programmer_ener
อนุ กอ. ครั้งที่ 24 - วันศุกร์ที่ 17 ธันวาคม 2553
มติคณะอนุกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน
ครั้งที่ 7/2553 (ครั้งที่ 24)
วันศุกร์ที่ 17 ธันวาคม 2553 เวลา 09.00 น.
ณ ห้องประชุมบุญรอด-นิธิพัฒน์ ชั้น 11 อาคาร 7 กระทรวงพลังงาน
1. รายงานฐานะการเงินกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน สิ้นสุด ณ วันที่ 30 พฤศจิกายน 2553
2. ประมาณการกระแสเงินสดของกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ในปี 2554-2557
3. รายงานการดำเนินงานด้านอนุรักษ์พลังงานและการส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทนของกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ปีงบประมาณ 2553
4. รายงานการตรวจสอบประเมินผลกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน
5. บทบาทคณะกรรมการกองทุนหมุนเวียนตามตัวชี้วัดภาคบังคับของกรมบัญชีกลาง
6. รายงานผลการประเมินโครงการศึกษาความเป็นไปได้ของการปลูกพืชน้ำมัน และพัฒนารูปแบบการผลิตพลังงานจากพืชแบบครบวงจร ในพื้นที่ตัวอย่างเขตภาคเหนือ ระยะที่ 1 (ปี 2548-2553)
7. งบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2554 ของกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน
8. การขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการที่คณะกรรมการกองทุนฯ อนุมัติไว้แล้ว
นายวรรณรัตน์ ชาญนุกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ประธานอนุกรรมการ
นายวีระพล จิรประดิษฐกุล ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน อนุกรรมการและเลขานุการ
เรื่องที่ 1 รายงานฐานะการเงินกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน สิ้นสุด ณ วันที่ 30 พฤศจิกายน 2553
เลขานุการฯ ได้รายงานฐานะเงินกองทุนฯ ณ วันที่ 30 พฤศจิกายน 2553 ให้ที่ประชุมทราบ ดังนี้
หน่วย : ล้านบาท | |
ยอดยกมาณ วันที่ 1 ตุลาคม 2553 | 16,385.31 |
บวก รายรับ | 1,232.38 |
รวม | 17,617.69 |
หัก รายจ่าย | 901.63 |
คงเหลือ ณ วันที่ 30 พฤศจิกายน 2553 | 16,716.06 |
ข้อสังเกต/ข้อเสนอแนะของที่ประชุม
ผู้แทนกรมบัญชีกลาง เห็นว่าปัจจุบันฐานะเงินกองทุนฯ ไม่ค่อยมีการเปลี่ยนแปลงมากนัก จึงเห็นควรให้มีการจัดแบ่งสัดส่วนของเงินกองทุนฯ ออกเป็นส่วนที่จะใช้จ่ายตามแผนประมาณการในปีงบประมาณ และส่วนที่ยังไม่มีแผนการใช้จ่าย เพื่อจะได้นำจำนวนเงินในส่วนที่ยังไม่มีแผนการใช้จ่ายไปแยกบัญชีและประเภทเงินฝากเป็นเงินฝากประจำตามระยะเวลาในธนาคารของรัฐ ทั้งนี้เพื่อให้กองทุนฯ ได้รับผลตอบแทนที่เพิ่มมากขึ้น ซึ่งประธานอนุกรรมการฯ ได้มอบหมายให้ฝ่ายเลขานุการฯ นำข้อเสนอแนะดังกล่าวไปพิจารณาและดำเนินการต่อไป โดยให้ดำเนินการไปตามที่ระเบียบกองทุนฯ กำหนดไว้
มติที่ประชุม
รับทราบรายงานฐานะการเงินกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน สิ้นสุด ณ วันที่ 30 พฤศจิกายน 2553 ตามที่ฝ่ายเลขานุการฯ เสนอ และให้ฝ่ายเลขานุการฯ นำข้อเสนอแนะของผู้แทนกรมบัญชีกลาง ไปพิจารณาและดำเนินการต่อไปด้วย
เรื่องที่ 2 ประมาณการกระแสเงินสดของกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ในปี 2554-2557
1. กพช. ในการประชุมเมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2552 ได้มีมติให้ยกเลิกการจัดเก็บเงินส่งเข้ากองทุนอนุรักษ์ฯ ในส่วนที่เก็บเพื่อส่งเสริมโครงการลงทุนพัฒนาระบบการขนส่งของทั้งน้ำมันเบนซินและน้ำมันดีเซล ที่จัดเก็บในอัตรา 0.50 บาท/ลิตร และให้โอนเงินที่ได้จัดเก็บไว้แล้ว มาสบทบกับเงินสำหรับส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน และลดอัตราจัดเก็บเงินกองทุนอนุรักษ์ฯ ของน้ำมันดีเซลสำหรับส่งเสริมอนุรักษ์พลังงาน จากที่เก็บอยู่ 0.25 บาท/ลิตร เหลือ 0.05 บาท/ลิตร เป็นระยะเวลา 1 ปี และได้กลับมาจัดเก็บในอัตราเดิม คือ 0.25 บาท/ลิตร ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2553
2. รายได้ที่จัดเก็บเงินเข้ากองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานสำหรับ "โครงการลงทุนพัฒนาระบบการขนส่ง" ตั้งแต่วันที่ 11 มกราคม 2551 - 1 ตุลาคม 2552 รวมทั้งสิ้น 8,151.37 ล้านบาท โดยปัจจุบันได้โอนเงินดังกล่าวเข้าสมทบกับเงินกองทุนอนุรักษ์ฯ ทั้งนี้ฐานะเงินกองทุนฯ ณ วันที่ 30 กันยายน 2553 มีจำนวนทั้งสิ้น 16,385 ล้านบาท
3. ฝ่ายเลขานุการฯ ได้จัดทำประมาณการกระแสเงินสดของกองทุนฯ ณ 30 กันยายน 2553 สรุปได้ดังนี้
ปีงบประมาณ | 2554 | 2555 | 2556 | 2557 | รวมช่วงปี54-57 |
1.เงินคงเหลือณวันที่ 30 กันยายน 2553 | 16,385 | 16,385 | |||
2.ยอดยกมาต้นปีงบประมาณ | 17,536 | 22,272 | 29,666 | ||
3.รายรับประกอบด้วย | |||||
3.1 ประมาณรายรับจากผู้ผลิต/ผู้นำเข้าน้ำมัน | 7,083 | 7,214 | 7,379 | 7,453 | 29,129 |
3.2 เงินทุนหมุนเวียนรอรับคืนจากพพ. | 968 | 862 | 671 | 710 | 3,210 |
3.3 เงินทุนหมุนเวียนรอรับคืนจากปตท. | 211 | 212 | 204 | 135 | 762 |
3.4 เงินทุนหมุนเวียนรอรับคืนจากกฟผ. | 550 | - | - | 400 | 950 |
รวมรับ | 8,812 | 8,288 | 8,254 | 8,698 | 34,051 |
4.รายจ่ายประกอบด้วย | |||||
4.1 รายจ่ายผูกพันปี 2538-2547 | 274 | 132 | 21 | - | 426 |
4.2 รายจ่ายผูกพันปี 2548-2552 | 4,701 | 3,420 | 838 | 766 | 9,726 |
4.3 รายจ่ายผูกพันปี 2553 (สนพ.) | 1,281 | 1,281 | |||
4.4 รายจ่ายผูกพันปี 2553 (พพ.) | 1,406 | 1,406 | |||
รวมจ่าย | 7,661 | 3,552 | 860 | 766 | 12,839 |
5.เงินคงเหลือปลายปี (1+2+3-4) ยกไป | 17,536 | 22,272 | 29,666 | 37,598 | 37,598 |
ประมาณการรายได้/รายจ่ายสุทธิ (3-4) | 1,151 | 4,736 | 7,394 | 7,932 | 21,213 |
มติที่ประชุม
รับทราบ ประมาณการกระแสเงินสดของกองทุนฯ ในปี 2554-2557 ตามที่ฝ่ายเลขานุการฯ เสนอ
เรื่องที่ 3 รายงานการดำเนินงานด้านอนุรักษ์พลังงานและการส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทนของกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ปีงบประมาณ 2553
1. คณะกรรมการกองทุนฯ ในการประชุมเมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2553 ได้อนุมัติจัดสรรเงินกองทุนฯ เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการตามแผนอนุรักษ์พลังงาน ปีงบประมาณ 2553 ให้กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) ในวงเงิน 1,823,952,000 บาท และสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) ในวงเงิน 1,379,613,752 บาท รวมเป็นเงิน 3,203,565,752 บาท โดยแยกเป็นแผนพลังงานทดแทน ในวงเงิน 1,039,305,450 บาท แผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน ในวงเงิน 2,034,859,090 บาท และแผนงานบริหารทางกลยุทธ์ ในวงเงิน 129,401,212 บาท
2. พพ. และ สนพ. ได้ดำเนินโครงการภายใต้แผนพลังงานทดแทน และแผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานตามที่ได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการกองทุนไว้แล้ว โดยมีการผูกพันงบประมาณ เป็นเงิน 2,931,520,752 บาท คิดเป็นร้อยละ 91.51 ของงบประมาณรวม และมีการเบิกจ่ายเงินคิดเป็นร้อยละ 21 ของงบประมาณที่ผูกพัน ดังนี้
2.1 การดำเนินโครงการภายใต้แผนพลังงานทดแทน ได้มีการใช้จ่ายเงินกองทุนฯ และผูกพันงบประมาณ เป็นเงิน 979.95 ล้านบาท
2.2 การดำเนินโครงการภายใต้แผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน ได้มีใช้จ่ายเงินกองทุนฯ และผูกพันงบประมาณ เป็นเงิน 1,822.17 ล้านบาท
2.3 การดำเนินงานภายใต้แผนงานบริหารทางกลยุทธ์ ได้มีการใช้จ่ายเงินกองทุนฯ และผูกพันงบประมาณ เป็นเงิน 129.40 ล้านบาท
ข้อสังเกต/ข้อเสนอแนะของที่ประชุม
ประธานอนุกรรมการฯ ได้สอบถามถึงจำนวนเงินที่ไม่ได้ผูกพันไว้ ประมาณ 8-9 % เกี่ยวกับเรื่องใด ซึ่งฝ่ายเลขานุการฯ ได้เรียนที่ประชุมทราบว่า เป็นเงินคงเหลือจากการดำเนินโครงการต่างๆ เช่น โครงการสนับสนุนทุนการศึกษา โครงการสนับสนุนการศึกษา วิจัย พัฒนาเทคโนโลยีพลังงานทดแทน โครงการส่งเสริมและวัสดุอุกรณ์เพื่อการอนุรักษ์พลังงาน โครงการส่งเสริมประสิทธิภาพการใช้พลังงานในอาคารภารรัฐ นอกจากนี้ปลัดกระทวงพลังงาน เห็นควรให้ฝ่ายเลขานุการฯ ปรับแก้ไขการรายงานการใช้จ่ายงบประมาณ จากเดิม "ผูกพันงบประมาณ..." เป็น "มีการใช้จ่ายเงินงบประมาณ เป็นจำนวน 2,931,520,752 บาท จากงบประมาณรวม 3,203,565,752 บาท"
มติที่ประชุม
รับทราบรายงานการดำเนินงานด้านอนุรักษ์พลังงานและส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทนของกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ปีงบประมาณ 2553 ตามที่ฝ่ายเลขานุการฯ เสนอ
เรื่องที่ 4 รายงานการตรวจสอบประเมินผลกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน
1. สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ได้จัดส่งเจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจสอบประเมินผลกองทุนฯ ระหว่างวันที่ 15 ตุลาคม 2551 - 31 กรกฎาคม 2552 เพื่อให้ทราบว่าการดำเนินงานของกองทุนฯ และโครงการที่ได้รับการสนับสนุนจากกองทุนฯ มีผลการดำเนินงานบรรลุตามวัตถุประสงค์และเป้าหมายหรือไม่การใช้จ่ายเงินของกองทุนฯ เป็นไปตามวัตถุประสงค์ ประหยัด และคุ้มค่าหรือไม่ อย่างไร โดยขอตรวจสอบตั้งแต่ปีงบประมาณ 2549-2551 และได้ขอความร่วมมือ สนพ. จัดเตรียมเอกสารและข้อมูลต่างๆ ที่เกี่ยวกับกองทุนฯ และสถานที่ให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานระหว่างการตรวจสอบ
2. สตง.ได้แจ้งผลและส่งรายงานการตรวจสอบประเมินผลกองทุนฯ ตั้งแต่ปีงบประมาณ 2549-2551 มายัง สนพ. เพื่อทราบและดำเนินการตามข้อเสนอแนะ ซึ่งสรุปสาระสำคัญได้ 2 ประเด็น ดังนี้
2.1 การใช้จ่ายเงินไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของกองทุนฯ โดยครอบคลุมการใช้จ่ายเงินเพื่อบริหารกองทุนฯ ทั้งในส่วนของ สนพ. และ พพ. ที่ไม่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานตามภารกิจหน้าที่ของกองทุนฯ ซึ่งกำหนดไว้ในวัตถุประสงค์ตาม พ.ร.บ. การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535
2.2 ผลการดำเนินงานโครงการที่ได้รับจัดสรรเงินจากกองทุนฯ ไม่บรรลุวัตถุประสงค์และไม่มีการใช้ประโยชน์ ซึ่ง สตง. ได้ตรวจสอบทั้งหมด 42 โครงการ ตามแผนพลังงานทดแทน และแผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน โดยมีผลการดำเนินงานโครงการไม่บรรลุวัตถุประสงค์ และไม่มีการใช้ประโยชน์จากโครงการ จำนวน 11 โครงการ (พพ. จำนวน 10 โครงการ และ สนพ. จำนวน 1 โครงการ)
3. สตง. เสนอแนะให้ฝ่ายเลขานุการฯ นำเสนอผลการตรวจสอบของ สตง. ให้ประธานกรรมการกองทุนฯ รับทราบและพิจารณา ดังต่อไปนี้
3.1 กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาจัดสรรเงินกองทุนฯ ในส่วนของงานบริหาร เพื่อให้การใช้จ่ายเงินกองทุนฯ เป็นไปตามวัตถุประสงค์และเกิดประสิทธิภาพสูงสุด
3.2 จัดให้มีการติดตามประเมินผลการใช้จ่ายเงินของกองทุนฯ ในส่วนของงานบริหารเพื่อให้การใช้จ่ายเงินกองทุนฯ เป็นไปตามวัตถุประสงค์และมีประสิทธิภาพ รวมทั้งทราบปัญหา อุปสรรค
3.3 ให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาของการดำเนินงานโครงการที่ได้รับการจัดสรรเงินจากกองทุนฯ โดยการพิจารณาดำเนินการตามรายงานประเมินผลและข้อเสนอแนะของคณะอนุกรรมการประเมินผลโครงการภายใต้แผนอนุรักษ์พลังงาน และแจ้งปัญหาในการดำเนินงานของทั้ง 11 โครงการ ตามผลการตรวจสอบให้ สนพ. และ พพ. ทราบและดำเนินการแก้ไข เพื่อให้การดำเนินงานโครงการมีประสิทธิภาพ ประสิทธิผลและยั่งยืน
3.4 กำหนดกฎระเบียบให้ สนพ. และ พพ. ซึ่งได้รับการจัดสรรเงินจากกองทุนฯ จัดส่งข้อมูล โครงการให้กองทุนฯ เพื่อให้คณะอนุกรรมการประเมินผลโครงการภายใต้แผนอนุรักษ์พลังงานใช้ในการติดตามประเมินผล
3.5 การพิจารณาจัดสรรเงินกองทุนฯ ให้กับโครงการที่มีลักษณะการส่งเสริมและสาธิตในอนาคตต้องกำหนดหลักเกณฑ์ให้มีการศึกษาความเป็นไปได้ก่อน เพื่อใช้เป็นข้อมูลสำหรับพิจารณาตัดสินใจให้การสนับสนุนเงินกองทุนฯ สำหรับการดำเนินงานโครงการต่อไป
4. ฝ่ายเลขานุการฯ ได้ดำเนินการจัดประชุมเจ้าหน้าที่ สนพ. และ พพ. เพื่อรับทราบผลการตวจสอบประเมินผลกองทุนฯ ของ สตง. และดำเนินการตามข้อเสนอแนะดังกล่าว มีข้อสรุปในเบื้องต้น ดังนี้
4.1 การใช้จ่ายเงินบริหารกองทุนที่ไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของกองทุนฯ นั้น พพ. และ สนพ. จะพึงระวัง และจะกำชับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องให้ถือปฏิบัติ หลีกเลี่ยงการดำเนินการที่เข้าข่ายลักษณะที่ สตง. ได้มีการทักท้วง
4.2 การดำเนินงานโครงการที่ได้รับจัดสรรเงินจากกองทุนฯ ไม่บรรลุวัตถุประสงค์และไม่มีการใช้ประโยชน์นั้น ในส่วนของ สนพ. ได้ดำเนินการตามข้อทักท้วงแล้ว สำหรับ พพ. ได้กำชับเจ้าหน้าที่ผู้เข้าร่วมประชุมให้รีบแจ้งข้อมูลการดำเนินงานตามข้อทักท้วงภายในวันที่ 15 มกราคม 2554 เพื่อจะได้เป็นข้อมูลสนับสนุนให้ฝ่ายเลขานุการฯ นำเสนอคณะกรรมการกองทุนฯ
5. สนพ. ได้มีหนังสือแจ้งไปยัง สตง. เพื่อทราบผลการดำเนินงานตามข้อเสนอแนะในเบื้องต้นแล้ว
ข้อสังเกต/ข้อเสนอแนะของที่ประชุม
1. ประธานอนุกรรมการฯ ได้ขอให้เลขานุการฯ ชี้แจงในรายละเอียดผลตรวจสอบของ สตง. ในแต่ประเด็นเพิ่มเติม ซึ่งเลขานุการฯ ได้รายงานให้ที่ประชุมทราบว่า ประเด็นการใช้จ่ายเงินไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของกองทุนฯ นั้น เป็นรายการค่าใช้จ่ายในส่วนของงานบริหารกองทุนฯ เช่น ค่าใช้จ่ายในการจัดสัมมนาและประชุม ค่าซ่อมแซมและบำรุงครุภัณฑ์สำนักงาน ค่าใช้จ่ายเดินทางไปราชการต่างประเทศ สำหรับประเด็นผลการดำเนินงานโครงการที่ได้รับจัดสรรเงินจากกองทุนฯ ไม่บรรลุวัตถุประสงค์และไม่มีการใช้ประโยชน์ อย่างเช่น โครงการส่งเสริมก๊าซชีวภาพในโรงงานอุตสาหกรรม โครงการพัฒนาระบบผลิตก๊าซชีวภาพจากขยะในระดับชุมชน เนื่องจากวัตถุประสงค์ของโครงการเพื่อเป็นการสาธิตและเผยแพร่เทคโนโลยี แต่ในระหว่างดำเนินโครงการ ได้มีการเผยแพร่ในรูปแบบเทคโนโลยีอื่น ซึ่งทำให้การเผยแพร่ของโครงการไม่ทันกับสถานการณ์และเทคโนโลยีที่เปลี่ยนไป
2. ปลัดกระทรวงพลังงาน เห็นว่า ตามหนังสือ สตง. มีข้อเสนอแนะให้ฝ่ายเลขานุการฯ นำเสนอผลการตรวจสอบของ สตง. ให้ประธานกรรมการกองทุนฯ รับทราบและพิจารณาดำเนินการใน 5 รายการนั้น จึงควรให้ฝ่ายเลขานุการฯ จัดเตรียมเอกสารชี้แจงการดำเนินงานตามข้อเสนอแนะของ สตง. ที่ได้ดำเนินการไปแล้วให้ชัดเจน เพื่อเสนอคณะกรรมการกองทุนฯ รับทราบต่อไป
3. ผู้แทนกรมบัญชีกลาง เห็นควรให้เพิ่มรายละเอียดของโครงการในเอกสารชี้แจงด้วย พร้อมทั้งแจ้งให้ที่ประชุมทราบว่า ปัจจุบัน สตง. ได้ให้ความสำคัญกับผลการประเมินเงินนอกงบประมาณมากขึ้น
มติที่ประชุม
รับทราบรายงานการตรวจสอบประเมินผลกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานของ สตง. ตามที่ฝ่ายเลขานุการฯ เสนอ และให้ฝ่ายเลขานุการฯ จัดทำเอกสารชี้แจงการดำเนินงานตามข้อเสนอแนะของ สตง. ที่ได้ดำเนินการไปแล้วให้ชัดเจน เพื่อเสนอคณะกรรมการกองทุนฯ รับทราบต่อไป
เรื่องที่ 5 บทบาทคณะกรรมการกองทุนหมุนเวียนตามตัวชี้วัดภาคบังคับของกรมบัญชีกลาง
1. คณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2546 มีมติอนุมัติให้หน่วยงานต่างๆ ที่มีเงินนอกงบประมาณ ถือปฏิบัติตามมาตรการกำกับดูแลเงินนอกงบประมาณ ที่กระทรวงการคลังเสนออย่างเคร่งครัด โดยให้กระทรวงการคลังร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติติดตามผลการดำเนินการ และกรมบัญชีกลางเริ่มใช้ระบบประเมินผลทุนหมุนเวียน ตั้งแต่ปีบัญชี 2547 ซึ่งกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานเป็นทุนหมุนเวียนที่เข้าสู่ระบบประเมินผลการดำเนินงาน ตั้งแต่ปีบัญชี 2549
2. ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 กรมบัญชีกลางได้กำหนดตัวชี้วัดภาคบังคับ "บทบาทคณะกรรมการทุนหมุนเวียน" ซึ่งเป็นตัวชี้วัดที่ทุกทุนหมุนเวียนในความรับผิดชอบของกรมบัญชีกลางจะต้องปฏิบัติตาม โดยมีความมุ่งหวังเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการกำกับดูแลของคณะกรรมการทุนหมุนเวียน โดยจะประเมินจาก 4 ประเด็นหลักที่สำคัญ ดังนี้
2.1 การจัดให้มีทิศทาง แผนยุทธศาสตร์ และแผนปฏิบัติการประจำปี โดยพิจารณาจากคณะกรรมการทุนหมุนเวียนกำหนดทิศทาง ยุทธศาสตร์ และจัดให้มีแผนยุทธศาสตร์หรือแผนระยะยาว และแผนปฏิบัติการประจำปี ที่มีองค์ประกอบครบถ้วน มีคุณภาพ และสอดคล้องกับวัตถุประสงค์จัดตั้ง รวมถึงพันธกิจของทุนหมุนเวียน
2.2 การติดตามระบบการบริหารจัดการและผลการปฏิบัติงานตามภารกิจของทุนหมุนเวียน โดยพิจารณาจากคณะกรรมการทุนหมุนเวียนมีการติดตามผลการปฏิบัติงานตามพันธกิจและระบบบริหารจัดการที่สำคัญ ได้แก่ ระบบการควบคุมภายใน ระบบการตรวจสอบภายใน ระบบการบริหารความเสี่ยง ระบบบริหารจัดการสารสนเทศ และระบบบริหารทรัพยากรบุคคลของทุนหมุนเวียนอย่างครบถ้วน เพียงพอ และสม่ำเสมอทั้งปี
2.3 การจัดให้มีระบบประเมินผลผู้บริหารทุนหมุนเวียน โดยพิจารณาจากการประเมินผลผู้บริหารระดับสูงที่เป็นระบบ โดยมีหลักเกณฑ์ชัดเจนสอดคล้องและเชื่อมโยงกับหลักเกณฑ์ และเป้าหมายระดับองค์กร
2.4 การเปิดเผยข้อมูลข่าวสารแก่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย โดยพิจารณาจากการเปิดเผยข้อมูลสารสนเทศที่ครบถ้วน ถูกต้อง เชื่อถือได้ ทันกาล
3. การกำหนดเกณฑ์การประเมินผลการดำเนินงานของกองทุนฯ ประจำปีบัญชี 2554 นั้น ฝ่ายเลขานุการฯ กำลังดำเนินการเจรจาต่อรองระหว่างผู้ถูกประเมิน คือ กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน (สนพ. และ พพ.) กับผู้ประเมิน คือ กรมบัญชีกลางและทริส เพื่อให้ได้ตัวชี้วัดที่เหมาะสมกับการดำเนินงานของกองทุนฯ มากที่สุด ซึ่งคาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จกลางเดือนมกราคม 2554
มติที่ประชุม
รับทราบบทบาทคณะกรรมการทุนหมุนเวียนตามตัวชี้วัดภาคบังคับของกรมบัญชีกลาง ตามที่ฝ่ายเลขานุการฯ เสนอ
1. คณะอนุกรรมการกองทุนฯ ในการประชุมเมื่อวันที่ 25 มกราคม 2553 ได้มีมติให้ สนพ. ประเมินโครงการศึกษาความเป็นไปได้ของการปลูกพืชน้ำมัน และพัฒนารูปแบบการผลิตพลังงานจากพืชแบบครบวงจร ในพื้นที่ตัวอย่างเขตภาคเหนือ ระยะที่ 1 (ปี 2548-2553) เพื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบในการพิจารณาอนุมัติเงินสนับสนุนโครงการในระยะต่อไป และ สนพ. ได้มอบหมายให้ บริษัท เอเบิล คอนซัลแตนท์ จำกัด ดำเนินการประเมินผลโครงการดังกล่าว และเสนอผลประเมินให้คณะอนุกรรมการประเมินผลฯ พิจารณาให้ความเห็นชอบ พร้อมให้ข้อสังเกตและข้อเสนอแนะในการประชุมเมื่อวันที่ 15 กันยายน 2553
2. โครงการศึกษาความเป็นไปได้ของการปลูกพืชน้ำมัน และพัฒนารูปแบบการผลิตพลังงานจากพืชแบบครบวงจร ในพื้นที่ตัวอย่างเขตภาคเหนือ ระยะที่ 1 (ปี 2548-2553) เป็นโครงการภายใต้แผนงานบริหารทางกลยุทธ์ งานศึกษาเชิงนโยบายและวิชาการ กำกับดูแลโดย สนพ. ดำเนินการโดยคณะเกษตรศาสตร์และคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ งบประมาณ 49.96 ล้านบาท ระยะเวลาโครงการ 5 ปี (มิถุนายน 2548 - มิถุนายน 2553)
3. ผลการประเมินในภาพรวมของโครงการอยู่ในระดับพอใช้ (ได้คะแนน 2.18 จากคะแนนเต็ม 5) โดยมีผลประเมินในแต่ละประเด็น ดังนี้
3.1 บริบท (น้ำหนักร้อยละ 10) มีผลประเมินอยู่ในระดับพอใช้ (คะแนนเฉลี่ย 2.50) เนื่องจากมีหัวข้อโครงการน่าสนใจสอดคล้องกับนโยบายการพัฒนาพลังงานทดแทน และได้รับการสนับสนุนอย่างดีจากผู้ที่เกี่ยวข้องและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย แต่การกำหนดประเภทของพืชน้ำมันที่ศึกษาไม่เหมาะสม เพราะศักยภาพ/ปัญหาอุปสรรคในการพัฒนาและส่งเสริมปาล์มน้ำมันและสบู่ดำแตกต่างกันมาก การศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการไม่รัดกุมและไม่ครอบคลุมประเด็นที่เกี่ยวข้องอย่างครบถ้วน มีการกำหนดขอบเขตงานของโครงการกว้างเกินไป ทำให้ไม่สามารถระบุประเด็นสำคัญที่ต้องการมุ่งเน้นได้อย่างชัดเจน
3.2 ปัจจัยที่ใช้ (น้ำหนักร้อยละ 10) มีผลประเมินอยู่ในระดับพอใช้ (คะแนนเฉลี่ย 2.50) กล่าวคือ หน่วยงานและบุคลากรผู้ดำเนินโครงการมีคุณสมบัติเหมาะสม และสอดคล้องกับการดำเนินงานภายใต้โครงการ มีการเตรียมพื้นที่ศึกษาสำหรับการทดลองเพาะปลูกในหลายๆ สภาวะ และมีความพร้อมด้านอุปกรณ์/เครื่องมือที่เกี่ยวข้องกับงานวิจัยเป็นอย่างดี แต่งบประมาณโครงการสูงเกินไป ไม่สอดคล้องกับปริมาณงานภายใต้โครงการ
3.3 วิธีการดำเนินการ (น้ำหนักร้อยละ 30) มีผลประเมินอยู่ในระดับพอใช้ (คะแนนเฉลี่ย 2.52) โดยมีการวางแผนดำเนินงานในภาพรวมเหมาะสมดี และมีการมอบหมายงานสอดคล้องกับบุคลากร แต่วิธีการทดลองด้านเกษตรกรรมยังมีข้อบกพร่อง ไม่สามารถปฏิบัติได้จริง การกำหนดระยะเวลาโครงการไม่เหมาะสม และไม่พบว่ามีการจัดทำระบบติดตามประเมินผลภายใต้โครงการอย่างชัดเจน
3.4 ผลผลิต (น้ำหนักร้อยละ 30) มีผลประเมินอยู่ในระดับพอใช้ (คะแนนเฉลี่ย 1.81) เนื่องจากการกำหนดสายพันธุ์ปาล์มน้ำมันและสบู่ดำที่เหมาะสมในชุมชนภาคเหนือและการพัฒนาออกแบบเครื่องจักรสกัดและแปรรูปน้ำมันเป็นองค์ความรู้ทั่วไปที่มีอยู่แล้ว มิใช่เกิดจากการวิจัยภายใต้โครงการ ดังนั้น จึงอาจนำข้อมูลที่มีอยู่แล้วในแหล่งอื่นมาใช้ศึกษาต่อยอดแทนได้ เพื่อลดความสิ้นเปลืองงบประมาณและระยะเวลาในการวิจัย ส่วนศูนย์ข้อมูลเพื่อบริการความรู้และคำแนะนำ และศูนย์เรียนรู้ชุมชนที่แม้จะสามารถจัดตั้งได้ตามเป้าหมายของโครงการ แต่ก็ยังไม่มีข้อมูลเพียงพอที่จะนำไปใช้ประกอบการดำเนินการได้อย่างเต็มรูปแบบ มีการรวบรวมและจัดทำฐานข้อมูล (Process-based) ของปาล์มน้ำมันและสบู่ดำที่ครบถ้วนเพียงพอสำหรับนำไปเผยแพร่ให้ความรู้แก่ประชาชนได้เป็นอย่างดี แต่ไม่มีฐานข้อมูลความต้องการใช้ประโยชน์และข้อมูลการตลาด ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญในการประชาสัมพันธ์ให้ตัดสินใจลงทุน
3.5 การนำไปใช้ (น้ำหนักร้อยละ 20)
ผลกระทบ (น้ำหนักร้อยละ 10) มีผลประเมินอยู่ในระดับต้องปรับปรุง (คะแนนเฉลี่ย 1.33) โดยหากพิจารณาใน 4 ปีแรกที่ดำเนินการภายใต้โครงการนี้ การปลูกปาล์มน้ำมันเพื่อผลิตพลังงานยังไม่คุ้มทุน ส่วนสบู่ดำค่อนข้างชัดเจนแล้วว่าไม่คุ้มค่าทางเศรษฐศาสตร์ โอกาสการขยายพื้นที่ปลูกปาล์มในภาคเหนือ โดยเกษตรกรรายย่อยทั่วไปมีความเป็นไปได้ยาก ยกเว้นจะได้รับการสนับสนุนทางการเงินอย่างมีนัยสำคัญจากภาครัฐ ในช่วงปีแรกๆ ของการปลูก แต่จะมีโอกาสในความสำเร็จสูงหากเป็นเกษตรกรรายใหญ่ ที่มีความแข็งแกร่งในเรื่องเงินทุน ผลผลิตของโครงการยังไม่สามารถเชื่อมโยงและสร้างผลกระทบต่อเสถียรภาพและความมั่นคงด้านพลังงาน/พลังงานทดแทนของประเทศได้อย่างชัดเจน มีการทำลายพื้นที่ป่าธรรมชาติเพื่อปรับสภาพเป็นพื้นที่แปลงวิจัย รวมถึงไม่มีการวิเคราะห์ผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมที่เกิดจากการตกค้างของสารเคมีที่ใช้ในการเพาะปลูก และแนวทางการเพาะปลูกที่ไม่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
ความยั่งยืน (น้ำหนักร้อยละ 10) มีผลประเมินอยู่ในระดับพอใช้ (คะแนนเฉลี่ย 2.50) โดยมีการจัดกิจกรรมเผยแพร่ประชาสัมพันธ์โครงการในหลายๆ รูปแบบ และมีประชาชนเข้าร่วมจำนวนมาก มีการเสนอให้เก็บข้อมูลผลผลิตและพัฒนาปรับปรุงพันธุ์ปาล์มน้ำมันและสบู่ดำต่อเนื่อง ทั้งๆ ที่ผลการศึกษาชัดเจนว่าไม่คุ้มทุน และให้ขยายพื้นที่ปลูกไปยังจังหวัดอื่น ขาดรายละเอียดและความชัดเจนเกี่ยวกับแนวทาง การดูแลบำรุงรักษาและการใช้ประโยชน์ผลผลิตปาล์มน้ำมัน/สบู่ดำปริมาณมาก รวมถึงโรงงานสกัดและแปรรูปน้ำมันที่ได้ดำเนินการไว้แล้ว
4. ข้อสังเกตจากการประเมินผลโครงการ มีดังนี้
4.1 วัตถุประสงค์และขอบเขตของโครงการนี้กว้างเกินไป กล่าวคือ ครอบคลุมตั้งแต่การศึกษาวิจัย การคัดเลือกพันธุ์ การปลูกปาล์มและสบู่ดำ การสกัดและบีบน้ำมันปาล์มและสบู่ดำ การศึกษาด้านเศรษฐกิจ สังคมและสิ่งแวดล้อม การจัดตั้งและดำเนินงานศูนย์การเรียนรู้ชุมชน การจัดทำแบบจำลอง Process Based ของปาล์มน้ำมันและสบู่ดำ การผลิตไบโอดีเซล การดำเนินงานมีความซับซ้อน ทำให้ดำเนินการและบริหารโครงการลำบาก รวมถึงการประเมินก็ทำได้ยากเช่นกัน
4.2 โครงการนี้ขาดการทบทวน (Review) สถานภาพของการศึกษาวิจัยที่มีผู้ทำไว้เดิม และผู้ปลูกรายเดิมในเขตภาคเหนืออย่างพอเพียง ทั้งทางด้านการคัดแยกพันธุ์ การปลูกทดลอง รวมถึงเครื่องสกัดน้ำมันปาล์มและหีบน้ำมันสบู่ดำ
4.3 ระยะเวลาดำเนินโครงการ 5 ปี ยาวนานเกินไป ประกอบกับมีนักวิจัยรายอื่นที่ทำวิจัยเรื่องที่ซ้ำซ้อนกับโครงการนี้ ในช่วงเวลาเดียวกันหรือก่อนหน้านี้ ซึ่งถ้าหากผู้ทำโครงการนำเอาผลการวิจัยของเก่ามาใช้หรือพัฒนาต่อยอดจะทำให้เสียเวลาและค่าใช้จ่ายน้อยลง
4.4 โครงการนี้เลือกศึกษาปาล์มน้ำมันและสบู่ดำ ซึ่งไม่เหมาะสม เนื่องจากศักยภาพและปัญหาอุปสรรคในการพัฒนาส่งเสริมพืชทั้ง 2 ชนิด มีความแตกต่างกันอย่างมาก โดยปาล์มน้ำมันมีศักยภาพค่อนข้างสูง ส่วนสบู่ดำมีศักยภาพในการพัฒนาเป็นพืชเศรษฐกิจต่ำกว่ากันมาก ดังนั้นประเด็นการศึกษาและแนวทางในการส่งเสริมจึงแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง การนำมาศึกษาภายใต้โครงการเดียวกันโดยไม่มีจุดร่วมที่เหมือนกัน ทำให้ออกแบบการศึกษาวิจัยได้ลำบาก และจะเสียค่าใช้จ่ายมาก
4.5 มีผลการศึกษาจากหลายแหล่งระบุชัดเจนแล้วว่าสบู่ดำเป็นพืชที่มีศักยภาพในการพัฒนาเป็นพืชเศรษฐกิจต่ำ ผลผลิตต่อไร่ต่ำ จึงไม่เหมาะสมที่จะนำมาศึกษาวิจัยในเชิงพาณิชย์เพราะจะสิ้นเปลืองงบประมาณและเวลา
4.6 การนำเสนอข้อมูลต่างๆ ในรายงาน รวมถึงในเอกสารเผยแพร่ประชาสัมพันธ์มีความคลาดเคลื่อนและผิดพลาดหลายแห่ง รวมถึงไม่มีการอ้างอิงที่ชัดเจน และน่าเชื่อถือเพียงพอ รายงานผลการศึกษาบางส่วนขาดความครบถ้วนสมบูรณ์
4.7 ผลการดำเนินงานโครงการที่ได้อาจยังไม่ครบถ้วนตามข้อตกลง เช่น ในข้อเสนอโครงการระบุว่าจะทดลองปลูกปาล์มน้ำมันและสบู่ดำในพื้นที่ของเกษตรกร 3 พื้นที่ ได้แก่ เชียงใหม่ เชียงราย และลำพูน แต่ในรายงานไม่มีผลการทดลองปลูกในจังหวัดเชียงราย เช่นเดียวกับเครื่องสกัดน้ำมันปาล์มที่บอกว่าจะวิจัยออกแบบสร้างเป็นนวัตกรรมใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ คุ้มค่าทางด้านเศรษฐศาสตร์ ในรายงานไม่ได้นำเสนอหลักวิธีการออกแบบ มิติ ขนาด ประสิทธิภาพของแต่ละส่วน ไม่ได้มีการเดินเครื่องทดสอบ เก็บ และวิเคราะห์ข้อมูลว่าได้ผลตามอ้างหรือไม่ อย่างไร
4.8 การทดลองเรื่องการให้น้ำและปุ๋ยในส่วนของการปลูกปาล์มและสบู่ดำ มีข้อมูลดิบเป็นจำนวนมาก แต่ไม่สามารถสรุปได้ชัดเจนว่าสภาวะใดที่มีความเหมาะสมสูงสุด เพราะไม่มีความแตกต่างทางสถิติอย่างชัดเจน เห็นได้จากกราฟแสดงการเจริญเติบโต และการให้ผลผลิตของปาล์มน้ำมันและสบู่ดำ เมื่อให้น้ำและปุ๋ยต่างๆ กัน ซึ่งเส้นกราฟแทบจะไม่มีความแตกต่างกัน คาดว่าน่าจะเกิดจากการกำหนดวิธีการหรือตัวแปรในการทดลองที่ไม่เหมาะสม เช่น กำหนดปริมาณน้ำที่ให้แก่ปาล์มน้อยเกินไป (น้อยกว่าความต้องการของปาล์ม) จึงไม่เห็นผลที่แตกต่างกัน เป็นต้น
4.9 การกำหนดวิธีการหรือตัวแปรในการทดลองเกี่ยวกับการให้น้ำพืชยังไม่เหมาะสมเท่าที่ควร โดยมีข้อบกพร่อง เช่น กำหนดการให้น้ำโดยระบุเป็นปริมาตรของน้ำในช่วงระยะเวลาหนึ่ง แต่ไม่ได้เทียบเป็นปริมาณน้ำฝนในหน่วยมิลลิเมตรต่อปี ไม่มีการเก็บข้อมูลด้านอุตุนิยมวิทยา ซึ่งเป็นข้อมูลสำคัญสำหรับการวิเคราะห์และสรุปผลการทดลองอย่างต่อเนื่องให้ครบถ้วนตลอดระยะเวลาการทดลอง เช่น กระแสลม ความชื้นในอากาศ ความชื้นในดิน ความเข้มของแสงแดด เป็นต้น และไม่มีการบันทึกผลการตอบสนอง ของปากใบของพืชว่าในช่วงการให้น้ำปากใบเปิดหรือปิด เป็นต้น
4.10 โรงงานปาล์มน้ำมันที่ประสบความสำเร็จ ส่วนใหญ่จะตั้งอยู่ใกล้กับชุมชนผู้ปลูกปาล์ม
4.11 โรงงานขนาดเล็กมักจะมีต้นทุนสูงกว่าโรงงานขนาดใหญ่ โดยเฉพาะในกรณีนี้ที่ประสิทธิภาพการสกัดน้ำมันไม่ได้มีการพิสูจน์อย่างถูกต้อง ครบถ้วนสมบูรณ์ตามหลักวิชาการ ประสิทธิภาพน่าจะต่ำกว่าโรงงานขนาดใหญ่ ซึ่งจะทำให้ไม่สามารถแข่งขันได้ ประกอบกับเกษตรกรมีอิสระที่จะนำผลผลิตไปขายแก่โรงงานที่ให้ราคารับซื้อที่สูงกว่า ซึ่งมักจะเป็นโรงงานขนาดใหญ่แม้จะอยู่ไกลจากแหล่งเพาะปลูก ประการนี้อาจส่งผลทางด้านการขาดแคลนวัตถุดิบสำหรับโรงงานขนาดเล็ก ซึ่งจะทำให้โครงการนี้ไม่ยั่งยืน
4.12 การเพาะปลูกในพื้นที่ใหม่ๆ โดยเฉพาะเขตพื้นที่ที่มีความชื้นต่ำจะมีความเสี่ยงต่อผลผลิตที่จะลดลง เพราะการให้น้ำแก่ปาล์มที่โตเต็มที่และมีความสูงมากจะต้องสามารถควบคุมความชื้น ทั้งในดินและในอากาศ (เพราะน้ำจากในดินส่งไปไม่ถึงลำต้นส่วนบน) ปาล์มจึงจะให้ผลผลิตน้ำมันสูง
4.13 ไม่มีข้อมูลทางด้านการเกษตรและการตลาดที่ครบถ้วนเพียงพอที่จะสนับสนุนการคัดเลือกชนิดของพืชแซม เช่น ไม่ควรเลือกกระเจี๊ยบมาศึกษา เนื่องจากการเก็บเกี่ยวทำได้ยาก และตลาดที่มีความต้องการเพียงเล็กน้อย
4.14 หากผู้ดำเนินการขาดความเข้มแข็งทางด้านการเงิน การบริหารจัดการและเทคโนโลยี อาจทำให้การดำเนินงานไม่ประสบผลสำเร็จและไม่ยั่งยืน
4.15 โครงการนี้ไม่เป็นไปตามขั้นตอนของการพัฒนา คือ ส่งเสริมให้ขยายผลทั้งๆ ที่ผลการศึกษาด้านวิชาการยังไม่ได้รับการพิสูจน์ว่าดีพอ
4.16 รูปแบบของการบริหารจัดการปลูกพืชน้ำมันที่เหมาะสม ควรดำเนินการโดยภาคเอกชน ซึ่งมีความเข้มแข็งทางด้านเงินทุน ร่วมกับเกษตรกรแบบได้ประโยชน์ทั้ง 2 ฝ่าย โดยภาครัฐให้ความสนับสนุนด้านวิชาการ และช่วยแก้ปัญหาอุปสรรคต่างๆ ในการดำเนินงาน เช่น กฎระเบียบ นโยบายที่เกี่ยวข้อง เป็นต้น
5. ข้อเสนอแนะจากการประเมินผลโครงการ มีดังนี้
5.1 ผู้ดำเนินโครงการควรดำเนินการสรุปสถานภาพและสาระสำคัญ/องค์ความรู้ที่ได้ให้ชัดเจน ถูกต้องตามหลักวิชาการ และนำเสนอให้ครบถ้วนสมบูรณ์ตามข้อตกลงในสัญญาหรือข้อเสนอโครงการ พร้อมทั้งจัดทำแผนการดูแลบำรุงรักษาและการใช้ประโยชน์ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นภายใต้โครงการให้ชัดเจน โดยควรพิจารณานำภาคเอกชนเข้ามาดำเนินการหรือร่วมดำเนินการ เพื่อให้เกิดการใช้ประโยชน์อย่างคุ้มค่า และลดการสนับสนุนของภาครัฐ
5.2 เนื่องจากปาล์มน้ำมันจะเริ่มให้ผลผลิตในปีที่ 3-4 และสามารถดำเนินการในเชิงสาธิตผลผลิตได้ แต่ยังไม่อยู่ในระดับที่จะเป็นผลกำไร ดังนั้นหากจะสนับสนุนโครงการลักษณะนี้ต่อไป เห็นควรสนับสนุนต่อเนื่องแบบปีต่อปี เพื่อให้การดำเนินงานเกิดผลกำไรชัดเจน และสามารถนำผลการศึกษาไปใช้เผยแพร่ขยายผลได้ (ปกติปาล์มน้ำมันให้ผลผลิตสูงสุด ในปีที่ 7-8 เป็นต้นไป) โดยควรเน้นการศึกษาการปรับปรุงพันธุ์และการปลูกพืชน้ำมัน เพื่อหาคำตอบและพิสูจน์ความเป็นไปได้ในการปลูกพืชน้ำมันในเขตภาคเหนือ เพื่อผลิตพลังงานว่าจะมีความคุ้มค่าต่อการลงทุนหรือไม่ โดยทำการศึกษาเปรียบเทียบกับพืชเศรษฐกิจชนิดอื่นให้ครบถ้วน ชัดเจน รวมทั้งควรมีการติดตามประเมินผลอย่างต่อเนื่องเป็นระยะๆ ด้วย
5.3 ควรกำหนดประเภท/ชนิดของพืชน้ำมันที่ต้องการศึกษาให้เหมาะสม โดยอาจนำผลการศึกษาความเป็นไปได้เบื้องต้นของการปลูกพืชพลังงานในภาคเหนือ จากแหล่งอื่นที่มีอยู่แล้วมาประกอบการพิจารณา และหากดำเนินการมากกว่า 1 ชนิด ควรคัดเลือกพืชพลังงานที่มีศักยภาพ ปัญหาและอุปสรรคในการพัฒนาส่งเสริมใกล้เคียงกัน ทั้งนี้เพื่อให้มีจุดร่วมในการดำเนินการและประหยัดงบประมาณ
5.4 สบู่ดำไม่ควรสนับสนุนให้ทำวิจัยต่อ เพราะได้ผลผลิตต่ำไม่คุ้มค่าทางเศรษฐศาสตร์
