มติคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน
ครั้งที่ 10/2554 (ครั้งที่ 68)
เมื่อวันอังคารที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2554 เวลา 16.00 น.
ณ ห้องประชุม 2 ชั้น 15 ศูนย์เอนเนอร์ยี่ คอมเพล็กซ์ (ENCO) อาคารบี
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน (นายวรรณรัตน์ ชาญนุกูล) ประธานกรรมการ
ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (นายวีระพล จิรประดิษฐกุล) กรรมการและเลขานุการ
ประธานฯ ได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบว่า วันนี้คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบการแต่งตั้งคณะกรรมการสถาบันบริหารกองทุนพลังงาน ซึ่งมีปลัดกระทรวงพลังงาน (นายณอคุณ สิทธิพงศ์) เป็นประธานกรรมการ และประกอบด้วย กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจำนวน 5 ท่าน ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ
เรื่องที่ 1 การแก้ไขปัญหาราคาน้ำมันแพง
สรุปสาระสำคัญ
1. คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) เมื่อวันที่ 30 ธันวาคม 2553 มีมติเห็นชอบให้ใช้เงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงในวงเงินประมาณ 5,000 ล้านบาท ในการรักษาระดับราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลหมุนเร็วไม่ให้เกิน 30 บาทต่อลิตร เป็นการชั่วคราวประมาณ 2 - 3 เดือน โดยมอบหมายคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) รับไปดำเนินการ และถ้าหากราคาน้ำมันตลาดโลกยังปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าที่ได้คาดการณ์ไว้ และเงินกองทุนน้ำมันฯ ในวงเงิน 5,000 ล้านบาท ไม่เพียงพอ ให้กระทรวงการคลังและกระทรวงพลังงานร่วมกันพิจารณาหาแนวทางการแก้ไขปัญหาเพิ่มเติม และให้นำเสนอ กพช. ในการพิจารณาต่อไป ต่อมาเมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2554 กพช. ได้มีมติเห็นชอบให้ใช้เงินกองทุนน้ำมันฯ ในการรักษาระดับราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลไม่ให้เกิน 30 บาทต่อลิตร ต่อไปจนถึงสิ้นเดือนเมษายน 2554 โดยมอบหมาย กบง. รับไปดำเนินการ หากฐานะกองทุนน้ำมันฯ สุทธิเหลือวงเงินประมาณ 10,000 ล้านบาท ให้นำเสนอ กพช. เพื่อพิจารณาต่อไป
2. ตั้งแต่วันที่ 17 ธันวาคม 2553 ถึงวันที่ 4 มีนาคม 2554 ได้มีการปรับอัตราเงินชดเชยราคาน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว รวม 10 ครั้ง โดยน้ำมันดีเซลหมุนเร็วธรรมดาได้รับการชดเชยสะสมไปแล้ว 5.15 บาทต่อลิตร ตั้งแต่วันที่ 17 ธันวาคม 2553 ถึงวันที่ 8 มีนาคม 2554 กองทุนน้ำมันฯ ได้จ่ายชดเชยเพื่อรักษาระดับราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลไปแล้ว ประมาณ 10,087 ล้านบาท ฐานะกองทุนน้ำมันฯ ณ วันที่ 3 มีนาคม 2554 มีเงินสดในบัญชี 35,275 ล้านบาท มีหนี้สินกองทุน 14,695 ล้านบาท แยกเป็นหนี้ค้างชำระชดเชย 14,427 ล้านบาท งบบริหารและโครงการซึ่งได้อนุมัติแล้ว 268 ล้านบาท กองทุนน้ำมันฯ มีฐานะสุทธิ 20,580 ล้านบาท ทั้งนี้ยังไม่ได้รวมเงินชดเชยค่าปรับเปลี่ยนเครื่องยนต์รถแท๊กซี่ 1,200 ล้านบาท เงินชดเชยการตรึงราคาก๊าซ NGV ก่อนเดือนมีนาคม 2554 จำนวน 2,400 ล้านบาท เงินชดเชยการตรึงราคาก๊าซ NGV เดือนมีนาคม - มิถุนายน 2554 จำนวน 1,600 ล้านบาท และเงินชดเชยก๊าซ LPG นำเข้าเดือนมีนาคม - มิถุนายน 2554 จำนวน 8,800 ล้านบาท
3. สถานการณ์ราคาน้ำมันตลาดโลกยังคงปรับตัวอยู่ในระดับสูง โดยเมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2554 น้ำมันดิบดูไบอยู่ที่ระดับ 111.63 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากวันก่อน 0.81 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล น้ำมันเบนซิน 95 และดีเซลอยู่ที่ระดับ 124.68 และ 131.38 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.14 และ 0.94 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ตามลำดับ จากราคาน้ำมันตลาดโลกที่ปรับสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ราคาขายปลีกน้ำมันเบนซิน91 อยู่ที่ระดับ 42.04 บาทต่อลิตร น้ำมันแก๊สโซฮอล 95 อยู่ที่ระดับ 37.34 บาทต่อลิตร ส่วนราคาน้ำมันดีเซลหมุนเร็วธรรมดา ผู้ค้าน้ำมันคงราคาขายปลีกอยู่ที่ระดับ 29.99 บาทต่อลิตร จากต้นทุนราคาน้ำมันที่สูงขึ้นทำให้ค่าการตลาดน้ำมันดีเซลหมุนเร็วธรรมดาลดลงอยู่ที่ 0.9482 บาทต่อลิตร และค่าการตลาดเฉลี่ย 5 วัน อยู่ที่ 1.0435 บาทต่อลิตร ซึ่งอาจทำให้ผู้ค้าน้ำมันปรับราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลหมุนเร็วขึ้นอีก ส่งผลให้ราคาขายปลีกเกิน 30.00 บาทต่อลิตร
4. จากต้นทุนราคาน้ำมันที่สูงขึ้น เพื่อชะลอการปรับขึ้นราคาน้ำมันดีเซลของผู้ค้าน้ำมันไม่ให้สูงเกิน 30 บาทต่อลิตร ฝ่ายเลขานุการฯ ขอเสนอปรับเพิ่มอัตราเงินชดเชยจากกองทุนน้ำมันฯ สำหรับน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว ขึ้น 0.35 บาทต่อลิตร ทำให้ค่าการตลาดอยู่ที่ 1.2982 บาทต่อลิตร และค่าการตลาดเฉลี่ย 5 วัน อยู่ที่ 1.0342 บาทต่อลิตร ส่งผลให้สภาพคล่องกองทุนน้ำมันฯ จากติดลบ 302 ล้านบาทต่อวัน ก่อนปรับเงินชดเชย ณ วันที่ 8 มีนาคม 2554 เป็นติดลบ 320 ล้านบาทต่อวัน หลังปรับเงินชดเชย
มติของที่ประชุม
เห็นชอบให้คงอัตราเงินชดเชยจากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับน้ำมันดีเซลหมุนเร็วธรรมดาที่ 5.00 บาทต่อลิตร