ปัจจุบันแม้ว่าราคาน้ำมันเชื้อเพลิงในตลาดโลกมีแนวโน้มปรับตัวลดลงแต่ยังคงมีความผันผวนและทรงตัวในระดับสูง เนื่องจากสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครนที่ยังระอุ และยืดเยื้อมาจนถึงขณะนี้ ทั้งนี้ ปัจจัยที่ขับเคลื่อนราคาน้ำมัน คือ การเปลี่ยนแปลงของราคาน้ำมันดิบและน้ำมันสำเร็จรูป (อาทิ น้ำมันเบนซินและน้ำมันดีเซล) ที่ผลิตจากโรงกลั่น ผันผวนไปตามราคาน้ำมันในตลาดโลก และการแข่งขันระหว่างสถานีบริการต่างๆ

             วันนี้ สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) กระทรวงพลังงาน จะมาอธิบายให้ฟังว่าโครงสร้างราคาน้ำมันในประเทศไทยใน 1 ลิตร จะประกอบอะไรบ้าง เรามาดูกันเลย

                          1. ต้นทุนเนื้อน้ำมัน ประมาณ 40-60% ของราคาขายปลีก ซึ่งต้นทุนส่วนนี้ มาจากราคาน้ำมันสำเร็จรูปที่ผลิตจากโรงกลั่น ซึ่งอ้างอิงราคาตามตลาดกลางภูมิภาคเอเชีย

                          2. ค่าภาษีต่างๆ ประมาณ 30-40% ของราคาขายปลีก ประกอบไปด้วย ภาษีสรรพสามิต ภาษีเทศบาล และภาษีมูลค่าเพิ่ม

                          3. เงินเก็บเข้ากองทุนต่างๆ ประมาณ 5-20% ของราคาขายปลีก ได้แก่ กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง และ กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน

                          4.ค่าการตลาด ประมาณ 10–18% ของราคาขายปลีก ส่วนนี้หมายถึง ต้นทุน ค่าใช้จ่าย และกำไรของธุรกิจค้าปลีกน้ำมันทั้งระบบ ตั้งแต่การจัดการคลังน้ำมัน การขนส่งน้ำมันมายังสถานีบริการ รวมถึงการให้บริการของสถานีบริการที่เติมน้ำมันแต่ละลิตรให้กับประชาชน

             นอกจากนี้ โครงสร้างราคาน้ำมันประเภทต่าง ๆ ยังมีความแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับนโยบายของภาครัฐ สภาพวะทางเศรษฐกิจ รวมถึงสถานการณ์ราคาน้ำมันตลาดโลกในแต่ละช่วงเวลาอีกด้วย ซึ่งกระทรวงพลังงานยังคงติดตามสถานการณ์ราคาน้ำมันตลาดโลกอย่างใกล้ชิด เพื่อให้ราคาน้ำมันสะท้อนกับสถานการณ์ปัจจุบันและเป็นธรรมกับทุกภาคส่วน และพร้อมออกมาตรการบริหารจัดการพลังงานในสถานการณ์วิกฤตราคาพลังงาน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน และสร้างความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศในระยะยาวต่อไป

***************************