5.5 การศึกษากระบวนการสกัดแปรรูปน้ำมันดิบที่เหมาะสมนั้น มีหลายหน่วยงาน ทั้งภาครัฐและเอกชนที่ดำเนินการแล้ว ควรนำองค์ความรู้นั้นมาศึกษาต่อยอดหรือนำเทคโนโลยีที่ได้รับการพิสูจน์แล้วมาใช้จะเหมาะสมกว่า
5.6 ควรวิเคราะห์ผลกระทบต่อระบบนิเวศน์และสิ่งแวดล้อมที่จะเกิดขึ้นจากการส่งเสริมให้ปลูกพืชน้ำมัน เพื่อการผลิตพลังงานในเชิงพาณิชย์ด้วย ทั้งนี้เพื่อใช้ประกอบการพิจารณาจัดทำแผนส่งเสริม ป้องกัน และลดผลกระทบต่อระบบนิเวศน์และสิ่งแวดล้อม ตลอดจนแผนการสร้างการมีส่วนร่วมและการยอมรับของชุมชน ซึ่งจะช่วยลดปัญหาด้านการต่อต้าน และช่วยให้สามารถดำเนินโครงการได้อย่างยั่งยืนในอนาคต
5.7 ควรมีข้อมูลด้านการเกษตรและการตลาดที่ครบถ้วนเพียงพอที่จะสนับสนุนการคัดเลือกชนิดของพืชแซม เนื่องจากมีผลอย่างมากต่อรายได้ของเกษตรกรที่ปลูกปาล์มในช่วงแรก และความยั่งยืนในการดำเนินการ
5.8 เนื่องจากมีการส่งบุคลากรไปดูงานต่างประเทศภายใต้โครงการนี้ทุกปี โดยใช้เงินปีละ 500,000 บาท ดังนั้นจึงควรให้ส่งข้อมูลรายละเอียดของการดูงานด้วย โดยให้ระบุหัวข้อ รายชื่อผู้เดินทาง และประโยชน์ที่มีต่อโครงการให้ชัดเจน จัดทำเป็นรายงานเสนอต่อ สนพ. เพื่อใช้ประโยชน์ต่อไป
ข้อสังเกต/ข้อเสนอแนะของที่ประชุม
ผู้แทนกรมบัญชีกลางมีข้อเสนอแนะในการพิจารณาสนับสนุนโครงการภายใต้งานส่งเสริมและสาธิต ควรจะทำการพิจารณาในด้านการตลาด รวมทั้งการ
ประเมินผลกระทบและผลลัพธ์ (Out come) ของโครงการประกอบด้วย
มติที่ประชุม
รับทราบรายงานผลการประเมินโครงการศึกษาความเป็นไปได้ของการปลูกพืชน้ำมัน และพัฒนารูปแบบการผลิตพลังงานจากพืชแบบครบวงจร ในพื้นที
ตัวอย่างเขตภาคเหนือ ระยะที่ 1 (ปี 2548-2553) ตามที่ฝ่ายเลขานุการฯ เสนอ
เรื่องที่ 7 งบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2554 ของกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน
1. คณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2550 ได้รับทราบแผนอนุรักษ์พลังงานและเป้าหมาย ในช่วงปีงบประมาณ พ.ศ. 2551-2554 ตามที่ กพช. เสนอ โดยมีเป้าหมายและการดำเนินการจะลดปริมาณการใช้พลังงานลง 7,820 พันตันเทียบเท่าน้ำมันดิบ หรือคิดเป็นร้อยละ 10.8 ของความต้องการใช้พลังงานทั้งหมดของประเทศในปี 2554 และ กพช. ในการประชุมเมื่อวันที่ 16 มกราคม 2552 ได้เห็นชอบแผนพัฒนาพลังงานทดแทน 15 ปี โดยกำหนดเป้าหมายการนำพลังงานทดแทนรวม 10,961 พันตันเทียบเท่าน้ำมันดิบ หรือคิดเป็นร้อยละ 15.6 ของความต้องการใช้พลังงานในปี 2554
2. กระทรวงพลังงาน ได้ดำเนินโครงการต่างๆ ภายใต้แผนอนุรักษ์พลังงานและแผนพัฒนาพลังงานทดแทน 15 ปี อย่างต่อเนื่อง โดยมีผลการดำเนินงาน ดังนี้
ประเภท | เป้าหมายปี 2554 | ผลดำเนินการสะสม ปี 2548-2553 |
การดำเนินการ ปี 2553 เทียบกับเป้าหมาย |
แผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน (ktoe ) | 7,820 | 3,912.04 | 50% |
(1) ภาคอุตสาหกรรม | 3,190 | 3,177.72 | 100% |
(2) valign=topด้านการจัดการ | 1,217 | 536.13 | 44% |
(3) ภาคขนส่ง | 3,413 | 198.19 | 6% |
แผนพลังงานทดแทน (ktoe) | 10,961 | 6,674 | 61% |
(1) พลังงานหมุนเวียน | 7,492 | 5,210 | - |
- ทดแทนไฟฟ้า | 1,587 | 881 | 56% |
- ทดแทนความร้อน | 4,150 | 3,450 | 83% |
- เชื้อเพลิงชีวภาพ | 1,755 | 879 | 48% |
(2) การส่งเสริมการใช้ NGV | 3,469 | 1,464 | 42% |
3. เพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปตามเป้าหมายอนุรักษ์พลังงานและแผนพัฒนาพลังงานทดแทน สนพ. ในฐานะฝ่ายเลขานุการ "กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน" ได้รวบรวมงบประมาณรายจ่ายตามแผนงานและโครงการจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและประสงค์ขอรับการสนับสนุนเงินกองทุนฯ สำหรับใช้จ่ายเป็นเงินหมุนเวียน เงินช่วยเหลือ หรือเงินอุดหนุนสำหรับการลงทุน และดำเนินงานเกี่ยวกับการอนุรักษ์พลังงาน มาตรา 25 แห่ง "พ.ร.บ.การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน" ซึ่งได้ยื่นขอรับการสนับสนุนจากกองทุนฯ เพื่อดำเนินโครงการต่างๆ เป็นจำนวน 125 โครงการ ในวงเงินทั้งสิ้น 5,365,911,205 บาท
4. การพิจารณากลั่นกรองงบประมาณได้ดำเนินการโดย "คณะทำงานพิจารณากลั่นกรองงบประมาณประจำปี 2554 ของกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน" ซึ่งได้ยึดตามแนวทาง/หลักเกณฑ์การพิจารณากลั่นกรองโครงการฯ ของกองทุนฯ ตามที่คณะอนุกรรมการกองทุนฯ ได้เห็นชอบแล้ว เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 2553 โดยมีหลักเกณฑ์ที่สำคัญ ดังนี้
(1) การจัดลำดับความสำคัญตามนโยบายและแผน โดยทำการพิจารณาถึงความสอดคล้องของโครงการกับภารกิจที่สำคัญ ดังนี้
- ภารกิจตามข้อกำหนดและกฎหมาย พ.ร.บ. การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน
- ภารกิจตามยุทธศาสตร์ระดับชาติ นโยบายรัฐบาล และกระทรวงพลังงาน
- ภารกิจตามเจตนารมณ์ของกองทุนฯ ตามมาตรา 25 แห่ง พ.ร.บ. การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน และตามแผนและเป้าหมายอนุรักษ์พลังงาน ในช่วงปี 2551-2554
- ภารกิจตามแผนพัฒนาพลังงานทดแทน 15 ปี (พ.ศ. 2551-2565)
(2) ระยะเวลาการเกิดผลสัมฤทธิ์ โดยใช้เป็นเกณฑ์ในการแบ่งช่วงเวลาที่โครงการดังกล่าวสามารถนำไปสู่การปฏิบัติได้จริงหรือขยายผลได้ในอนาคต โดยแบ่งเป็น 3 ระยะ ได้แก่ ระยะ "สั้น" (เกิดผลสัมฤทธิ์ได้ใน 1-2 ปี) ระยะ "กลาง" (เกิดผลสัมฤทธิ์ได้ใน 3-5 ปี) และ ระยะ "ยาว" (เกิดผลสัมฤทธิ์ต้องใช้เวลามากกว่า 5 ปี)
(3) ศักยภาพในการขยายผล โดยเน้นโครงการวิจัยและ/หรือดำเนินการแล้วสามารถนำไปปฏิบัติได้จริงหรือขยายผลได้จริง (Deployment Potential) โดยแบ่งตามศักยภาพการขยายผลเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มที่มีศักยภาพในการขยายผล "มาก" และกลุ่มที่มีศักยภาพในการขยายผล "น้อย"
(4) โครงการต่อเนื่อง โดยพิจารณาผลการดำเนินงานในช่วงที่ผ่านมา ถ้ามีความก้าวหน้าเกินกว่าร้อยละ 50 ของแผนงาน และผลการดำเนินงานอยู่ในระดับดี จึงจะได้รับงบประมาณสำหรับปีต่อไป
(5) งานประชาสัมพันธ์ ดำเนินงานเฉพาะกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการสื่อสารอย่างแท้จริง
(6) งบบริหารแผนการดำเนินงาน จะต้องเป็นภารกิจหรืองานที่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของการใช้จ่ายเงินกองทุนฯ ตาม พ.ร.บ. การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน และปรับอัตราค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่ขอรับการสนับสนุนจากกองทุนฯ ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ แนวทาง และขอบเขตการพิจารณางบประมาณตามที่สำนักงบประมาณกำหนด
5. การประชุมของคณะทำงานฯ เพื่อพิจารณากลั่นกรองงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2554 ของกองทุนฯ รวมจำนวนทั้งสิ้น 9 ครั้ง โดยเริ่มดำเนินการพิจารณาตั้งแต่วันที่ 22 กันยายน 2553 และสิ้นสุดการพิจารณาเมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2553
6. ผลการพิจาณางบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 ของกองทุนฯ คณะทำงานฯ เห็นควรสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการต่างๆ ภายใต้แผนพลังงานทดแทน แผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน และแผนงานบริหารเชิงกลยุทธ์ ในวงเงิน 2,614,335,136 บาท รวม 81 โครงการ แบ่งรายจ่ายออกเป็น 2 หน่วยงานผู้เบิกเงินกองทุนฯ ดังนี้
(1) กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) จำนวน 883,618,960 บาท คิดเป็นร้อยละ 33.80 รวม 54 โครงการ
(2) สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) จำนวน 1,730,716,176 บาท คิดเป็นร้อยละ 66.20 รวม 27 โครงการ
7. เลขานุการฯ ได้สรุปโครงสร้างของงบประมาณรายจ่ายกองทุนฯ ปี 2554 ให้ที่ประชุมทราบว่า งบประมาณที่ขอรับการจัดสรรในแผนพลังงานทดแทน จำนวน 1,449 ล้านบาท ได้ครอบคลุมในเทคโนโลยีต่างๆ ทั้งในการศึกษาวิจัย การส่งเสริมสาธิต และงานสนับสนุนอื่นๆ ซึ่งประกอบด้วยโครงการที่สำคัญ ได้แก่ โครงการศึกษาการผลิตต้นแบบกังหันลม โครงการพลังน้ำระดับชุมชน โครงการด้านการอบแห้งแสงอาทิตย์ โครงการก๊าซชีวภาพจากฟาร์มสุกร/ขยะ การศึกษาความเป็นไปได้ของ Asian BioFuel Hub และกำหนด Ethanol Benchmark Price โครงการสนับสนุนทุนการศึกษา และโครงการศูนย์เรียนรู้พลังงานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ 5 ธันวาคม 2554 สำหรับแผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน จำนวน 1,087 ล้านบาท ประกอบด้วยงานที่สำคัญๆ ได้แก่ การส่งเสริม กำกับดูแลโรงงาน/อาคาร ควบคุม ตาม พ.ร.บ. การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน โครงการ Tax Incentive โครงการส่งเสริมเทคโนโลยีในเชิงลึก โครงการเพิ่มประสิทธฺภาพใน SMEs โครงการส่งเสริมวัสดุอุปกรณ์เพื่อการอนุรักษ์พลังงาน การศึกษามาตรฐาน LED และโครงการสนับสนุนทุนการศึกษา โดยสรุปงบประมาณรายจ่ายของกองทุนฯ ปี 2554 เป็นดังนี้
จำแนกตามแผนอนุรักษ์พลังงาน | รวม | ร้อยละ | จำแนกตามหน่วยผู้เบิก (บาท) | |
พพ. | สนพ. | |||
1. แผนพลังงานทดแทน | 1,449,445,340 | 55.44% | 318,758,500 | 1,130,686,840 |
1.1 งานศึกษาวิจัยพัฒนา | 214,635,000 | 8.21% | 61,635,000 | 153,000,000 |
1.2 งานส่งเสริมและสาธิต | 341,945,340 | 13.08% | 228,703,500 | 113,241,840 |
1.3 งานพัฒนาบุคลากรและประชาสัมพันธ์ | 864,445,000 | 33.07% | - | 864,445,000 |
1.4 งานบริหารแผนงาน | 28,420,000 | 1.09% | 28,420,000 | - |
2. แผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน | 1,087,318,060 | 41.59% | 564,860,460 | 522,457,600 |
2.1 งานศึกษาวิจัยพัฒนา | 107,800,000 | 4.12% | 7,800,000 | 100,000,000 |
2.2 งานส่งเสริมและสาธิต | 492,940,000 | 18.86% | 492,940,000 | - |
2.3 งานพัฒนาบุคลากรและประชาสัมพันธ์ | 479,543,060 | 18.34% | 57,085,460 | 422,457,600 |
2.4 งานบริหารแผนงาน | 7,035,000 | 0.27% | 7,035,000 | - |
3. แผนบริหารเชิงกลยุทธ์ | 77,571,736 | 2.97% | - | 77,571,736 |
พพ. | สนพ. | |||
3.1 งานศึกษาวิจัยเชิงนโยบาย | 14,000,000 | 0.54% | - | 14,000,000 |
3.2 งานบริหารแผนงาน | 63,571,736 | 2.43% | - | 63,571,736 |
รวมงบประมาณ ทอ. ปี 2554 |
2,614,335,136 | 100.00% | 883,618,960 | 1,730,716,176 |
8. งบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2554 ที่เกี่ยวกับโครงการประชาสัมพันธ์ ขอเสนอพิจารณาอนุมัติไว้เป็นกรอบวงเงิน จำนวน 700 ล้านบาท เพื่อให้งานประชาสัมพันธ์มีความเป็นเอกภาพ มีทิศทางการปฏิบัติไปในแนวเดียวกัน โดยการบริหารจัดการเพื่อใช้เงินกองทุนฯ ให้ผ่านความเห็นชอบของ "คณะกรรมการประชาสัมพันธ์และการสื่อสารของกระทรวงพลังงาน" ที่ปลัดกระทรวงพลังงานเป็นประธาน โดยให้สามารถถัวจ่ายและเปลี่ยนแปลงรายการในแผนงาน/งานเดียวกันได้ ทั้งนี้เมื่อคณะกรรมการประชาสัมพันธ์ฯ เห็นชอบแล้ว ให้เสนอต่อคณะอนุกรรมการกองทุนฯ เพื่อพิจารณาอนุมัติก่อนดำเนินโครงการต่อไป และให้กระทรวงพลังงานดำเนินการประเมินผลการประชาสัมพันธ์ที่ได้รับงบประมาณจากกองทุนฯ ต่อไปด้วย
9. ฝ่ายเลขานุการฯ เสนอขอคณะอนุกรรมการกองทุนฯ พิจารณาเห็นชอบให้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 ของกองทุนฯ งานบริหารของทั้ง 3 แผนงาน มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2553 เนื่องจาก พพ. และ สนพ. มีงานบริหารเกี่ยวกับการอนุรักษ์พลังงานที่ต้องดำเนินงานต่อเนื่อง เช่น การเบิกจ่ายเงินให้หน่วยงาน โครงการ ตามข้อผูกพันสัญญาฯ การประสานหน่วยงาน โรงงาน อาคาร เพื่อดำเนินการตามกฎหมายอนุรักษ์พลังงาน การให้คำแนะนำกับประชาชนในเรื่องวิธีประหยัดพลังงาน ฯลฯ จึงมีรายจ่ายประจำที่จำเป็นเพื่อการบริหารงานที่เกิดขึ้นแล้ว เช่น ค่าจ้างพนักงานราชการ ค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปให้ความรู้ความเข้าใจ การร่วมประชุมให้ความเห็น ค่าสาธารณูปโภค เป็นต้น
การพิจารณาของที่ประชุม
ที่ประชุมได้พิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2554 ของกองทุนฯ แล้ว มีข้อสังเกตและข้อคิดเห็น ดังนี้
1. ผู้แทน พพ. เห็นว่าในปีงบประมาณ 2554 เป็นปีสิ้นสุดของแผนอนุรักษ์พลังงาน ระยะที่ 3 จึงขอหารือที่ประชุมเกี่ยวกับการพิจารณาจัดสรรงบประมาณสำหรับการประเมินผลการดำเนินงานในภาพรวมของแผนดังกล่าว เพื่อที่จะนำมาใช้ประกอบการจัดทำแผนในระยะต่อไป ซึ่งควรได้รับการจัดสรรงบประมาณที่เพียงพอต่อขอบเขตของงาน ทั้งนี้ประธานอนุกรรมการฯ เห็นว่าการประเมินที่ผ่านมาเป็นการประเมินโครงการ (Project Evaluation) ซึ่งยังไม่ได้รวมถึงการประเมินผลลัพธ์ (Out come) ที่มีความจำเป็น เพื่อจะได้ทำให้ทราบว่าการดำเนินงานในช่วงที่ผ่านมาได้ก่อให้เกิดประโยชน์มากน้อยเพียงใด และทราบถึงแนวทางที่ชัดเจนในการส่งเสริมและสนับสนุนการดำเนินโครงการในอนาคตให้ไปสู่เป้าหมายในการอนุรักษ์พลังงานสูงสุดต่อไป
ทั้งนี้ ปลัดกระทรวงพลังงาน ได้เรียนที่ประชุมทราบว่า การจัดทำแผนกองทุนฯ ในช่วงปี 2555-2559 ซึ่งเสนอขอรับการจัดสรรจากกองทุนฯ ปีงบประมาณ 2554 แผนงานบริหารกลยุทธ์ ในวงเงิน 7 ล้านบาท มีการกำหนดขอบเขตงานที่ครอบคลุมถึงการศึกษาทบทวนแผนอนุรักษ์พลังงานไว้แล้ว นอกจากนี้ ยังเห็นว่า การประเมินแผนในภาพรวมเป็นสิ่งสำคัญที่จะต้องดำเนินการ ดังนั้น จึงเห็นควรให้เป็นบทบาทหน้าที่ของข้าราชการ และได้ขอรับมาดำเนินการต่อไป
2. ปลัดกระทรวงพลังงาน เห็นว่า กระบวนการในการดำเนินโครงการสนับสนุนการศึกษา วิจัย และพัฒนาเทคโนโลยีพลังงานทดแทน ของ สนพ. ซึ่งเสนอขอรับการจัดสรรจากกองทุนฯ ไว้ในวงเงิน 150 ล้านบาท อาจจะทำให้เกิดความล่าช้าในการได้มาซึ่งโครงการ จึงเห็นควรให้ สนพ. เร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จโดยเร็ว และควรเพิ่มการวิจัยเกี่ยวกับประเภทของพืชที่สามารถนำมาผลิตเอทานอลได้ในโครงการดังกล่าวด้วย เนื่องจากเป็นส่วนหนึ่งของ KPI กระทรวงพลังงาน
3. ผู้แทนกรมบัญชีกลาง เสนอแนะให้ฝ่ายเลขานุการฯ จัดทำเอกสารประกอบการพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปี 2554 เพิ่มเติม โดยให้เห็นถึงการเปรียบเทียบงบประมาณรายจ่ายปี 2553 และ 2554 และจำนวนผลประหยัดที่ได้รับจากการดำเนินงานในปีงบประมาณ 2553 เทียบกับเป้าหมายให้ชัดเจนมากขึ้น
4. เลขานุการฯ ได้ชี้แจงที่ประชุมเพิ่มเติมถึงแนวทางการจัดทำแผนกองทุนฯ ในช่วงปี 2555-2559 ว่า จะมีการกำหนดเป้าหมายและตัวชี้วัดให้ชัดเจนมากขึ้น โดยจะจำแนกออกมาจากแผนด้านพลังงานของประเทศ (แผนอนุรักษ์พลังงาน 20 ปี และแผนพัฒนาพลังงานทดแทน 15 ปี) และให้เหมาะสมกับงบประมาณ ทั้งนี้ การดำเนินการของกองทุนฯ จะเป็นเพียงส่วนหนึ่งของแผนด้านพลังงานของประเทศ
มติที่ประชุม
1. เห็นชอบงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 ของกองทุนฯ เป็นจำนวน 2,614,335,136 บาท และให้ฝ่ายเลขานุการฯ นำเสนอคณะกรรมการกองทุนฯ พิจารณาต่อไป
2. เห็นชอบให้ฝ่ายเลขานุการฯ เสนอคณะกรรมการกองทุนฯ พิจารณาให้ค่าใช้จ่ายในงานบริหารของทั้ง 3 แผนงาน มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2553 โดยให้แต่ละหน่วยงานสามารถถัวจ่ายและเปลี่ยนแปลงรายการในหมวดต่างๆ ได้ตามความจำเป็นและเหมาะสม
เรื่องที่ 8 การขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการที่คณะกรรมการกองทุนฯ อนุมัติไว้แล้ว
1. มีหน่วยงานที่ได้รับจัดสรรเงินจากกองทุนฯ ไปแล้ว ได้ยื่นเรื่องเพื่อขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียดของโครงการจากที่คณะกรรมการกองทุนฯ ได้อนุมัติไว้ รวม 58 โครงการ ซึ่งตามระเบียบคณะกรรมการกองทุนฯ ว่าด้วยการเก็บรักษาเงินและทรัพย์สินฯ และการเบิกจ่ายเงินกองทุน พ.ศ. 2553 หมวด 3 ข้อ 26 กำหนดว่า การเปลี่ยนแปลงรายการ ระยะเวลาดำเนินการ ไปจากรายละเอียดโครงการที่คณะกรรมการกองทุนฯ ได้อนุมัติไว้แล้ว โดยไม่เกินวงเงินที่คณะกรรมการกองทุนจัดสรรให้ จะต้องได้รับอนุมัติจากคณะอนุกรรมการกองทุนฯ ก่อน จึงจะเปลี่ยนแปลงได้
2. ฝ่ายเลขานุการฯ ได้พิจารณาเหตุผลและรายละเอียดที่เจ้าของโครงการฯ ได้แจ้งขอเปลี่ยนแปลงแล้ว และจำแนกเรื่องที่ขอเปลี่ยนแปลงออกเป็น 5 กลุ่ม ดังนี้
กลุ่มที่ 1 ขอขยายระยะเวลาการเบิกจ่ายเงินกองทุนฯ เกิน 3 เดือน นับจากวันสิ้นสุดเงื่อนไขแห่งสัญญา/หนังสือยืนยัน จำนวน 1 โครงการ คือ
โครงการการพัฒนาโครงการไฟฟ้าพลังน้ำระดับหมู่บ้านอย่างยั่งยืน (ว่าจ้างปรับปรุงระบบส่งน้ำ โครงการไฟฟ้าพลังน้ำระดับหมู่บ้าน โครงการห้วยน้ำขุ่น อำเภอแม่สรวย จังหวัดเชียงราย) มีสาเหตุจาก คู่สัญญาหรือผู้ได้รับเงินจัดสรรที่ได้ทำสัญญาจ้างหรือหนังสือยืนยันการรับทุนไว้กับ พพ. ได้ส่งรายงานเลยกำหนดระยะเวลาในสัญญา จึงทำให้ไม่สามารถเบิกจ่ายเงินได้ภายในกำหนดระยะเวลา 3 เดือน นับจากเวลาสิ้นสุดเงื่อนไขแห่งสัญญาการปฏิบัติข้างต้น เป็นการดำเนินการตามระเบียบคณะกรรมการกองทุนฯ ว่าด้วยการเก็บรักษาเงินและทรัพย์สินและการเบิกจ่ายเงินกองทุน พ.ศ. 2553 หมวด 2 ข้อ 18 ที่ได้กำหนดหลักเกณฑ์ในการเบิกจ่ายเงินกองทุนไว้ "ให้ผู้เบิกเงินกองทุนใช้จ่ายหรือก่อหนี้ผูกพันตามประมาณการรายจ่ายประจำปีได้ ภายในวงเงินและปีงบประมาณที่ได้รับอนุมัติ กรณีผู้เบิกเงินกองทุนก่อหนี้ผูกพันภายในปีงบประมาณ แต่ไม่สามารถเบิกจ่ายได้ทันภายในปีงบประมาณนั้นๆ ให้ขยายเวลาการเบิกจ่ายรายการนั้นๆ ต่อไปได้ ภายใน 3 เดือน นับจากเวลาสิ้นสุดเงื่อนไขแห่งสัญญา ซึ่งนับรวมระยะเวลาตรวจรับงานไว้แล้ว หากไม่สามารถเบิกจ่ายเงินได้ทันภายใน 3 เดือน ที่ได้ขยายเวลาการเบิกจ่ายแล้วให้เป็นอำนาจของคณะอนุกรรมการกองทุนที่จะพิจารณาอนุมัติ"
กลุ่มที่ 2 ขอขยายระยะเวลาโครงการฯ จำนวน 43 โครงการ แบ่งลักษณะการขอขยายเป็น 3 กลุ่มย่อย ดังนี้
กลุ่มที่ 2.1 โครงการที่สิ้นสุดระยะเวลาโครงการฯ แล้ว และขอขยายระยะเวลาเพิ่มเติม เพื่อดำเนินโครงการฯ ให้แล้วเสร็จตามวัตถุประสงค์
โครงการ | งบประมาณ (ล้านบาท) |
หน่วยงาน | เดิม | ขยายถึง |
1. โครงการพัฒนาโครงการไฟฟ้าพลังงานน้ำระดับหมู่บ้านอย่างยั่งยืน | 150.0 | พพ. | ก.ย. 2553 | มี.ค. 2555 |
2. โครงการสร้างความเข้าใจนโยบายพลังงานและนโยบายเชื้อเพลิงชีวภาพ (E85) | 10.0 | สป.พน. | เม.ย. 2553 | ส.ค. 2553 |
3. โครงการรณรงค์และประกวดอนุรักษ์พลังงาน (Thailand Energy Award) | 10.0 | พพ. | ส.ค. 2553 | ก.ย. 2553 |
4. โครงการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนในสวนพฤกษศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ ร.9 จังหวัดนครราชสีมา | 5.58 | สป.พน. | ต.ค. 2553 | ม.ค. 2554 |
5. โครงการพัฒนาขีดความสามารถของบุคลากรด้านการทดสอบถังและอุปกรณ์ NGV ปีที่ 1) | 7.00 | ธพ. | ส.ค. 2553 | ก.พ. 2554 |
6. โครงการจัดประชุม/สัมมนาเชิงวิชาการ เพื่อนำเสนอผลงานวิจัยด้านพลังงาน | 5.00 | สนพ. | ก.ย. 2553 | ม.ค. 2554 |
7. โครงการจัดการเครือข่ายรถบรรทุกสินค้า (Thai Truck Alliance) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้พลังงาน | 9.99 | มทส. | ก.ค. 2553 | เม.ย 2554 |
8. โครงการการศึกษาศักยภาพการผลิตไฟฟ้าจากกากมันสำปะหลังเปียก โดยใช้เทคโนโลยีแก๊สซิฟิเคชัน | 8.34 | ม. เอเชียอาคเนย์ | ก.ย. 2553 | มี.ค. 2554 |
9. โครงการสนับสนุนทุนการศึกษาในประเทศ จำนวน 1 ทุน | 0.32 | สนพ. | พ.ค. 2553 | ต.ค. 2553 |
10. โครงการสนับสนุนทุนการศึกษาต่างประเทศ จำนวน 3 ทุน | 15.71 | สนพ. | รายละเอียดปรากฏในเอกสารประกอบวาระ 4.2 ส่วนที่ 2 โครงการที่ 15-16 | |
11. โครงการสนับสนุนทุนวิจัยแก่นักศึกษาระดับอุดมศึกษาจำนวน 10 โครงการ | 0.97 | สนพ. | ||
12. โครงการพัฒนาพลังงานทดแทนบริเวณชายแดน | 10.80 | สป.พน. | ต.ค. 2553 | ม.ค. 2554 |
13. โครงการพัฒนาประเมินผลและเสนอแนะด้านบริหารจัดการโครงการพึ่งพาตนเองด้านพลังงานด้วยไบโอดีเซลชุมชน (ภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ) | 9.89 | พพ. | ต.ค. 2553 | ม.ค. 2554 |
14. โครงการสาธิตพัฒนาพลังงานลม เพื่อผลิตไฟฟ้า จังหวัดปัตตานี (ค่ากังหันลมพร้อมติดตั้งและทดสอบ) | 22.35 | พพ. | ก.ย. 2553 | มิ.ย. 2554 |
15. ศึกษา สาธิตการทำก๊าซชีวภาพให้เป็นไบโอมีเทน (Purification or Upgrading Biogas to Biometeane) | 2.42 | พพ. | ก.ย. 2553 | ธ.ค. 2553 |
16. โครงการส่งเสริมระบบผลิตก๊าซชีวภาพในฟาร์มปศุสัตว์ | 2.80 | พพ. | พ.ค. 2553 | ส.ค. 2554 |
17. โครงการศึกษาจัดทำร่างกฎกระทรวงเครื่องจักรและวัสดุอุปกรณ์เฉพาะด้านประสิทธิภาพพลังงาน และจัดทำร่างมาตรฐานประสิทธิภาพพลังงานขั้นต่ำ เพื่อการอนุรักษ์พลังงาน (โครงการศึกษาเครื่องอัดอากาศเพื่อจัดทำประสิทธิภาพพลังงานตาม พ.ร.บ. การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2550) | 20.00 | พพ. | ก.ย. 2553 | มี.ค. 2554 |
18. โครงการศึกษาจัดทำร่างกฎกระทรวงเครื่องจักรและวัสดุอุปกรณ์เฉพาะด้านประสิทธิภาพพลังงาน และจัดทำร่างมาตรฐานประสิทธิภาพพลังงานขั้นต่ำ เพื่อการอนุรักษ์พลังงาน (โครงการศึกษาเครื่องยนต์แก๊สโซลีนและดีเซลขนาดเล็ก 1 สูบ เพื่อจัดทำร่างกฎกระทรวงเฉพาะด้านประสิทธิภาพพลังงาน ตาม พ.ร.บ. การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2550) | 15.00 | พพ. | ก.ย. 2553 | ม.ค. 2554 |
19. โครงการเครือข่ายศูนย์ทดสอบ เครื่องจักร และวัสดุเพื่อการอนุรักษ์พลังงาน | 4.50 | พพ. | ก.ย. 2553 | มี.ค 2554 |
20. โครงการการสนับสนุนการดำเนินงานตาม พ.ร.บ.การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ.2535 และ พ.ร.บ.การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2550 (โรงงานควบคุม กลุ่ม 1) | 18.25 | พพ. | ก.ย. 2553 | มิ.ย. 2554 |
21. โครงการการสนับสนุนการดำเนินงานตาม พ.ร.บ.การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ.2535 และ พ.ร.บ.การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2550 (โรงงานควบคุม กลุ่ม 2) | 18.25 | พพ. | ก.ย. 2553 | มิ.ย. 2554 |
22. โครงการการสนับสนุนการดำเนินงานตาม พ.ร.บ.การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ.2535 และ พ.ร.บ.การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ฉบับที่ 2) พ.ศ.2550 (โรงงานควบคุม กลุ่ม 3) | 18.25 | พพ. | ก.ย. 2553 | มิ.ย. 2554 |
23. โครงการการสนับสนุนการดำเนินงานตาม พ.ร.บ.การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535 และ พ.ร.บ.การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ฉบับที่ 2) พ.ศ.2550 (โรงงานควบคุม กลุ่ม 4) | 18.25 | พพ. | ก.ย. 2553 | มิ.ย. 2554 |
24. โครงการการสนับสนุนการดำเนินงานตาม พ.ร.บ.การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ.2535 และ พ.ร.บ.การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2550 (อาคารควบคุม กลุ่ม 1) | 9.00 | พพ. | ก.ย. 2553 | มิ.ย. 2554 |
25. โครงการการสนับสนุนการดำเนินงานตาม พ.ร.บ.การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ.2535 และ พ.ร.บ.การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ฉบับที่ 2) พ.ศ.2550 (อาคารควบคุม กลุ่ม 2) | 9.00 | พพ. | ก.ย. 2553 | มิ.ย. 2554 |
26. โครงการการสนับสนุนการดำเนินงานตาม พ.ร.บ.การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ.2535 และ พ.ร.บ.การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2550 (อาคารควบคุม กลุ่ม 3) | 9.00 | พพ. | ก.ย. 2553 | มิ.ย. 2554 |
กลุ่มที่ 2.2 โครงการยังไม่สิ้นสุดระยะเวลาโครงการ แต่มีการดำเนินการผูกพันสัญญาการขอรับทุนกับผู้ร่วมโครงการเกินระยะเวลาสิ้นสุดโครงการฯ
โครงการ | งบประมาณ (ล้านบาท) |
หน่วย งาน |
เดิม | ขยายถึง |
27. โครงการส่งเสริมการจัดการด้านการใช้พลังงานโดยวิธีประกวดราคา | 1,037.50 | สนพ. | เม.ย. 2554 | ก.ค. 2555 |
28. โครงการส่งเสริมการผลิตก๊าซชีวภาพในโรงชำแหละแปรรูปไก่ | 60.00 | มช. | มี.ค. 2554 | มี.ค. 2556 |
กลุ่มที่ 2.3 โครงการที่สิ้นสุดระยะเวลาโครงการแล้วเป็นระยะเวลานาน แต่ยังไม่ได้ปรับแผนขอขยายระยะเวลาในช่วงที่ผ่านมา เนื่องจากโครงการฯ ได้แก้ไขปัญหา และสามารถกำหนดระยะเวลาสิ้นสุดโครงการฯ ได้ เมื่อพ้นกำหนดระยะเวลาสิ้นสุดโครงการไปแล้ว
โครงการ | งบประมาณ (ล้านบาท) |
หน่วยงาน | เดิม | ขยายถึง |
29. โครงการส่งเสริมการใช้ระบบขนส่งมวลชน Park & Ride | 20.00 | รฟม. | ต.ค. 2551 | ก.พ. 2554 |
30. โครงการส่งเสริมการแปรรูปขยะเป็นน้ำมัน เทศบาลเมืองวารินชำราบ | 35.00 | ท.เมืองวารินชำราบ | ก.ย. 2552 | ธ.ค. 2553 |
31. โครงการส่งเสริมการแปรรูปขยะเป็นน้ำมันเทศบาลนครพิษณุโลก | 35.00 | ท.นครพิษณุโลก | ก.ย. 2552 | ธ.ค. 2553 |
32. โครงการส่งเสริมการแปรรูปขยะเป็น น้ำมัน ในส่วนบริหารโครงการและติดตามประเมินผล | 7.56 | สถาบันวิจัยพลังงาน | ต.ค. 2552 | มี.ค. 2554 |
33. โครงการส่งเสริมการใช้เตาหุงต้มและเตาชีวมวลประสิทธิภาพสูง | 2.50 | พพ. | ส.ค. 2551 | มิ.ย. 2555 |
34. โครงการพึ่งพาตนเองด้านพลังงานด้วยไบโอดีเซลชุมชน (โครงการตรวจสอบการดำเนินงานโครงการพึ่งพาตนเองด้านพลังงานด้วยไบโอดีเซลชุมชน) | 3.79 | พพ. | มี.ค. 2552 | ธ.ค. 2553 |
35. โครงการศูนย์ทดสอบมาตรฐานอุปกรณ์ระบบทำน้ำร้อน พลังงานแสงอาทิตย์ | 2.50 | พพ. | ม.ค. 2552 | ม.ค. 2554 |
36. สัญญาซื้อขายปรับปรุงสถานีสำรวจศักยภาพพลังงานลม (จัดซื้อและติดตั้งเครื่องวัดลมและบันทึกข้อมูลพร้อมอุปกรณ์ประกอบ) | 9.14 | พพ. | ก.ค. 2551 | ม.ค. 2554 |
37. โครงการการส่งเสริมพลังงานจากขยะชุมชน (ว่าจ้างที่ปรึกษาพัฒนาระบบผลิตพลังงานสำหรับเทศบาลที่มีขยะ 5-10 ตัน/วันและ 10-50 ตัน/วัน | 9.76 | พพ. | ก.ย. 2552 | ก.ค. 2554 |
38. โครงการวิจัย สาธิต สนับสนุนระบบผลิตจากชีวมวลแบบ Three Stages Gasifier (ว่าจ้างวิจัย สาธิตระบบผลิตพลังงานจากชีวมวลแบบ Three Stages Gasifier ขนาด 400 กิโลวัตต์) | 19.95 | พพ. | ก.ค. 2552 | พ.ค. 2554 |
39. โครงการวิจัย สาธิต สนับสนุนระบบผลิตพลังงานจากชีวมวล แบบ Three Stages Gasifier (ว่าจ้างที่ปรึกษาควบคุมการติดตั้งทดสอบและรายงานผลระบบ Gasifier แบบ Three Stages ขนาด 100 กิโลวัตต์ จำนวน 4 แห่ง) | 5.12 | พพ. | พ.ย. 2552 | พ.ย. 2554 |
40. โครงการวิจัย สาธิต สนับสนุนระบบผลิตพลังงานจากชีวมวล แบบ Three Stages Gasifier (ค่าจัดซื้อและติดตั้งระบบ Gasifier พร้อม Gas Engine เพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าไม่ต่ำกว่า 100 กิโลวัตต์ จำนวน 4 แห่ง) | 23.70 | พพ. | มี.ค. 2553 | มิ.ย. 2554 |
41. โครงการสาธิตพัฒนาพลังงานลมเพื่อผลิตไฟฟ้า (ค่าจัดหาติดตั้งเสาวัดลมขนาดเสาสูง 100 เมตร) | 1.19 | พพ. | ก.ย. 2552 | เม.ย. 2554 |
42. วิจัยพัฒนาประสิทธิภาพระบบผลิตพลังงานจากชีวมวลแบบ Three Stages Gasifier | 6.57 | พพ. | ก.ค. 2553 | เม.ย. 2555 |
43. โครงการปรับปรุงระบบการจัดทำรายงานการวิเคราะห์ประสิทธิภาพการใช้พลังงานในอาคารและโรงงานควบคุม (Feedback Report) ภายใต้พระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน | 5.00 | พพ. | ก.ย. 2553 | ธ.ค. 2553 |
ทั้งนี้ โครงการที่ขอขยายระยะเวลาสิ้นสุดโครงการจนถึงเดือนธันวาคม 2553 ได้แก่ โครงการที่ 2, 3, 9, 15, 30, 31, 34 และ 43 ฝ่ายเลขานุการฯ เห็นควรเสนอพิจารณาอนุมัติให้การสิ้นสุดระยะเวลาโครงการ เป็นภายใน 30 วัน นับจากวันที่คณะอนุกรรมการกองทุนฯ ได้มีหนังสือแจ้งมติออนุมัติการขอขยายระยะเวลาดังกล่าว
กลุ่มที่ 3 ขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการ จำนวน 4 โครงการ
มีสาเหตุจากคู่สัญญาหรือผู้ได้รับเงินจัดสรรได้ดำเนินการตามแผนงานที่เสนอไว้กับกองทุนฯ แล้ว แต่มีข้อจำกัดระหว่างการดำเนินงาน เช่น การเปลี่ยนแปลงรายละเอียดกิจกรรมย่อยให้มีความหลากหลายและสอดคล้องกับกลุ่มเป้าหมายมากยิ่งขึ้น หรือเพื่อให้เหมาะสมกับสถานการณ์พลังงานในปัจจุบัน เป็นต้น
โครงการ |
การขอเปลี่ยนแปลง |
1. โครงการประชาสัมพันธ์พระราชกรณียกิจด้านพลังงาน ผ่านบทเพลงสรรเสริญพระบารมีในโรงภาพยนตร์
งบประมาณ : 35 ล้านบาท หน่วยงาน : สป.พน. |
ขอเปลี่ยนชื่อโครงการ จากเดิม "โครงการประชาสัมพันธ์พระราชกรณียกิจด้านพลังงาน ผ่านบทเพลงสรรเสริญพระบารมีในโรงภาพยนตร์" เป็น "โครงการพลังความสุขจากพ่อของแผ่นดิน" เนื่องจากคณะกรรมการอำนวยการจัดงานเฉลิมพระเกียรติแห่งการบรมราชาภิเษกปีที่ 60 และการเฉลิมพระชนมพรรษา ของกระทรวงพลังงาน ได้เห็นชอบโครงการดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของโครงการเฉลิมพระเกียรติฯ |
2. โครงการส่งเสริมการผลิตก๊าซชีวภาพในโรงฆ่าสัตว์
งบประมาณ : 40 ล้านบาท หน่วยงาน : มช. |
ขอปรับวงเงินสนับสนุนค่าก่อสร้างระบบฯ และค่าที่ปรึกษา จากเดิมสนับสนุนรวมไม่เกิน 400,000 บาทต่อแห่ง (เงินสนับสนุนค่าก่อสร้างระบบฯ ไม่เกิน 200,000 บาทต่อแห่ง และค่าบริษัทที่ปรึกษาไม่เกิน 200,000 บาทต่อแห่ง) เป็น การปรับปรุงวงเงินสนับสนุนให้ปรับเปลี่ยนตามขนาดระบบ ตั้งแต่ 50 ถึง 500 ลบ.ม. โดยอัตราดังกล่าวกำหนดให้มีสัดส่วนการสนับสนุนไม่มากกว่าเดิม |
3. โครงการสนับสนุนทุนวิจัยแก่นักศึกษาระดับอุดมศึกษา จำนวน 3 ทุน
งบประมาณ : 0.17 ล้านบาท หน่วยงาน : สนพ. |
1) มจธ. ขอเปลี่ยนแปลงผู้วิจัยโครงการ "การบำบัดน้ำเสียอุตสาหกรรมอาหารด้วยกระบวนการไบโอไฮโดรเจน" จากนางสาวสุภัทร์พร เทียนงาม เป็น นางสาวสุธัชวดี ธรรมรักษ์
2) จุฬาฯ ขอเปลี่ยนแปลงชื่อโครงการวิจัย จากเรื่อง "การลดความหนืดของน้ำมันพืชและไขมันสัตว์บางชนิดอย่างมีประสิทธิภาพ โดยใช้น้ำเป็นตัวทำละลายและใช้โลหะเลขอะตอมสูงเป็นตัวกำเนิดโฟโตอิเล็กตรอนระหว่างการฉายรังสีแกมมา" เป็น "แนวทางใหม่ในการลดความหนืดของน้ำมันพืชบางชนิดและน้ำมันหมู โดยใช้น้ำและคาร์บอนเตตราคลอไรด์เป็นตัวทำละลายขณะฉายรังสีแกมมาจากโคบอลต์-60" 3) ม.ราชภัฏลำปาง ขอเปลี่ยนแปลงเมธีวิจัยร่วมในโครงการวิจัยเรื่อง "การศึกษาความเป็นไปได้ในการใช้น้ำมันไพโรไลซิสในกิจกรรมของกลุ่มเพาะเห็ด บ้านปงยางคก จังหวัดลำปาง" จากเดิมนายพิบูลย์ หม่องเชย เป็นนายนิวัติ กิจไพศาลสกุล |
4. โครงการส่งเสริมการผลิตพลังงานจากขยะชุมชนในเทศบาลที่มีขยะ 5-50 ตัน/วัน จำนวน 10 แห่ง
งบประมาณ : 80.3 ล้านบาท หน่วยงาน : พพ. |
ขอเปลี่ยนแปลงพื้นที่ดำเนินงาน จากเทศบาลตำบลย่านตาขาว จังหวัดตรัง เป็น อบต. นาฝาย จังหวัดชัยภูมิ เนื่องจาก อบต. นาฝาย มีความพร้อมและมีแหล่งขยะอินทรีย์จากมหาวิทยาลัยราชภัฏชัยภูมิและโรงเรียนกาญจนาภิเษกชัยภูมิเป็นแหล่งใหญ่ที่จะสามารถคัดแยกขยะอินทรีย์มาเข้าระบบผลิตก๊าซชีวภาพได้ ส่วนก๊าซชีวภาพที่ผลิตได้ก็มีครัวเรือนในชุมชนที่สามารถนำก๊าซไปใช้ได้ |
กลุ่มที่ 4 ขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการ และขอขยายระยะเวลาดำเนินงาน จำนวน 7 โครงการ
มีสาเหตุจากคู่สัญญาหรือผู้ได้รับเงินจัดสรรได้ดำเนินการตามแผนงานที่เสนอไว้กับกองทุนฯ แล้ว แต่มีข้อจำกัดระหว่างการดำเนินงาน เช่น การเปลี่ยนแปลงรายละเอียดกิจกรรมย่อยให้มีความหลากหลาย และสอดคล้องกับกลุ่มเป้าหมายมากยิ่งขึ้น หรือเพื่อให้เหมาะสมกับสถานการณ์พลังงานในปัจจุบัน เป็นต้น พร้อมทั้งขอขยายระยะเวลาดำเนินโครงการด้วย
งบประมาณ : 15 ล้านบาท
หน่วยงาน : สนพ.
