรายงานทางการเงิน และการตรวจสอบภายในของทุนหมุนเวียน โดยประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2560 กำหนดให้ทุนหมุนเวียนดำเนินการเปิดบัญชีและนำเงินฝากที่กรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง ซึ่งรวมถึงกองทุนน้ำมันฯ ด้วย ต่อมาเมื่อวันที่ 8 มิถุนายน 2561 คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ได้มีมติมอบหมายให้สถาบันบริหารกองทุนพลังงาน (องค์การมหาชน) (สบพน.) ดำเนินการขอยกเว้นการเปิดบัญชีและนำเงินกองทุนน้ำมันฯ ไปฝากที่กรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง และขอฝากเงินกับธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐต่อไป

        2. เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม 2561 สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) ในฐานะฝ่ายเลขานุการ กบง. ได้มีหนังสือถึงกรมบัญชีกลาง เพื่อขอยกเว้นการเปิดบัญชีและการนำเงินกองทุนน้ำมันฯ ไปฝากที่กรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง และขอฝากเงินกับธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ ตามมติ กบง. ต่อมา เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2561 กรมบัญชีกลางได้มีหนังสือถึง สนพ. แจ้งว่า เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2561 คณะกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียนได้พิจารณาในเรื่องดังกล่าว และได้มีมติเห็นชอบให้นำเงินกองทุนน้ำมันฯ ไปจัดหาผลประโยชน์ได้ในวงเงิน 3,000 ล้านบาท เพื่อไว้ใช้จ่ายเป็นค่าใช้จ่ายในการบริหารกองทุนน้ำมันฯ สำหรับเงินส่วนที่เหลือให้นำฝากกระทรวงการคลัง ตามประกาศคณะกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียนฯ

        3. ฝ่ายเลขานุการฯ ได้หารือกรมบัญชีกลางโดยแจ้งว่ามติคณะกรรมการนโยบายการบริหาร ทุนหมุนเวียนเมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2561 นั้น ไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของ กบง. ที่ให้ขอยกเว้นการนำเงินกองทุนน้ำมันฯ ไปฝากกระทรวงการคลัง โดยหากนำเงินกองทุนน้ำมันฯ ไปจัดหาผลประโยชน์ได้ทั้งหมด จะสามารถนำดอกเบี้ยที่ได้มาช่วยเพิ่มกรอบวงเงินกองทุนน้ำมันฯ สำหรับใช้ในการรักษาเสถียรภาพราคาน้ำมันเชื้อเพลิงภายในประเทศได้เพิ่มขึ้น รวมทั้งช่วยในส่วนค่าใช้จ่ายในการบริหารกองทุนน้ำมันฯ ซึ่งต้องจัดสรรให้หน่วยงาน ที่ปฏิบัติงานสนับสนุนการบริหารกองทุนน้ำมันฯ ได้แก่ สนพ. กรมสรรพสามิต กรมศุลกากร และ สบพน. นอกจากนี้การรักษาเสถียรภาพราคาน้ำมันเชื้อเพลิงในประเทศ ของกองทุนน้ำมันฯ จะผันแปรไปตามสถานการณ์ราคาน้ำมันตลาดโลก ซึ่งปัจจุบันมีความผันผวนและมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยฐานะกองทุนน้ำมันฯ ณ วันที่ 7 ตุลาคม 2561 อยู่ที่ 24,592 ล้านบาท และมีค่าใช้จ่ายในการรักษาเสถียรภาพราคาน้ำมันเชื้อเพลิงอยู่ที่ประมาณ 2,986 ล้านบาทต่อเดือน ซึ่งหากสถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลกยังทรงตัวอยู่ในระดับสูงเกิน 80 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล คาดว่ากองทุนน้ำมันฯ จะสามารถรักษาเสถียรภาพราคาได้ประมาณ 8 เดือน ดังนั้น กรมบัญชีกลางจึงได้มีข้อเสนอว่าให้ กบง. ทำหนังสือขอผ่อนผันนำเงินกองทุนน้ำมันฯ ฝากกระทรวงการคลัง ตามประกาศคณะกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียนฯ เพื่อกรมบัญชีกลางจะได้นำเสนอคณะกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียนพิจารณาในการประชุมช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน 2561

มติของที่ประชุม

     มอบหมายให้ฝ่ายเลขานุการฯ จัดทำหนังสือถึงกรมบัญชีกลาง เพื่อขอผ่อนผันการเปิดบัญชีและนำเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงไปฝากที่กรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง โดยให้สามารถฝากเงินกับธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ


Published in มติกบง.
Tagged under
Be the first to comment!
Read more...
StartPrev102103104105106107108109110111NextEnd
Page 107 of 217
สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.)
กระทรวงพลังงาน
121/1-2 ถนนเพชรบุรี แขวงทุ่งพญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพฯ 10400
โทร 0 2612 1555, โทรสาร 0 2612 1364
จากต่างประเทศ โทร +66 2612 1555, โทรสาร +66 2612 1364
Official Website : www.eppo.go.th

การปฎิเสธความรับผิดชอบ | นโยบายเว็บไซต์ | นโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล | นโยบายการรักษาความมั่นคงปลอดภัยเว็บไซต์