โครงการ | การขอเปลี่ยนแปลง |
1. โครงการศูนย์การเรียนรู้พลังงานในภูมิภาค: กิจกรรมว่าจ้างวิศวกรที่ปรึกษาออกแบบก่อสร้างศูนย์การเรียนรู้พลังงานในภูมิภาค
งบประมาณ : 15.00 ล้านบาท หน่วยงาน : สป.พน. โดย สวภ. 5 |
1) ขอขยายระยะเวลา จากเดิมสิ้นสุดวันที่ 4 ธ.ค. 2553 เป็นวันที่ 4 มี.ค. 2554
2) ขอปรับงวดการเบิกจ่ายเงินและรายละเอียดการส่งรายงานความก้าวหน้าของโครงการ เนื่องจาก สวภ. 5 ได้มีการแบ่งการจัดจ้างที่ปรึกษาออกแบบก่อสร้างศูนย์การเรียนรู้ฯ เป็น 2 สัญญาจ้าง และการแบ่งงวดงานและงวดเงินไม่สอดคล้องกันระหว่างสัญญาจ้างที่ปรึกษากับหนังสือยืนยันการขอรับทุน ทำให้ สป.พน. ไม่สามารถจ่ายเงินได้ตามสัญญาจ้างที่ปรึกษา |
2. โครงการ Energy Mobile Unit ระยะที่ 2
งบประมาณ : 51.19 ล้านบาท หน่วยงาน : สป.พน. |
1) ขอขยายระยะเวลา จากเดิมสิ้นสุดเดือน ธ.ค. 2553 เป็นสิ้นสุดเดือน พ.ค. 2554
2) ขอใช้เงินเหลือจ่ายจากการดำเนินโครงการ จำนวน 2,325,000 บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่าย ดังนี้ - จัดซื้อรถบรรทุกพร้อมหลังคา จำนวน 1 คัน จำนวนเงิน 626,000 บาท เพื่อใช้ในการปฏิบัติงานหน่วยปฏิบัติการพลังงานเคลื่อนที่ของ สวภ. 7 - จัดซื้อคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คและคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะสำหรับประมวลผล จำนวน 3 เครื่อง จำนวนเงิน 99,000 บาท - ผลิตสปอตวิทยุ จำนวนเงิน 1,600,000 บาท เพื่อเพิ่มการประชาสัมพันธ์ โครงการให้เป็นที่รู้จัก และสามารถสร้างการจดจำภารกิจหน้าที่การ ทำงานของหน่วยปฏิบัติการพลังงานเคลื่อนที่แก่กลุ่มเป้าหมายเพิ่มมากขึ้น |
3. โครงการอบรมบุคลากรในเรื่องการบูรณาการการเรียนการสอนด้านพลังงานระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษา
งบประมาณ : 14 ล้านบาท หน่วยงาน : มูลนิธิสิ่งแวดล้อมไทย (มสท.) |
1) ขอถัวจ่ายงบประมาณภายในหมวดเดียวกันได้ตามความเหมาะสม เพื่อให้การดำเนินงานบรรลุเป้าหมายที่กำหนดไว้ โดยไม่กระทบวงเงินเดิมที่ได้รับอนุมัติไว้
2) ขยายระยะเวลา จากเดิมสิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย. 2553 เป็นวันที่ 31 ม.ค. 2554 เนื่องจากมีบางกิจกรรมที่ยังดำเนินการไม่แล้วเสร็จ เช่น การจัดทำวารสารผลิใบ และการผลิตสื่อการเรียนการสอนส่วนกลาง |
4. โครงการการพัฒนากระบวนการเรียนรู้แบบบูรณาการด้านพลังงานเพื่อเสริมในหลักสูตรประถมและมัธยมศึกษา (ปีที่ 1)
งบประมาณ : 8.20 ล้านบาท หน่วยงาน : มจธ. |
1) ขอขยายเวลา จากเดิมสิ้นสุดวันที่ 22 ก.ย. 2553 เป็นวันที่ 22 ธ.ค. 2553
2) ขอโอนเปลี่ยนแปลงหมวดรายจ่าย จากหมวดค่าใช้สอยเป็นหมวดค่าครุภัณฑ์ในวงเงิน 100,000 บาท เพื่อจัดซื้อวัสดุคงทนถาวรและครุภัณฑ์ โดยถัวจ่ายจากหมวดค่าใช้สอย ทั้งนี้อยู่ในกรอบวงเงินงบประมาณที่ได้รับจัดสรร เพื่อให้การดำเนินงานโครงการมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น |
5. โครงการสนับสนุนทุนการศึกษาในประเทศ
จำนวน 2 ทุน งบประมาณ : 0.47 ล้านบาท หน่วยงาน : สนพ. |
1) มช. ขอขยายระยะเวลาการศึกษาให้แก่ นายสุขแก้ว คำเมืองสา ออกไปอีก 1 ปี ตั้งแต่เดือน มิ.ย. 2553- มิ.ย. 2554 เพื่อจัดทำวิทยานิพนธ์ให้เสร็จสมบูรณ์ โดยขออนุมัติใช้เงินเหลือจ่าย จำนวน 8,230 บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในช่วงขยายระยะเวลา
2) สนข. ขอเปลี่ยนแปลงสาขาการศึกษาให้กับ ว่าที่ร้อยเอกณัฏฐพร บัวผุด จากเดิม สาขาวิศวกรรมขนส่ง คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็น สาขา โลจิสติกส์ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย พร้อมทั้งขอขยายเวลาการศึกษา จากเดิมสิ้นสุดวันที่ 14 พ.ค. 2553 เป็นวันที่ 15 ส.ค. 2554 เนื่องจากจำเป็นต้องใช้ระยะเวลาในการวิเคราะห์ข้อมูล และใช้เครื่องมือช่วยในการศึกษา และร่วมจัดทำกับอาจารย์ที่มีความสนใจเฉพาะทางในเรื่องการขนส่งต่อเนื่องหลายรูปแบบ |
6. โครงการสนับสนุนทุนวิจัยแก่นักศึกษา
ระดับอุดมศึกษา จำนวน 2 ทุน งบประมาณ : .0.06 ล้านบาท หน่วยงาน : สนพ. |
1) มก. ขอเปลี่ยนชื่อโครงการวิจัย จากเดิมเรื่อง "การศึกษาค่าสัมประสิทธิ์การบังแดดของไม้เลื้อยโดยใช้การประมวลภาพ" เป็นเรื่อง "การศึกษาค่าสัมประสิทธิ์การส่งผ่านความร้อนจากรังสีอาทิตย์ของไม้เลื้อย โดยใช้การประมวลภาพ" เพื่อให้ครอบคลุม สอดคล้องกับวัตถุประสงค์และผลการวิจัย และขอขยายระยะเวลาวิจัย จากเดิมสิ้นสุดเดือน เม.ย. 2553 เป็นเดือน ต.ค. 2553 เนื่องจากในช่วงเดือน มี.ค.- พ.ค. ที่ผ่านมาอากาศร้อนจัด ส่งผลให้ต้นไม้ที่ใช้ในการทดลองไม่เจริญเติบโตตามแผนที่วางไว้
2) มก. ขอเปลี่ยนผู้ดำเนินการวิจัยเป็น นางสาวณัฏฐนียา พงษ์พิทักษ์ เนื่องจากนางสาวสุภาวรรณ ดีบุดชา ผู้วิจัย สำเร็จการศึกษา และขอขยายระยะเวลาวิจัยจากเดิมสิ้นสุดเดือน ก.พ. 2553 เป็นวันที่ 31 พ.ค. 2554 เนื่องจากต้องใช้เวลาในการเริ่มต้นระบบของถังปฏิกรณ์มากทำให้มีเวลาในการดำเนินการศึกษาสภาวะต่างๆ น้อย จึงต้องการเวลาในการศึกษาเพิ่มเติม |
7. โครงการประชาสัมพันธ์ผลสำเร็จด้านอนุรักษ์พลังงานและพลังงานทดแทน (Success Story) | |
1. ขอขยายเวลา จากเดิมสิ้นสุดในวันที่ 24 ก.ค. 2554 เป็นวันที่ 26 ธ.ค. 2554
2. ขอเปลี่ยนแปลงรายการจากเดิม เป็นดังนี้ - ผลิตและเผยแพร่สารคดีสั้นทางโทรทัศน์จำนวนไม่น้อยกว่า 30 ตอน ความยาวตอนละ 2 นาที ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ Free TV 1 สถานี ในช่วงเวลา Primetime ออกอากาศเป็นช่วงเวลาประจำไม่น้อยกว่า 2 เดือน และนำสารคดีที่ผลิตแล้วไปออกอากาศเพิ่มเติม (Re-run) ทางเคเบิลทีวีท้องถิ่นและหรือสถานีโทรทัศน์การศึกษาทางไกลอีกไม่น้อยกว่า2 สถานี - ผลิตและเผยแพร่บทความหรือ Advertorial ขนาด Junior Page ขาว-ดำ โดยเลือกนำเนื้อหา หรือจากสารคดีโทรทัศน์มาขยายผล จำนวนไม่น้อยกว่า 30 ครั้ง เผยแพร่ผ่านสื่อสิ่งพิมพ์ ราย 3 วัน และรายสัปดาห์ - ดำเนินการจัดทำแผนงานประชาสัมพันธ์เชิญชวนให้กลุ่มเป้าหมายติดตามชมสารคดีสั้นทางโทศน์ดังกล่าว ผ่านช่องทางต่างๆ ตลอดระยะเวลาดำเนินงาน รวมถึงแผนงานประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อสารมวลชลให้เกิดกระแสการติดตามชมสารคดีอย่างกว้างขวาง |
กลุ่มที่ 5 ขอยุติการดำเนินโครงการ จำนวน 3 โครงการ
มีสาเหตุจากคู่สัญญาหรือผู้ได้รับเงินจัดสรรไม่สามารถดำเนินการตามแผนงานที่เสนอไว้กับกองทุนฯ ได้ จึงขอยุติการดำเนินงาน ทั้งนี้ในกรณีที่โครงการที่ได้มีการดำเนินงานไปแล้ว และเกิดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานขึ้น อาจพิจารณาจ่ายเงินค่าใช้จ่ายตามสัญญาจ้างหรือหนังสือยืนยันการรับทุนตามความเหมาะสม
โครงการ |
สาเหตุการขอยุติโครงการ |
1. โครงการรณรงค์เพื่อปลูกจิตสำนึก"อนุรักษ์พลังงาน เพื่อพลังงานไทยที่ยั่งยืน" งบประมาณ : 45 ล้านบาท หน่วยงาน : สป.พน. |
เนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงคณะกรรมการ ร่าง TOR (2 ครั้ง) ทำให้การดำเนินงานเกิดความล่าช้า ไม่สอดคล้องกับแผนงานที่กำหนดไว้ อีกทั้งมีลักษณะของโครงการในช่วงปี 2553 ที่ใกล้เคียงกัน จึงต้องยุติโครงการ เพื่อมิให้เกิดความซ้ำซ้อนและการใช้งบประมาณเกิดประสิทธิภาพสูงสุด |
2. โครงการศึกษาเทคโนโลยีที่เหมาะสม สำหรับควบคุมการปล่อยมลพิษทางอากาศและน้ำเสียจากโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนถ่านหิน ชีวมวล และก๊าซธรรมชาติ งบประมาณ : 7 ล้านบาท หน่วยงาน : สผ. |
1) ขอยุติโครงการฯ โดยปรับวงเงินจาก 7,000,000 บาท เป็น 3,677,633 บาท เพื่อให้สอดคล้องกับปริมาณงาน และขอเบิกเงินงวดสุดท้ายจำนวนเงินทั้งสิ้น 1,177,633 บาท 2) ขอปรับรายละเอียดการส่งรายงานความก้าวหน้าโครงการและการเบิกเงิน เพื่อให้สอดคล้องกับการดำเนินงานจริง เนื่องจากผู้ประกอบการโรงไฟฟ้าแต่ละรายไม่ให้ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับด้านเทคนิคและการลงทุนของโรงไฟฟ้า ทำให้ สผ. ไม่สามารถรวบรวมข้อมูล เพื่อวิเคราะห์และประเมินผลได้ ส่งผลให้การดำเนินงานไม่สามารถบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ |
3. โครงการสนับสนุนทุนวิจัยแก่นักศึกษาระดับอุดมศึกษา จำนวน 1 ทุน งบประมาณ : 0.20 ล้านบาท หน่วยงาน : สนพ. |
มจธ. ขอยุติโครงการ "การศึกษาสมบัติและการเผาไหม้ของเขม่าจากดีเซลและไบโอดีเซล" เนื่องจากการแก้ปัญหาเครื่องยนต์ที่ผลิตเขม่าและการหาวิธีการจัดเก็บเขม่าต้องใช้เวลามาก และขาดเครื่องมือที่ใช้ในการวิเคราะห์ตัวอย่าง เช่น การวิเคราะห์ Transmission Electron Microscope ทำให้งานวิจัยไม่ก้าวหน้าและไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ |
การพิจารณาของที่ประชุม
ที่ประชุมได้พิจารณาเรื่องดังกล่าวแล้ว มีข้อสังเกตและข้อเสนอแนะ ดังนี้
1. ปลัดกระทรวงพลังงาน เห็นว่า การขอขยายระยะเวลาโครงการพัฒนาโครงการไฟฟ้าพลังงานน้ำระดับหมู่บ้านอย่างยั่งยืนจากเดิมสิ้นสุดในเดือนกันยายน 2553 เป็นสิ้นสุดเดือนมีนาคม 2555 นั้น ไม่ควรจะให้ขยายเวลาข้ามปีงบประมาณ จึงให้ พพ. เร่งดำเนินงานโครงการฯ ให้แล้วเสร็จภายในปีงบประมาณ 2554 โดยควรให้ขยายระยะเวลาโครงการฯ จนถึงเดือนกันยายน 2554 เพื่อจะได้ทราบถึงผลการประหยัดพลังงานที่ได้รับจากโครงการว่าส่งผลต่อเป้าหมายมากน้อยเพียงใด นอกจากนี้ ยังเห็นว่าการขอขยายระยะเวลาโครงการในครั้งต่อไป ควรให้ฝ่ายเลขานุการฯ ตรวจสอบรายละเอียดการขอเปลี่ยนแปลงในแต่ละโครงการว่าเป็นไปตามระเบียบกองทุนฯ ในข้อใด เพื่อการพิจารณาการขอเปลี่ยนแปลงโครงการฯ เป็นไปอย่างรอบคอบมากขึ้น พร้อมทั้งให้ปรับแก้ไขระยะเวลาที่เสนอขอขยายจากที่กำหนดเดือนและปี ให้เป็นจำนวนของระยะเวลาที่ขอขยายว่าจากเดิมมีกรอบระยะเวลาการดำเนินงานของโครงการกี่เดือน และจะขอขยายเวลาเพิ่มเป็นกี่เดือน
2. การขอขยายระยะเวลาโครงการในลำดับที่ 29-43 ซึ่งเป็นกลุ่มของโครงการที่สิ้นสุดระยะเวลานานแล้ว แต่ยังไม่ได้ปรับแผนขอขยายในช่วงที่ผ่านมา ให้ฝ่ายเลขานุการฯ นำไปพิจารณาทบทวนและหารือร่วมกับปลัดกระทรวงพลังงาน และผู้แทนกรมบัญชีกลาง เพื่อให้เป็นไปตามข้อกำหนดในระเบียบ และให้ฝ่ายเลขานุการฯ นำเรื่องดังกล่าวเสนอคณะอนุกรรมการฯ ในการประชุมครั้งต่อไป
3. การขอขยายระยะเวลาสิ้นสุดของโครงการย้อนหลัง ควรจะเพิ่มเติมรายละเอียดเกี่ยวกับสาเหตุให้ชัดเจน และไม่ควรจะให้มีการขอขยายระยะเวลาสิ้นสุดโครงการย้อนหลังอีก
4. การขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการ และขอขยายระยะเวลาดำเนินงาน จำนวน 7 โครงการ เห็นควรให้เปลี่ยนแปลงรายละเอียดและขยายเวลาดำเนินงานได้ ยกเว้นโครงการ ต่อไปนี้
- โครงการ Energy Mobile Unit ระยะที่ 2 อนุมัติให้ขยายระยะเวลาดำเนินงานได้จนถึงเดือนพฤษภาคม 2554 แต่ไม่อนุมัติให้นำเงินเหลือจ่าย จำนวน 2,325,000 บาท ไปจัดซื้อรถบรรทุก คอมพิวเตอร์ และผลิตสปอตวิทยุ
- โครงการการพัฒนากระบวนการเรียนรู้แบบบูรณาการด้านพลังงานเพื่อเสริมในหลักสูตรประถมและมัธยมศึกษา (ปีที่ 1) อนุมัติให้ขยายระยะเวลาดำเนินงานได้จนถึงวันที่ 22 ธันวาคม 2554 แต่ไม่อนุมัติให้โอนเปลี่ยนแปลงหมวดรายจ่าย จากหมวดค่าใช้สอยเป็นหมวดค่าครุภัณฑ์ ในวงเงิน 100,000 บาท เพื่อจัดซื้อวัสดุคงทนถาวรและครุภัณฑ์
5. โครงการสนับสนุนทุนการศึกษา อนุมัติการขยายระยะเวลาการศึกษาให้กับนายสุขแก้ว คำเมืองสา ได้จนถึงเดือนมิถุนายน 2554 แต่ไม่อนุมัติให้ใช้เงินเหลือจ่าย จำนวน 8,230 บาท ในช่วงขยายระยะเวลาการศึกษา
6. ให้ฝ่ายเลขานุการฯ เพิ่มเติมรายละเอียดที่เกี่ยวข้องกับการขอเปลี่ยนแปลงสาขาวิชาของผู้ได้รับทุนจากสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) ในโครงการสนับสนุนทุนการศึกษา และนำมาเสนออนุกรรมการฯ ในการประชุมครั้งต่อไป
มติที่ประชุม
1. อนุมัติการขยายระยะเวลาการเบิกจ่ายเงินกองทุนฯ เกิน 3 เดือน นับจากวันสิ้นสุดเงื่อนไขแห่งสัญญา/หนังสือยืนยัน (กลุ่มที่ 1) จำนวน 1 โครงการ คือ โครงการการพัฒนาโครงการไฟฟ้าพลังน้ำระดับหมู่บ้านอย่างยั่งยืน (ว่าจ้างปรับปรุงระบบส่งน้ำ โครงการไฟฟ้าพลังน้ำระดับหมู่บ้าน โครงการห้วยน้ำขุ่น อำเภอแม่สรวย จังหวัดเชียงราย)
2. อนุมัติการขยายระยะเวลาโครงการในส่วนของโครงการที่สิ้นสุดระยะเวลาโครงการฯ แล้ว และขอขยายระยะเวลาเพิ่มเติมเพื่อดำเนินโครงการฯ ให้แล้วเสร็จตามวัตถุประสงค์ (กลุ่มที่ 2.1) จำนวน 26 โครงการ (โครงการที่ 1-26)
3. อนุมัติการขยายระยะเวลาโครงการในส่วนของโครงการยังไม่สิ้นสุดระยะเวลาโครงการ แต่มีการดำเนินการผูกพันสัญญาการขอรับทุนกับผู้ร่วมโครงการเกินระยะเวลาสิ้นสุดโครงการฯ (กลุ่มที่ 2.2) จำนวน 2 โครงการ (โครงการที่ 27-28)
4. อนุมัติการขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการ ในส่วนของการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดกิจกรรมให้เหมาะสมกับสถานการณ์ในปัจจุบันเพื่อให้โครงการบรรลุวัตถุประสงค์ (กลุ่มที่ 3) จำนวน 4 โครงการ
5. อนุมัติการขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการและขอขยายระยะเวลาดำเนินงาน (กลุ่มที่ 4) ยกเว้น
- โครงการ Energy Mobile Unit ระยะที่ 2 อนุมัติให้ขยายระยะเวลาดำเนินงานได้จนถึงเดือนพฤษภาคม 2554 แต่ไม่อนุมัติให้นำเงินเหลือจ่าย จำนวน 2,325,000 บาท ไปจัดซื้อรถบรรทุก คอมพิวเตอร์ และผลิตสปอตวิทยุ
- โครงการการพัฒนากระบวนการเรียนรู้แบบบูรณาการด้านพลังงานเพื่อเสริมในหลักสูตรประถมและมัธยมศึกษา (ปีที่ 1) อนุมัติให้ขยายระยะเวลาดำเนินงานได้จนถึงวันที่ 22 ธันวาคม 2554 แต่ไม่อนุมัติให้โอนเปลี่ยนแปลงหมวดรายจ่าย จากหมวดค่าใช้สอยเป็นหมวดค่าครุภัณฑ์ ในวงเงิน 100,000 บาท เพื่อจัดซื้อวัสดุคงทนถาวรและครุภัณฑ์
- โครงการสนับสนุนทุนการศึกษา อนุมัติการขยายระยะเวลาการศึกษาให้กับนายสุขแก้ว คำเมืองสา ได้จนถึงเดือนมิถุนายน 2554 แต่ไม่อนุมัติให้ใช้เงินเหลือจ่าย จำนวน 8,230 บาท ในช่วงขยายระยะเวลาการศึกษา
- โครงการสนับสนุนทุนการศึกษาในประเทศในส่วนของการขอขยายระยะเวลาและขอเปลี่ยนแปลงสาขาวิชาของ สนข.
6. อนุมัติการขอยุติการดำเนินโครงการ (กลุ่มที่ 5) จำนวน 3 โครงการ
กอ. ครั้งที่ 52 - วันพฤหัสบดีที่ 23 ธันวาคม 2553
มติคณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน
ครั้งที่ 3/2553 (ครั้งที่ 52)
วันพฤหัสบดีที่ 23 ธันวาคม 2553 เวลา 15.30 น.
ณ ห้องประชุมบุญรอด-นิธิพัฒน์ ชั้น 11 อาคาร 7 กระทรวงพลังงาน
1. แต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน
2. รายงานฐานะการเงินกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน สิ้นสุด ณ วันที่ 30 พฤศจิกายน 2553
3. ประมาณการกระแสเงินสดของกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ในปี 2554-2557
4. รายงานการดำเนินโครงการและการใช้จ่ายเงินกองทุนฯ ปีงบประมาณ 2553
5. รายงานการตรวจสอบประเมินผลกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน
6. บทบาทคณะกรรมการทุนหมุนเวียนตามตัวชี้วัดภาคบังคับของกรมบัญชีกลาง
7. งบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2554 กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน
นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี รองนายกรัฐมนตรี ประธานกรรมการ
นายวีระพล จิรประดิษฐกุล ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน กรรมการและเลขานุการ
เรื่องที่ 1 แต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน
1. เลขานุการฯ ได้แจ้งที่ประชุมทราบว่า คณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 21 กันยายน 2553 ได้มีมติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการกองทุนฯ จำนวน 7 ราย ดังนี้
1.1 นายสวัสดิ์ ตันตระรัตน์ | ผู้ทรงคุณวุฒิด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อม |
1.2 นายสมชาติ โสภณรณฤทธิ์ | ผู้ทรงคุณวุฒิด้านพลังงาน |
1.3 นายกฤษณพงศ์ กีรติกร | ผู้ทรงคุณวุฒิด้านพลังงาน |
1.4 หม่อมราชวงศ์พงษ์สวัสดิ์ สวัสดิวัตน์ | ผู้ทรงคุณวุฒิด้านพลังงาน |
1.5 นายยอดเยี่ยม เทพธรานนท์ | ผู้ทรงคุณวุฒิด้านพลังงาน |
1.6 นางสาวพวงเพชร สารคุณ | ผู้ทรงคุณวุฒิด้านพลังงาน |
1.7 นายพรายพล คุ้มทรัพย์ | ผู้ทรงคุณวุฒิด้านเศรษฐศาสตร์ |
2. สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ได้ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรีเรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการกองทุนฯ เมื่อวันที่ 26 กันยายน 2553 ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 21 กันยายน 2553 เป็นต้นไป และฝ่ายเลขานุการฯ ได้แจ้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิทุกท่านทราบแล้ว
มติที่ประชุม
รับทราบการแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ตามที่ฝ่ายเลขานุการฯ เสนอ
เรื่องที่ 2 รายงานฐานะการเงินกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน สิ้นสุด ณ วันที่ 30 พฤศจิกายน 2553
เลขานุการฯ ได้รายงานผลการใช้จ่ายเงินและฐานะเงินกองทุนฯ ณ วันที่ 30 พฤศจิกายน 2553 ดังนี้
หน่วย : ล้านบาท | |
ยอดยกมา ณ วันที่ 1 ตุลาคม 2553 | 16,385.31 |
บวก รายรับ | 1,232.38 |
รวม | 17,617.69 |
หัก รายจ่าย | 901.63 |
คงเหลือ ณ วันที่ 30 พฤศจิกายน 2553 | 16,716.06 |
มติที่ประชุม
1. รับทราบรายงานฐานะการเงินกองทุนฯ สิ้นสุด ณ วันที่ 30 พฤศจิกายน 2553 ตามที่ฝ่ายเลขานุการฯ เสนอ
2. ให้ฝ่ายเลขานุการฯ นำข้อเสนอแนะของผู้แทนกรมบัญชีกลางไปพิจารณาดำเนินการ และเสนอคณะอนุกรรมการกองทุนฯ เพื่อพิจารณาเห็นชอบก่อนดำเนินการ และให้รายงานต่อคณะกรรมการกองทุนฯ เพื่อทราบ
เรื่องที่ 3 ประมาณการกระแสเงินสดของกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ในปี 2554-2557
1. กพช. ในการประชุมเมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2552 ได้มีมติให้ยกเลิกการจัดเก็บเงินส่งเข้ากองทุนอนุรักษ์ฯ ในส่วนที่เก็บเพื่อส่งเสริมโครงการลงทุนพัฒนาระบบการขนส่งของทั้งน้ำมันเบนซินและน้ำมันดีเซล ที่จัดเก็บในอัตรา 0.50 บาท/ลิตร และให้โอนเงินที่ได้จัดเก็บไว้แล้ว มาสบทบกับเงินสำหรับส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน และลดอัตราจัดเก็บเงินกองทุนอนุรักษ์ฯ ของน้ำมันดีเซลสำหรับส่งเสริมอนุรักษ์พลังงาน จากที่เก็บอยู่ 0.25 บาท/ลิตร เหลือ 0.05 บาท/ลิตร เป็นระยะเวลา 1 ปี และให้จัดเก็บในอัตราเดิม คือ 0.25 บาท/ลิตร ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2553
2. รายได้ที่จัดเก็บเงินเข้ากองทุนฯ สำหรับ "โครงการลงทุนพัฒนาระบบการขนส่ง" ตั้งแต่วันที่ 11 มกราคม 2551 - 1 ตุลาคม 2552 รวมทั้งสิ้น 8,151.37 ล้านบาท โดยปัจจุบันได้โอนเงินดังกล่าวเข้าสมทบกับเงินกองทุนอนุรักษ์ฯ ทั้งนี้ฐานะเงิน "กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน" ณ วันที่ 30 กันยายน 2553 มีจำนวนทั้งสิ้น 16,385 ล้านบาท
3. ฝ่ายเลขานุการฯ ได้จัดทำประมาณการกระแสเงินสดของกองทุนฯ ณ วันที่ 30 กันยายน 2553 สรุปได้ดังนี้
หน่วย: ล้านบาท
ปีงบประมาณ | 2554 | 2555 | 2556 | 2557 | รวมช่วงปี54-57 |
1.เงินคงเหลือณวันที่ 30 กันยายน 2553 | 16,385 | 16,385 | |||
2.ยอดยกมาต้นปีงบประมาณ | 17,536 | 22,272 | 29,666 | ||
3.รายรับประกอบด้วย | |||||
3.1 ประมาณรายรับจากผู้ผลิต/ผู้นำเข้าน้ำมัน | 7,083 | 7,214 | 7,379 | 7,453 | 29,129 |
3.2 เงินทุนหมุนเวียนรอรับคืนจากพพ. | 968 | 862 | 671 | 710 | 3,210 |
3.3 เงินทุนหมุนเวียนรอรับคืนจากปตท. | 211 | 212 | 204 | 135 | 762 |
หน่วย: ล้านบาท
ปีงบประมาณ | 2554 | 2555 | 2556 | 2557 | รวมช่วงปี54-57 |
3.4 เงินทุนหมุนเวียนรอรับคืนจากกฟผ. | 550 | - | - | 400 | 950 |
รวมรับ | 8,812 | 8,288 | 8,254 | 8,698 | 34,051 |
4.รายจ่ายประกอบด้วย | |||||
4.1 รายจ่ายผูกพันปี 2538-2547 | 274 | 132 | 21 | - | 426 |
4.2 รายจ่ายผูกพันปี 2548-2552 | 4,701 | 3,420 | 838 | 766 | 9,726 |
4.3 รายจ่ายผูกพันปี 2553 (สนพ.) | 1,281 | 1,281 | |||
4.4 รายจ่ายผูกพันปี 2553 (พพ.) | 1,406 | 1,406 | |||
รวมจ่าย | 7,661 | 3,552 | 860 | 766 | 12,839 |
5.เงินคงเหลือปลายปี (1+2+3-4) ยกไป | 17,536 | 22,272 | 29,666 | 37,598 | 37,598 |
ประมาณการรายได้/รายจ่ายสุทธิ (3-4) | 1,151 | 4,736 | 7,394 | 7,932 | 21,213 |
มติที่ประชุม
รับทราบประมาณการกระแสเงินสดของกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ในปี 2554-2557 ตามที่ฝ่ายเลขานุการฯ เสนอ
เรื่องที่ 4 รายงานการดำเนินโครงการและการใช้จ่ายเงินกองทุนฯ ปีงบประมาณ 2553
1. คณะกรรมการกองทุนฯ ในการประชุมเมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2553 ได้อนุมัติจัดสรรเงินกองทุนฯ เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการตามแผนอนุรักษ์พลังงาน ปีงบประมาณ 2553 ให้กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) ในวงเงิน 1,823,952,000 บาท และสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) ในวงเงิน 1,379,613,752 บาท รวมเป็นเงิน 3,203,565,752 บาท โดยแยกเป็นแผนพลังงานทดแทน ในวงเงิน 1,039,305,450 บาท แผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน ในวงเงิน 2,034,859,090 บาท และแผนงานบริหารทางกลยุทธ์ ในวงเงิน 129,401,212 บาท
2. พพ. และ สนพ. ได้ดำเนินโครงการภายใต้แผนพลังงานทดแทน แผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน และแผนงานบริหารทางกลยุทธ์ ปีงบประมาณ 2553 ตามที่ได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการกองทุนฯ ไว้แล้ว โดยมีการใช้จ่ายเงินกองทุนฯ เป็นจำนวนเงิน 2,931,520,752 บาท คิดเป็นร้อยละ 91.51 ของงบประมาณรวม และได้เบิกจ่ายเงินคิดเป็นร้อยละ 23 ของงบที่ผูกพัน ดังนี้
2.1 การดำเนินโครงการภายใต้แผนพลังงานทดแทน ได้มีการใช้จ่ายเงินกองทุนฯ และผูกพันงบประมาณ เป็นเงิน 979.95 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 94 ของงบที่ได้รับ
2.2 การดำเนินโครงการภายใต้แผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน ได้มีใช้จ่ายเงินกองทุนฯ และผูกพันงบประมาณ เป็นเงิน 1,822.17 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 90 ของงบที่ได้รับ
2.3 การดำเนินงานภายใต้แผนงานบริหารทางกลยุทธ์ ได้มีการใช้จ่ายเงินกองทุนฯ และผูกพันงบประมาณ เป็นเงิน 129.40 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 100 ของงบที่ได้รับ
มติที่ประชุม
รับทราบรายงานการดำเนินโครงการและการใช้จ่ายเงินกองทุนฯ ปีงบประมาณ 2553 ตามที่ ฝ่ายเลขานุการฯ เสนอ
เรื่องที่ 5 รายงานการตรวจสอบประเมินผลกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน
1. สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ได้จัดส่งเจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจสอบประเมินผลกองทุนฯ ระหว่างวันที่ 15 ตุลาคม 2551 - 31 กรกฎาคม 2552 เพื่อให้ทราบว่าการดำเนินงานของกองทุนฯ และโครงการที่ได้รับการสนับสนุนจากกองทุนฯ มีผลการดำเนินงานบรรลุตามวัตถุประสงค์และเป้าหมายหรือไม่การใช้จ่ายเงินของกองทุนฯ เป็นไปตามวัตถุประสงค์ ประหยัด และคุ้มค่าหรือไม่ อย่างไร โดยขอตรวจสอบตั้งแต่ปีงบประมาณ 2549-2551 และได้ขอความร่วมมือ สนพ. จัดเตรียมเอกสารและข้อมูลต่างๆ ที่เกี่ยวกับกองทุนฯ และสถานที่ให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานระหว่างการตรวจสอบ
2. สตง. ได้แจ้งผลและส่งรายงานการตรวจสอบประเมินผลกองทุนฯ ตั้งแต่ปีงบประมาณ 2549-2551 มายัง สนพ. เพื่อทราบและดำเนินการตามข้อเสนอแนะ ซึ่งสรุปสาระสำคัญได้ 2 ประเด็น ดังนี้
2.1 การใช้จ่ายเงินไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของกองทุนฯ โดยครอบคลุมการใช้จ่ายเงินเพื่อบริหารกองทุนฯ ทั้งในส่วนของ สนพ. และ พพ. ที่ไม่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานตามภารกิจหน้าที่ของกองทุนฯ ซึ่งกำหนดไว้ในวัตถุประสงค์ตาม พ.ร.บ. การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535
2.2 ผลการดำเนินงานโครงการที่ได้รับจัดสรรเงินจากกองทุนฯ ไม่บรรลุวัตถุประสงค์และไม่มีการใช้ประโยชน์ ซึ่ง สตง. ได้ตรวจสอบทั้งหมด 42 โครงการ ตามแผนพลังงานทดแทน และแผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน โดยมีผลการดำเนินงานโครงการไม่บรรลุวัตถุประสงค์ และไม่มีการใช้ประโยชน์จากโครงการ จำนวน 11 โครงการ (พพ. จำนวน 10 โครงการ และ สนพ. จำนวน 1 โครงการ)
3. สตง. เสนอแนะให้ฝ่ายเลขานุการฯ นำเสนอผลการตรวจสอบของ สตง. ให้ประธานกรรมการกองทุนฯ รับทราบและพิจารณา ดังต่อไปนี้
3.1 กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาจัดสรรเงินกองทุนฯ ในส่วนของงานบริหาร เพื่อให้การใช้จ่ายเงินกองทุนฯ เป็นไปตามวัตถุประสงค์และเกิดประสิทธิภาพสูงสุด
3.2 จัดให้มีการติดตามประเมินผลการใช้จ่ายเงินของกองทุนฯ ในส่วนของงานบริหารเพื่อให้การใช้จ่ายเงินกองทุนฯ เป็นไปตามวัตถุประสงค์และมีประสิทธิภาพ รวมทั้งทราบปัญหา อุปสรรค
3.3 ให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาของการดำเนินงานโครงการที่ได้รับการจัดสรรเงินจากกองทุนฯ โดยการพิจารณาดำเนินการตามรายงานประเมินผลและข้อเสนอแนะของคณะอนุกรรมการประเมินผลโครงการภายใต้แผนอนุรักษ์พลังงาน และแจ้งปัญหาในการดำเนินงานของทั้ง 11 โครงการ ตามผลการตรวจสอบให้ สนพ. และ พพ. ทราบและดำเนินการแก้ไข เพื่อให้การดำเนินงานโครงการมีประสิทธิภาพ ประสิทธิผลและยั่งยืน
3.4 กำหนดกฎระเบียบให้ สนพ. และ พพ. ซึ่งได้รับการจัดสรรเงินจากกองทุนฯ จัดส่งข้อมูล โครงการให้กองทุนฯ เพื่อให้คณะอนุกรรมการประเมินผลฯ ใช้ในการติดตามประเมินผล
3.5 การพิจารณาจัดสรรเงินกองทุนฯ ให้กับโครงการที่มีลักษณะการส่งเสริมและสาธิต ในอนาคตต้องกำหนดหลักเกณฑ์ให้มีการศึกษาความเป็นไปได้ก่อน เพื่อใช้เป็นข้อมูลสำหรับพิจารณาตัดสินใจให้การสนับสนุนเงินกองทุนฯ สำหรับการดำเนินงานโครงการต่อไป
4. ฝ่ายเลขานุการฯ ได้ดำเนินการตามข้อเสนอแนะของ สตง. แล้ว สรุปได้ดังนี้
4.1 ได้จัดทำหลักเกณฑ์การพิจารณาจัดสรรงบประมาณ ในส่วนงานบริหารแผนและงานบริหารจัดการประจำปี 2554 เพื่อใช้ในการพิจารณางบประมาณกองทุนฯ ปี 2554 ดังนี้
1) เกณฑ์การพิจารณาจัดสรรงบประมาณ ในส่วนงานบริหารแผนและงานบริหารจัดการ ประจำปี 2554
เพื่อให้ใช้จ่ายเงินกองทุนในส่วนของงานบริหารงานกองทุนฯ เป็นไปตามเจตนารมณ์ ของพระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535 มาตรการ 25 (4) ที่กำหนดวัตถุประสงค์ให้ "เป็นค่าใช้จ่ายเงินกองทุนฯ ในการบริหารงานการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานเพื่อให้เป็นไปตามพระราชบัญญัตินี้" การพิจารณาจัดสรรงบประมาณ ในส่วนงานบริหารแผนและงานบริหารจัดการ ประจำปี 2554 คณะทำงานพิจารณากลั่นกรองงบประมาณประจำ 2554 ใช้หลักเกณฑ์เบื้องต้นในการพิจารณาจัดสรร ดังนี้
1.1) เป็นรายการค่าใช้จ่ายที่มีความเกี่ยวข้องกับภารกิจและหน้าที่ของกองทุนเพื่อส่งเสริม การอนุรักษ์พลังงาน
1.2) อัตราค่าใช้จ่ายให้เป็นไปตามที่กระทรวงการคลังกำหนด และรายการค่าจ้างที่ปรึกษาให้เป็นไปตามที่สำนักงบประมาณกำหนด
1.3) เป็นรายการค่าใช้จ่ายที่เป็นไปตามภารกิจที่คณะกรรมการกองทุนฯ และคณะอนุกรรมการกองทุนฯ มอบหมาย
1.4) เป็นรายการค่าใช้จ่ายที่ดำเนินการตามตัวชี้วัดเงินทุนหมุนเวียนของกรมบัญชีกลาง
1.5) นำผลประเมินของคณะอนุกรรมการประเมินผลฯ มาประกอบการพิจารณาในการจัดสรรงบประมาณแต่ละปี
2) แนวทางการดำเนินงานในปีงบประมาณต่อไป
2.1) ฝ่ายเลขานุการฯ จะจัดตั้งคณะทำงานกำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาจัดสรรงบประมาณในส่วนงานบริหารแผนและงานบริหารจัดการ ของกองทุนฯ เพื่อให้การจัดสรรงบประมาณเป็นไปตามเจตนารมณ์ของพระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน และตามภารกิจ หน้าที่ของกองทุนฯ ซึ่งประกอบด้วย ผู้แทนจาก สนพ. พพ. กรมบัญชีกลาง และผู้แทนสำนักงบประมาณ
2.2) นำหลักเกณฑ์การพิจารณาจัดสรรงบประมาณ ในส่วนงานบริหารแผนและงานบริหารจัดการ ของกองทุนฯ ที่กำหนดโดยคณะทำงานมาใช้ในการจัดสรรงบประมาณแต่ละปี
4.2 ฝ่ายเลขานุการฯ จะดำเนินการจัดทำหนังสือแจ้งประธานอนุกรรมการประเมินผลฯ เพื่อติดตามประเมินผลการใช้จ่ายเงินของกองทุนฯ ในส่วนของงานบริหารต่อไป
4.3 สนพ. และ พพ. ได้ชี้แจงเหตุที่ไม่บรรลุวัตถประสงค์หรือไม่มีการใช้ประโยชน์ พร้อมทั้งเสนอแนวทางการแก้ไขการดำเนินโครงการให้เกิดการใช้ประโยชน์สูงสุด ทั้ง 11 โครงการแล้ว ซึ่งมีรายละเอียดตามเอกสารแนบของระเบียบวาระ
4.4 การจัดส่งข้อมูลโครงการให้กองทุนฯ นั้น ได้เพิ่มเติมข้อเสนอในเรื่องที่ 4.1 เพื่อเป็นมติให้ สนพ. และ พพ. จัดส่งข้อมูลโครงการให้กองทุนฯ เพื่อให้คณะอนุกรรมการประเมินผลฯ ใช้ในการติดตามประเมินผลแล้ว
4.5 สนพ. ได้มีหนังสือแจ้ง สตง. ให้ทราบผลการดำเนินงานเบื้องต้นเรียบร้อยแล้ว
มติที่ประชุม
รับทราบรายงานการตรวจสอบประเมินผลกองทุนฯ ของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ตามที่ ฝ่ายเลขานุการฯ เสนอ และประธานกรรมการกองทุนฯ ให้ฝ่ายเลขานุการฯ และหน่วยงานทั้ง สนพ. และ พพ. นำข้อท้วงติงของ สตง. ไปเป็นแนวปฏิบัติในการดำเนินงานต่อไป เพื่อมิให้มีรายการค่าใช้จ่ายเงินกองทุนฯ ที่ผิดวัตถุประสงค์เกิดขึ้นอีก
เรื่องที่ 6 บทบาทคณะกรรมการทุนหมุนเวียนตามตัวชี้วัดภาคบังคับของกรมบัญชีกลาง
1. คณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2546 มีมติอนุมัติให้หน่วยงานต่างๆ ที่มีเงินนอกงบประมาณ ถือปฏิบัติตามมาตรการกำกับดูแลเงินนอกงบประมาณ ที่กระทรวงการคลังเสนออย่างเคร่งครัด โดยให้กระทรวงการคลังร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติติดตามผล การดำเนินการ และกรมบัญชีกลางเริ่มใช้ระบบประเมินผลทุนหมุนเวียน ตั้งแต่ปีบัญชี 2547 ซึ่งกองทุน เพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานเป็นทุนหมุนเวียนที่เข้าสู่ระบบประเมินผลการดำเนินงาน ตั้งแต่ปีบัญชี 2549
2. ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 กรมบัญชีกลางได้กำหนดตัวชี้วัดภาคบังคับ "บทบาทคณะกรรมการทุนหมุนเวียน" ซึ่งเป็นตัวชี้วัดที่ทุกทุนหมุนเวียนในความรับผิดชอบของกรมบัญชีกลางจะต้องปฏิบัติตาม โดยมีความมุ่งหวังเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการกำกับดูแลของคณะกรรมการทุนหมุนเวียน โดย จะประเมินจาก 4 ประเด็นหลักที่สำคัญ ดังนี้
2.1 การจัดให้มีทิศทาง แผนยุทธศาสตร์ และแผนปฏิบัติการประจำปี โดยพิจารณาจากคณะกรรมการทุนหมุนเวียนกำหนดทิศทาง ยุทธศาสตร์ และจัดให้มีแผนยุทธศาสตร์หรือแผนระยะยาว และแผนปฏิบัติการประจำปี ที่มีองค์ประกอบครบถ้วน มีคุณภาพ และสอดคล้องกับวัตถุประสงค์จัดตั้ง รวมถึง พันธกิจของทุนหมุนเวียน
2.2 การติดตามระบบการบริหารจัดการและผลการปฏิบัติงานตามภารกิจของทุนหมุนเวียน โดยพิจารณาจากคณะกรรมการทุนหมุนเวียนมีการติดตามผลการปฏิบัติงานตามพันธกิจและระบบบริหารจัดการที่สำคัญ ได้แก่ ระบบการควบคุมภายใน ระบบการตรวจสอบภายใน ระบบการบริหารความเสี่ยง ระบบบริหารจัดการสารสนเทศ และระบบบริหารทรัพยากรบุคคลของทุนหมุนเวียนอย่างครบถ้วน เพียงพอ และสม่ำเสมอทั้งปี
2.3 การจัดให้มีระบบประเมินผลผู้บริหารทุนหมุนเวียน โดยพิจารณาจากการประเมินผลผู้บริหารระดับสูงที่เป็นระบบ โดยมีหลักเกณฑ์ชัดเจนสอดคล้องและเชื่อมโยงกับหลักเกณฑ์ และเป้าหมายระดับองค์กร
2.4 การเปิดเผยข้อมูลข่าวสารแก่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย โดยพิจารณาจากการเปิดเผยข้อมูลสารสนเทศที่ครบถ้วน ถูกต้อง เชื่อถือได้ ทันกาล
3. การกำหนดเกณฑ์การประเมินผลการดำเนินงานของกองทุนฯ ประจำปีบัญชี 2554 นั้น ฝ่ายเลขานุการฯ กำลังดำเนินการเจรจาต่อรองระหว่างผู้ถูกประเมิน คือ กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน (สนพ. และ พพ.) กับผู้ประเมิน คือ กรมบัญชีกลางและทริส เพื่อให้ได้ตัวชี้วัดที่เหมาะสมกับการดำเนินงานของกองทุนฯ มากที่สุด ซึ่งคาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จกลางเดือนมกราคม 2554
มติที่ประชุม
รับทราบบทบาทคณะกรรมการทุนหมุนเวียนตามตัวชี้วัดภาคบังคับของกรมบัญชีกลาง ตามที่ ฝ่ายเลขานุการฯ เสนอ และให้ฝ่ายเลขานุการฯ รายงานผลการประเมินการดำเนินงานของกองทุนฯ ในแต่ละรอบ ต่อคณะกรรมการกองทุนฯ เพื่อทราบต่อไปด้วย
เรื่องที่ 7 งบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2554 กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน
1. คณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2550 ได้รับทราบแผนอนุรักษ์พลังงานและเป้าหมาย ในช่วงปีงบประมาณ พ.ศ. 2551-2554 ตามที่คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) เสนอ โดยมีเป้าหมายและการดำเนินการจะลดปริมาณการใช้พลังงานลง 7,820 พันตันเทียบเท่าน้ำมันดิบ หรือคิดเป็นร้อยละ 10.8 ของความต้องการใช้พลังงานทั้งหมดของประเทศในปี 2554 และกำหนดเป้าหมายการนำพลังงานหมุนเวียนมาใช้แทนพลังงานเชิงพาณิชย์ 8,858 พันตันเทียบเท่าน้ำมันดิบ หรือคิดเป็นร้อยละ 12.2 ของความต้องการใช้พลังงานในปี 2554 และ กพช. ในการประชุมเมื่อวันที่ 16 มกราคม 2552 ได้เห็นชอบแผนพัฒนาพลังงานทดแทน 15 ปี โดยกำหนดเป้าหมายการนำพลังงานทดแทนรวม 10,961 พันตันเทียบเท่าน้ำมันดิบ หรือคิดเป็นร้อยละ 15.6 ของความต้องการใช้พลังงานในปี 2554
2. สนพ. ในฐานะฝ่ายเลขานุการ "กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน" ได้รวบรวมงบประมาณรายจ่ายตามแผนงานและโครงการจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อขอรับการสนับสนุนเงินกองทุนฯ สำหรับ ใช้จ่ายเป็นเงินหมุนเวียน เงินช่วยเหลือ หรือเงินอุดหนุนสำหรับการลงทุน และดำเนินงานเกี่ยวกับการอนุรักษ์พลังงาน มาตรา 25 แห่ง "พระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน" โดยมีหน่วยงานยื่นขอรับการสนับสนุนจากกองทุนฯ ในปีงบประมาณ 2554 เป็นจำนวน 125 โครงการ ในวงเงินทั้งสิ้น 5,365,911,205 บาท
3. การพิจารณากลั่นกรองงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2554 ดำเนินการโดย "คณะทำงานพิจารณากลั่นกรองงบประมาณประจำปี 2554 ของกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน" ที่ประธานคณะอนุกรรมการกองทุนฯ ได้แต่งตั้งเมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 2553 โดยมีปลัดกระทรวงพลังงานเป็นประธานคณะทำงานฯ ซึ่งได้เริ่มประชุมพิจารณางบประมาณตั้งแต่วันที่ 22 กันยายน 2553 - 3 ธันวาคม 2553 รวม 9 ครั้ง และคณะทำงานฯ ได้ยึดแนวทาง/หลักเกณฑ์การพิจารณากลั่นกรองโครงการฯ ของกองทุนฯ โดยมีหลักเกณฑ์ที่สำคัญ ดังนี้
1) การจัดลำดับความสำคัญตามนโยบายและแผน โดยทำการพิจารณาถึงความสอดคล้องของโครงการกับภารกิจที่สำคัญ ดังนี้
- ภารกิจตามข้อกำหนดและกฎหมาย พ.ร.บ. การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน
- ภารกิจตามยุทธศาสตร์ระดับชาติ นโยบายรัฐบาล และกระทรวงพลังงาน
- ภารกิจตามเจตนารมณ์ของกองทุนฯ ตามมาตรา 25 แห่ง พ.ร.บ. การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน และตามแผนและเป้าหมายอนุรักษ์พลังงาน ในช่วงปี 2551-2554
- ภารกิจตามแผนพัฒนาพลังงานทดแทน 15 ปี (พ.ศ. 2551-2565)
2) ระยะเวลาการเกิดผลสัมฤทธิ์ โดยใช้เป็นเกณฑ์ในการแบ่งช่วงเวลาที่โครงการดังกล่าวสามารถนำไปสู่การปฏิบัติได้จริงหรือขยายผลได้ในอนาคต โดยแบ่งเป็น 3 ระยะ ได้แก่ ระยะ "สั้น" (เกิดผลสัมฤทธิ์ได้ใน 1-2 ปี) ระยะ "กลาง" (เกิดผลสัมฤทธิ์ได้ใน 3-5 ปี) และ ระยะ "ยาว" (เกิดผลสัมฤทธิ์ต้องใช้เวลามากกว่า 5 ปี)
3) ศักยภาพในการขยายผล โดยเน้นโครงการวิจัยและ/หรือดำเนินการแล้วสามารถนำไปปฏิบัติได้จริงหรือขยายผลได้จริง (Deployment Potential) โดยแบ่งตามศักยภาพการขยายผลเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มที่มีศักยภาพในการขยายผล "มาก" และกลุ่มที่มีศักยภาพในการขยายผล "น้อย"
4) โครงการต่อเนื่อง โดยพิจารณาผลการดำเนินงานในช่วงที่ผ่านมา ถ้ามีความก้าวหน้าเกินกว่าร้อยละ 50 ของแผนงาน และผลการดำเนินงานอยู่ในระดับดี จึงจะได้รับงบประมาณสำหรับปีต่อไป
5) งานประชาสัมพันธ์ ดำเนินงานเฉพาะกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการสื่อสารอย่างแท้จริง
6) งบบริหารแผนการดำเนินงาน จะต้องเป็นภารกิจหรืองานที่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของการใช้จ่ายเงินกองทุนฯ ตาม พ.ร.บ. การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน และปรับอัตราค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่ขอรับการสนับสนุนจากกองทุนฯ ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ แนวทาง และขอบเขตการพิจารณางบประมาณตามที่สำนักงบประมาณกำหนด
4. คณะทำงานฯ ได้พิจารณารายละเอียดการของบประมาณรายจ่ายโครงการของกองทุนฯ ตามที่ได้รับมอบหมายจากคณะอนุกรรมการฯ แล้ว โดยเห็นสมควรสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายตามโครงการประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 ของกองทุนฯ เป็นจำนวนไม่เกิน 2,614,335,136 บาท รวม 81 โครงการ ซึ่งได้ครอบคลุมการดำเนินงานทั้งในการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานภาคอุตสาหกรรมและธุรกิจ การจัดการด้านการใช้พลังงาน รวมถึงการส่งเสริมการผลิตและการใช้พลังงานทดแทนในการผลิตไฟฟ้า และผลิตความร้อนในเทคโนโลยีต่างๆ เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม พลังงานน้ำ พลังงานชีวมวล และเชื้อเพลิงชีวภาพ โดยแบ่งรายจ่ายออกเป็น 2 หน่วยงานผู้เบิกเงิน กองทุนฯ ดังนี้
1) พพ. จำนวน 883,618,960 บาท คิดเป็นร้อยละ 33.80 รวม 54 โครงการ
2) สนพ. จำนวน 1,730,716,176 บาท คิดเป็นร้อยละ 66.20 รวม 27 โครงการ
5. คณะอนุกรรมการกองทุนฯ ในการประชุมเมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2553 ได้พิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2554 ของกองทุนฯ แล้ว ที่ประชุมมีมติเห็นชอบงบประมาณรายจ่าย เป็นจำนวน 2,614,335,136 บาท ตามที่คณะทำงานฯ เห็นสมควร และให้ฝ่ายเลขานุการฯ เสนอคณะกรรมการกองทุนฯ พิจารณาให้ความเห็นชอบต่อไป ดังนี้
จำแนกตามแผนอนุรักษ์พลังงาน | จำนวนโครงการ | รวม | ร้อยละ | จำแนกตามหน่วยผู้เบิก (บาท) | |
พพ. | สนพ. | ||||
1. แผนพลังงานทดแทน | 39 | 1,449,445,340 | 55.44 | 318,758,500 | 1,130,686,840 |
1.1 งานศึกษาวิจัยพัฒนา | 10 | 214,635,000 | 8.21 | 61,635,000 | 153,000,000 |
1.2 งานส่งเสริมและสาธิต | 20 | 341,945,340 | 13.08 | 228,703,500 | 113,241,840 |
1.3 งานพัฒนาบุคลากรและประชาสัมพันธ์ | 9 | 864,445,000 | 33.07 | - | 864,445,000 |
1.4 งานบริหารแผนงาน | - | 28,420,000 | 1.09 | 28,420,000 | - |
2. แผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน | 40 | 1,087,318,060 | 41.59 | 564,860,460 | 522,457,600 |
2.1 งานศึกษาวิจัยพัฒนา | 3 | 107,800,000 | 4.12 | 7,800,000 | 100,000,000 |
2.2 งานส่งเสริมและสาธิต | 21 | 492,940,000 | 18.86 | 492,940,000 | - |
2.3 งานพัฒนาบุคลากรและประชาสัมพันธ์ | 16 | 479,543,060 | 18.34 | 57,085,460 | 422,457,600 |
2.4 งานบริหารแผนงาน | - | 7,035,000 | 0.27 | 7,035,000 | - |
3. แผนบริหารเชิงกลยุทธ์ | 2 | 77,571,736 | 2.97 | - | 77,571,736 |
3.1 งานศึกษาวิจัยเชิงนโยบาย | 2 | 14,000,000 | 0.54 | - | 14,000,000 |
3.2 งานบริหารแผนงาน | - | 63,571,736 | 2.43 | - | 63,571,736 |
รวมงบประมาณ กทอ.ปี 2554 | 81 | 2,614,335,136 | 100.00 | 883,618,960 | 1,730,716,176 |
6. ฝ่ายเลขานุการฯ มีข้อเสนอในการดำเนินงานและการใช้จ่ายเงินกองทุนฯ ดังนี้
1) เนื่องจาก พพ. และ สนพ. มีงานบริหารเกี่ยวกับการอนุรักษ์พลังงานที่ต้องดำเนินงานต่อเนื่อง เช่น การเบิกจ่ายเงินให้หน่วยงาน โครงการ ตามข้อผูกพันสัญญาฯ การประสานหน่วยงาน โรงงาน อาคาร เพื่อดำเนินการตามกฎหมายอนุรักษ์พลังงาน การให้คำแนะนำกับประชาชนในเรื่องวิธีประหยัดพลังงาน ฯลฯ จึงมีรายจ่ายประจำที่จำเป็นเพื่อการบริหารงานที่เกิดขึ้นแล้ว เช่น ค่าจ้างพนักงานราชการ ค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปให้ความรู้ความเข้าใจ การร่วมประชุมให้ความเห็น ค่าสาธารณูปโภค เป็นต้น ฝ่ายเลขานุการฯ จึงขอเสนอคณะกรรมการกองทุนฯ พิจารณาเห็นชอบให้งบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2554 ของกองทุนฯ งานบริหารของทั้ง 3 แผนงาน มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2553
2) การพิจารณาให้ความเห็นชอบโครงการภายใต้งานศึกษาวิจัยและพัฒนาด้านเทคนิค ทั้งแผนพลังงานทดแทนและแผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน ในส่วนที่ สนพ. รับผิดชอบ ขอเสนอวิธีการดำเนินงานในลักษณะเดียวกับปีงบประมาณ 2553 โดยให้ สนพ. ทำหน้าที่พิจารณากลั่นกรองรายละเอียดของโครงการที่มีผู้ยื่นขอรับการสนับสนุน ตามรายละเอียดการของบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2554 แล้วนำเสนอผู้มีอำนาจอนุมัติภายในวงเงิน ดังต่อไปนี้
(1) ผอ.สนพ. ไม่เกิน 10,000,000 บาท
(2) คณะอนุกรรมการกองทุนฯ เกิน 10,000,000 บาท แต่ไม่เกิน 50,000,000 บาท
(3) คณะกรรมการกองทุนฯ เกิน 50,000,000 บาท
3) เพื่อให้งานประชาสัมพันธ์มีความเป็นเอกภาพ และมีทิศทางการปฏิบัติไปในแนวเดียวกัน จึงขอเสนอพิจารณาอนุมัติงบประมาณรายจ่ายโครงการประชาสัมพันธ์ในแผนพลังงานทดแทนและแผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน ไว้เป็นกรอบวงเงินแผนงานละ 350 ล้านบาท รวมเป็นเงิน 700 ล้านบาท ให้ผ่านการพิจารณาและเห็นชอบจาก "คณะกรรมการประชาสัมพันธ์และการสื่อสารของกระทรวงพลังงาน" ที่ปลัดกระทรวงพลังงานเป็นประธาน และให้สามารถถัวจ่ายและเปลี่ยนแปลงรายการในแผนงาน/งานเดียวกันได้ ทั้งนี้เมื่อคณะกรรมการประชาสัมพันธ์ฯ เห็นชอบแล้ว ให้เสนอต่อคณะอนุกรรมการกองทุนฯ เพื่อพิจารณาอนุมัติก่อนดำเนินโครงการต่อไป และให้กระทรวงพลังงานดำเนินการประเมินผลการประชาสัมพันธ์ที่ได้รับงบประมาณจากกองทุนฯ ต่อไปด้วย
4) เพื่อให้เป็นไปตามข้อเสนอแนะของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ให้ สนพ. และ พพ. จัดส่งข้อมูลการดำเนินโครงการที่ได้รับจัดสรรในปีงบประมาณ 2554 พร้อมทั้งเอกสารรายงานที่ได้ตรวจรับแล้ว (ในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์) ให้ฝ่ายเลขานุการฯ ทุก 4 เดือน เพื่อจัดส่งให้คณะอนุกรรมการประเมินผลฯ ใช้ในการติดตามประเมินผลโครงการต่อไป
มติที่ประชุม
ประธานกรรมการกองทุนฯ ให้ฝ่ายเลขานุการฯ ไปดำเนินการทบทวนและตรวจสอบงบประมาณรายจ่ายในแต่ละโครงการตามข้อกำหนดในมาตรา 25 ของ พ.ร.บ. การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พร้อมทั้งตรวจสอบโครงการในมิติตามเป้าหมายการอนุรักษ์พลังงาน เพิ่มเติม และจัดทำข้อมูลดังกล่าวเสนอคณะกรรมการกองทุนฯ เพื่อประกอบการพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2554 ในการประชุมครั้งต่อไป
กอ. ครั้งที่ 53 - วันจันทร์ที่ 7 กุมภาพันธ์ 2554
มติคณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน
ครั้งที่ 1/2554 (ครั้งที่ 53)
วันจันทร์ที่ 7 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา 14.00 น.
ณ ห้องประชุม 9 ชั้น 15 ศูนย์เอนเนอร์ยี่คอมเพล็กซ์ อาคารบี
นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี รองนายกรัฐมนตรี ประธานกรรมการ
นายวีระพล จิรประดิษฐกุล ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน กรรมการและเลขานุการ
1. งบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2554 ของกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน
2. เกณฑ์การประเมินผลการดำเนินงานของกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ประจำปีบัญชี 2554
3. การมอบอำนาจให้มีผู้แทนคณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานดำเนินการแทนคณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานในการดำเนินคดีทางปกครอง
เรื่องที่ 1 งบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2554 ของกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน
1. คณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2550 ได้รับทราบแผนอนุรักษ์พลังงานและเป้าหมาย ในช่วงปีงบประมาณ พ.ศ. 2551-2554 ตามที่คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) เสนอ โดยมีเป้าหมายและการดำเนินการจะลดปริมาณการใช้พลังงานลง 7,820 พันตันเทียบเท่าน้ำมันดิบ หรือคิดเป็นร้อยละ 10.8 ของความต้องการใช้พลังงานทั้งหมดของประเทศในปี 2554 และกำหนดเป้าหมายการนำพลังงานหมุนเวียนมาใช้แทนพลังงานเชิงพาณิชย์ 8,858 พันตันเทียบเท่าน้ำมันดิบ หรือคิดเป็นร้อยละ 12.2 ของความต้องการใช้พลังงานในปี 2554 และ กพช. ในการประชุมเมื่อวันที่ 16 มกราคม 2552 ได้เห็นชอบแผนพัฒนาพลังงานทดแทน 15 ปี โดยกำหนดเป้าหมายการนำพลังงานทดแทนรวม 10,961 พันตันเทียบเท่าน้ำมันดิบ หรือคิดเป็นร้อยละ 15.6 ของความต้องการใช้พลังงานในปี 2554
2. สนพ. ในฐานะฝ่ายเลขานุการ "กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน" ได้รวบรวมงบประมาณรายจ่ายตามแผนงานและโครงการจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อขอรับการสนับสนุนเงินกองทุนฯ สำหรับ ใช้จ่ายเป็นเงินหมุนเวียน เงินช่วยเหลือ หรือเงินอุดหนุนสำหรับการลงทุน และดำเนินงานเกี่ยวกับการอนุรักษ์พลังงาน ตามมาตรา 25 แห่ง "พระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน" โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ยื่นขอการสนับสนุนจากกองทุนฯ ในปีงบประมาณ 2554 เพื่อดำเนินโครงการ เป็นจำนวน 125 โครงการ ในวงเงินทั้งสิ้น 5,365,911,205 บาท
3. การพิจารณากลั่นกรองงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2554 ดำเนินการโดย "คณะทำงานพิจารณากลั่นกรองงบประมาณประจำปี 2554 ของกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน" ที่ประธานคณะอนุกรรมการกองทุนฯ ได้แต่งตั้ง โดยมีปลัดกระทรวงพลังงานเป็นประธานคณะทำงานฯ ซึ่งได้เริ่มประชุมพิจารณางบประมาณตั้งแต่วันที่ 22 กันยายน 2553 - 3 ธันวาคม 2553 รวม 9 ครั้ง มีหลักเกณฑ์การพิจารณาที่สำคัญ ดังนี้
(1) การจัดลำดับความสำคัญตามนโยบายและแผน โดยทำการพิจารณาถึงความสอดคล้องของโครงการกับภารกิจที่สำคัญ ได้แก่ ข้อกำหนดและกฎหมาย พ.ร.บ. การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน มาตรา 25 ยุทธศาสตร์ระดับชาติ นโยบายรัฐบาล และกระทรวงพลังงาน และ ตามแผนพัฒนาพลังงานทดแทน 15 ปี (พ.ศ. 2551-2565)
(2) ระยะเวลาการเกิดผลสัมฤทธิ์ โดยใช้เป็นเกณฑ์ในการแบ่งช่วงเวลาที่โครงการดังกล่าวสามารถนำไปสู่การปฏิบัติได้จริงหรือขยายผลได้ในอนาคต โดยแบ่งเป็นระยะสั้น ระยะกลาง และ ระยะยาว
(3) ศักยภาพในการขยายผล โดยเน้นโครงการวิจัยและ/หรือดำเนินการแล้วสามารถนำไปปฏิบัติได้จริงหรือขยายผลได้จริง โดยแบ่งตามศักยภาพการขยายผลเป็นกลุ่มที่มีศักยภาพในการขยายผลมากและน้อย
(4) โครงการต่อเนื่อง โดยพิจารณาผลการดำเนินงานในช่วงที่ผ่านมา ถ้ามีความก้าวหน้าเกินกว่าร้อยละ 50 ของแผนงาน และผลการดำเนินงานอยู่ในระดับดี จึงจะได้รับงบประมาณสำหรับปีต่อไป
(5) งานประชาสัมพันธ์ ดำเนินงานเฉพาะกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการสื่อสารอย่างแท้จริง
(6) งบบริหารแผนการดำเนินงาน จะต้องเป็นภารกิจหรืองานที่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของการใช้จ่ายเงินกองทุนฯ ตาม พ.ร.บ. การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน และปรับอัตราค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่ขอรับการสนับสนุนจากกองทุนฯ ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ แนวทาง และขอบเขตการพิจารณางบประมาณตามที่สำนักงบประมาณกำหนด
4. คณะทำงานฯ ได้พิจารณารายละเอียดการของบประมาณรายจ่ายโครงการของกองทุนฯ ตามที่ได้รับมอบหมายจากคณะอนุกรรมการฯ แล้ว โดยเห็นสมควรสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายตามโครงการประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 ของกองทุนฯ เป็นจำนวนไม่เกิน 2,614,335,136 บาท รวม 81 โครงการ ซึ่งได้ครอบคลุมการดำเนินงานทั้งในการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานภาคอุตสาหกรรมและธุรกิจการจัดการด้านการใช้พลังงาน รวมถึงการส่งเสริมการผลิตและการใช้พลังงานทดแทนในการผลิตไฟฟ้า และผลิตความร้อนในเทคโนโลยีต่างๆ เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม พลังงานน้ำ พลังงานชีวมวล และเชื้อเพลิงชีวภาพ โดยแบ่งรายจ่ายออกเป็น 2 หน่วยงานผู้เบิกเงิน กองทุนฯ ดังนี้
(1) พพ. จำนวน 883,618,960 บาท คิดเป็นร้อยละ 33.80 รวม 54 โครงการ
(2) สนพ. จำนวน 1,730,716,176 บาท คิดเป็นร้อยละ 66.20 รวม 27 โครงการ
5. คณะอนุกรรมการกองทุนฯ ในการประชุมเมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2553 ได้พิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2554 ของกองทุนฯ แล้ว มีมติ
5.1 เห็นชอบงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 ของกองทุนฯ เป็นจำนวน 2,614,335,136 บาท
5.2 เห็นชอบให้เสนอคณะกรรมการกองทุนฯ พิจารณาให้ค่าใช้จ่ายในงานบริหารของทั้ง 3 แผนงาน มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2553 โดยให้แต่ละหน่วยงานสามารถถัวจ่ายและเปลี่ยนแปลงรายการในหมวดต่างๆ ได้ ตามความจำเป็นและเหมาะสม
5.3 ให้ฝ่ายเลขานุการฯ เสนอคณะกรรมการกองทุนฯ เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 ของกองทุนฯ ต่อไป
6. คณะกรรมการกองทุนฯ เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2553 ได้พิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2554 ของกองทุนฯ แล้ว มีความเห็นและข้อเสนอแนะที่สำคัญ ดังนี้
6.1 ผู้แทนนายกสภาวิศวกร (รศ.ดร.ชัยฤทธิ์ สัตยาประเสริฐ) มีความเห็นว่า การเสนอของบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2554 ของกองทุนฯ หน่วยงานยังไม่ได้นำผลการตรวจสอบของ สตง. มาใช้ประกอบในการขอตั้งงบประมาณ ดังนั้น จึงขอให้ผู้บริหารกองทุนฯ ให้คำนิยามในเรื่องภารกิจของกองทุนฯ ให้ชัดเจน และสามารถแยกออกจากงบประมาณแผ่นดินอย่างไร โดยใช้กรณีศึกษาจากข้อสังเกตของ สตง. ในการพิจารณา พร้อมทั้งวิธีการคิดโครงสร้างค่าใช้จ่ายในการใช้อาคาร ซึ่งสามารถสอบถามได้ที่กรมบัญชีกลาง
6.2 ผู้แทนปลัดกระทรวงการคลัง เห็นว่าควรแยกภารกิจของกองทุนฯ และหน่วยงานให้ชัดเจน เนื่องจากมีบางโครงการที่เสนอของบประมาณกองทุนฯ อาจจะเป็นภารกิจของหน่วยงาน เช่น โครงการศึกษาความเป็นไปได้ในการเป็นศูนย์กลางการค้าเชื้อเพลิงชีวภาพ (HUB) ในภูมิภาคเอเซียตะวันออกเฉียงใต้และศึกษาแนวทางกำหนดดัชนีของราคาขายเอทานอลที่ซื้อขายในเอเซีย
6.3 นายสมชาติ โสภณรณฤทธิ์ เห็นว่าการขอตั้งงบประมาณในบางโครงการไม่เหมาะสม ได้แก่
(1) โครงการภายใต้งานส่งเสริมสาธิต มีบางโครงการที่ได้นำเทคโนโลยีบางประเภทที่ ไม่เหมาะสมมาทำการสาธิต เช่น เตา Gasifier ที่จะไปใช้กับชุมชน เนื่องจากเป็นเทคโนโลยีที่เหมาะสำหรับงานที่ใช้การเดินเครื่องตลอด 24 ชั่วโมง นอกจากนี้ยังมีเทคโนโลยีบางประเภทที่มีความเสี่ยงสูง เช่น ระบบก๊าซชีวภาพ และเครื่องผลิตไบโอดีเซลในชุมชน เนื่องจากการใช้เทคโนโลยีเหล่านี้ที่ผ่านมาพบว่าไม่ประสบผลสำเร็จค่อนข้างสูง
(2) โครงการสำหรับงานศึกษาวิจัย ไม่เห็นด้วยในการสนับสนุนการวิจัยเรื่องเชื้อเพลิงไฮโดรเจน เนื่องจากปัจจุบันเน้นเทคโนโลยีรถยนต์ไฟฟ้ามากกว่าเชื้อเพลิงไฮโดรเจน จึงเห็นว่าควรจะเป็นการวิจัยด้าน Energy Storage หรือแบตเตอร์รี่ น่าจะเหมาะสมกว่า
(3) โครงการปรับปรุงนโยบายการส่งเสริมการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนเกี่ยวกับการกำหนดส่วนเพิ่มราคารับซื้อไฟฟ้า (Adder) สำหรับผู้ผลิตไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน มีความเห็นว่า การคิด Adder สำหรับเทคโนโลยีพลังงานหมุนเวียนในการผลิตไฟฟ้า ซึ่งมี 6 ประเภท ตามประกาศในปัจจุบัน พบว่ามีความแตกต่างกันมากซึ่งเป็นผลมาจากการคิดตามต้นทุนการผลิตของแต่ละเทคโนโลยี ทำให้ Solar cell ได้รับ Adder สูงกว่าพลังงานหมุนเวียนชนิดอื่น มีผู้ผลิตไฟฟ้าจำนวนมากและส่งผลให้ต้นทุนค่าไฟฟ้าแพงขึ้น ดังนั้น การศึกษา Feed in tariff ที่เหมาะสม ควรจะพิจารณา Avoided Cost ในเรื่องของสิ่งแวดล้อม เนื่องจากพลังงานหมุนเวียนแต่ละประเภทช่วยลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) หรือก๊าซเรือนกระจก (Green House Gas) ไม่แตกต่างกัน จึงควรให้ Adder ในระดับที่ใกล้เคียงกัน ซึ่งจะทำให้ต้นทุนค่าไฟฟ้าลดลง
6.4 นายสวัสดิ์ ตันตระรัตน์ มีข้อสังเกตว่า โครงการที่เป็น Grey area ควรมีเหตุผลการอนุมัติที่ชัดเจน และให้ฝ่ายเลขานุการฯ จัดทำเอกสารเพื่อประกอบการพิจารณาว่าทุกโครงการที่ขอรับการสนับสนุนเงินกองทุนฯ สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของ พ.ร.บ. การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานในข้อใด และช่วยสนับสนุนเป้าหมายหรือเทคโนโลยีใด
6.5 คณะกรรมการกองทุนฯ ได้มีมติให้ฝ่ายเลขานุการฯ ไปดำเนินการทบทวนและตรวจสอบงบประมาณรายจ่ายในแต่ละโครงการตามข้อกำหนดในมาตรา 25 ของ พ.ร.บ. การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน เพิ่มเติม พร้อมทั้งตรวจสอบโครงการในมิติตามเป้าหมายการอนุรักษ์พลังงาน และจัดทำข้อมูลดังกล่าวเสนอคณะกรรมการกองทุนฯ เพื่อประกอบการพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2554 ในการประชุมครั้งต่อไป
7. ฝ่ายเลขานุการฯ ได้ดำเนินการตรวจสอบงบประมาณรายจ่ายในแต่ละโครงการตามข้อกำหนดในมาตรา 25 ของ พ.ร.บ. การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน และตรวจสอบโครงการในด้านเป้าหมายการอนุรักษ์พลังงานแล้ว สรุปได้ดังนี้
7.1 โครงการที่ของบประมาณรายจ่าย ปี 2554 เป็นไปตามวัตถุประสงค์การใช้เงินกองทุนฯ ตามมาตรา 25 (2) จำนวน 10 โครงการ และ มาตรา 25 (3) จำนวน 71 โครงการ
7.2 การตรวจสอบโครงการในด้านเป้าหมายการอนุรักษ์พลังงาน สรุปได้ว่า โครงการภายใต้แผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน จะมีผลประหยัดที่คาดว่าจะได้รับจากโครงการในปี 2554 จำนวน 332.83 Ktoe และโครงการภายใต้แผนพลังงานทดแทน จะมีผลประหยัดที่คาดว่าจะได้รับจากโครงการในปี 2554 จำนวน 14.11 Ktoe คิดเป็นมูลค่าผลประหยัดที่คาดว่าจะได้รับจากการดำเนินโครงการต่างๆ เป็นจำนวนเงิน 5,790 ล้านบาท
7.3 ปรับปรุงรายละเอียดข้อเสนอโครงการภายใต้แผนพลังงานทดแทน แผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน และแผนงานบริหารทางกลยุทธ์ ของ สนพ. จำนวน 4 โครงการ คือ 1) โครงการสนับสนุนการศึกษา วิจัย พัฒนาเทคโนโลยีพลังงานทดแทน 2) โครงการส่งเสริมการผลิตพลังงานทดแทนในระดับชุมชน 3) โครงการสนับสนุนการศึกษา วิจัย พัฒนาเทคโนโลยีอนุรักษ์พลังงาน และ 4) โครงการปรับปรุงนโยบายการส่งเสริมการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน ตามความเห็นและข้อเสนอแนะของกรรมการกองทุนฯ (นายสมชาติ โสภณรณฤทธิ์) แล้ว ดังรายละเอียดปรากฏในเอกสารข้อเสนอโครงการที่ฝ่ายเลขานุการฯ เสนอขอแก้ไข และ โครงการของ พพ. ในโครงการที่ 1.1.3 การศึกษาประเมินและจัดทำแผนงาน วิจัยพลังงานทดแทน (Energy Storage) ตามกรอบแผนพัฒนาพลังงานทดแทน 15 ปี
8. ฝ่ายเลขานุการฯ มีข้อเสนอในการดำเนินงานและการใช้จ่ายเงินกองทุนฯ ดังนี้
8.1 เนื่องจาก พพ. และ สนพ. มีงานบริหารเกี่ยวกับการอนุรักษ์พลังงานที่ต้องดำเนินงานต่อเนื่อง เช่น การเบิกจ่ายเงินให้หน่วยงาน โครงการ ตามข้อผูกพันสัญญาฯ การประสานหน่วยงาน โรงงาน อาคาร เพื่อดำเนินการตามกฎหมายอนุรักษ์พลังงาน ฯลฯ จึงมีรายจ่ายประจำที่จำเป็นเพื่อการบริหารงานที่เกิดขึ้นแล้ว เช่น ค่าจ้างพนักงานราชการ ค่าใช้จ่ายในการเข้าร่วมประชุมให้ความเห็น ค่าสาธารณูปโภค เป็นต้น ฝ่ายเลขานุการฯ จึงขอเสนอคณะกรรมการกองทุนฯ พิจารณาเห็นชอบให้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 ของกองทุนฯ งานบริหารของทั้ง 3 แผนงาน มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2553
8.2 ขอแก้ไขข้อเสนอในระเบียบวาระเป็น งบประมาณ "โครงการสนับสนุนการศึกษา วิจัย พัฒนาเทคโนโลยีพลังงานทดแทน และด้านอนุรักษ์พลังงาน" เสนอพิจารณาอนุมัติไว้เป็นกรอบวงเงิน รวม 250 ล้านบาท ให้ผ่านการพิจารณากลั่นกรองของคณะทำงานที่ สนพ. แต่งตั้ง ก่อนเสนอต่อคณะอนุกรรมการกองทุนฯ เพื่อพิจารณาเห็นชอบจัดสรรเงินกองทุนฯ ทั้งนี้ หากวงเงินที่ขอรับการสนับสนุนเกิน 50 ล้านบาท ให้เสนอคณะกรรมการกองทุนฯ พิจารณาเห็นชอบก่อนดำเนินโครงการต่อไป
8.3 งบประมาณรายจ่ายโครงการประชาสัมพันธ์ในแผนพลังงานทดแทนและแผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน เสนอพิจารณาอนุมัติไว้เป็นกรอบวงเงินแผนงานละ 350 ล้านบาท รวมเป็นเงิน 700 ล้านบาท ให้ผ่านการพิจารณาและเห็นชอบจาก "คณะกรรมการประชาสัมพันธ์และการสื่อสารของกระทรวงพลังงาน" ที่ปลัดกระทรวงพลังงานเป็นประธาน และให้สามารถถัวจ่ายและเปลี่ยนแปลงรายการในแผนงาน/งานเดียวกันได้ ทั้งนี้เมื่อคณะกรรมการประชาสัมพันธ์ฯ เห็นชอบแล้ว ให้เสนอต่อคณะอนุกรรมการกองทุนฯ เพื่อพิจารณาจัดสรรเงินกองทุนฯ ต่อไป และให้กระทรวงพลังงานดำเนินการประเมินผลการประชาสัมพันธ์ที่ได้รับงบประมาณจากกองทุนฯ ต่อไปด้วย
8.4 เพื่อให้เป็นไปตามข้อเสนอแนะของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ให้ สนพ. และ พพ. จัดส่งข้อมูลการดำเนินโครงการที่ได้รับจัดสรรในปีงบประมาณ 2554 พร้อมทั้งเอกสารรายงานที่ได้ตรวจรับแล้ว (ในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์) ให้ฝ่ายเลขานุการฯ ทุก 4 เดือน เพื่อจัดส่งให้คณะอนุกรรมการประเมินผลโครงการภายใต้แผนอนุรักษ์พลังงาน ใช้ในการติดตามประเมินผลโครงการต่อไป
มติที่ประชุม
1. อนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 ของกองทุนฯ เป็นจำนวน 2,614,335,136 บาท (สองพันหกร้อยสิบสี่ล้านสามแสนสามหมื่นห้าพันหนึ่งร้อยสามสิบหกบาทถ้วน) โดยแบ่งรายจ่ายออกเป็น 2 หน่วยงานผู้เบิกเงินกองทุนฯ ดังนี้
2. เห็นชอบให้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 ของกองทุนฯ งานบริหารของทั้ง 3 แผนงาน มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2553 โดยให้แต่ละหน่วยงานสามารถถัวจ่ายและเปลี่ยนแปลงรายการในหมวดต่างๆ ได้ตามความจำเป็นและเหมาะสม
3. เห็นชอบให้งบประมาณ "โครงการสนับสนุนการศึกษา วิจัย พัฒนาเทคโนโลยีพลังงานทดแทน และด้านอนุรักษ์พลังงาน" ในวงเงินรวม 250 ล้านบาท ผ่านการพิจารณากลั่นกรองของคณะทำงานที่ สนพ. แต่งตั้ง ก่อนเสนอต่อคณะอนุกรรมการกองทุนฯ เพื่อพิจารณาเห็นชอบจัดสรรเงินกองทุนฯ ทั้งนี้ หากวงเงินที่ขอรับการสนับสนุนเกิน 50 ล้านบาท ให้เสนอคณะกรรมการกองทุนฯ พิจารณาเห็นชอบก่อนดำเนินโครงการต่อไป
4. เห็นชอบให้งบประมาณโครงการประชาสัมพันธ์ในแผนพลังงานทดแทน 350 ล้านบาท และแผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน 350 ล้านบาท ผ่านการพิจารณาและเห็นชอบจาก "คณะกรรมการประชาสัมพันธ์และการสื่อสารของกระทรวงพลังงาน" ที่ปลัดกระทรวงพลังงานเป็นประธาน ก่อนเสนอต่อคณะอนุกรรมการกองทุนฯ เพื่อพิจารณาเห็นชอบจัดสรรเงินกองทุนฯ ต่อไป และให้กระทรวงพลังงานดำเนินการประเมินผลการประชาสัมพันธ์ที่ได้รับงบประมาณจากกองทุนฯ ด้วย
5. ให้ สนพ. และ พพ. จัดส่งข้อมูลการดำเนินโครงการที่ได้รับจัดสรรในปีงบประมาณ 2554 พร้อมทั้งเอกสารรายงานที่ได้ตรวจรับแล้ว (ในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์) ให้ฝ่ายเลขานุการฯ ทุก 4 เดือน เพื่อจัดส่งให้คณะอนุกรรมการประเมินผลโครงการภายใต้แผนอนุรักษ์พลังงาน ใช้ในการติดตามประเมินผลโครงการต่อไป
เรื่องที่ 2 เกณฑ์การประเมินผลการดำเนินงานของกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ประจำปีบัญชี 2554
1. คณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 30 กันยายน 2546 มีมติอนุมัติให้หน่วยงานต่างๆ ที่มีเงินนอกงบประมาณ ถือปฏิบัติตามมาตรการกำกับดูแลเงินนอกงบประมาณด้วยการประเมินผลการดำเนินงานทุนหมุนเวียน โดยให้กระทรวงการคลังร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติติดตามผลการดำเนินการ ซึ่งกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน เป็นทุนหมุนเวียนที่เข้าสู่ระบบประเมินผลการดำเนินงานตั้งแต่ปีบัญชี 2549 ซึ่งเป็นกลุ่มทุนหมุนเวียนเพื่อการสนับสนุนส่งเสริม
2. ร่างเกณฑ์การประเมินผลการดำเนินงานของกองทุนฯ ประจำปีบัญชี 2554 ฝ่ายเลขานุการฯ ได้ประชุมร่วมหารือระหว่างผู้ถูกประเมิน ประกอบด้วย ผู้แทนกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน และผู้แทนสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน กับผู้ประเมิน คือ กรมบัญชีกลาง และบริษัท ทริส คอร์ปอเรชั่น จำกัด (ทริส) เพื่อกำหนดตัวชี้วัดที่จะทำการประเมินที่เหมาะสม และสอดคล้องกับการดำเนินงานตามแผนการอนุรักษ์พลังงาน
3. กรมบัญชีกลาง (บก.) ได้มีหนังสือเรื่อง "การลงนามในบันทึกข้อตกลงการประเมินผลการดำเนินงานทุนหมุนเวียน ประจำปีบัญชี 2554" เพื่อให้ฝ่ายเลขานุการฯ นำเสนอต่อคณะกรรมการกองทุนฯ พิจารณาให้ความเห็นชอบ ก่อนเสนอประธานกรรมการกองทุนฯ ลงนามในบันทึกข้อตกลงการประเมินผลการดำเนินงานฯ และส่งคืนกรมบัญชีกลางภายในวันที่ 7 มกราคม 2554
4. เกณฑ์การประเมินผลการดำเนินของกองทุนฯ ประจำปีบัญชี 2554 ตามบันทึกข้อตกลงการประเมินผลฯ ระหว่างกระทรวงการคลังกับกองทุนฯ มีเกณฑ์วัดการดำเนินงาน 4 ด้าน 12 ตัวชี้วัด สรุปได้ดังนี้
1) ผลการดำเนินงานด้านการเงิน (ร้อยละ 15)
ตัวชี้วัดที่ 1.1 ร้อยละของงบประมาณที่มีการผูกพันสัญญาต่องบประมาณที่ได้รับการจัดสรรจากกองทุนฯ (ร้อยละ 10)
ตัวชี้วัดที่ 1.2 ค่าใช้จ่ายบริหารที่เกิดขึ้นจริงและผูกพันเทียบกับงบประมาณ (ร้อยละ 5)
2) ผลการดำเนินงานด้านปฏิบัติการ (ร้อยละ 40)
ตัวชี้วัดที่ 2.1 ร้อยละของจำนวนโครงการที่มีการทำสัญญาของแต่ละแผนงานต่อจำนวนโครงการที่ได้รับอนุมัติทั้งหมดของแต่ละแผนงาน (ร้อยละ 15)
ตัวชี้วัดที่ 2.2 ร้อยละความสำเร็จของจำนวนโครงการที่ผูกพันและดำเนินงานได้ตามแผนภายในปีบัญชี 2554 ต่อจำนวนโครงการที่ผูกพันและมีแผนดำเนินงานภายในปีบัญชี 2554 (ร้อยละ 15)
ตัวชี้วัดที่ 2.3 การติดตามประเมินผลลัพธ์ตามวัตถุประสงค์ของกองทุนฯ (ร้อยละ 10)
3) การสนองประโยชน์ต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย (ร้อยละ 15)
ตัวชี้วัดที่ 3.1 การจัดทำแผนการปรับปรุงการให้บริการจากผลสำรวจความพึงพอใจและการดำเนินงานตามแผนการปรับปรุง ประจำปีบัญชี 2553 (ร้อยละ 15)
4) การบริหารพัฒนาทุนหมุนเวียน (ร้อยละ 30)
ตัวชี้วัดที่ 4.1 บทบาทคณะกรรมการทุนหมุนเวียน (ร้อยละ 5)
ตัวชี้วัดที่ 4.2 การบริหารความเสี่ยง (ร้อยละ 5)
ตัวชี้วัดที่ 4.3 การควบคุมภายใน (ร้อยละ 5)
ตัวชี้วัดที่ 4.4 การตรวจสอบภายใน (ร้อยละ 5)
ตัวชี้วัดที่ 4.5 การบริหารจัดการสารสนเทศ (ร้อยละ 5)
ตัวชี้วัดที่ 4.6 ความสำเร็จของแผนเพื่อเตรียมความพร้อมในการรองรับระบบการบริหารและพัฒนาทรัพยากรบุคคล (ร้อยละ 5)
มติที่ประชุม
เห็นชอบเกณฑ์การประเมินผลการดำเนินงานของกองทุนฯ ประจำปีบัญชี 2554 และให้ฝ่ายเลขานุการฯ เสนอประธานกรรมการลงนามในบันทึกข้อตกลงการประเมินผลการดำเนินงานทุนหมุนเวียน ประจำปีบัญชี 2554 กับกระทรวงการคลังต่อไป
เรื่องที่ 3 การมอบอำนาจให้มีผู้แทนคณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานดำเนินการแทนคณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานในการดำเนินคดีทางปกครอง
1. การกำหนดโครงสร้างของแผนอนุรักษ์พลังงาน ระยะที่ 1 (ในช่วงปี 2538-2542) และระยะที่ 2 (ในช่วงปี 2543-2547) คณะกรรมการกองทุนฯ ได้มีแนวทาง หลักเกณฑ์ เงื่อนไข และลำดับความสำคัญของการใช้จ่ายเงินกองทุนฯประกอบด้วย 3 แผนงาน ได้แก่ แผนงานภาคบังคับ แผนงานภาคความร่วมมือ และแผนงานสนับสนุน
2. กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) เป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบการดำเนินงานตามแผนงานภาคบังคับ ซึ่งในแผนงานดังกล่าว มีการกำหนดโครงการโรงงานควบคุมและอาคารควบคุมที่กำลังใช้งาน เพื่อให้การสนับสนุนเจ้าของโรงงานควบคุมและอาคารควบคุมที่กำลังใช้งานอยู่ในปัจจุบัน ทั้งในด้านการวางแผนเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้พลังงาน และการลงทุนเพื่อให้เป็นไปตามแผนดังกล่าว โดยโรงงานควบคุมและอาคารควบคุมสามารถยื่นข้อเสนอต่อ พพ. เพื่อขอรับการสนับสนุนเงินกองทุนฯ สำหรับใช้เป็น
(1) เงินช่วยเหลือให้เปล่าสำหรับทำรายงานการตรวจสอบและวิเคราะห์การใช้พลังงานเบื้องต้น ไม่เกิน 100,000 บาทต่อราย
(2) เงินอุดหนุนในการจัดทำรายงานการตรวจสอบและวิเคราะห์การใช้พลังงานโดยละเอียด และรายงานการจัดทำเป้าหมายและแผนอนุรักษ์พลังงาน ในวงเงินอุดหนุน 50% ของค่าใช้จ่าย แต่ไม่เกิน 500,000 บาทต่อราย
(3) เงินลงทุนในการอนุรักษ์พลังงานตามแผนอนุรักษ์พลังงาน ในข้อ (2) ซึ่งรวมถึงค่าใช้จ่ายในการออกแบบทางวิศวกรรมด้วย โดยอุดหนุนไม่เกิน 60% ของเงินลงทุน และไม่เกิน 10 ล้านบาทต่อมาตรการในแผนอนุรักษ์พลังงาน
ทั้งนี้ อาคารควบคุมของส่วนราชการหรือรัฐวิสาหกิจ กองทุนฯ จะให้ความช่วยเหลือในรูปของเงินให้เปล่าทั้งหมด (วงเงิน 100% ของค่าใช้จ่าย) ในการดำเนินการตามข้อ (1) (2) และ (3)
3. กฎกระทรวง ฉบับที่ 3 (พ.ศ. 2538) ออกตามความในพระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535 กำหนดให้เจ้าของอาคารควบคุมดำเนินการจัดทำเป้าหมายและแผนอนุรักษ์พลังงาน โดยต้องมอบหมายให้ที่ปรึกษาด้านการอนุรักษ์พลังงานที่ได้ขึ้นทะเบียนไว้กับ พพ. เป็นผู้ช่วยดำเนินการให้
4. มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม ได้เข้าร่วมโครงการโรงงานควบคุมและอาคารควบคุมที่กำลังใช้งาน โดยในการดำเนินงานได้ว่าจ้าง ห้างหุ้นส่วนจำกัด คิวตรอน คอนซัลแตนท์ เป็นที่ปรึกษา เพื่อดำเนินงาน ดังนี้
(1) การจัดทำรายงานการตรวจสอบและวิเคราะห์การใช้พลังงานเบื้องต้น ซึ่ง พพ. ได้ตรวจรายงานฉบับดังกล่าวแล้ว และเห็นว่า มหาวิทยาลัยฯ ได้ดำเนินการอย่างครบถ้วนและถูกต้องตามกฎหมายกำหนด พพ. จึงได้สนับสนับสนุนเงินกองทุนฯ เป็นเงินช่วยเหลือให้เปล่าให้กับมหาวิทยาลัยฯ ในวงเงิน 472,948 บาท
(2) การจัดทำรายงานการตรวจสอบและวิเคราะห์การใช้พลังงานโดยละเอียด และรายงานการจัดทำเป้าหมายและแผนอนุรักษ์พลังงาน ซึ่ง พพ. ได้ตรวจรายงานฉบับดังกล่าวแล้วเห็นว่า มหาวิทยาลัยฯ ได้ดำเนินการอย่างครบถ้วนและถูกต้องตามกฎหมายกำหนด แต่ พพ. ไม่สามารถสนับสนุนเงินกองทุนฯ เป็นเงินช่วยเหลือให้เปล่า ในวงเงิน 1,130,690.30 บาท ตามที่มหาวิทยาลัยฯ ขอมาได้ เนื่องจากคณะกรรมการบริหารกองทุนฯ ในการประชุมเมื่อวันที่ 26 มกราคม 2548 มีมติระงับการสนับสนุนเงินกองทุนฯ เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดทำรายงานการตรวจสอบและวิเคราะห์การใช้พลังงานเบื้องต้น การจัดทำเป้าหมายและแผนอนุรักษ์พลังงาน และการลงทุนตามเป้าหมายและแผนอนุรักษ์พลังงาน แก่เจ้าของอาคารควบคุม ตั้งแต่วันที่ 26 มกราคม 2548 เป็นต้นไป
5. มติคณะกรรมการบริหารกองทุนฯ ที่ให้ระงับการสนับสนุนเงินกองทุนฯ แก่เจ้าของอาคารควบคุม เป็นผลมาจากการประชุมคณะกรรมการกองทุนฯ เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2547 ได้เห็นชอบแผนอนุรักษ์พลังงาน แนวทาง หลักเกณฑ์ เงื่อนไขและและลำดับความสำคัญของการใช้จ่ายเงินกองทุนฯ ระยะที่ 3 (ในช่วงปี 2548-2554) ภายในวงเงินรวม 28,826 ล้านบาท ซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของแผนอนุรักษ์พลังงาน เป็น 3 แผนงาน คือ แผนพลังงานทดแทน แผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน และแผนงานบริหารทางกลยุทธ์ คณะกรรมการกองทุนฯ จึงได้ปรับเปลี่ยนแนวทางการใช้เงินกองทุนฯ โดยการลดการช่วยเหลือเจ้าของโรงงานและอาคารควบคุม ทั้งในด้านการวางแผน และการลงทุนเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้พลังงาน รวมถึงการดำเนินงานที่เป็นหน้าที่และภารกิจของอาคารควบคุมที่เป็นส่วนราชการหรือรัฐวิสาหกิจ ก็ให้จัดสรรงบดำเนินการจากเงินงบประมาณเป็นหลักก่อน ทั้งนี้ ในการดำเนินงานตามแผนอนุรักษ์พลังงานฯ ระยะที่ 3 คณะกรรมการกองทุนฯ ได้กำหนดให้คณะกรรมการบริหารกองทุนฯ มีอำนาจปรับปรุงแนวทาง หลักเกณฑ์ เงื่อนไขและลำดับความสำคัญของการใช้จ่ายเงินกองทุนฯ และการจัดสรรเงินตามแผนงานต่างๆ ได้ตามความจำเป็นและเหมาะสม ภายในวงเงินรวมดังกล่าว
6. คณะกรรมการบริหารกองทุนฯ ในการประชุมเมื่อวันที่ 26 มกราคม 2548 จึงได้มีมติระงับการสนับสนุนเงินกองทุนฯ สำหรับโรงงานควบคุมและอาคารควบคุม โดยแจ้งให้ พพ. ทราบและดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง ดังนี้
(1) ให้ระงับการสนับสนุนเงินกองทุนฯ เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดทำรายงาน การตรวจสอบและวิเคราะห์การใช้พลังงานเบื้องต้น การจัดทำเป้าหมายและแผนอนุรักษ์พลังงาน และการลงทุนตามเป้าหมายและแผนอนุรักษ์พลังงาน ตามระเบียบคณะกรรมการกองทุนฯ ฉบับที่ 1 พ.ศ. 2537 และ ฉบับที่ 2 พ.ศ. 2539 แก่เจ้าของโรงงานควบคุมและอาคารควบคุม ตั้งแต่วันที่ 26 มกราคม 2548 เป็นต้นไป
(2) ให้เจ้าของโรงงานควบคุมและอาคารควบคุมที่ได้ดำเนินการตามกฎกระทรวงฉบับเดิม และ พพ. ได้รับรายงานก่อนวันที่คณะกรรมการบริหารกองทุนฯ ให้ความเห็นชอบการระงับการสนับสนุนเงินกองทุนฯ สำหรับโรงงานควบคุมและอาคารควบคุม สามารถขอรับการสนับสนุนเงินกองทุนฯ ตามระเบียบคณะกรรมการกองทุนฯ ฉบับเดิม โดยการอนุมัติเงินสนับสนุนดังกล่าวของปีงบประมาณ 2548 ให้ใช้เงินกองทุนฯ แผนงานเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน งานส่งเสริมและสาธิต
(3) ให้ยกเลิกการสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการลงทุนตามเป้าหมายและแผนฯ ที่เจ้าของโรงงานควบคุมและอาคารควบคุมขอรับการสนับสนุนฯ ตามระเบียบคณะกรรมการกองทุนฯ ฉบับที่ 1 พ.ศ. 2537 และ ฉบับที่ 2 พ.ศ. 2539 เฉพาะในส่วนที่ยังไม่ได้รับแจ้งการอนุมัติค่าใช้จ่ายจาก พพ.
7. พพ. จึงได้ออกประกาศกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน ลงวันที่ 1 เมษายน 2548 เรื่อง ระงับการสนับสนุนเงินกองทุนฯ ของโรงงานควบคุมและอาคารควบคุม ตามมติคณะกรรมการบริหารกองทุนฯ ดังกล่าว เพื่อแจ้งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทราบโดยทั่วกัน
8. เนื่องจาก มหาวิทยาลัยฯ ไม่สามารถจัดหางบประมาณ ในวงเงิน 1,130,690.30 บาท เพื่อมาจ่ายให้ ห้างหุ้นส่วนจำกัด คิวตรอน คอนซัลแตนท์ เป็นค่าจ้างสำหรับการจัดทำรายงานการตรวจสอบและวิเคราะห์การใช้พลังงานโดยละเอียด และรายงานการจัดทำเป้าหมายและแผนอนุรักษ์พลังงานได้ ห้างหุ้นส่วนจำกัด คิวตรอน คอนซัลแตนท์ จึงได้ยื่นฟ้อง มหาวิทยาลัยฯ ต่อศาลจังหวัดพิษณุโลก ตามคดีหมายเลขดำที่ 1346/2548 ให้ มหาวิทยาลัยฯ จ่ายเงินตามสัญญาจ้างดำเนินงานดังกล่าว แต่เนื่องจากสัญญาจ้างนี้เป็นสัญญาที่เกี่ยวกับการให้บริการสาธารณะ จึงเป็นคดีปกครองอยู่ในอำนาจพิจารณาของศาลปกครองจังหวัดพิษณุโลก คดีดังกล่าวจึงโอนจากศาลจังหวัดพิษณุโลกไปยังศาลปกครองพิษณุโลก
9. ห้างหุ้นส่วนจำกัด คิวตรอน คอนซัลแตนท์ ได้ยื่นฟ้องมหาวิทยาลัยฯ ต่อศาลปกครองพิษณุโลก ตามคดีหมายเลขดำที่ 34/2550 ซึ่งการพิจารณาคดีได้ดำเนินการต่อเนื่อง จนมีผลให้หน่วยงานของรัฐเข้ามาเกี่ยวข้องกับคดีนี้ เพิ่มขึ้นเป็น 3 หน่วยงาน ได้แก่ มหาวิทยาลัยฯ เป็นผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 กระทรวงการคลัง เป็นผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 และ พพ. เป็นผู้ถูกฟ้องคดีที่ 3
10. ศาลปกครองพิษณุโลกได้มีคำสั่งเรียกมายังคณะกรรมการบริหารกองทุนฯ ทำคำชี้แจงต่อศาลปกครองพิษณุโลก ตามคำสั่งเรียกให้ทำการชี้แจง ลงวันที่ 14 ตุลาคม 2553 โดยกำหนดให้คณะกรรมการบริหารกองทุนฯ ทำคำชี้แจงในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการระงับการสนับสนุนเงินกองทุนฯ สำหรับโรงงานควบคุมและอาคารควบคุม แต่เนื่องจากคณะกรรมการกองทุนฯ ในการประชุมเมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2548 ได้มีมติเห็นชอบให้ยกเลิกคำสั่งคณะกรรมการกองทุนฯ ที่ 1/2547 เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการบริหารกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ลงวันที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2547 สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) ในฐานะกรรมการและเลขานุการคณะกรรมการบริหารกองทุนฯ จึงได้จัดทำคำชี้แจงในประเด็นดังกล่าวเสนอต่อศาลปกครองพิษณุโลก
11. ศาลปกครองพิษณุโลก ได้มีคำสั่งเรียกมายังคณะกรรมการกองทุนฯ ให้เข้ามาเป็นคู่กรณีและทำคำให้การแก้คำฟ้องต่อศาลปกครองพิษณุโลก ตามคำสั่งเรียกให้เข้ามาเป็นคู่กรณีและให้ทำคำให้การ ลงวันที่ 12 มกราคม 2554 โดยมีประเด็นตามคำขอท้ายคำฟ้องของ ห้างหุ้นส่วนจำกัด คิวตรอน คอนซัลแตนท์ ที่ศาลปกครองพิษณุโลกกำหนดให้คณะกรรมการกองทุนฯ ยื่นตอบ ภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ได้รับคำสั่งนี้ รวมทั้งสิ้น 3 ประเด็น ประกอบด้วย
(1) การประชุมคณะกรรมการกองทุนฯ เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2547 ได้ปรับเปลี่ยนแนวทางการใช้เงินกองทุนฯ โดยลดการช่วยเหลือเจ้าของโรงงานและอาคาร ทั้งในการวางแผนและการลงทุนเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้พลังงาน รวมถึงการดำเนินงานที่เป็นหน้าที่และภารกิจของหน่วยงานใดก็ให้จัดสรรงบดำเนินการจากเงินงบประมาณเป็นหลักก่อน ในเรื่องดังกล่าว คณะกรรมการกองทุนฯ ได้แจ้งมติให้ พพ. หรือผู้เกี่ยวข้องทราบหรือไม่ และเมื่อใด
(2) การประชุมคณะกรรมการบริหารกองทุนฯ เมื่อวันที่ 26 มกราคม 2548 ได้ระงับการสนับสนุนเงินกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานสำหรับโรงงานควบคุมและอาคารควบคุม ในเรื่องดังกล่าว คณะกรรมการบริหารกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานใช้ดุลพินิจในการมีมติดังกล่าวจากข้อกฎหมายและข้อเท็จจริงอย่างไร การระงับการสนับสนุนเงินกองทุนเช่นนี้ เป็นการยกเว้นระเบียบคณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการขอจัดสรร ขอเงินช่วยเหลือ หรือขอเงินอุดหนุนจากกองทุน ฉบับที่ 1 พ.ศ. 2537 และฉบับที่ 2 พ.ศ. 2539 หรือไม่ และได้นำมตินี้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อใด หากไม่ได้ประกาศ เพราะเหตุใด
(3) มติคณะกรรมการกองทุนฯ ที่จะต้องประกาศในราชกิจจานุเบกษาตามพระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535 มาตรา 28 (3) และ (9) มีหลักเกณฑ์อย่างไร และมติการประชุมครั้งที่ 1/2548 เมื่อวันที่ 26 มกราคม 2548 ที่ระงับการสนับสนุนเงินกองทุนฯ สำหรับโรงงานควบคุมและอาคารควบคุม ถือเป็นการกำหนดที่จะต้องประกาศในราชกิจจานุเบกษา หรือไม่ เพราะเหตุใด
12. ศาลปกครองพิษณุโลกได้ระบุในคำสั่งศาลให้คณะกรรมการกองทุนฯ เป็นผู้ถูกฟ้องคดีที่ 4 ในการดำเนินการจัดทำคำให้การแก้คำฟ้องและประเด็นที่ศาลกำหนด คณะกรรมการกองทุนฯ จะต้องมีมติมอบหมายให้มีผู้แทนคณะกรรมการกองทุนฯ ที่มีอำนาจทำการแทนคณะกรรมการกองทุนฯ ในการลงนามในใบมอบอำนาจและเอกสารที่เกี่ยวข้องเพื่อแต่งตั้งพนักงานอัยการดำเนินการแทนคณะกรรมการกองทุนฯ ในการจัดทำคำให้การแก้คำฟ้องและประเด็นต่างๆ ตามที่ศาลกำหนด ฝ่ายเลขานุการฯ จึงเสนอให้คณะกรรมการกองทุนฯ มอบอำนาจให้ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน ในฐานะกรรมการและเลขานุการ เป็นผู้แทนคณะกรรมการกองทุนฯ เพื่อดำเนินการเกี่ยวกับคดีนี้
มติที่ประชุม
มอบอำนาจให้ ผอ.สนพ. มีอำนาจทำการแทนคณะกรรมการกองทุนฯ ในคดีที่ศาลปกครองพิษณุโลกมีคำสั่งเรียกมาดังกล่าว ในการลงนามในใบมอบอำนาจและเอกสารที่เกี่ยวข้องเพื่อแต่งตั้งพนักงานอัยการดำเนินการแทนคณะกรรมการกองทุนฯ ในการจัดทำคำให้การแก้คำฟ้องและประเด็นที่ศาลกำหนด รวมทั้งให้มีอำนาจให้ถ้อยคำหรือข้อเท็จจริงใดๆ ยื่นคำคัดค้าน หรือยื่นคำให้การต่อสู้คดีทั้งปวง ตลอดจนมีอำนาจดำเนินกระบวนการพิจารณาคดีไปในทางจำหน่ายสิทธิได้ เช่น การยอมรับตามที่คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งเรียกร้อง การถอนฟ้อง การประนีประนอมยอมความ การสละสิทธิหรือใช้สิทธิในการอุทธรณ์หรือฎีกา หรือการขอให้พิจารณาคดีใหม่ ให้มีอำนาจรับเงินหรือเอกสาร หรือสิ่งของอื่นใดคืนจากศาล เจ้าพนักงาน หรือบุคคลอื่นแทนคณะกรรมการกองทุนฯ ได้ และให้มีอำนาจแต่งตั้งตัวแทนช่วงคนหนึ่ง หรือหลายคน โดยให้มีอำนาจหน้าที่ดังกล่าวทั้งปวงด้วย
กอ. ครั้งที่ 54 - วันพุธที่ 4 พฤษภาคม 2554
มติคณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน
ครั้งที่ 2/2554 (ครั้งที่ 54)
วันพุธที่ 4 พฤษภาคม 2554 เวลา 14.00 น.
ณ ห้องประชุม 1 ชั้น 2 อาคารสำนักงานองค์การสวนสัตว์
1. การลาออกของอนุกรรมการประเมินผลโครงการภายใต้แผนอนุรักษ์พลังงาน
2. งบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2554 ของกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน (เพิ่มเติม)
3. การขอรับคืนหุ้นจำนวน 34,200 หุ้น ของบริษัท เซลเลนเนียม (ประเทศไทย) จำกัด ถือในนามกระทรวงการคลัง (กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน)
4. การตรวจสอบการดำเนินงานโครงการส่งเสริมการผลิตก๊าซชีวภาพในฟาร์มเลี้ยงสัตว์ขนาดกลางและขนาดใหญ่ ระยะที่ 1-4 ของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน
นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี รองนายกรัฐมนตรี ประธานกรรมการ
นายสุเทพ เหลี่ยมศิริเจริญ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน กรรมการและเลขานุการ
เรื่องที่ 1 การลาออกของอนุกรรมการประเมินผลโครงการภายใต้แผนอนุรักษ์พลังงาน
1. คณะกรรมการกองทุนฯ มีคำสั่งลงวันที่ 12 กรกฎาคม 2553 แต่งตั้งคณะอนุกรรมการประเมินผลโครงการภายใต้แผนอนุรักษ์พลังงาน โดยมี ศ.ดร. จุลละพงษ์ จุลละโพธิ เป็นประธานอนุกรรมการ ผู้ทรงคุณวุฒิ จำนวน 8 ท่าน เป็นอนุกรรมการ และผู้แทน สนพ. เป็นเลขานุการฯ เพื่อทำหน้าที่ประเมินผลการดำเนินงานของโครงการที่ได้รับการจัดสรรเงินจากกองทุนฯ และเสนอข้อพิจารณาประกอบรายงานการประเมินผลของโครงการที่ได้รับการจัดสรรเงินจากกองทุนฯ ต่อคณะกรรมการกองทุนฯ
2. ศ.ดร.วิวัฒน์ ตัณฑะพาณิชกุล อนุกรรมการประเมินผลฯ ได้มีหนังสือลงวันที่ 17 มีนาคม 2554 เพื่อขอลาออกจากการเป็นอนุกรรมการประเมินผลฯ ตั้งแต่วันที่ 25 มีนาคม 2554 เป็นต้นไป เนื่องจากได้รับการแต่งตั้งให้เป็นศาสตราจารย์ประจำสถาบันเทคโนโลยีแห่งโตเกียว ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งคณะอนุกรรมการประเมินผลฯ ในการประชุมเมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2554 ได้มีมติรับทราบการลาออกของอนุกรรมการดังกล่าวแล้ว
มติที่ประชุม
รับทราบการลาออกของ ศ.ดร. วิวัฒน์ ตัณฑะพาณิชกุล อนุกรรมการประเมินผลโครงการภายใต้แผนอนุรักษ์พลังงาน
เรื่องที่ 2 งบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2554 ของกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน (เพิ่มเติม)
1. คณะกรรมการกองทุนฯ ในการประชุมเมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2554 ได้อนุมัติจัดสรรเงินกองทุนฯ ให้กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) และสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการตามแผนอนุรักษ์พลังงาน ปีงบประมาณ 2554 ในวงเงินรวม 2,614,335,136 บาท ดังนี้
2. มีหน่วยงานยื่นความประสงค์ขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2554 จากกองทุนฯ เพิ่มเติม ในวงเงินรวม 90,025,790 บาท เพื่อดำเนินโครงการ ดังนี้
2.1 กองทัพบก ขอรับการสนับสนุนงบประมาณจากกองทุนฯ ในวงเงิน 39,654,200 บาท ดำเนิน "โครงการผลิตไฟฟ้าด้วยเซลล์แสงอาทิตย์ เพื่อใช้ในกองกำลังป้องกันชายแดน" เพื่อส่งเสริมการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนที่มีศักยภาพ โดยจะดำเนินการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าด้วยเซลล์แสงอาทิตย์ ขนาด 3 กิโลวัตต์ จำนวน 34 ชุด ให้กับฐานปฏิบัติการของกองกำลังป้องกันชายแดนที่ไม่มีกระแสไฟฟ้าใช้งานหรือมีกระแสไฟฟ้าใช้งานไม่เพียงพอ
2.2 พพ. ขอรับการสนับสนุนงบประมาณกองทุนฯ ในวงเงิน 44,685,590 บาท ดำเนิน "โครงการส่งเสริมการผลิตไฟฟ้าด้วยเซลล์แสงอาทิตย์สำหรับฐานปฏิบัติการทางทหาร" ให้กับกรมการพลังงานทหารและกองบัญชาการกองทัพเรือ ตามข้อตกลงในบันทึกความร่วมมือระหว่างกระทรวงพลังงานและกระทรวงกลาโหม เพื่อให้มีไฟฟ้าใช้ และเป็นการช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติภารกิจในด้านปกป้องอธิปไตยและความมั่นคงของประเทศ
2.3 กองบิน 1 ขอรับการสนับสนุนงบประมาณกองทุนฯ ในวงเงิน 3,686,000 บาท ดำเนิน "โครงการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานทดแทนในกองบิน 1" เพื่อขยายผลการใช้เทคโนโลยีและการผลิตพลังงานทดแทนจากโครงการนำร่องกองทัพสีเขียวการใช้พลังงานทดแทนในหน่วยงานกองทัพอากาศ
2.4 สนพ. ขอรับการสนับสนุนงบประมาณจากกองทุนฯ ในวงเงิน 2,000,000 บาท เพื่อดำเนิน "การติดตามประเมินผลการดำเนินงานของกองทุนพัฒนาชุมชนในพื้นที่รอบโรงไฟฟ้าที่ใช้พลังงานทดแทน ปี 2553" เพื่อติดตามผลการดำเนินงานของกองทุนพัฒนาชุมชนในพื้นที่รอบโรงไฟฟ้าที่มีการใช้พลังงานทดแทนเป็นเชื้อเพลิง
3. ฝ่ายเลขานุการฯ ได้นำงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2554 ของกองทุนฯ (เพิ่มเติม) เสนอคณะอนุกรรมการกองทุนฯ เพื่อพิจารณาเมื่อวันที่ 29 เมษายน 2554 แล้ว และมีความเห็นว่าการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าด้วยเซลล์แสงอาทิตย์ ให้กับฐานปฏิบัติการของกองกำลังป้องกันชายแดนที่ไม่มีกระแสไฟฟ้าใช้งานหรือมีกระแสไฟฟ้าใช้งานไม่เพียงพอ จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติภารกิจในด้านปกป้องอธิปไตยและความมั่นคงของประเทศ จึงเห็นควรให้การสนับสนุนโครงการฯ ตามคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 ของกองทุนฯ (เพิ่มเติม) ในวงเงินรวม 89,582,120 บาท ตามที่ฝ่ายเลขานุการฯ เสนอ โดยมีข้อเสนอแนะ ดังนี้
3.1 โครงการผลิตไฟฟ้าด้วยเซลล์แสงอาทิตย์ เพื่อใช้ในกองกำลังป้องกันชายแดน โดย กองทัพบก เห็นควรให้ปรับลดระยะเวลาดำเนินงาน จาก 1 ปี เป็น 6 เดือน เพื่อให้เกิดการใช้ประโยชน์จากระบบผลิตไฟฟ้าด้วยเซลล์แสงอาทิตย์ให้เร็วขึ้น
3.2 โครงการส่งเสริมการผลิตไฟฟ้าด้วยเซลล์แสงอาทิตย์สำหรับฐานปฏิบัติการทางทหาร โดย พพ. เห็นว่า มีบางพื้นที่ที่จะดำเนินการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าด้วยเซลล์แสงอาทิตย์ในฐานปฏิบัติการทางทหารซ้ำซ้อนกับโครงการผลิตไฟฟ้าด้วยเซลล์แสงอาทิตย์เพื่อใช้ในกองกำลังป้องกันชายแดน ของกองทัพบก จึงให้ตัดพื้นที่ซ้ำซ้อนในโครงการของ พพ. ออก ทำให้จำนวนระบบผลิตฯ ลดลงเหลือ 176 ระบบ และคงเหลืองบประมาณในการดำเนินโครงการ ในวงเงิน 44,241,920 บาท
3.3 โครงการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานทดแทนในกองบิน 1 เห็นว่า เป็นการขยายผลการใช้เทคโนโลยีและการผลิตพลังงานทดแทน จากโครงการนำร่องกองทัพสีเขียว ซึ่งจะช่วยให้เกิดการส่งเสริมให้การใช้พลังงานทดแทนตามกลไกการผลักดันให้มีการใช้พลังงานทดแทนทุกภาคส่วน จึงเห็นควรให้การสนับสนุน ในวงเงิน 3,686,000 บาท
3.4 การติดตามประเมินผลการดำเนินงานของกองทุนพัฒนาชุมชนในพื้นที่รอบโรงไฟฟ้า ที่ใช้พลังงานทดแทน ปี 2553 โดย สนพ. เห็นว่า โครงการดังกล่าวจะทำให้ได้แนวทางในการดำเนินงานและ/หรือแนวทางในการปรับปรุงผลการดำเนินงานของกองทุนพัฒนาชุมชนในพื้นที่รอบไฟฟ้าในอนาคต จึงเห็นควรให้การสนับสนุน ในวงเงิน 2,000,000 บาท
3.5 เห็นควรจัดสรรเงินกองทุนฯ ให้กับ 2 หน่วยงานผู้เบิกเงินกองทุนฯ เพื่อดำเนินโครงการ ดังนี้
(1) ให้ พพ. ในวงเงิน 44,241,920 บาท ในการดำเนิน "โครงการส่งเสริมการผลิตไฟฟ้าด้วยเซลล์แสงอาทิตย์สำหรับฐานปฏิบัติการทางทหาร"
(2) ให้ สนพ. ในวงเงินรวม 45,340,200 บาท ในการดำเนิน
- โครงการผลิตไฟฟ้าด้วยเซลล์แสงอาทิตย์ เพื่อใช้ในกองกำลังป้องกันชายแดน ในวงเงิน 39,654,200 บาท โดยมีระยะเวลาดำเนินโครงการ 6 เดือน
- โครงการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานทดแทนในกองบิน 1 ในวงเงิน 3,686,000 บาท
- การติดตามประเมินผลการดำเนินงานของกองทุนพัฒนาชุมชนในพื้นที่รอบโรงไฟฟ้า ที่ใช้พลังงานทดแทน ปี 2553 ในวงเงิน 2,000,000 บาท
4. คณะอนุกรรมการฯ จึงมีมติให้ฝ่ายเลขานุการฯ เสนอคณะกรรมการกองทุนฯ เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 ของกองทุนฯ (เพิ่มเติม) ต่อไป
มติที่ประชุม
1. อนุมัติเงินกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ปีงบประมาณ 2554 (เพิ่มเติม) แผนพลังงานทดแทน งานส่งเสริมและสาธิต ให้ พพ. ในวงเงิน 44,241,920 บาท (สี่สิบสี่ล้านสองแสนสี่หมื่นหนึ่งพันเก้าร้อยยี่สิบบาทถ้วน) เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนิน "โครงการส่งเสริมการผลิตไฟฟ้าด้วยเซลล์แสงอาทิตย์สำหรับฐานปฏิบัติการทางทหาร" ระยะเวลาดำเนินงาน 6 เดือน
2. อนุมัติเงินกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ปีงบประมาณ 2554 (เพิ่มเติม) แผนพลังงานทดแทน งานส่งเสริมและสาธิต ให้ สนพ. ในวงเงินรวม 45,340,200 บาท (สี่สิบห้าล้านสามแสนสี่หมื่นสองร้อยบาทถ้วน) เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนิน
(1) โครงการผลิตไฟฟ้าด้วยเซลล์แสงอาทิตย์ เพื่อใช้ในกองกำลังป้องกันชายแดน ในวงเงิน 39,654,200 บาท โดยมีระยะเวลาดำเนินโครงการ 6 เดือน
(2) โครงการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานทดแทนในกองบิน 1 ในวงเงิน 3,686,000 บาท ระยะเวลาดำเนินโครงการ 4 เดือน
(3) การติดตามประเมินผลการดำเนินงานของกองทุนพัฒนาชุมชนในพื้นที่รอบโรงไฟฟ้าที่ใช้พลังงานทดแทน ปี 2553 ในวงเงิน 2,000,000 บาท ระยะเวลาดำเนินโครงการ 12 เดือน
เรื่องที่ 3 การขอรับคืนหุ้นจำนวน 34,200 หุ้น ของบริษัท เซลเลนเนียม (ประเทศไทย) จำกัด ถือในนามกระทรวงการคลัง (กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน)
1. พพ. ได้ให้การสนับสนุนการศึกษาวิจัยแก่ บริษัท เซลเลนเนียม (ประเทศไทย) จำกัด ในการดำเนิน "โครงการต้นแบบการประยุกต์ใช้งานเทคโนโลยี Vanadium Redox Flow" สำหรับการลดภาระกำลังไฟฟ้าสูงสุด การผลิตไฟฟ้าผสมผสานขนาดเล็ก รถประจำทางไฟฟ้า และเซลล์เชื้อเพลิงคาร์โบไฮเดรท ในวงเงิน 175 ล้านบาท มีระยะเวลาตั้งแต่ 30 มีนาคม 2549 - 29 กรกฎาคม 2550 และได้ว่าจ้างสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) เป็นที่ปรึกษาฯ โดยร่วมกับผู้ชำนาญการจากมหาวิทยาลัยของรัฐในประเทศ เพื่อติดตาม ตรวจสอบ และประเมินผลโครงการให้ พพ. และรับการถ่ายทอดองค์ความรู้จากบริษัทฯ ในวงเงิน 25 ล้านบาท โดยมีระยะเวลาดำเนินงานตั้งแต่ 30 มีนาคม 2549-29 ตุลาคม 2550
2. พพ. ได้ยกเลิกสัญญาสนับสนุนบริษัทเซลเลนเนียม (ประเทศไทย) จำกัด เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม 2552 เนื่องจากบริษัทฯ ทำงานล่าช้าและไม่ทำการปรับปรุงผลงานงวดที่ 1 ที่ไม่ผ่านการตรวจสอบจาก สวทช. และไม่เป็นไปตามสัญญาฯ
3. พพ. และ สวทช. ได้ปรับลดวงเงินว่าจ้างตามสัญญาจาก 25 ล้านบาท เหลือ 3,461,487.60 บาท เมื่อวันที่ 8 มิถุนายน 2553
4. ในสัญญาสนับสนุนฯ ระหว่าง พพ. และ บริษัทฯ ได้ระบุว่าบริษัทฯ ได้บริจาคหุ้นให้เป็นกรรมสิทธิแก่กระทรวงการคลัง (กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน) ได้แก่ หุ้นของบริษัทฯ และหุ้นของบริษัทฯ ในเครือ จำนวน 3 บริษัท อันเป็นหุ้นที่ได้มีการชำระเต็มมูลค่าแล้ว ดังนี้ (1) หุ้นของบริษัท Squirrel Holdings Ltd. จำนวน 330 หุ้น คิดเป็นมูลค่าหุ้นรวม 330 เหรียญสหรัฐ (2) หุ้นของบริษัท Cellennium USA., Inc จำนวน 50 หุ้น คิดเป็นมูลค่าหุ้นรวม 50 เหรียญสหรัฐ และ (3) หุ้นของบริษัท เซลเลนเนียม (ประเทศไทย) จำกัด จำนวน 34,200 หุ้น คิดเป็นมูลค่าหุ้นรวม 3,420,000 บาท โดยคิดราคาหุ้นตามที่บริษัทฯ แจ้งไว้ ณ เดือนกันยายน 2548 ซึ่งเมื่อยกเลิกสัญญาฯ บริษัทฯ ได้มีหนังสือขอคืนหุ้น ซึ่ง พพ. ได้จัดทำหนังสือขอทราบความเหมาะสมจากสำนักงานอัยการสูงสุด (อส.) เนื่องจากเป็นหน่วยงานที่ให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการรับบริจาคและการบริหารจัดการหุ้นและช่วยตรวจร่างสัญญาสนับสนุนฯ ให้กับ พพ.
5. อส. ได้มีหนังสือแจ้งผลการหารือของ พพ. สรุปได้ว่า ตามสัญญาสนับสนุนฯ หุ้นที่บริษัทฯ บริจาคให้แก่กองทุนฯ นั้น เป็นสมบัติของกองทุนฯ นับแต่วันที่บริษัทฯ ได้โอนให้กับกองทุนฯ ซึ่งคือวันที่ลงนามในสัญญาฯ
6. คณะอนุกรรมการกองทุนฯ ในการประชุมครั้งที่ 1/2554 (ครั้งที่ 25) เมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2554 ได้มีมติเห็นชอบให้ พพ. คืนหุ้นจำนวน 34,200 หุ้น คิดเป็นมูลค่าหุ้นรวม 3,420,000 บาท ให้แก่บริษัท เซลเลนเนียม (ประเทศไทย) จำกัด ตามที่ได้ระบุไว้ในสัญญาสนับสนุนฯ และให้ฝ่ายเลขานุการฯ นำเสนอคณะกรรมการกองทุนฯ เพื่อพิจารณาต่อไป
มติที่ประชุม
เพื่อให้การปฏิบัติของคณะกรรมการกองทุนฯ เป็นไปอย่างถูกต้อง จึงให้ฝ่ายเลขานุการฯ นำเรื่องดังกล่าวหารือไปยังสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณาว่า คณะกรรมการกองทุนฯ สามารถดำเนินการคืนหุ้นตามหนังสือการขอรับคืนหุ้น จำนวน 34,200 หุ้น ของบริษัท เซลเลนเนียม (ประเทศไทย) จำกัด ได้หรือไม่ และมีแนวทางปฏิบัติอย่างไร
เรื่องที่ 4 การตรวจสอบการดำเนินงานโครงการส่งเสริมการผลิตก๊าซชีวภาพในฟาร์มเลี้ยงสัตว์ขนาดกลางและขนาดใหญ่ ระยะที่ 1-4 ของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน
1. คณะกรรมการกองทุนฯ ในการประชุมเมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2538 วันที่ 3 ตุลาคม 2540 วันที่ 19 กันยายน 2544 และวันที่ 21 กันยายน 2550 ได้มีมติอนุมัติเงินกองทุนฯ ให้กับสถาบันวิจัยและพัฒนาพลังงานนครพิงค์ (สวพ.) มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ในวงเงินรวมทั้งสิ้น 1,464,800,000 บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนิน "โครงการส่งเสริมการผลิตก๊าซชีวภาพในฟาร์มเลี้ยงสัตว์ ระยะที่ 1-4" ตั้งแต่ปี 2538-2555 เพื่อส่งเสริมให้ผู้ประกอบการฟาร์มเลี้ยงสัตว์ ก่อสร้างและติดตั้งระบบก๊าซชีวภาพรองรับน้ำเสีย/ของเสียจากการเลี้ยงปศุสัตว์
2. สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ได้ดำเนินการตรวจสอบโครงการส่งเสริมเทคโนโลยีก๊าซชีวภาพในฟาร์มเลี้ยงสัตว์ ขนาดกลางและขนาดใหญ่ ระยะที่ 1-4 เฉพาะในส่วนฟาร์มเลี้ยงสัตว์ที่เข้าร่วมโครงการที่ก่อสร้างระบบผลิตก๊าซชีวภาพแล้วเสร็จ โดยทำการสุ่มตรวจสอบฟาร์มสุกรที่เข้าร่วมโครงการ จำนวน 173 ระบบ จากทั้งหมด 304 ระบบ ใช้วิธีการสุ่มตัวอย่างแบบหลายขั้นตอน เพื่อให้มีการกระจายสัดส่วนครอบคลุมพื้นที่ทุกภาคของประเทศไทย จำนวน 17 จังหวัด พร้อมทั้งมีการตรวจสอบข้อมูลจากเอกสารรายงานต่างๆ ของโครงการฯ มีการสัมภาษณ์ในเชิงลึกกับผู้ที่เกี่ยวข้อง และมีการสังเกตการณ์การดำเนินงานของระบบก๊าซชีวภาพที่สุ่มตรวจสอบในพื้นที่ก่อสร้างระบบจริง ใช้ระยะเวลาการตรวจสอบตั้งแต่วันที่ 15 ธันวาคม 2552 - 31 พฤษภาคม 2553 โดยมีข้อตรวจพบ 2 ประเด็น และข้อสังเกต 1 ประการ ทั้งนี้ สตง. ได้มีข้อเสนอแนะให้ สนพ. ดำเนินการ ดังนี้
ข้อตรวจพบที่ 1: การดำเนินงานไม่เป็นไปตามหลักการและข้อเสนอโครงการระบบก๊าซชีวภาพของฟาร์มที่เข้าร่วมโครงการที่มีการก่อสร้างและติดตั้งระบบก๊าซชีวภาพแล้วเสร็จ และมีการเดินระบบผลิตก๊าซชีวภาพแล้ว ณ 31 กรกฎาคม 2552 พบว่าการดำเนินงานไม่เป็นไปตามหลักการและข้อเสนอแนะโครงการ ดังนี้
1) ฟาร์มที่เข้าร่วมโครงการเป็นฟาร์มขนาดใหญ่ แต่ได้เข้าร่วมโครงการในฐานะเป็นฟาร์มขนาดกลาง จำนวน 8 ฟาร์ม รวม 19 ระบบ หรือคิดเป็นร้อยละ 10.98 ของจำนวนที่สุ่มตรวจสอบ
2) ไม่มีการกระจายฟาร์มที่เข้าร่วมโครงการ (มีการสนับสนุนการก่อสร้างระบบก๊าซชีวภาพในบริเวณที่ตั้งของฟาร์มเดียวกันมากกว่า 1 ระบบ) จำนวน 9 ฟาร์ม รวม 23 ระบบ หรือคิดเป็นร้อยละ 7.57
3) มีการอนุมัติให้องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) 2 แห่ง คือ อบต. สำนักตะคร้อ จ. นครราชสีมา และ อบต. ท่าหิน จ. สงขลา ซึ่งไม่มีอำนาจหน้าที่ในการทำฟาร์มเลี้ยงสัตว์เข้าร่วมโครงการ
ข้อตรวจพบที่ 2: การดำเนินงานไม่เป็นไปตามเป้าหมาย
ระบบก๊าซชีวภาพของฟาร์มที่เข้าร่วมโครงการส่งเสริมการผลิตก๊าซชีวภาพในฟาร์มเลี้ยงสัตว์ขนาดกลางและขนาดใหญ่ จำนวน 173 ระบบ จากระบบผลิตก๊าซชีวภาพที่มีการก่อสร้างและติดตั้งแล้วเสร็จทั้งหมด 304 ระบบ ณ กรกฎาคม 2552 พบว่า
1) ฟาร์มที่เข้าร่วมโครงการที่มีการผลิตก๊าซชีวภาพและใช้ประโยชน์เพื่อทดแทน LPG หรือพลังงานไฟฟ้า ร้อยละ 65.63 ดำเนินการได้ต่ำกว่าเป้าหมายที่กำหนดไว้
2) ฟาร์มที่เข้าร่วมโครงการไม่มีการผลิตก๊าซชีวภาพและใช้ประโยชน์เพื่อทดแทน LPG หรือพลังงานไฟฟ้า โดยมีฟาร์มที่หยุดผลิตก๊าซชีวภาพ 2 ระบบ ได้แก่ อบต. ท่าหิน และฟาร์มพนัสพันธุ์สัตว์
ข้อสังเกต : การจัดทำสัญญาการดำเนินงานเพื่อก่อสร้างและติดตั้งระบบก๊าซชีวภาพกับบุคคลซึ่งไม่ใช่เจ้าของฟาร์มตามกฎหมาย พบว่า มีการลงนามในสัญญากับบุคคลซึ่งไม่ใช่เจ้าของฟาร์มตามกฎหมาย จำนวน 3 ฟาร์ม รวม 9 สัญญา คิดเป็นร้อยละ 5.2 ของจำนวนระบบก๊าซชีวภาพที่สุ่มตรวจสอบ อาจทำให้เกิดความเสียหายต่อเงินอุดหนุนของกองทุนฯ ที่มิได้นำไปสนับสนุนการก่อสร้างและติดตั้งระบบก๊าซชีวภาพให้กับเจ้าของฟาร์มตามกฎหมาย เป็นจำนวนเงินประมาณ 30.59 ล้านบาท และให้นำเสนอต่อคณะกรรมการกองทุนฯ เพื่อพิจารณาดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับความเสียหายต่อเงินอุดหนุนของกองทุนฯ ที่มิได้นำไปสนับสนุนการก่อสร้างและติดตั้งระบบก๊าซชีวภาพให้กับเจ้าของฟาร์มตามกฎหมาย
ข้อเสนอแนะ สตง.ให้ สนพ. พิจารณาดำเนินการดังนี้
1) ในอนาคตหากมีการดำเนินโครงการในระยะต่อไป หรือโครงการอื่นที่มีลักษณะเช่นเดียวกัน
1.1 ต้องมีการควบคุมและตรวจสอบการดำเนินงานของโครงการ ให้เป็นไปตามหลักการและข้อเสนอของโครงการ และความเห็นหรือมติของคณะกรรมการกองทุนฯ อย่างเคร่งครัด
1.2 ควรมีการพิจารณาและตรวจสอบข้อเสนอโครงการ ให้มีการกำหนดกิจกรรมให้ครอบคลุมถึงระบบการใช้ประโยชน์จากก๊าซชีวภาพ
1.3 ควรกำหนดเป้าหมายการผลิตก๊าซชีวภาพและการใช้ประโยชน์ให้สอดคล้องกับสภาพการผลิตและใช้งานจริง
1.4 ควรกำหนดให้มีการติดตามผลและเก็บรวบรวมข้อมูลการดำเนินงานหลังจากเดินระบบครบ 1 ปี แล้ว และให้ฟาร์มที่เข้าร่วมโครงการ รายงานผลให้ทราบเป็นระยะ
1.5 ควรกำหนดระยะเวลาการผลิตและใช้ประโยชน์ของระบบก๊าซชีวภาพไว้ในเงื่อนไขของสัญญา โดยให้สอดคล้องกับอายุการใช้งานของระบบผลิตก๊าซชีวภาพ
1.6 โครงการที่มีการดำเนินการต่อเนื่องระยะเวลาหลายปี ควรกำหนดให้มีการประเมินผลทุกระยะก่อนการอนุมัติเงินกองทุน เพื่อดำเนินโครงการในระยะต่อไป
2) โครงการฯ ระยะที่ 3 และ 4 อยู่ระหว่างดำเนินการ
2.1 ต้องมีการควบคุมและตรวจสอบการดำเนินงานของ สวพ. ให้เป็นไปตามหลักการและข้อเสนอของโครงการ และความเห็นหรือมติของคณะกรรมการกองทุนฯ รวมถึงแจ้งให้ สวพ. ควบคุมการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่และที่ปรึกษาให้เป็นไปตามหลักการและข้อเสนอของโครงการอย่างเคร่งครัด
2.2 ดำเนินการสำรวจระบบผลิตก๊าซชีวภาพที่มีปัญหา/หยุดการผลิต รวมทั้งระบบที่ผลิตและใช้ประโยชน์ได้ต่ำกว่าเป้าหมาย เพื่อรวบรวมปัญหาอุปสรรค และดำเนินการแก้ไขต่อไป
2.3 ฟาร์มที่ยังไม่ได้ทำสัญญาเข้าร่วมโครงการ ควรพิจารณาเพิ่มเงื่อนไขในสัญญาเกี่ยวกับระยะเวลาการผลิตและใช้ประโยชน์ของระบบผลิตก๊าซชีวภาพให้สอดคล้องกับอายุการใช้งานของระบบ และกรณีมีการรื้อถอนระบบผลิตก๊าซชีวภาพก่อนครบอายุการใช้งาน ฟาร์มต้องชำระเงินอุดหนุนค่าก่อสร้างและติดตั้งระบบผลิตก๊าซชีวภาพคืนให้กับกองทุนฯ ตามสัดส่วนของอายุการใช้งานที่เหลืออยู่ รวมทั้งรายงานผลการดำเนินงานตามอายุการใช้งานของระบบ
3. สวพ. ได้ดำเนินการก่อสร้างระบบผลิตก๊าซชีวภาพในพื้นที่จำนวน 3 ฟาร์ม ได้แก่ 1) บริษัท วี.ซี.เอฟ. กรุ๊ป จำกัด 2) บริษัท ปฐมเกษตร จำกัด และ 3) บริษัท ชัยภูมิฟาร์ม จำกัด ซึ่ง สตง. ตรวจพบว่าการก่อสร้างระบบผลิตก๊าซชีวภาพ มีการลงนามในสัญญากับบุคคลซึ่งไม่ใช่เจ้าของฟาร์มตามกฎหมาย ได้แก่ 1) นายวีระชัย เตชะสัตยา 2) นายสว่าง ศักดิ์ศรีสกุล และ 3) นายปราโมทย์ จิรกวินวาณิช และ นางสาวจริภรณ์ จิรกวินวาณิช ตามลำดับ เห็นว่าอาจทำให้เกิดความเสียหายต่อเงินอุดหนุนของกองทุนฯ เนื่องจากมีการทำสัญญากับบุคคลซึ่งไม่ใช่เจ้าของฟาร์มตามกฎหมาย โดย สวพ. ได้ชี้แจงว่า การเข้าร่วมโครงการในนามบุคคลซึ่งไม่ใช่เจ้าของฟาร์มตามกฎหมาย บุคคลดังกล่าวนั้น ได้จัดส่งเงินค้ำประกันสัญญา และได้ดำเนินการก่อสร้างระบบผลิตก๊าซชีวภาพ รวมทั้งอุปกรณ์ผลิตพลังงานทดแทนอย่างถูกต้องตามหลักวิชาการตามที่สัญญาระบุ เมื่อ สวพ. ตรวจสอบแล้วพบว่า บุคคลดังกล่าวสามารถดำเนินการก่อสร้างระบบผลิตก๊าซชีวภาพได้ตามวัตถุประสงค์อย่างสมบูรณ์ จึงได้ดำเนินการเบิกจ่ายเงินสนับสนุนให้แก่บุคคลซึ่งเป็นคู่สัญญา ทั้งนี้ สวพ. ไม่มีอำนาจหน้าที่ในการตรวจสอบการเบิกจ่ายเงินภายในของเจ้าของฟาร์มตามกฎหมาย หรือเงินส่วนตัวของบุคคลในการนำมาใช้ในกิจกรรมการก่อสร้างตามสัญญา
4. สนพ. ได้ประสานงานให้ สวพ. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอื่นปรับปรุงการดำเนินงานโครงการที่กำลังจะดำเนินการในอนาคต หรือโครงการที่ดำเนินการอยู่ในปัจจุบันให้เป็นไปตามข้อเสนอแนะของ สตง. แล้ว ส่วนการดำเนินงานตามข้อสังเกตของ สตง. นั้น สนพ. เห็นสมควรนำเสนอกรรมการกองทุนฯ พิจารณากรณีการจัดทำสัญญาการดำเนินงานเพื่อก่อสร้างและติดตั้งระบบผลิตก๊าซชีวภาพกับบุคคลซึ่งไม่ใช่เจ้าของฟาร์มตามกฎหมาย ของ สวพ.เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับความเสียหายต่อเงินอุดหนุนของกองทุนฯ ที่มิได้นำไปสนับสนุนการก่อสร้างและติดตั้งระบบก๊าซชีวภาพให้กับเจ้าของฟาร์มตามกฎหมาย ตามข้อเสนอแนะของ สตง.
5. ฝ่ายเลขานุการฯ เห็นควรเสนอคณะกรรมการกองทุนฯ ให้มีการตั้งคณะอนุกรรมการเพื่อดำเนินการสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับความเสียหายต่อเงินอุดหนุนของกองทุนฯ ที่มิได้นำไปสนับสนุนการก่อสร้างและติดตั้งระบบก๊าซชีวภาพให้กับเจ้าของฟาร์มตามกฎหมาย ตามความเห็นของ สตง. โดยมีองค์ประกอบ ดังนี้
1. ผู้ตรวจราชการกระทรวงพลังงาน (นายชุมพล ฐิตยารักษ์) ประธานอนุกรรมการ
2. ผู้แทนกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน อนุกรรมการ
3. ผู้แทนกรมบัญชีกลาง อนุกรรมการ
4. ผู้แทนสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน อนุกรรมการ
5. หัวหน้ากลุ่มงานนิติการ สำนักงานปลัดกระทรวงพลังงาน อนุกรรมการและเลขานุการ
มติที่ประชุม
เห็นชอบให้มีการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการฯ เพื่อดำเนินการสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับความเสียหายต่อเงินอุดหนุนของกองทุนฯ ที่มิได้นำไปสนับสนุนการก่อสร้างและติดตั้งระบบก๊าซชีวภาพให้กับเจ้าของฟาร์ม ตามกฎหมาย โดยมีองค์ประกอบและอำนาจหน้าที่ ตามที่ฝ่ายเลขานุการฯ เสนอมา
กอ. ครั้งที่ 55 - วันอังคารที่ 13 ธันวาคม 2554
มติคณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน
ครั้งที่ 3/2554 (ครั้งที่ 55)
วันอังคารที่ 13 ธันวาคม 2554 เวลา 14.00 น.
ณ ห้องประชุม 301 ตึกบัญชาการ ทำเนียบรัฐบาล
1. รายงานฐานะการเงินกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน สิ้นสุด ณ วันที่ 30 กันยายน 2554
2. รายงานของผู้สอบบัญชีและงบการเงินกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานสำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2553 และ 2552 ที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินตรวจสอบรับรองแล้ว
3. รายงานผลการดำเนินงานกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ประจำปีบัญชี 2553
4. ขอความเห็นชอบแนวทาง หลักเกณฑ์ เงื่อนไข และลำดับความสำคัญของการใช้จ่ายเงินกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ในช่วงปี พ.ศ. 2555-2559
5. ขออนุมัติโครงการแผนการฟื้นฟูเยียวยาผู้ประสบอุทกภัยหลังน้ำลดของ กระทรวงพลังงาน
6. ขออนุมัติวงเงินสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการจัดทำรายงานการตรวจสอบและวิเคราะห์การใช้พลังงานโดยละเอียด และรายงานเป้าหมายและแผนอนุรักษ์พลังงานของอาคารควบคุมมหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม ตามคำพิพากษาศาลปกครองพิษณุโลก
นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี ประธานกรรมการ
นายสุเทพ เหลี่ยมศิริเจริญ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน กรรมการและเลขานุการ
เรื่องที่ 1 รายงานฐานะการเงินกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน สิ้นสุด ณ วันที่ 30 กันยายน 2554
เลขานุการฯ ได้รายงานฐานะการเงินกองทุนฯ ณ วันที่ 30 กันยายน 2554
มติที่ประชุม
รับทราบรายงานฐานะการเงินกองทุนฯ สิ้นสุด ณ วันที่ 30 กันยายน 2554 ตามที่ฝ่ายเลขานุการฯ เสนอ
เรื่องที่ 2 รายงานของผู้สอบบัญชีและงบการเงินกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานสำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2553 และ 2552 ที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินตรวจสอบรับรองแล้ว
1. พ.ร.บ. การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2550 กำหนดให้คณะกรรมการกองทุนจัดทำงบการเงินส่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) เป็นผู้สอบบัญชีของกองทุน และให้ทำการตรวจสอบและรับรองบัญชีและการเงินทุกประเภทของกองทุนภายใน 90 วันนับแต่วันสิ้นปีงบประมาณทุกปี ให้ สตง. จัดทำรายงานผลการสอบและรับรองบัญชีและการเงินของกองทุนเสนอต่อคณะกรรมการกองทุนภายใน 150 วันนับแต่วันสิ้นปีงบประมาณ เพื่อเสนอต่อคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติและคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบ
รายงานผลการสอบบัญชีและการเงินตามวรรคสอง ให้รัฐมนตรีเสนอต่อนายกรัฐมนตรีเพื่อนำเสนอต่อรัฐสภาเพื่อทราบและจัดให้มีการประกาศในราชกิจจานุเบกษา
2. สตง. ได้ตรวจสอบรับรองบัญชีและงบการเงินกองทุนฯ สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2553 และ 2552 เสร็จเรียบร้อยแล้ว และได้รายงานผลการสอบบัญชีและการเงินของกองทุนฯ สรุปได้ดังนี้
2.1 งบแสดงฐานะการเงินของกองทุนฯ
สินทรัพย์สุทธิปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 จำนวนเงิน 22,813.31 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 จำนวนเงิน 1,489.30 ล้านบาท
2.2 งบแสดงผลการดำเนินงานทางการเงิน
รายรับจากผู้ผลิตและผู้นำเข้า ปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 จำนวนเงิน 4,464.11 ล้านบาท ลดลงจาก ปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 จำนวนเงิน 7,214.66 ล้านบาท เนื่องจากได้มีการกำหนดอัตราการจัดเก็บเงินนำส่งเข้ากองทุนฯ ลดลงจากปีงบประมาณ พ.ศ. 2552
2.3 งบกระแสเงินสด
กระแสเงินสดปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 จำนวนเงิน 857.88 ล้านบาท ลดลงจากปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 จำนวนเงิน 7,441.03 ล้านบาท เนื่องจากได้มีการกำหนดอัตราการจัดเก็บเงินนำส่งเข้ากองทุนฯ ลดลงจากปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 ขณะเดียวกันก็มีรายจ่ายในการดำเนินโครงการต่างๆ เพิ่มขึ้น
มติที่ประชุม
รับทราบรายงานของผู้สอบบัญชีและงบการเงินกองทุนฯ สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2553 และ 2552 ที่ สตง. ตรวจสอบรับรองแล้ว ตามที่ฝ่ายเลขานุการฯ เสนอ
เรื่องที่ 3 รายงานผลการดำเนินงานกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ประจำปีบัญชี 2553
1. "กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน" ได้เข้าสู่ระบบประเมินผลการดำเนินงาน ทุนหมุนเวียนของกรมบัญชีกลาง (บก.) ในปีบัญชี 2549 โดยมีประธานกรรมการกองทุนฯ เป็นผู้ลงนามในบันทึกข้อตกลงการประเมินทุนหมุนเวียน (กองทุนฯ) กับกระทรวงการคลัง
2. คณะกรรมการกองทุนฯ ในการประชุมเมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 2553 ได้เห็นชอบเกณฑ์ประเมินผลการดำเนินงานของกองทุนฯ ปี 2553 โดยเกณฑ์การประเมินผลฯ ดังกล่าว แบ่งออกเป็น 4 ด้าน รวม 11 ตัวชี้วัด
3. กรมบัญชีกลาง ได้ส่งผลการดำเนินงานของกองทุนฯ ประจำปีบัญชี 2553 โดยผลในภาพรวมอยู่ในระดับ 3.8121 คะแนน (ระดับดี) ซึ่งผลการประเมินฯ สรุปได้ดังนี้
มติที่ประชุม
รับทราบรายงานผลการดำเนินงานกองทุนฯ ประจำปีบัญชี 2553 ตามที่ฝ่ายเลขานุการฯ เสนอ
เรื่องที่ 4 ขอความเห็นชอบแนวทาง หลักเกณฑ์ เงื่อนไข และลำดับความสำคัญของการใช้จ่ายเงินกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ในช่วงปี พ.ศ. 2555-2559
1. คณะกรรมการกองทุนฯ ในการประชุมเมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2554 ได้เห็นชอบให้สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน จัดทำแผนกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ในช่วงปี พ.ศ. 2555-2559 ที่สอดคล้องกับแผนพัฒนาพลังงานทดแทน 15 ปี และแผนอนุรักษ์พลังงาน 20 ปี
2. คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ในการประชุมเมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2554 ได้เห็นชอบแผนการดำเนินงานตามแผนการพัฒนาพลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือก 25% ใน 10 ปี (พ.ศ. 2555-2564) และแผนอนุรักษ์พลังงาน 20 ปี (พ.ศ. 2554-2573) ที่กระทรวงพลังงานปรับปรุงตามนโยบายของรัฐบาล เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2554 ซึ่งมีเป้าหมายลดระดับการใช้พลังงานต่อผลผลิตลงร้อยละ 25 ภายใน 20 ปี
3. คณะอนุกรรมการกองทุนฯ ในการประชุมเมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2554 ได้เห็นชอบแต่งตั้งคณะทำงานจัดทำแผนกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ในช่วงปี พ.ศ. 2555-2559 โดยมีปลัดกระทรวงพลังงาน เป็นประธานคณะทำงาน
4. ผลการดำเนินงานของคณะทำงานฯ ได้เห็นชอบแนวทาง หลักเกณฑ์การใช้จ่ายเงินกองทุนฯ ในช่วงปี พ.ศ. 2555-2559 ดังนี้
4.1 โครงสร้างการใช้จ่ายเงินกองทุนฯ
โครงสร้างของการใช้จ่ายเงินกองทุนฯ มีรูปแบบตามแผนการดำเนินงานเดิม เพื่อให้มีความต่อเนื่องของงาน ประกอบด้วยแผนงานรอง 3 แผน ได้แก่ แผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน แผนพลังงานทดแทน และแผนบริหารทางกลยุทธ์ ดังนี้
4.2 แนวทางการใช้จ่ายเงินกองทุนฯ
การใช้จ่ายเงินกองทุนฯ จะสอดคล้องแผนอนุรักษ์พลังงาน 20 ปี แผนการพัฒนาพลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือก 25% ใน 10 ปี และวัตถุประสงค์ของการใช้จ่ายเงินตามมาตรา 25 ของ พ.ร.บ. การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน โดยมีแนวทางการใช้จ่ายเงินแยกตามแผนงาน ดังนี้
(1) แผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน แนวทางการใช้จ่ายเงินกองทุนฯ จะดำเนินการตามแผนอนุรักษ์พลังงาน 20 ปี ซึ่งประกอบด้วยภาคขนส่ง ภาคอุสาหกรรม อาคารธุรกิจและที่อยู่อาศัย โดยมี 5 กลยุทธ์ คือ 1) กลยุทธ์ด้านการบังคับด้วยกฎระเบียบและมาตรฐาน 2) กลยุทธ์ด้านการส่งเสริมและสนับสนุนการอนุรักษ์พลังงาน 3) กลยุทธ์ด้านการสร้างความตระหนักและเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม 4) กลยุทธ์ด้านการส่งเสริมการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม และ 5) กลยุทธ์ด้านการพัฒนากำลังคนและความสามารถเชิงสถาบัน
(2) แผนพลังงานทดแทน แนวทางการใช้จ่ายเงินกองทุนฯ จะดำเนินการตามแผนการพัฒนาพลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือก 25% ใน 10 ปี (พ.ศ. 2555-2564) โดยมีแนวทางสำคัญ คือ 1) ส่งเสริมการผลิตและการใช้พลังงานทดแทน 2) ส่งเสริมการวิจัยและพัฒนาด้านพลังงาน และ 3) รณรงค์สร้างจิตสำนึกและประชาสัมพันธ์ให้ความรู้
4.3 หลักเกณฑ์ เงื่อนไขการจัดสรรเงินกองทุนฯ สรุปได้ดังนี้
(1) ผู้มีสิทธิได้รับการสนับสนุนเป็นส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ สถาบันการศึกษา หรือองค์กรเอกชนที่ไม่มุ่งค้ากำไรตามมาตรา 26 ของ พ.ร.บ. การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน
(2) การสนับสนุนค่าใช้จ่าย
- เป็นเงินช่วยเหลือให้เปล่าเพื่อการศึกษา วิจัย พัฒนา หรือการสาธิตขนาดเล็ก
- เป็นเงินช่วยเหลือสนับสนุนแก่หน่วยงานราชการ รัฐวิสาหกิจ สถาบันการศึกษา หรือองค์กรเอกชน ในการพัฒนาโครงการด้านอนุรักษ์พลังงานและพลังงานทดแทน
- เป็นเงินหมุนเวียน เงินช่วยเหลือสนับสนุน และค่าใช้จ่ายอื่นๆ ตามที่คณะกรรมการกองทุนฯ เห็นสมควร
(3) หน่วยงานที่รับจัดสรรเงินไปจากกองทุนฯ จะทำสัญญาหรือหนังสือยืนยันกับ สนพ. และ/หรือ พพ. เพื่อเป็นข้อผูกพันที่จะดำเนินงานให้ได้ผลตามเป้าหมายที่กำหนด และ สนพ. และ/หรือ พพ. มีสิทธิบอกเลิกสัญญาหากหน่วยงานนั้นไม่สามารถดำเนินงานได้ตามเป้าหมาย
4.4 กรอบการจัดสรรเงินกองทุนฯ ในช่วงปี พ.ศ. 2555-2559
จากการวิเคราะห์ฐานะเงินกองทุนฯ ณ วันที่ 30 กันยายน 2554 กองทุนฯ มียอดเงินคงเหลือในบัญชี จำนวน 21,710 ล้านบาท ขณะที่มีรายจ่ายผูกพันที่จะต้องจ่ายในช่วงปี พ.ศ. 2555-2559 ประมาณ 9,710 ล้านบาท จึงทำให้กองทุนฯ มีวงเงินคงเหลือ จำนวน 12,000 ล้านบาท โดย กพช. ในการประชุมเมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2554 ได้เห็นชอบแนวทางและหลักเกณฑ์การดำเนินงานโครงการฟื้นฟูเยียวยาผู้ประสบอุทกภัยหลังน้ำลดของกระทรวงพลังงาน ในวงเงิน 10,000 ล้านบาท และจากการวิเคราะห์ระดับรายได้ของกองทุนฯ ในช่วงปี พ.ศ. 2555-2559 คาดว่ากองทุนฯ จะมีรายรับ ประมาณ 7,200-7,500 ล้านบาท/ปี รวมเงินรายได้ 5 ปี เป็นเงิน 37,000 ล้านบาท คณะทำงานฯ จึงเห็นชอบกรอบการจัดสรรเงินกองทุนฯ ในช่วงปี พ.ศ. 2555-2559 ในวงเงินปีละ 7,000 ล้านบาท โดยกำหนดสัดส่วนวงเงินการจัดสรรเงินกองทุนฯ ในแผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน แผนพลังงานทดแทน และแผนบริหารทางกลยุทธ์ เป็นร้อยละ 50 45 และ 5 ตามลำดับ ดังนี้
4.5 แนวทางการจัดสรรเงินกองทุนฯ รายปี
การจัดสรรเงินกองทุนฯ รายปี จะดำเนินการตามแนวทาง/หลักเกณฑ์การพิจารณาจัดสรรเงินกองทุนฯ ที่คณะอนุกรรมการกองทุนฯ กำหนด และจะเสนอคณะกรรมการกองทุนฯ พิจารณาอนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีต่อไป
มติที่ประชุม
เห็นชอบแนวทาง หลักเกณฑ์ เงื่อนไข และลำดับความสำคัญของการใช้จ่ายเงินกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ในช่วงปี พ.ศ. 2555-2559 และ ให้ฝ่ายเลขานุการฯ เสนอต่อ กพช. เพื่อให้ความเห็นชอบต่อไป
เรื่องที่ 5 ขออนุมัติโครงการแผนการฟื้นฟูเยียวยาผู้ประสบอุทกภัยหลังน้ำลดของ กระทรวงพลังงาน
1. ตามที่ประเทศไทยประสบภาวะอุทกภัยอย่างร้ายแรง ส่งผลให้เครื่องจักร อุปกรณ์ของภาคส่วนต่างๆ เกิดความเสียหาย กระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศและความเป็นอยู่ของประชาชน กระทรวงพลังงานจึงได้มีแนวทางที่จะส่งเสริมการใช้อุปกรณ์ประสิทธิภาพสูงเพื่อทดแทนเครื่องจักร อุปกรณ์ที่เสียหายจากอุทกภัย เพื่อเยียวยา ฟื้นฟู สร้างงานและสร้างรายได้ให้แก่ผู้ประกอบการและประชาชน ซึ่งจะเป็นการลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานในอนาคตของภาคเศรษฐกิจและประชาชนได้อย่างยั่งยืน รวมถึงส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทน ในพื้นที่ประสบอุทกภัยซึ่งจะช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศและประชาชนได้เร็วและยั่งยืน
2. กพช. ในการประชุมเมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2554 เห็นชอบแนวทางและหลักเกณฑ์การดำเนินงานโครงการของกระทรวงพลังงาน ในวงเงิน 10,000 ล้านบาท และมอบหมายให้คณะกรรมการกองทุนฯ พิจารณาจัดสรรเงินกองทุนฯ เพื่อดำเนินโครงการแผนการฟื้นฟูผู้ประสบอุทกภัยหลังน้ำลดของกระทรวงพลังงาน ให้เป็นไปตามมาตรา 28 (1) และ (2) ใน พ.ร.บ. การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535 โดยดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในปีงบประมาณ 2555
แนวทางในการดำเนินการเยียวยาและฟื้นฟูผู้ประสบอุทกภัย เป็นการช่วยเหลือการปรับเปลี่ยนอุปกรณ์ เครื่องจักร ที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัยให้เป็นเครื่องจักรที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น ในภาคอาคาร และภาคอุตสาหกรรม ตามขอบข่ายการดำเนินงานตาม พ.ร.บ. เพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535 ในมาตรา 7 สำหรับการช่วยเหลือฟื้นฟูภาคอุตสาหกรรม และมาตรา 17 ในการช่วยเหลือฟื้นฟูในภาคอาคารและที่อยู่อาศัย โดยมีมาตรการในการดำเนินงาน 3 ส่วน ดังนี้
(1) มาตรการช่วยเหลือทางด้านการเงิน ประกอบด้วย
- การสนับสนุนด้านเงินทุนหมุนเวียน (ESCO FUND)
- การสนับสนุนเงินช่วยเหลือหรือเงินอุดหนุนในการซ่อมแซมอุปกรณ์เครื่องจักรให้มีประสิทธิภาพ
- การสนับสนุนด้านการลดอัตราดอกเบี้ย
(2) มาตรการด้านการเยียวยาและฟื้นฟู ประกอบด้วย
- การสนับสนุนการซ่อมแซมและปรับปรุงอุปกรณ์เครื่องจักรของโรงงานที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย
- การสนับสนุน เพื่อปรับเปลี่ยนและส่งเสริมการใช้อุปกรณ์ประสิทธิภาพสูง
- การปรับปรุงกระบวนการผลิตให้มีประสิทธิภาพ
- การปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้พลังงานในอาคารต่างๆ ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย
- การฟื้นฟู ปรับปรุง และส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทนสำหรับโครงการในพื้นที่ประสบอุทกภัย
(3) มาตรการด้านการให้คำปรึกษาและประชาสัมพันธ์ ประกอบด้วย
- การให้คำปรึกษาเพื่อฟื้นฟูปรับปรุงสภาพอุปกรณ์ เครื่องจักรของอาคารและโรงงานให้มีประสิทธิภาพ
- การประชาสัมพันธ์ การจัดทำสื่อ การเผยแพร่ความรู้ เพื่อฟื้นฟู ปรับปรุง และส่งเสริมด้านการอนุรักษ์พลังงานและพลังงานทดแทน
3. สรุปสาระสำคัญของโครงการ
หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้จัดทำรายละเอียดการของบประมาณของกองทุนฯ ภายใต้โครงการแผนการฟื้นฟูเยียวยาผู้ประสบอุทกภัยหลังน้ำลด โดยมีโครงการที่ขอรับงบประมาณของกองทุนฯ จำนวน 5 โครงการ ในวงเงินรวม 4,396,000,000 บาท ดังนี้
(1) โครงการส่งเสริมประสิทธิภาพพลังงานภาคอาคารธุรกิจและภาคอุตสาหกรรม ในพื้นที่ประสบอุทกภัย ดำเนินการโดย กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) ในวงเงิน 2,050,000,000 บาท เพื่อดำเนินการสนับสนุนผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรมในพื้นที่ประสบอุทกภัยในปี 2554 ในการปรับเปลี่ยนไปใช้เครื่องจักร วัสดุ อุปกรณ์ประสิทธิภาพสูง
(2) โครงการส่งเสริมประสิทธิภาพพลังงานภาคครัวเรือน ในพื้นที่ประสบอุทกภัย (สินค้าเบอร์ 5 ช่วยเยียวยาผู้ประสบอุทกภัย) ดำเนินการโดย พพ. ในวงเงิน 2,000,000,000 บาท และ สนพ. ในวงเงิน 100,000,000 บาท เพื่อดำเนินการสนับสนุนให้ประชาชนทั่วไป ในพื้นที่ประสบอุทกภัยในปี 2554 ในการปรับเปลี่ยนไปใช้ วัสดุ อุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าประสิทธิภาพสูง
(3) โครงการให้คำปรึกษาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพพลังงานในโรงงานอุตสาหกรรมและอาคารธุรกิจที่ประสบอุทกภัย ดำเนินการโดย พพ. ในวงเงิน 100,000,000 บาท เพื่อช่วยตรวจสอบระบบจ่ายพลังงาน เครื่องจักร อุปกรณ์ของสถานประกอบการที่ประสบอุทกภัย รวมถึงถ่ายทอดความรู้ ประสบการณ์และเทคโนโลยีการอนุรักษ์พลังงาน
(4) โครงการปรับปรุงอาคารและอุปกรณ์เพื่อการอนุรักษ์พลังงานของ พพ. ที่ถูกน้ำท่วม ดำเนินการโดย พพ. ในวงเงิน 46,000,000 บาท เพื่อปรับปรุงศูนย์ฝึกอบรมปฏิบัติการด้านการจัดการพลังงาน (Mini Plant) และศูนย์แสดงเทคโนโลยีการอนุรักษ์พลังงาน (Display Center) ที่เสียหายจากน้ำท่วมให้กลับมาใช้ประโยชน์ได้ตามปกติ
(5) โครงการสร้างความตระหนักการประหยัดพลังงาน ดำเนินการโดย สำนักงานปลัดกระทรวงพลังงาน (สป.พน.) ในวงเงิน 100,000,000 บาท เพื่อประชาสัมพันธ์โครงการแผนการฟื้นฟูเยียวยาผู้ประสบอุทกภัยหลังน้ำลดของกระทรวงพลังงานให้ประชาชนทราบ และปลุกจิตสำนึกให้ประชาชนตระหนักถึงเรื่องการใช้พลังงานอย่างรู้คุณค่ามากยิ่งขึ้น
4. คณะอนุกรรมการกองทุนฯ ในการประชุมเมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2554 ได้เห็นชอบโครงการตามที่หน่วยงานเสนอ ภายในวงเงินรวม 4,296,000,000 บาท และให้เพิ่มโครงการและงบประมาณสำหรับการประชาสัมพันธ์ ในวงเงิน 100,000,000 บาท (โครงการที่ 5 สร้างความตระหนักการประหยัดพลังงาน) เพื่อสร้างการรับรู้และจิตสำนึกในเรื่องการอนุรักษ์พลังงาน ภายใต้โครงการแผนการฟื้นฟูเยียวยาผู้ประสบอุทกภัยหลังน้ำลดของกระทรวงพลังงาน และให้ฝ่ายเลขานุการฯ เสนอคณะกรรมการกองทุนฯ เพื่อพิจารณาต่อไป
มติที่ประชุม
1. ให้เปลี่ยนชื่อ "โครงการแผนการฟื้นฟูเยียวยาผู้ประสบอุทกภัยหลังน้ำลดของกระทรวงพลังงาน" เป็น "โครงการแผนการส่งเสริมประสิทธิภาพพลังงานเพื่อการฟื้นฟูเยียวยาประสบอุทกภัยหลังน้ำลดของกระทรวงพลังงาน"
2. อนุมัติเงินกองทุนฯ แผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน งานส่งเสริมสาธิต ปีงบประมาณ 2555 ให้ กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน ในวงเงินรวม 4,196,000,000 บาท ตามที่ กพช. เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2554 ได้อนุมัติแนวทางและกรอบวงเงินไว้แล้ว เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการ ดังนี้
(1) โครงการส่งเสริมประสิทธิภาพพลังงานภาคอาคารธุรกิจและภาคอุตสาหกรรม ในพื้นที่ประสบอุทกภัย ในวงเงิน 2,050,000,000 บาท
(2) โครงการส่งเสริมประสิทธิภาพพลังงานภาคครัวเรือนในพื้นที่ประสบอุทกภัย (สินค้าเบอร์ 5 ช่วยเยียวยาผู้ประสบอุทกภัย) กิจกรรมส่งเสริมสินค้าเบอร์ 5 ช่วยเยียวยาผู้ประสบอุทกภัย ในวงเงิน 2,000,000,000 บาท
(3) โครงการให้คำปรึกษาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพพลังงานในโรงงานอุตสาหกรรมและอาคารธุรกิจที่ประสบอุทกภัย ในวงเงิน 100,000,000 บาท
(4) โครงการปรับปรุงอาคารและอุปกรณ์เพื่อการอนุรักษ์พลังงานของ พพ. ที่ถูกน้ำท่วม ในวงเงิน 46,000,000 บาท
3. อนุมัติเงินกองทุนฯ แผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน งานส่งเสริมสาธิต ปีงบประมาณ 2555 ให้ สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนิน "โครงการส่งเสริมประสิทธิภาพพลังงานภาคครัวเรือนในพื้นที่ประสบอุทกภัย (สินค้าเบอร์ 5 ช่วยเยียวยาผู้ประสบอุทกภัย) กิจกรรมมหกรรมส่งเสริมสินค้าเบอร์ 5 ช่วยเยียวยาผู้ประสบอุทกภัย" ในวงเงิน 100,000,000 บาท ตามที่ กพช. เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2554 ได้อนุมัติแนวทางและกรอบวงเงินไว้แล้ว
4. อนุมัติเงินกองทุนฯ แผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน งานประชาสัมพันธ์ ปีงบประมาณ 2555 ให้ สำนักงานปลัดกระทรวงพลังงาน เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนิน "โครงการประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างความตระหนักการประหยัดพลังงาน" ในวงเงิน 100,000,000 บาท ตามที่ กพช. เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2554 ได้อนุมัติแนวทางและกรอบวงเงินไว้แล้ว
เรื่องที่ 6 ขออนุมัติวงเงินสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการจัดทำรายงานการตรวจสอบและวิเคราะห์การใช้พลังงานโดยละเอียด และรายงานเป้าหมายและแผนอนุรักษ์พลังงานของอาคารควบคุมมหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม ตามคำพิพากษาศาลปกครองพิษณุโลก
1. คณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ได้กำหนดแนวทาง หลักเกณฑ์ เงื่อนไข และลำดับความสำคัญของการใช้จ่ายเงินกองทุนฯ โดยกำหนดโครงสร้างของแผนอนุรักษ์พลังงาน ระยะที่ 1 (ในช่วงปี 2538-2542) และระยะที่ 2 (ในช่วงปี 2543-2547) ประกอบด้วย 3 แผนงาน ได้แก่ แผนงานภาคบังคับ แผนงานภาคความร่วมมือ และแผนงานสนับสนุน
2. กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) เป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบการดำเนินงานตามแผนงานภาคบังคับ ซึ่งในแผนงานดังกล่าว มีการกำหนดโครงการโรงงานควบคุมและอาคารควบคุมที่กำลังใช้งาน เพื่อให้การสนับสนุนเจ้าของโรงงานควบคุมและอาคารควบคุมที่กำลังใช้งานอยู่ในปัจจุบัน ทั้งในด้านการวางแผนเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้พลังงาน และการลงทุนเพื่อให้เป็นไปตามแผนดังกล่าว โดยโรงงานควบคุมและอาคารควบคุมสามารถยื่นข้อเสนอต่อ พพ. เพื่อขอรับการสนับสนุนเงินกองทุนฯ สำหรับใช้เป็น
(1) เงินช่วยเหลือให้เปล่าสำหรับทำรายงานการตรวจสอบและวิเคราะห์การใช้พลังงานเบื้องต้น ไม่เกิน 100,000 บาทต่อราย
(2) เงินอุดหนุนในการจัดทำรายงานการตรวจสอบและวิเคราะห์การใช้พลังงานโดยละเอียด และรายงานการจัดทำเป้าหมายและแผนอนุรักษ์พลังงาน ในวงเงินอุดหนุน 50% ของค่าใช้จ่าย แต่ไม่เกิน 500,000 บาทต่อราย
(3) เงินลงทุนในการอนุรักษ์พลังงานตามแผนอนุรักษ์พลังงาน ในข้อ (2) ซึ่งรวมถึงค่าใช้จ่ายในการออกแบบทางวิศวกรรมด้วย โดยอุดหนุนไม่เกิน 60% ของเงินลงทุน และไม่เกิน 10 ล้านบาทต่อมาตรการในแผนอนุรักษ์พลังงาน
3. ทั้งนี้ อาคารควบคุมของส่วนราชการหรือรัฐวิสาหกิจ กองทุนฯ จะให้ความช่วยเหลือในรูปของเงินให้เปล่าทั้งหมด (วงเงิน 100% ของค่าใช้จ่าย) ในการดำเนินการตามข้อ (1) (2) และ (3)
4. กฎกระทรวง ฉบับที่ 3 (พ.ศ. 2538) ออกตามความใน พ.ร.บ. การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535 กำหนดให้เจ้าของอาคารควบคุมดำเนินการจัดทำเป้าหมายและแผนอนุรักษ์พลังงาน โดยต้องมอบหมายให้ที่ปรึกษาด้านการอนุรักษ์พลังงานที่ได้ขึ้นทะเบียนไว้กับ พพ. เป็นผู้ช่วยดำเนินการให้
5. มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม ได้เข้าร่วมโครงการโรงงานควบคุมและอาคารควบคุมที่กำลังใช้งาน โดยได้ว่าจ้าง ห้างหุ้นส่วนจำกัด คิวตรอน คอนซัลแตนท์ เป็นที่ปรึกษา เพื่อดำเนินงาน ดังต่อไปนี้
(1) การจัดทำรายงานการตรวจสอบและวิเคราะห์การใช้พลังงานเบื้องต้น ซึ่ง พพ. ได้ตรวจรายงานฉบับดังกล่าวแล้ว และเห็นว่ามหาวิทยาลัยฯ ได้ดำเนินการอย่างครบถ้วนและถูกต้องตามกฎหมายกำหนด พพ. จึงได้สนับสนับสนุนเงินกองทุนฯ เป็นเงินช่วยเหลือให้เปล่า ในวงเงิน 472,948 บาท
(2) พพ. ได้ตรวจรายงานการตรวจสอบและวิเคราะห์การใช้พลังงานโดยละเอียด และรายงานการจัดทำเป้าหมายและแผนอนุรักษ์พลังงานของมหาวิทยาลัยฯ แล้ว แต่ไม่สามารถสนับสนุนเงินกองทุนฯ ในวงเงิน 1,130,690.30 บาท ได้ เนื่องจากคณะกรรมการบริหารกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน (มีฐานะเป็นคณะอนุกรรมการ ที่คณะกรรมการกองทุนฯ แต่งตั้งขึ้น โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานเป็นประธาน) ในการประชุมเมื่อวันที่ 26 มกราคม 2548 มีมติระงับการสนับสนุนเงินกองทุนฯ เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดทำรายงานการตรวจสอบและวิเคราะห์การใช้พลังงานเบื้องต้น การจัดทำเป้าหมายและแผนอนุรักษ์พลังงาน และการลงทุนตามเป้าหมายและแผนอนุรักษ์พลังงาน ตั้งแต่วันที่ 26 มกราคม 2548 เป็นต้นไป
6. มติคณะกรรมการบริหารกองทุนฯ ที่ให้ระงับการสนับสนุนเงินกองทุนฯ แก่เจ้าของอาคารควบคุม เป็นผลมาจากการประชุมคณะกรรมการกองทุนฯ เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2547 ได้เห็นชอบแผนอนุรักษ์พลังงาน แนวทาง หลักเกณฑ์ เงื่อนไขและและลำดับความสำคัญของการใช้จ่ายเงินกองทุนฯ ระยะที่ 3 ในช่วงปี 2548-2554) ซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของแผนอนุรักษ์พลังงานจากเดิม ที่ประกอบด้วย 3 แผนงาน คือ แผนงานภาคบังคับ แผนงานภาคความร่วมมือ และแผนงานสนับสนุน เป็น 3 แผนงานใหม่ คือ แผนพลังงานทดแทน แผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน และแผนบริหารทางกลยุทธ์ คณะกรรมการกองทุนฯ จึงได้ปรับเปลี่ยนแนวทางการใช้เงินกองทุนฯ โดยการลดการช่วยเหลือเจ้าของโรงงานและอาคารควบคุม ทั้งในด้านการวางแผน และการลงทุนเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้พลังงาน รวมถึงการดำเนินงานที่เป็นหน้าที่และภารกิจของอาคารควบคุมที่เป็นส่วนราชการหรือรัฐวิสาหกิจ ก็ให้จัดสรรงบดำเนินการจากเงินงบประมาณเป็นหลักก่อน ทั้งนี้ ในการดำเนินงานตามแผนอนุรักษ์พลังงาน ระยะที่ 3 คณะกรรมการกองทุนฯ ได้กำหนดให้คณะกรรมการบริหารกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน มีอำนาจปรับปรุงแนวทาง หลักเกณฑ์ เงื่อนไขและลำดับความสำคัญของการใช้จ่ายเงินกองทุนฯ และการจัดสรรเงินตามแผนงานต่างๆ ได้ตามความจำเป็นและเหมาะสม
7. คณะกรรมการบริหารกองทุนฯ ในการประชุมเมื่อวันที่ 26 มกราคม 2548 จึงได้มีมติระงับการสนับสนุนเงินกองทุนฯ สำหรับโรงงานควบคุมและอาคารควบคุม โดยแจ้งให้ พพ. ทราบและดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง ดังนี้
(1) ให้ระงับการสนับสนุนเงินกองทุนฯ เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดทำรายงาน การตรวจสอบและวิเคราะห์การใช้พลังงานเบื้องต้น การจัดทำเป้าหมายและแผนอนุรักษ์พลังงาน และการลงทุนตามเป้าหมายและแผนอนุรักษ์พลังงาน ตามระเบียบคณะกรรมการกองทุนฯ ฉบับที่ 1 พ.ศ. 2537 และ ฉบับที่ 2 พ.ศ. 2539 แก่เจ้าของโรงงานควบคุมและอาคารควบคุม ตั้งแต่วันที่ 26 มกราคม 2548 เป็นต้นไป
(2) ให้เจ้าของโรงงานควบคุมและอาคารควบคุมที่ได้ดำเนินการตามกฎกระทรวงฉบับเดิม และ พพ. ได้รับรายงานก่อนวันที่คณะกรรมการบริหารกองทุนฯ ให้ความเห็นชอบการระงับการสนับสนุนเงินกองทุนฯ สำหรับโรงงานควบคุมและอาคารควบคุม สามารถขอรับการสนับสนุนเงินกองทุนฯ ตามระเบียบคณะกรรมการกองทุนฯ ฉบับเดิม โดยการอนุมัติเงินสนับสนุนดังกล่าวของปีงบประมาณ 2548 ให้ใช้เงินกองทุนฯ แผนงานเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน งานส่งเสริมและสาธิต
(3) ให้ยกเลิกการสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการลงทุนตามเป้าหมายและแผนฯ ที่เจ้าของโรงงานควบคุมและอาคารควบคุมขอรับการสนับสนุนฯ ตามระเบียบคณะกรรมการกองทุนฯ ฉบับที่ 1 พ.ศ. 2537 และ ฉบับที่ 2 พ.ศ. 2539 เฉพาะในส่วนที่ยังไม่ได้รับแจ้งการอนุมัติค่าใช้จ่ายจาก พพ.
8. พพ. จึงได้ออกประกาศ ลงวันที่ 1 เมษายน 2548 เรื่อง ระงับการสนับสนุนเงินกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ของโรงงานควบคุมและอาคารควบคุม ตามมติคณะกรรมการบริหารกองทุนฯ เพื่อแจ้งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทราบโดยทั่วกัน
9. เนื่องจากมหาวิทยาลัยฯ ไม่สามารถจัดหางบประมาณจำนวน 1,130,690.30 บาท เพื่อมาจ่ายให้ ห้างหุ้นส่วนจำกัด คิวตรอนฯ เป็นค่าจ้างสำหรับการจัดทำรายงานการตรวจสอบและวิเคราะห์การใช้พลังงานโดยละเอียด และรายงานการจัดทำเป้าหมายและแผนอนุรักษ์พลังงานได้ ห้างหุ้นส่วนจำกัด คิวตรอนฯ จึงได้ยื่นฟ้องมหาวิทยาลัยฯ ต่อศาลจังหวัดพิษณุโลก ตามคดีหมายเลขดำที่ 1346/2548 ให้มหาวิทยาลัยฯ จ่ายเงินตามสัญญาจ้างดำเนินงานดังกล่าว แต่เนื่องจากสัญญาจ้างนี้เป็นสัญญาที่เกี่ยวกับการให้บริการสาธารณะ จึงเป็นคดีปกครองอยู่ในอำนาจพิจารณาของศาลปกครองจังหวัดพิษณุโลก คดีดังกล่าวจึงโอนจากศาลจังหวัดพิษณุโลกไปยังศาลปกครองพิษณุโลก
10. ห้างหุ้นส่วนจำกัด คิวตรอนฯ ได้ยื่นฟ้องมหาวิทยาลัยฯ ต่อศาลปกครองพิษณุโลก ตามคดีหมายเลขดำที่ 34/2550 ซึ่งการพิจารณาคดีได้ดำเนินการต่อเนื่องมา จนมีผลให้หน่วยงานของรัฐเข้ามาเกี่ยวข้องกับคดีนี้ เพิ่มขึ้นเป็น 3 หน่วยงาน ได้แก่ มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม เป็นผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 กระทรวงการคลัง เป็นผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 และ พพ. เป็นผู้ถูกฟ้องคดีที่ 3
11. ศาลปกครองพิษณุโลกได้มีคำสั่งเรียกมายังคณะกรรมการบริหารกองทุนฯ ทำคำชี้แจงต่อศาลปกครองพิษณุโลก ตามคำสั่งเรียกให้ทำการชี้แจง ลงวันที่ 14 ตุลาคม 2553 ในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการระงับการสนับสนุนเงินกองทุนฯ สำหรับโรงงานควบคุมและอาคารควบคุม แต่เนื่องจากคณะกรรมการกองทุนฯ ในการประชุมเมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2548 ได้ยกเลิกคำสั่งคณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ที่ 1/2547 เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการบริหารกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ลงวันที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2547 สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) ในฐานะกรรมการและเลขานุการคณะกรรมการบริหารกองทุนฯ จึงได้จัดทำคำชี้แจงในประเด็นดังกล่าวเสนอต่อศาลปกครองพิษณุโลก
12. ศาลปกครองพิษณุโลกได้มีคำสั่งเรียกมายังคณะกรรมการกองทุนฯ ให้เข้ามาเป็นคู่กรณีและทำคำให้การแก้คำฟ้องต่อศาลปกครองพิษณุโลก ลงวันที่ 12 มกราคม 2554 โดยมีประเด็นตามคำขอท้ายคำฟ้องของ ห้างหุ้นส่วนจำกัด คิวตรอนฯ ที่ศาลปกครองพิษณุโลกกำหนดให้คณะกรรมการกองทุนฯ ยื่นตอบภายใน 30 วัน
13. คณะกรรมการกองทุนฯ เมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2554 ได้มอบอำนาจให้ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน มีอำนาจทำการแทนคณะกรรมการกองทุนฯ ในคดีที่ศาลปกครองพิษณุโลกมีคำสั่งเรียกมาดังกล่าว
14. ในการดำเนินคดี สนพ. ได้ขอความอนุเคราะห์สำนักงานอัยการสูงสุดจัดพนักงานอัยการเพื่อแก้ต่างคดีแทนคณะกรรมการกองทุนฯ
15. อธิบดีอัยการ สำนักงานคดีปกครองพิษณุโลก ได้มีหนังสือแจ้ง สนพ. ถึงผลคดี โดยศาลปกครองพิษณุโลก เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2554 ได้มีคำพิพากษาว่า ให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 3 (พพ.) นำเสนอขอความเห็นชอบรายงานและอนุมัติวงเงินที่จะให้การสนับสนุนจากผู้ถูกฟ้องคดีที่ 4 (คณะกรรมการกองทุนฯ) และมีหนังสือแจ้งให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 (มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม) ทราบผล ทั้งนี้อัยการผู้ดำเนินคดีพิจารณาแล้วเห็นว่า คำพิพากษาดังกล่าว ถูกต้องตามที่กฎหมายกำหนดแล้ว แม้อุทธรณ์ไปก็ยากที่จะชนะคดีได้ จึงมีคำสั่งไม่อุทธรณ์
16. พพ. และ สนพ. พิจารณาแล้ว มีความเห็นไม่อุทธรณ์คำพิพากษาของศาลปกครองพิษณุโลก ตามความเห็นของพนักงานอัยการผู้ดำเนินคดี
17. พพ. ได้ขอตั้งวงเงินสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการจัดทำรายงานการตรวจสอบและวิเคราะห์การใช้พลังงานโดยละเอียด และรายงานเป้าหมายและแผนอนุรักษ์พลังงานของอาคารควบคุมมหาวิทยาลัยราชภัฎพิบูลสงคราม เป็นเงินทั้งสิ้น 867,992.17 บาท
ทั้งนี้ การประเมินวงเงินค่าใช้จ่ายดังกล่าว เป็นไปตามหลักเกณฑ์การประเมินค่าใช้จ่าย ซึ่งได้รับความเห็นชอบจากคณะอนุกรรมการกำกับดูแลแผนงานภาคบังคับ (เป็นคณะอนุกรรมการ ภายใต้คณะกรรมการกองทุนฯ ในช่วงปี 2538-2547 มีอธิบดี พพ. เป็นประธาน) ในการประชุมเมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2542
มติที่ประชุม
อนุมัติเงินกองทุนฯ แผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน งานส่งเสริมและสาธิต ปีงบประมาณ 2555 จำนวน 867,992.17 บาท ให้ พพ. เพื่อนำไปจัดสรรให้กับ มหาวิทยาลัยราชภัฎพิบูลสงคราม สำหรับเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดทำรายงานการตรวจสอบและวิเคราะห์การใช้พลังงานโดยละเอียด และรายงานเป้าหมายและแผนอนุรักษ์พลังงานของอาคารควบคุมมหาวิทยาลัยราชภัฎพิบูลสงคราม ตามคำพิพากษาศาลปกครองพิษณุโลก
อนุ กอ. ครั้งที่ 25 - วันจันทร์ที่ 7 มีนาคม 2554
มติคณะอนุกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน
ครั้งที่ 1/2554 (ครั้งที่ 25)
วันจันทร์ที่ 7 มีนาคม 2554 เวลา 14.00 น.
ณ ห้องประชุม 5 ชั้น 15 ศูนย์เอนเนอร์ยี่คอมเพล็กซ์ อาคารบี
1. รายงานผลการดำเนินงานกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ประจำปีบัญชี 2553
2. การขอขยายระยะเวลาโครงการที่คณะกรรมการกองทุนฯ อนุมัติไว้แล้ว จำนวน 15 โครงการ
3. การขอรับคืนหุ้นจำนวน 34,200 หุ้น ของบริษัท เซลเลนเนียม (ประเทศไทย) จำกัด ถือในนามกระทรวงการคลัง (กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน)
4. การขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการที่คณะกรรมการกองทุนฯ อนุมัติไว้แล้ว
5. การแต่งตั้งคณะทำงานจัดทำแผนกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ในช่วงปี พ.ศ. 2555-2559
นายวรรณรัตน์ ชาญนุกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ประธานอนุกรรมการ
นายวีระพล จิรประดิษฐกุล ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน อนุกรรมการและเลขานุการ
เรื่องที่ 1 รายงานผลการดำเนินงานกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ประจำปีบัญชี 2553
1. "กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน" ได้เข้าสู่ระบบประเมินผลการดำเนินงานทุนหมุนเวียนของกรมบัญชีกลาง (บก.) โดยมีประธานกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน เป็นผู้ลงนาม ในบันทึกข้อตกลงการประเมินทุนหมุนเวียน (กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน) ประจำปีบัญชี 2553 กับกระทรวงการคลัง
2. บก. ได้มีหนังสือรายงานผลการดำเนินงานของกองทุนฯ ประจำปีบัญชี 2553 โดยภาพรวมอยู่ในระดับ 3.8121 คะแนน ได้เป็นไปตามเกณฑ์ในบันทึกข้อตกลง ซึ่งสรุปผลการประเมินได้ ดังนี้
1) ผลการดำเนินงานด้านการเงิน (ร้อยละ 15)
ตัวชี้วัดที่ 1.1 ร้อยละของงบประมาณที่มีการผูกพันสัญญาต่องบประมาณที่ได้รับการจัดสรรจากกอง ทุนฯ ผลการดำเนินงานอยู่ในระดับร้อยละ 99.84 ส่งผลให้ได้รับคะแนน 4.9680
ตัวชี้วัดที่ 1.2 ค่าใช้จ่ายบริหารที่เกิดขึ้นจริงและผูกพันเทียบกับงบประมาณ ผลการดำเนินงาน อยู่ในระดับร้อยละ 80.56 ส่งผลให้ได้รับคะแนน 3.2211
2) ผลการดำเนินงานด้านปฏิบัติการ (ร้อยละ 35)
ตัวชี้วัดที่ 2.1 ร้อยละของจำนวนโครงการที่มีการทำสัญญาของแต่ละแผนงานต่อจำนวนโครงการที่ได้ รับอนุมัติทั้งหมดของแต่ละแผนงาน ผลการดำเนินงานโดยรวมเฉลี่ยอยู่ที่ระดับคะแนน 4.1466
โดยแบ่งเป็น 3 ประเภทแผนงาน ดังนี้
(1) แผนพลังงานทดแทน อยู่ในระดับร้อยละ 97.44 ส่งผลให้ได้รับคะแนน 4.4880
(2) แผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน อยู่ในระดับร้อยละ 94.59 ส่งผลให้ได้รับคะแนน 3.9180
(3) แผนงานบริหารทางกลยุทธ์ อยู่ในระดับร้อยละ 100.00 ส่งผลให้ได้รับคะแนน 5.0000
ตัวชี้วัดที่ 2.2 ร้อยละความสำเร็จของจำนวนโครงการที่ผูกพันและดำเนินงานได้ตามแผนภายในปี บัญชี 2553 ต่อจำนวนโครงการที่ผูกพันและมีแผนดำเนินงานภายในปีบัญชี 2553 ผลการดำเนินงานโดยรวมเฉลี่ยอยู่ที่ระดับคะแนน 4.9225 โดยแบ่งเป็น 3 ประเภทแผนงาน ดังนี้
(1) แผนพลังงานทดแทน อยู่ในระดับร้อยละ 100.00 ส่งผลให้ได้รับคะแนน 5.0000
(2) แผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน อยู่ในระดับร้อยละ 99.39 ส่งผลให้ได้รับคะแนน 4.8780
(3) แผนงานบริหารทางกลยุทธ์ อยู่ในระดับร้อยละ 100.00 ส่งผลให้ได้รับคะแนน 5.0000
3) การสนองประโยชน์ต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย (ร้อยละ 10)
ตัวชี้วัดที่ 3.1 การสำรวจความพึงพอใจของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ประจำปีบัญชี 2553 จากผลการสำรวจฯ ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียมีระดับความพึงพอใจจากการใช้บริการของกองทุนฯ เฉลี่ยเท่ากับร้อยละ 60.00 ส่งผลให้ได้รับคะแนน 1.0000
ตัวชี้วัดที่ 3.2 การจัดทำแผนการปรับปรุงการให้บริการจากผลสำรวจความพึงพอใจและดำเนินการตาม แผนฯ ประจำปีบัญชี 2553 ไม่สามารถจัดทำแผนการปรับปรุงการให้บริการได้แล้วเสร็จ ภายใน 30 กันยายน 2553 ส่งผลให้ได้รับคะแนน 1.0000
4) การบริหารพัฒนาทุนหมุนเวียน (ร้อยละ 40)
ตัวชี้วัดที่ 4.1 การดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการประจำปีบัญชี 2553 ได้ดำเนินงานตามกิจกรรมในแผนปฏิบัติการสำเร็จ ร้อยละ 87.50 ส่งผลให้การดำเนินงานอยู่ที่ระดับคะแนน 2.5000
ตัวชี้วัดที่ 4.2 การติดตามประเมินผลลัพธ์ตามวัตถุประสงค์ของกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์ พลังงาน ได้ดำเนินการนำเสนอรายงานการติดตามประเมินผลลัพธ์ฯ และได้รับความเห็นชอบจากคณะอนุกรรมการประเมินผลฯ เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2553 ส่งผลให้การดำเนินงานโดยเฉลี่ยอยู่ที่ระดับคะแนน 5.0000
ตัวชี้วัดที่ 4.3 บทบาทคณะกรรมการทุนหมุนเวียน มีผลการดำเนินงานโดยเฉลี่ยอยู่ที่ระดับคะแนนเท่ากับ 2.3600 ทั้งนี้ พิจารณาจากประเด็นหลักที่สำคัญ 4 ด้าน คือ
(1) การจัดให้มีทิศทาง แผนยุทธศาสตร์ และแผนปฏิบัติการประจำปี มีผลการดำเนินงาน ในระดับคะแนน 2.8667 จากรายละเอียดดังนี้
การกำหนดทิศทางยุทธศาสตร์ และเป้าประสงค์ที่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์จัดตั้งและพันธกิจของทุนหมุนเวียน อยู่ในระดับคะแนน 5.0000
การจัดให้มีแผนยุทธศาสตร์และแผนปฏิบัติการประจำปีที่มีคุณภาพและระบุองค์ประกอบสำคัญครบถ้วน อยู่ในระดับคะแนน 5.0000
การให้ความเห็นชอบแผนยุทธศาสตร์ อยู่ในระดับคะแนน 1.0000
การให้ความเห็นชอบแผนปฏิบัติการประจำปี อยู่ในระดับคะแนน 1.0000
(2) การติดตามระบบการบริหารจัดการและผลการปฏิบัติงานตามภารกิจของทุนหมุนเวียน มีผลการดำเนินงานในระดับคะแนน 1.0000
(3) การจัดให้มีระบบประเมินผลผู้บริหารระดับสูงของทุนหมุนเวียน มีผลการดำเนินงานในระดับคะแนน 1.0000
(4) การเปิดเผยข้อมูลข่าวสารแก่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย มีผลการดำเนินงานในระดับคะแนน 5.0000
ตัวชี้วัดที่ 4.4 การควบคุมภายใน มีผลการดำเนินงานโดยเฉลี่ยอยู่ที่ระดับคะแนนเท่ากับ 4.7000 โดยพิจารณาจากประเด็นหลักที่สำคัญ 3 ด้าน คือ
(1) การจัดให้องค์กรมีสภาพแวดล้อมการควบคุมภายในที่ครบถ้วนเพียงพอ มีผลการดำเนินงานในระดับคะแนน 4.2500 จากรายละเอียด ดังนี้
ระบบข้อร้องเรียน โดยจัดทำรายงานสรุปเกี่ยวกับข้อร้องเรียนภายในองค์กรนำเสนอผู้บริหารขององค์กร อยู่ในระดับคะแนน 3.0000
การสอบทานและผลการสอบทาน กรณีความขัดแย้งทางผลประโยชน์ อยู่ในระดับคะแนน 5.0000
การกำหนดขอบเขตระดับของอำนาจในการอนุมัติที่ชัดเจนเป็นลายลักษณ์อักษรและสื่อสารให้พนักงานทราบทั้งองค์กร อยู่ในระดับคะแนน 5.0000
(2) การจัดให้มีกิจกรรมการควบคุมภายในที่ดี มีผลการดำเนินงานในระดับคะแนน 5.0000 จากรายละเอียด ดังนี้
ผู้บริหารสูงสุดและผู้บริหารระดับรองมีการสอบทานรายงานทางการเงิน อยู่ในระดับคะแนน 5.0000
ผู้บริหารสูงสุดและผู้บริหารระดับรองมีการสอบทานรายงานที่ไม่ใช่การเงิน อยู่ในระดับคะแนน 5.0000
(3) การติดตามผลและประเมินผล มีผลการดำเนินงานอยู่ในระดับคะแนน 5.0000
ตัวชี้วัดที่ 4.5 การตรวจสอบภายใน มีผลการดำเนินงานโดยเฉลี่ยอยู่ที่ระดับคะแนนเท่ากับ 5.0000 โดยพิจารณาจากประเด็นหลักที่สำคัญ 2 ด้าน คือ
(1) การปฏิบัติงานตรวจสอบภายใน อยู่ในระดับคะแนน 5.0000
(2) การปฏิบัติตามข้อเสนอแนะที่ระบุในรายงานผลการตรวจสอบ อยู่ในระดับคะแนน 5.0000
ข้อสังเกต/ข้อเสนอแนะของที่ประชุม
1. ประธานอนุกรรมการฯ เห็นว่าผลการดำเนินงานของกองทุนฯ ในบางตัวชี้วัดมีคะแนนในระดับที่ต่ำ จึงให้ฝ่ายเลขานุการฯ ชี้แจงถึงสาเหตุของการดำเนินงานตามตัวชี้วัดเหล่านั้น ซึ่งฝ่ายเลขานุการฯ ได้ชี้แจง ที่ประชุมทราบว่า ผลการดำเนินงานที่ได้รับคะแนนต่ำ ได้แก่ ตัวชี้วัดในด้านการสนองประโยชน์ต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ซึ่งมีคะแนนอยู่ที่ระดับ 1.0 เป็นผลมาจากระดับความพึงพอใจจากการใช้บริการของกองทุนฯ ของผู้ มีส่วนได้ ส่วนเสียต่ำกว่าเป้าหมายที่กำหนดไว้ และความล่าช้าในการจัดทำแผนการปรับปรุงการให้บริการ ซึ่งประธานอนุกรรมการฯ ให้ฝ่ายเลขานุการฯ จัดทำแผนการปรับปรุงการดำเนินงานดังกล่าวและให้นำเสนอคณะอนุกรรมการฯ เพื่อทราบในการประชุมครั้งต่อไป
2. นายพรายพล คุ้มทรัพย์ เห็นควรให้ฝ่ายเลขานุการฯ ชี้แจงผลการดำเนินงานในตัวชี้วัดที่มีระดับผลคะแนนต่ำกว่า 3 พร้อมแผนการปรับปรุงการดำเนินงานที่ชัดเจน
3. ประธานอนุกรรมการฯ ให้ฝ่ายเลขานุการฯ แจ้งผลการประเมินกองทุนฯ ในตัวชี้วัดที่มีระดับ ผลคะแนนต่ำกว่า 3 ให้กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน รับทราบและร่วมกันพิจารณาปรับปรุงและพัฒนาการดำเนินงานให้ดีขึ้นต่อไป
มติที่ประชุม
รับทราบรายงานผลการดำเนินงานกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ประจำปีบัญชี 2553 และให้ฝ่ายเลขานุการฯ ฯ จัดทำแผนการปรับปรุงการดำเนินงานในตัวชี้วัดที่มีระดับผลคะแนนต่ำกว่า 3 และเสนอคณะอนุกรรมการฯ เพื่อทราบในการประชุมครั้งต่อไป
เรื่องที่ 2 การขอขยายระยะเวลาโครงการที่คณะกรรมการกองทุนฯ อนุมัติไว้แล้ว จำนวน 15 โครงการ
1. สืบเนื่องจากการประชุมคณะอนุกรรมการกองทุนฯ เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2553 ที่ประชุมได้พิจารณาการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดของโครงการจากที่คณะกรรมการกอง ทุนฯ ได้พิจารณาและอนุมัติไว้แล้ว และมีมติมอบหมายให้ฝ่ายเลขานุการฯ พิจารณาทบทวนและหารือร่วมกับปลัดกระทรวงพลังงาน ในการขอขยายระยะเวลาโครงการ (ลำดับที่ 29-43) ซึ่งเป็นกลุ่มของโครงการที่สิ้นสุดระยะเวลานานแล้ว แต่ยังไม่ได้ปรับแผนขอขยายเวลาในช่วงที่ผ่านมา จำนวน 15 โครงการ ให้เป็นไปตามระเบียบคณะกรรมการกองทุนฯ ว่าด้วยการเก็บรักษาเงินและทรัพย์สินและการเบิกจ่ายเงินกองทุน พ.ศ. 2553 และให้เสนอคณะอนุกรรมการกองทุนฯ พิจารณาต่อไป
2. ระเบียบคณะกรรมการกองทุนฯ ว่าด้วยการเก็บรักษาเงินและทรัพย์สินและการเบิกจ่ายเงินกองทุน พ.ศ. 2553 หมวด 3 ข้อ 26 กำหนดว่า "การเปลี่ยนแปลงรายการ ระยะเวลาดำเนินการ ไปจากรายละเอียดโครงการที่คณะกรรมการกองทุนได้อนุมัติไว้แล้ว โดยไม่เกินวงเงินที่คณะกรรมการกองทุนจัดสรรให้ จะต้องได้รับอนุมัติจากคณะอนุกรรมการกองทุนก่อน จึงจะเปลี่ยนแปลงได้
3. ฝ่ายเลขานุการฯ ร่วมกับปลัดกระทรวงพลังงาน (ปพน.)ได้พิจารณาการขอขยายระยะเวลาโครงการ จำนวน 15 โครงการแล้ว เมื่อวันที่ 27 มกราคม 2554 และที่ประชุมมีความเห็น สรุปได้ดังนี้
1) เห็นชอบให้กลุ่มโครงการที่ดำเนินการแล้วเสร็จ จำนวน 5 โครงการ ขยายระยะเวลาดำเนินโครงการได้ โดยให้แสดงเหตุผลในการขอขยายระยะเวลาที่ชัดเจน ดังนี้
(1) โครงการส่งเสริมการใช้ระบบขนส่ง มวลชน Park & Ride
(2) โครงการส่งเสริมการแปรรูปขยะเป็นน้ำมัน เทศบาลเมืองวารินชำราบ
(3) โครงการส่งเสริมการแปรรูปขยะเป็นน้ำมัน เทศบาลนครพิษณุโลก
(4) สัญญาซื้อขายปรับปรุงสถานีสำรวจศักยภาพพลังงานลม (จัดซื้อและติดตั้งเครื่องวัดลมและบันทึกข้อมูลพร้อมอุปกรณ์ประกอบ)
(5) โครงการปรับปรุงระบบการจัดทำรายงานการวิเคราะห์ประสิทธิภาพการใช้พลังงาน ในอาคารและโรงงานควบคุม (Feedback Report) ภายใต้พระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน
2) กลุ่มโครงการที่ยังดำเนินการไม่แล้วเสร็จ จำนวน 10 โครงการ เห็นชอบให้ขยายระยะเวลาดำเนินโครงการได้ 8 โครงการ ดังนี้
(1) โครงการส่งเสริมการแปรรูปขยะเป็นน้ำมัน ในส่วนบริหารโครงการและติดตามประเมินผล
(2) โครงการพึ่งพาตนเองด้านพลังงานด้วยไบโอดีเซลชุมชน (โครงการตรวจสอบการดำเนินงานโครงการพึ่งพาตนเองด้านพลังงานด้วยไบโอดีเซลชุมชน)
(3) โครงการศูนย์ทดสอบมาตรฐานอุปกรณ์ระบบทำน้ำร้อนพลังงานแสงอาทิตย์
(4) โครงการการส่งเสริมพลังงานจากขยะชุมชน (ว่าจ้างที่ปรึกษาพัฒนาระบบผลิตพลังงานสำหรับเทศบาลที่มีขยะ 5-10 ตัน/วัน และ 10-50 ตัน/วัน)
(5) โครงการวิจัย สาธิต สนับสนุนระบบผลิตจากชีวมวลแบบ Three Stages Gasifier (ว่าจ้างวิจัย สาธิตระบบผลิตพลังงานจากชีวมวลแบบ Three Stages Gasifier ขนาด 400 กิโลวัตต์)
(6) โครงการวิจัย สาธิต สนับสนุนระบบผลิตพลังงานจากชีวมวลแบบ Three Stages Gasifier (ว่าจ้างที่ปรึกษาควบคุมการติดตั้งทดสอบและรายงานผลระบบ Gasifier แบบ Three Stages ขนาด 100 กิโลวัตต์ จำนวน 4 แห่ง)
(7) โครงการวิจัย สาธิต สนับสนุนระบบผลิตพลังงานจากชีวมวลแบบ Three Stages Gasifier (ค่าจัดซื้อและติดตั้งระบบ Gasifier พร้อม Gas Engine เพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าไม่ต่ำกว่า 100 กิโลวัตต์ จำนวน 4 แห่ง)
(8) โครงการสาธิตพัฒนาพลังงานลมเพื่อผลิตไฟฟ้า (ค่าจัดหาติดตั้งเสาวัดลมขนาดเสาสูง 100 เมตร)
3) ให้ พพ. ดำเนินการยกเลิกโครงการส่งเสริมการใช้เตาหุงต้มและเตาชีวมวลประสิทธิภาพสูง เนื่องจากเป็นการจ้างที่ปรึกษาเพื่อจัดสรรเตาให้กลุ่มเป้าหมาย แต่ไม่มีปริมาณเตาให้ที่ปรึกษาฯ ไปดำเนินการต่อได้ ดังนั้น จึงไม่มีเหตุผลอันสมควรที่จะต้องขยายระยะเวลาของโครงการนี้ และให้ยกเลิกโครงการวิจัยพัฒนาประสิทธิภาพระบบผลิตพลังงานจากชีวมวลแบบ Three Stages Gasifier เนื่องจากเป็นโครงการที่ต้องดำเนินการต่อเนื่องจากโครงการฯ ว่าจ้าง วิจัย สาธิตระบบผลิตพลังงานจากชีวมวลแบบ Three Stages Gasifier ขนาด 400 กิโลวัตต์ ซึ่งยังดำเนินการไม่แล้วเสร็จ จึงไม่มีเหตุผลสมควรในการขยายระยะเวลาโครงการดังกล่าว
4) สำหรับโครงการวิจัย สาธิต สนับสนุนระบบผลิตจากชีวมวลแบบ Three Stages Gasifier (ว่าจ้างวิจัย สาธิตระบบผลิตพลังงานจากชีวมวลแบบ Three Stages Gasifier ขนาด 400 กิโลวัตต์) เห็นควรให้ พพ. กำกับดูแลโครงการให้แล้วเสร็จ ภายในระยะเวลาที่ขอขยายโครงการฯ
5) ปพน. เห็นควรให้ทั้ง พพ. และ สนพ. มีการกำกับดูแลโครงการที่ได้รับการจัดสรรอย่างใกล้ชิด เพื่อให้การดำเนินโครงการสัมฤทธิ์ผลภายในระยะเวลาดำเนินงานที่เสนอขอรับการ สนับสนุนจากกองทุนฯ
การพิจารณาของที่ประชุม
ที่ประชุมได้พิจารณาแล้ว มีความเห็น สรุปได้ดังนี้
1. เห็นว่าเป็นกลุ่มโครงการที่หน่วยงานได้รับจัดสรรทุนแจ้งเรื่องขอขยาย ระยะเวลาเมื่อสิ้นสุดระยะเวลาการดำเนินโครงการแล้ว และตามระเบียบคณะกรรมการกองทุนฯ ว่าด้วยการเก็บรักษาเงินและทรัพย์สินและการเบิกจ่ายเงินกองทุน พ.ศ. 2553 ข้อ 26 มิได้กำหนดให้คณะอนุกรรมการฯ มีอำนาจหน้าที่ ในการพิจารณาอนุมัติขยายระยะเวลาดำเนินโครงการย้อนหลัง ดังนั้นจึงเห็นควรให้ฝ่ายเลขานุการฯ นำเรื่องดังกล่าวหารือไปยังสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณาและให้ความเห็น ในการอนุมัติให้หน่วยงานขยายระยะเวลาการดำเนินโครงการย้อนหลัง ตามบทบาทหน้าที่ของคณะอนุกรรมการกองทุนฯ ต่อไป
2. ผู้แทนกรมบัญชีกลาง เห็นว่า การพิจารณาเรื่องดังกล่าวอยู่ในดุลยพินิจของคณะอนุกรรมการกองทุนฯ และได้มีข้อเสนอแนะว่า หากไม่ขยายระยะเวลาของโครงการ แต่เปลี่ยนเป็นการทำเรื่องขอเบิก-จ่ายเงิน โดยใช้งบประมาณในปี 2554 เพื่อนำไปจ่ายในส่วนที่เหลือของโครงการ ก็น่าจะเป็นไปได้ ทั้งนี้ อาจจะต้องเสนอเรื่องการเบิกจ่ายเงินให้คณะกรรมการกองทุนฯ พิจารณา เนื่องจากเป็นเงินงบประมาณที่อยู่นอกเหนือจากการดำเนินงานตามแผนอนุรักษ์พลังงานในปี 2554 ที่คณะกรรมการกองทุนฯ ได้อนุมัติไว้แล้ว
3. ปลัดกระทรวงพลังงาน ได้ชี้แจงว่า ในการพิจารณาการขอขยายระยะเวลาโครงการ จำนวน 15 โครงการ ร่วมกับฝ่ายเลขานุการฯ เป็นการพิจารณาตามข้อ 26 ของระบียบคณะกรรมการกองทุนฯ ว่าด้วยการเก็บรักษาเงินและทรัพย์สินฯ พ.ศ. 2553 ที่ฝ่ายเลขานุการฯ เสนอ โดยโครงการที่พิจารณาจะเป็นโครงการ ที่อนุมัติแล้วในปี 2551-2552 ซึ่งหากดำเนินการยังไม่แล้วเสร็จจะต้องดำเนินการตามข้อ 18 ของระเบียบ จึงจะขยายระยะเวลาโครงการต่อไปได้
มติที่ประชุม
ให้ฝ่ายเลขานุการฯ นำเรื่องดังกล่าวหารือไปยังสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณาและให้ความเห็น ในการอนุมัติให้หน่วยงานขยายระยะเวลาการดำเนินโครงการย้อนหลัง ตามบทบาทหน้าที่ของคณะอนุกรรมการกองทุนฯ ต่อไป ซึ่งหากไม่สามารถดำเนินการได้จะมีแนวทางในการแก้ไขปัญหาอย่างไร
เรื่องที่ 3 การขอรับคืนหุ้นจำนวน 34,200 หุ้น ของบริษัท เซลเลนเนียม (ประเทศไทย) จำกัด ถือในนามกระทรวงการคลัง (กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน)
1. กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) ได้ให้การสนับสนุนการศึกษาวิจัยแก่ บริษัท เซลเลนเนียม (ประเทศไทย) จำกัด ในการดำเนิน "โครงการต้นแบบการประยุกต์ใช้งานเทคโนโลยี Vanadium Redox Flow" สำหรับการลดภาระกำลังไฟฟ้าสูงสุด การผลิตไฟฟ้าผสมผสานขนาดเล็ก รถประจำทางไฟฟ้า และเซลล์เชื้อเพลิงคาร์โบไฮเดรท ในวงเงิน 175 ล้านบาท มีระยะเวลาตั้งแต่ 30 มีนาคม 2549 - 29 กรกฎาคม 2550 และ พพ. ได้ว่าจ้างสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) เป็นที่ปรึกษาฯ โดยร่วมกับผู้ชำนาญการจากมหาวิทยาลัยของรัฐในประเทศ เพื่อติดตาม ตรวจสอบ และประเมินผลโครงการให้ พพ. และรับการถ่ายทอดองค์ความรู้จากบริษัทฯ ในวงเงิน 25 ล้านบาท ตามสัญญาว่าจ้างฯ เลขที่ 67/49 โดยมีระยะเวลาดำเนินงานตั้งแต่ 30 มีนาคม 2549-29 ตุลาคม 2550
2. พพ. ได้ยกเลิกสัญญาสนับสนุนบริษัทเซลเลนเนียม (ประเทศไทย) จำกัด เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม 2552 เนื่องจากบริษัทฯ ทำงานล่าช้าและไม่ทำการปรับปรุงผลงานงวดที่ 1 ที่ไม่ผ่านการตรวจสอบจาก สวทช. และไม่เป็นไปตามสัญญาฯ
3. พพ. และ สวทช. ได้ปรับลดวงเงินว่าจ้างตามสัญญาจาก 25 ล้านบาท เหลือ 3,461,487.60 บาท เมื่อวันที่ 8 มิถุนายน 2553 และขณะนี้รอให้ สวทช. ส่งงานงวดสุดท้ายให้ พพ.
4. ในสัญญาสนับสนุนฯ ระหว่าง พพ. และ บริษัทฯ ได้ระบุว่าบริษัทฯ ได้บริจาคหุ้นให้เป็นกรรมสิทธิแก่กระทรวงการคลัง (กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน) ได้แก่ หุ้นของบริษัทฯ และหุ้นของบริษัทฯ ในเครือ จำนวน 3 บริษัท อันเป็นหุ้นที่ได้มีการชำระเต็มมูลค่าแล้ว ดังนี้ (1) หุ้นของบริษัท Squirrel Holdings Ltd. จำนวน 330 หุ้น คิดเป็นมูลค่าหุ้นรวม 330 เหรียญสหรัฐ (2) หุ้นของบริษัท Cellennium USA., Inc จำนวน 50 หุ้น คิดเป็นมูลค่าหุ้นรวม 50 เหรียญสหรัฐ และ (3) หุ้นของบริษัท เซลเลนเนียม (ประเทศไทย) จำกัด จำนวน 34,200 หุ้น คิดเป็นมูลค่าหุ้นรวม 3,420,000 บาท โดยคิดราคาหุ้นตามที่บริษัทฯ แจ้งไว้ ณ เดือนกันยายน 2548 ซึ่งเมื่อยกเลิกสัญญาฯ บริษัทฯ ได้ทำหนังสือขอคืนหุ้น ซึ่ง พพ. ได้ทำหนังสือขอทราบความเหมาะสมจากสำนักงานอัยการสูงสุด (อส.) เนื่องจากเป็นหน่วยงานที่ให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการรับบริจาคและการบริหาร จัดการหุ้นและช่วยตรวจร่างสัญญาสนับสนุนฯ ให้กับ พพ.
5. อส. ได้มีหนังสือที่แจ้งผลการหารือของ พพ. สรุปได้ว่า ตามสัญญาสนับสนุนฯ หุ้นที่บริษัทบริจาคให้แก่กองทุนฯ นั้น เป็นสมบัติของกองทุนฯ นับแต่วันที่บริษัทฯ ได้โอนให้กับกองทุนฯ ซึ่งคือวันที่ลงนาม ในสัญญาฯ
การพิจารณาของที่ประชุม
ที่ประชุมได้พิจารณาแล้ว มีข้อคิดเห็น ดังนี้
1. ประธานอนุกรรมการกองทุนฯ ได้สอบถามผู้แทน พพ. ในการมอบหุ้นของบริษัท เซลเลนเนียม (ประเทศไทย) จำกัด ให้แก่กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ถือเป็นเงื่อนไขในสัญญาหรือเป็นการให้โดยเสน่หา ซึ่งหากการมอบหุ้นเป็นเงื่อนไขในสัญญา เมื่อสัญญาสิ้นสุดก็ควรที่จะคืนหุ้นแก่บริษัทฯ ต่อไป
2. นายพรายพล คุ้มทรัพย์ ได้พิจารณาสัญญาสนับสนุนระหว่าง พพ. กับ บริษัท เซลเลนเนียม (ประเทศไทย) จำกัด แล้ว เห็นว่าข้อ 17 มีข้อความที่ระบุว่า "หากปรากฏในภายหลังว่าการโอนหุ้นดังกล่าว ในวรรคก่อนไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนไม่มีผลโดยสมบูรณ์ เป็นเหตุให้กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานไม่ได้รับกรรมสิทธิ์ใน หุ้นดังกล่าว ให้ถือว่าผู้วิจัยปฏิบัติผิดสัญญา" จึงถือว่าการให้หุ้นดังกล่าวเป็นเงื่อนไข ในสัญญา นอกจากนี้ ยังเห็นว่าควรระมัดระวังในการใช้ภาษาให้ถูกต้องและเหมาะสม เนื่องจากในสัญญาไม่ได้ระบุว่าเป็นการบริจาคหุ้นให้กองทุนฯ แต่เจตนารมย์ของการให้หุ้นถือว่าเป็นการต่างตอบแทน ดังนั้น เมื่อสัญญาสิ้นสุด ก็ควรคืนหุ้นกลับคืนไปที่บริษัทฯ
3. ผู้แทนกรมบัญชีกลาง ได้สอบถามผู้แทน พพ. เรื่องการเลิกสัญญาตามที่ระบุไว้ในข้อ 13 ซึ่งกำหนดว่า "กรมสงวนสิทธิที่จะบอกเลิกสัญญานี้ทั้งหมดหรือบางส่วน โดยหากมีเหตุอันเชื่อได้ว่าผู้วิจัย ไม่สามารถดำเนินการโครงการให้แล้วเสร็จ หรือผลการวิจัยไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์ หรือผู้วิจัยมิได้ปฏิบัติตามข้อตกลงหรือเงื่อนไขที่กำหนดไว้หรือพบว่าผู้ วิจัยนำข้อเสนอโครงการเดียวกับที่นำเสนอภายใต้สัญญานี้ ไปยื่นขอรับการสนับสนุนจากแหล่งทุนอื่นภายในระยะเวลาของสัญญานี้ เพื่อดำเนินงานในลักษณะเดียวกันโดยไม่ได้รับความยินยอมเป็นลายลักษณ์อักษร จากกรมก่อน และในทุกกรณีดังกล่าวหากผู้วิจัยมิได้ดำเนินการแก้ไขภายใน 30 (สามสิบ) วัน นับจากวันที่ได้รับแจ้งจากกรมเป็นลายลักษณ์อักษร กรมมีสิทธฺบอกเลิกสัญญาได้ทันที ทั้งนี้ การวินิจฉัยของกรมถือเป็นเด็ดขาดโดยผู้วิจัยไม่มีสิทธิเรียกร้องค่าเสียหาย ค่าชดเชย หรือเงิน อื่นใดในทำนองเดียวกันจากกรมรวมทั้งจะพิจารณาให้เป็นผู้ทิ้งงานตามระเบียบ ของทางราชการ..." นั้น พพ. ได้ดำเนินการพิจารณาให้เป็นผู้ทิ้งงานหรือไม่ รวมทั้งได้พิจารณาว่าการที่บริษัทฯ ดำเนินงานไม่แล้วเสร็จตามวัตถุประสงค์นั้น มีค่าเสียหายเกิดขึ้นหรือไม่ ก่อนที่จะคืนหลักค้ำประกันให้แก่บริษัทฯ รวมถึงการเบิกจ่ายเงินให้ สวทช. ว่าจะรวมเป็นค่าเสียหายที่เกิดขึ้นหรือไม่ แม้ว่าอัยการสูงสุดจะเห็นว่าไม่ถูกรวมเป็นค่าเสียหาย เนื่องจากไม่ได้ถูกระบุไว้ในข้อที่ 18 หรือในสัญญานี้ แต่อย่างไรก็ตาม เป็นข้อสังเกตไว้ว่า ควรจะถือว่าเป็นอุทาหรณ์ในการทำสัญญาลักษณะเดียวกันนี้ในการดำเนินโครงการ ต่อไปว่าควรคำนึงถึงประเด็นต่างๆ ข้างต้น
4. ผู้แทน พพ. ได้ชี้แจงว่า จากนโยบายที่ พพ. ต้องการสนับสนุนให้มีความร่วมมือระหว่างหน่วยงานราชการกับภาคเอกชนในการ วิจัยพัฒนาเทคโนโลยีพลังงาน ดังนั้น การทำสัญญากับเอกชนในครั้งนี้ จึงแตกต่างจากการทำสัญญาจ้างทั่วไปกับเอกชนรายอื่น เนื่องจากเป็นการสร้างความร่วมมือกับภาคเอกชน ในการถ่ายทอดองค์ความรู้จากภาคเอกชนสู่หน่วยงานราชการ ประกอบกับภาครัฐเองมิได้มีเจตนาที่จะแสวงหารายได้จากภาคเอกชน แต่มุ่งเน้นการส่งเสริมสนับสนุนมากกว่าการได้รับประโยชน์ และการให้ความเป็นธรรมกับภาคเอกชนในเรื่องนี้ จึงไม่ได้ดำเนินการพิจารณาให้เป็นผู้ละทิ้งงานและไม่คิดค่าเสียหายที่เกิด จากการที่บริษัทฯ ดำเนินงานไม่แล้วเสร็จตามวัตถุประสงค์ของโครงการ ตามที่ผู้แทนกรมบัญชีกลางได้ตั้งข้อสังเกตไว้
5. ผู้แทนสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ได้มีข้อสังเกตว่า เมื่อเกิดความขัดแย้งในผลการวิจัยระหว่าง สวทช. และ บริษัทฯ จะมีผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศมาช่วยในการพิจารณาหรือไม่ เนื่องจากองค์ความรู้ในเรื่องแบตเตอรี่เป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้การใช้ พลังงานของโลกเปลี่ยนแปลงไป ซึ่งผู้แทน พพ. ได้ชี้แจงว่า สวทช. มีผู้เชี่ยวชาญและไม่ได้รับผลประโยชน์จากบริษัทฯ ประกอบกับไม่มีความขัดแย้งใดๆ กับบริษัทฯ จึงเชื่อว่า สวทช. จะให้ความเห็นที่เป็นกลาง
6. ประธานอนุกรรมการกองทุนฯ ได้สอบถามผู้แทน พพ. ในการพิจารณาให้เป็นผู้ทิ้งงานตามระเบียบราชการของบริษัทฯ ซึ่งผู้แทน พพ. ได้ชี้แจงว่า พพ. ได้พิจารณาประเด็นดังกล่าวแล้ว และเห็นว่าการทำงานของบริษัทฯ ไม่ใช่เป็นการทิ้งงาน แต่เป็นเรื่องทางวิชาการที่มีความเห็นแตกต่างกันระหว่าง สวทช. กับบริษัทฯ จึงทำให้ต้องมีการยกเลิกสัญญา
มติที่ประชุม
เห็นชอบให้ พพ. คืนหุ้นจำนวน 34,200 หุ้น คิดเป็นมูลค่าหุ้นรวม 3,420,000 บาท แก่ บริษัท เซลเลนเนียม (ประเทศไทย) จำกัด ตามที่ได้ระบุไว้ใน
สัญญาสนับสนุนฯ และให้ฝ่ายเลขานุการฯ นำเสนอคณะกรรมการกองทุนฯ เพื่อพิจารณาต่อไป
เรื่องที่ 4 การขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการที่คณะกรรมการกองทุนฯ อนุมัติไว้แล้ว
1. มีหน่วยงานที่ได้รับจัดสรรเงินจากกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานไป แล้ว ได้ยื่นเรื่องขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียดของโครงการจากที่คณะกรรมการกองทุนฯ ได้พิจารณาและอนุมัติไว้ รวมจำนวน 20 โครงการ โดยระเบียบคณะกรรมการกองทุนฯ ว่าด้วยการเก็บรักษาเงินและทรัพย์สินฯ และการเบิกจ่ายเงินกองทุน พ.ศ. 2553 หมวด 3 ข้อ 26 กำหนดว่า การเปลี่ยนแปลงรายการ ระยะเวลาดำเนินการ ไปจากรายละเอียดโครงการที่คณะกรรมการกองทุนฯ ได้อนุมัติไว้แล้วโดยไม่เกินวงเงินที่คณะกรรมการกองทุน จัดสรรให้ จะต้องได้รับอนุมัติจากคณะอนุกรรมการกองทุนฯ ก่อน จึงจะเปลี่ยนแปลงได้
2. ฝ่ายเลขานุการฯ ได้พิจารณาเหตุผลและรายละเอียด ที่เจ้าของโครงการฯ ได้แจ้งขอเปลี่ยนแปลงแล้ว โดยจำแนกเรื่องที่ขอเปลี่ยนแปลงออกเป็น 3 กลุ่ม ดังนี่
กลุ่มที่ 1 ขอขยายระยะเวลาโครงการฯ มีจำนวน 13 โครงการ แบ่งออกเป็น 2 กลุ่มย่อย ดังนี้
กลุ่มย่อยที่ 1.1 ขอขยายระยะเวลาในโครงการที่ดำเนินการแล้วเสร็จ จำนวน 2 โครงการ
โครงการ |
ระยะเวลา ดำเนินการเดิม |
ระยะเวลาที่ขอขยายอีก/ รวมระยะเวลาของโครงการทั้งสิ้น | เหตุผลที่ขอขยายเวลา |
1. โครงการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนในสวนพฤกษศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ ร.9 จังหวัดนครราชสีมา งบประมาณ: 5.58 ล้านบาท หน่วยงาน: สป.พน. (สวภ.5) |
7 เดือน 30 มิ.ย. 53 - 26 ม.ค. 54 |
3 เดือน 27 ม.ค. 54 - 26 เม.ย. 54 รวมระยะเวลาโครงการ ทั้งสิ้น 10 เดือน |
ความล่าช้าจากการจัดซื้อจัดจ้างเทคโนโลยีพลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลม สำหรับผลิตกระแสไฟฟ้าด้วยระบบอิเล็กทรอนิคส์ |
2. โครงการรณรงค์สร้างการรับรู้ (Campaign) "เมืองไทย เมืองแห่งพลังงานทดแทน" งบประมาณ : 120.0 ล้านบาท หน่วยงาน: สป.พน. |
15 เดือน 14 ก.ย. 52 - 28 ธ.ค. 53 |
2 เดือน 29 ธ.ค. 53 - 28 ก.พ. 54 รวมระยะเวลาโครงการ ทั้งสิ้น 17 เดือน |
การจัดซื้อจัดจ้างด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ ในช่วงม.ค.-ก.พ. 2553 แต่ไม่สามารถหาผู้รับจ้างได้ จึงได้ดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างใหม่อีกครั้ง |
กลุ่มย่อยที่ 1.2 ขอขยายระยะเวลาในกลุ่มโครงการที่ยังดำเนินการไม่แล้วเสร็จ จำนวน 11 โครงการ
โครงการ |
ระยะเวลา ดำเนินการเดิม |
ระยะเวลาที่ขอขยายอีก/ รวมระยะเวลาของโครงการทั้งสิ้น | เหตุผลที่ขอขยายเวลา |
3. โครงการประชาสัมพันธ์และรณรงค์ "โครงการภูเก็ตสีเขียว" งบประมาณ: 1.052 ล้านบาท หน่วยงาน: สป.พน. |
6 เดือน 24 ก.ย. 53 - 31 มี.ค. 54 |
3 เดือน 1 เม.ย. 54 -30 มิ.ย. 54 รวมระยะเวลาโครงการ ทั้งสิ้น 9 เดือน |
ทำการประกาศสอบราคาจ้าง แต่ปรากฏว่าไม่มีผู้มาขอรับเอกสาร ต้องดำเนินการสอบราคาใหม่อีกครั้ง |
4. โครงการสื่อสารเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานและพลังงานทดแทนในส่วนภูมิภาค งบประมาณ : 1.9 ล้านบาท หน่วยงาน : สป.พน. |
2 เดือน 24 ก.ย. 53 - 23 พ.ย. 53 |
6 เดือน 24 พ.ย. 53 - 22 พ.ค. 54 รวมระยะเวลาโครงการ ทั้งสิ้น 8 เดือน |
จัดทำ TOR จัดจ้างเสร็จแล้ว แต่พน. มีนโยบายให้ทบทวนแผนยุทธศาสตร์ในส่วนภูมิภาค จึงต้องจัดทำ TOR ใหม่ เพื่อให้เนื้อหาและรูปแบบในการสื่อสารสอดคล้องกับแผนใหม่ |
5. โครงการเผยแพร่ผลการดำเนินงานของ กระทรวงพลังงานตามนโยบายรัฐบาล งบประมาณ: 2.0 ล้านบาท หน่วยงาน: สป.พน. |
4 เดือน 29 มิ.ย. 53 - 26 ต.ค. 53 |
6 เดือน 27 ต.ค. 53 - 25 เม.ย. 54 รวมระยะเวลาโครงการ ทั้งสิ้น 10 เดือน |
ผู้บริหารให้มีการปรับปรุงเนื้อหาใหม่ เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ถูกต้องและสอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน และเป็นไปตามวัตถุประสงค์ของการเผยแพร่ผลการดำเนินงานของกระทรวงพลังงาน ตามนโยบายรัฐบาล |
6. โครงการพัฒนาพลังงานทดแทนบริเวณชายแดน งบประมาณ: 10.80 ล้านบาท หน่วยงาน: สป.พน. (สวภ.5) |
7 เดือน 30 มิ.ย. 53 - 26 ม.ค. 54 |
6 เดือน 27 ม.ค.54 - 25 ก.ค.54 รวมระยะเวลาโครงการ ทั้งสิ้น 1 ปี 1 เดือน |
ฐานปฏิบัติการ จำนวน 30 ฐาน ที่จะติดตั้งเทคโนโลยีพลังงานแสงอาทิตย์ อยู่ในป่าเขาบริเวณตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งสถานการณ์อยู่ในภาวะตึงเครียด ทำให้กระบวนการติดตั้งและตรวจรับงานล่าช้า |
7. โครงการสนับสนุนทุนวิจัยแก่นักศึกษาระดับอุดมศึกษา จำนวน 6 โครงการ | |||
7.1 เรื่อง "อัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงของรถยนต์นั่งส่วนบุคคลที่จดทะเบียนใหม่ภายในประเทศไทย" งบประมาณ: 30,000 บาท หน่วยงาน : มจธ. |
1 ปี 1 ต.ค. 52- 30 ก.ย. 53 |
6 เดือน 1 ต.ค.53 - 31 มี.ค. 54 รวมระยะเวลาโครงการ ทั้งสิ้น 1 ปี 6 เดือน |
อยู่ระหว่างการจัดเตรียมบทความ เพื่อเผยแพร่ |
7.2 เรื่อง "การผลิตไบโอดีเซลจากน้ำมันปาล์มในเอทานอลภาวะเหนือวิกฤตและกึ่งวิกฤตด้วย ตัวเร่งปฏิกิริยาแบบวิวิธพันธุ์ในเครื่องปฏิกรณ์เบดนิ่ง" งบประมาณ: 63,000 บาท หน่วยงาน : จุฬาฯ |
1 ปี 3 เดือน 1 มิ.ย. 52 - 31 ส.ค. 53 |
9 เดือน 1 ก.ย.53 - 31 พ.ค. 54 รวมระยะเวลาโครงการ ทั้งสิ้น 2 ปี |
ประสบปัญหาในขั้นตอนทดลองผลิตไบโอดีเซล ทำให้ไม่สามารถดำเนินงานวิจัยให้แล้วเสร็จตามระยะเวลาที่กำหนดไว้ได้ |
7.3 เรื่อง "การศึกษาความเป็นไปได้ในการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีไพโรไลซิส สำหรับขยะพลาสติกในกิจกรรมเพาะเห็ด " งบประมาณ : 40,000 บาท หน่วยงาน : ม.ราชภัฏลำปาง |
1 ปี 1 ต.ค. 52 - 31 ก.ย. 53 |
6 เดือน 1 ต.ค.53 - 31 มี.ค. 54 รวมระยะเวลาโครงการ ทั้งสิ้น 1 ปี 6 เดือน |
อยู่ระหว่างการรอสอบตามกระบวนการเรียนการสอนของมหาวิทยาลัย และเพื่อให้ได้ผลงานวิจัยที่มีคุณภาพสามารถนำองค์ความรู้ไปต่อยอดได้ |
7.4 เรื่อง "การผลิตไฮโดรเจนโดยสาหร่ายสีเขียวในประเทศไทย เพื่อใช้เป็นแหล่งของพลังงานทดแทน" งบประมาณ: 177,000 บาท หน่วยงาน : มก. |
3 ปี
1 มิ.ย. 51 - 31 ธ.ค. 53 |
1 ปี
1 ม.ค. 54 - 31 ธ.ค. 54 รวมระยะเวลาโครงการ ทั้งสิ้น 4 ปี |
ได้เพิ่มเติมตัวอย่างสาหร่ายที่ใช้ในการวิจัย ซึ่งจำเป็นต้องใช้เวลาในการแยกเซลล์สาหร่ายประมาณ 2-3 เดือน ก่อนจะนำมาทำการทดลองชักนำให้เกิดการผลิตไฮโดรเจน ทำให้ล่าช้า |
7.5 เรื่อง "การศึกษาการผลิตเอทานอลจากกากกาแฟ" งบประมาณ: 35,000 บาท หน่วยงาน : ม.ราชภัฏพระนคร |
1 ปี 1 ต.ค. 52 - 30 ก.ย. 53 |
6 เดือน 1 ต.ค.53 - 31 มี.ค. 54 รวมระยะเวลาโครงการ ทั้งสิ้น 1 ปี 6 เดือน |
ประสบปัญหาในขั้นตอนการย่อยเซลูโลสให้เป็นน้ำตาลไม่สำเร็จตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ ทำให้ระยะเวลาการดำเนินงานล่าช้า |
7.6 เรื่อง "การผลิตไบโอดีเซลจากน้ำปาล์มโดยปฏิกิริยาทรานส์เอสเทอริฟิเคชั่นโดยตัวเร่งปฏิกิริยาวิวิธพันธุ์ที่กำจัดออกได้" งบประมาณ: 64,000 บาท หน่วยงาน : ม.อุบลราชธานี |
1 ปี 1 มิ.ย. 52 - 31 พ.ค. 53 |
1 ปี 5 เดือน 1 มิ.ย. 53 - 31 ต.ค. 54 รวมระยะเวลาโครงการ ทั้งสิ้น 2 ปี 5 เดือน |
ผู้วิจัยลาคลอดบุตร จึงทำให้ไม่สามารถดำเนินงานวิจัยให้แล้วเสร็จตามระยะเวลาได้ |
8. โครงการสนับสนุนทุนการศึกษาต่างประเทศ งบประมาณ: 4.65 ล้านบาท หน่วยงาน: มศก. |
4 ปี 27 ก.ย. 49 - 26 ก.ย. 53 |
1 ปี 27 ก.ย.53 - 26 ก.ย.54 รวมระยะเวลาโครงการ ทั้งสิ้น 5 ปี |
เพื่อจัดทำวิทยานิพนธ์ให้แล้วเสร็จ |
9. โครงการส่งเสริมการแปรรูปขยะเป็นน้ำมัน เทศบาลนครขอนแก่น งบประมาณ: 30.10 ล้านบาท หน่วยงาน: เทศบาลนครขอนแก่น |
1 ปี 26 ก.ย. 51 - 26 ก.ย. 52 |
1 ปี 7 เดือน 27 ก.ย. 52 - 30 เม.ย. 54 รวมระยะเวลาโครงการ ทั้งสิ้น 2 ปี 7 เดือน |
ขั้นตอนการจัดจ้าง และระเบียบราชการว่าด้วยการสรรหาผู้ร่วมทุน ซึ่งไม่เอื้ออำนวยต่อการจัดหาผู้ร่วมลงทุน และต้องมีการประกาศคัดเลือกให้มีผู้เสนอเข้ารับการคัดเลือกมากกว่า 1 ครั้ง นอกจากนี้ในช่วงที่ออกประกาศคัดเลือกนั้น ราคาน้ำมันตลาดโลกมีแนวโน้มลดลง ส่งผลให้ผู้ลงทุนชะลอการลงทุนเนื่องจากเกรงว่าจะไม่คุ้มค่าการลงทุน ประกอบกับเครื่องจักรต้องมีการสั่งนำเข้าจากประเทศจีน ทำให้เกิดความล่าช้ากว่าแผนงานที่วางไว้ |
10. โครงการศึกษาระบบผลิตพลังงานทดแทนจากขยะ เทศบาลตำบลจะนะ อ.จะนะ จ.สงขลา งบประมาณ: 2.50 ล้านบาท หน่วยงาน: สป.พน. (สำนักงานพลังงานจังหวัดสงขลา) |
8 เดือน 2 ส.ค. 53 - 2 เม.ย. 54 |
2 เดือน 3 เม.ย. 54 - 16 มิ.ย. 54 รวมระยะเวลาโครงการ ทั้งสิ้น 10 เดือน |
สำนักงานพลังงานจังหวัดสงขลาเพิ่งดำเนินการว่า จ้างบริษัทที่ปรึกษาในการดำเนินงานได้ในวันที่ 15 ต.ค. 2553 และสัญญาสิ้นสุดในวันที่ 16 มิ.ย. 2554 |
11. โครงการพัฒนากำลังพลด้านพลังงานตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง งบประมาณ: 30.00 ล้านบาท หน่วยงาน: กรมการพลังงานทหาร ศูนย์การอุตสาหกรรมป้องกันประเทศและพลังงานทหาร (พท.) |
3 ปี 27 ธ.ค. 50 - 30 ธ.ค.53 |
1 ปี 31 ธ.ค.53 - 30 ธ.ค. 54 รวมระยะเวลาโครงการ ทั้งสิ้น 4 ปี |
บริษัท บีเอ็นบี อินเตอร์ กรุ๊ป จำกัด ซึ่งเป็นคู่สัญญาละทิ้งงานจากการขาดสภาพคล่องทางการเงิน ดังนั้น พท. จึงต้องจัดหาบริษัทรับจ้างรายใหม่ เพื่อให้การดำเนินโครงการแล้วเสร็จ |
12. โครงการศูนย์สาธิตและพัฒนาพลังงานทดแทนจากข้าวครบวงจร งบประมาณ: 14.05 ล้านบาท หน่วยงาน : พพ. |
2 ปี 7 เดือน 27 ธ.ค.50 - 31 ก.ค.53 |
10 เดือน 1 ส.ค. 53 -31 พ.ค. 54 รวมระยะเวลาโครงการ ทั้งสิ้น 3 ปี 5 เดือน |
มูลนิธิชัยพัฒนามีความจำเป็นต้องปรับปรุงแบบอาคารโรง คลุมระบบฯ และต้องรอให้จังหวัดพระนครศรีอยุธยาดำเนินการมอบโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินบริเวณ พื้นที่ดำเนินโครงการแล้วเสร็จก่อน จึงจะสามารถดำเนินการจัดตั้งศูนย์ฯ ได้ |
13. โครงการสาธิตการใช้แก๊สซิไฟเออร์ผลิตเชื้อเพลิงแก๊สใช้ในด้านความร้อนสำหรับโรงงานอุตสาหกรรมขนาดเล็ก งบประมาณ: 6.55 ล้านบาท หน่วยงาน: สถาบันวิจัยและพัฒนาพลังงานนครพิงค์ มช. |
1 ปี 6 เดือน 29 ก.ย. 52 - 28 มี.ค. 54 |
6 เดือน 29 มี.ค. 54 - 27 ก.ย. 54 รวมระยะเวลาโครงการ ทั้งสิ้น 2 ปี |
มช. ต้องใช้เวลาในการคัดเลือกโรงงานต้นแบบที่เหมาะสมสำหรับติดตั้งและสาธิตระบบ แก๊สซิไฟเออร์ จำนวน 5 แห่ง ปัจจุบันติดตั้งระบบครบทั้ง 5 ระบบแล้ว และอยู่ระหว่างการทดลองการใช้งานทั้ง 5 ระบบ |
กลุ่มที่ 2 ขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการ จำนวน 3 โครงการ
มีสาเหตุจากผู้ได้รับเงินจัดสรรที่ได้ทำหนังสือยืนยันการรับทุนไว้แต่ละ หน่วยงาน ได้ดำเนินการตามแผนงานที่เสนอไว้กับกองทุนฯ แล้ว แต่มีเหตุสุดวิสัยและมีความจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงการดำเนินงาน
โครงการ | การขอเปลี่ยนแปลง |
1. โครงการสนับสนุนทุนวิจัยแก่นักศึกษาระดับอุดมศึกษา จำนวน 1 ทุน งบประมาณ : 35,000 บาท หน่วยงาน : ม.พะเยา |
ม.พะเยา ขอเปลี่ยนชื่อโครงการ จากเดิมเรื่อง "การเพิ่มประสิทธิภาพของเครื่องอบแห้งพลังงานแสงอาทิตย์โดยใช้กระจกเงาในการ สะท้อนรังสี" เป็น "การเพิ่มประสิทธิภาพของเครื่องอบแห้งพลังงานแสงอาทิตย์โดยใช้สังกะสีในการ สะท้อนรังสี" เนื่องจากประสบปัญหาการใช้กระจกเงาในการดำเนินงานวิจัย ซึ่งแตกหักเสียหายได้ง่าย จึงขอเปลี่ยนมาใช้สังกะสีในการสะท้อนรังสีแทน |
2. โครงการสนับสนุนทุนการศึกษา ต่างประเทศ จำนวน 1 ทุน งบประมาณ : 4.61 ล้านบาท หน่วยงาน : มศก. |
มศก. ขอเปลี่ยนสถานศึกษาให้กับนางพิมลศิริ ประจงสาร จาก University of Sheffield เป็นที่ University of Liverpool ตั้งแต่เดือนมกราคม 2554 เป็นต้นไป เนื่องจากอาจารย์ที่ปรึกษาของผู้รับทุนจำเป็นต้องย้ายไปประจำอยู่ที่ University of Liverpool และเป็นผู้มีความเชี่ยวชาญพิเศษเกี่ยวกับหัวข้อวิจัยที่ผู้รับทุนกำลังศึกษา อยู่เพียงคนเดียว |
3. โครงการนำร่องเพื่อผลิตพลังงาน ทดแทนจากชีวมวลในระดับชุมชน งบประมาณ : 46.21 ล้านบาท หน่วยงาน : สนช. |
ที่ผ่านมา มีจำนวนผู้ยื่นข้อเสนอโครงการเฉพาะระบบที่มีขนาดใหญ่ เนื่องจากสาเหตุด้านศักยภาพของระบบ ความคุ้มค่าทางด้านเศรษฐศาสตร์ และความยั่งยืนของระบบ ดังนั้นเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดในการดำเนินโครงการ และสอดคล้องกับสภาพการณ์จริง สนช. จึงขอปรับเปลี่ยนรายละเอียดการให้เงินสนับสนุนระบบผลิตพลังงานทดแทนจากชี วมวลในแต่ละขนาดของระบบ โดยใช้วงเงินสนับสนุนรวมเท่าเดิม และได้จำนวนระบบ และตัวชี้วัดโครงการไม่น้อยกว่าเป้าหมายเดิมที่ได้เสนอไว้ คือ มีจำนวนระบบไม่น้อยกว่า 11 ระบบ โดยแบ่งเป็นระบบผลิตความร้อน ไม่น้อยกว่า 8 ระบบ ระบบผลิตไฟฟ้าไม่น้อยกว่า 3 ระบบ |
กลุ่มที่ 3 ขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการ และขอขยายระยะเวลาดำเนินงาน จำนวน 4 โครงการ
มีสาเหตุจากคู่สัญญาหรือผู้ได้รับเงินจัดสรรที่ได้ทำสัญญาจ้างหรือ หนังสือยืนยันการรับทุนไว้แต่ละหน่วยงาน ได้ดำเนินการตามแผนงานที่เสนอไว้กับกองทุนฯ แล้ว แต่มีข้อจำกัดระหว่างการดำเนินงาน
โครงการ | การขอเปลี่ยนแปลง |
1. โครงการสนับสนุนทุนการศึกษาในประเทศ จำนวน 1 ทุน งบประมาณรวม : 0.369 ล้านบาท หน่วยงาน : สนพ. |
1) สนข. ขอเปลี่ยนแปลงสาขาการศึกษาให้กับ ว่าที่ร้อยเอกณัฏฐพร บัวผุด จากเดิม สาขาวิศวกรรมขนส่ง คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็น สาขา โลจิสติกส์ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย |
2. โครงการกำหนดเกณฑ์และจัดทำฉลากเตาหุงต้ม LPG ประสิทธิภาพสูง งบประมาณ: 4.81 ล้านบาท หน่วยงาน : มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) |
1) มจธ. ขอขยายเวลาโครงการ ออกไปอีก 9 เดือน จากเดิมสิ้นสุดในวันที่ 20 มีนาคม 2553 เป็นสิ้นสุดในวันที่ 20 ธันวาคม 2553 เนื่องจาก มจธ. ต้องใช้เวลาในการปรับปรุงห้องปฏิบัติการสำหรับการทดสอบตัวอย่างเตา รวมทั้งอุปกรณ์และมาตรฐานการทดสอบทุกชนิดเพื่อให้มีความเหมาะสมกับเตาหุงต้ม แอลพีจีชนิดความดันสูง |
3. การดำเนินการสำนักพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ ปีที่ 3 งบประมาณ : 25 ล้านบาท หน่วยงาน : สำนักพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ (สพน.) |
1) สพน. ขอขยายระยะเวลาการดำเนินงานโครงการฯ ออกไปอีก 6 เดือน ตั้งแต่วันที่ 23 กันยายน 2554 - 31 มีนาคม 2555 เพื่อให้ครอบคลุมการดำเนินงานในส่วนการประสานและกำกับดูแลการศึกษาโครงการ ต่างๆ ที่ยังไม่แล้วเสร็จ จำนวน 16 โครงการ และงานในส่วนของการทำหน้าที่เป็นเลขานุการของคณะกรรมการประสานงานฯ ในการประสานจัดประชุมของอนุกรรมการฯ และคณะทำงาน รวมทั้ง สพน. ยังต้องทำหน้าที่ในการปรับปรุงรายงานความพร้อมของโครงการโรงไฟฟ้าพลังงาน นิวเคลียร์ให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น ภายหลังจากที่ IAEA ได้ส่งผลการพิจารณา INIR ฉบับสมบูรณ์ให้กับไทยในช่วงปลายเดือนมีนาคม 2554 |
4. โครงการพัฒนาขีดความสามารถของบุคลากรด้านการทดสอบถังและอุปกรณ์ NGV (ปีที่ 1) งบประมาณ : 7.00 ล้านบาท หน่วยงาน : ธพ. |
1) ขอขยายเวลาเบิกจ่ายเงินงวดที่ 1 ไปจนถึงเดือนมิถุนายน 2554 |
การพิจารณาของที่ประชุม
ที่ประชุมได้พิจารณาเรื่องดังกล่าวแล้ว มีความเห็น ดังนี้
1. เห็นควรให้ขยายระยะเวลาดำเนินโครงการได้ ยกเว้นโครงการที่ขอขยายระยะเวลาภายหลังจากสิ้นสุดโครงการไปแล้ว คือ โครงการที่ 4 โครงการที่ 5 โครงการที่ 7.1-7.3 โครงการที่ 7.5-7.6 โครงการที่ 9 และ โครงการที่ 12 เนื่องจากหน่วยงานที่ได้รับทุนส่งเรื่องการขอขยายระยะเวลาโครงการภายหลังจาก สิ้นสุดระยะเวลาโครงการแล้ว และให้ฝ่ายเลขานุการฯ นำเรื่องการขอขยายระยะเวลาโครงการภายหลังจากสิ้นสุดระยะเวลาโครงการแล้ว หารือสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และให้ความเห็นในการอนุมัติให้หน่วยงาน ขยายระยะเวลาการดำเนินโครงการย้อนหลัง ตามบทบาทหน้าที่ของคณะอนุกรรมการกองทุนฯ ต่อไป
2. การขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการ จำนวน 3 โครงการ เห็นควรให้เปลี่ยนแปลงรายละเอียดได้ทั้ง 3 โครงการ นอกจากนี้ผู้แทนสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยได้มีข้อเสนอแนะสำหรับโครงการ สนับสนุนทุนวิจัยแก่นักศึกษา ในการดำเนิน "โครงการการเพิ่มประสิทธิภาพของเครื่องอบแห้งพลังงานแสงอาทิตย์โดยใช้กระจก เงาในการสะท้อนรังสี" ที่ขอเปลี่ยนจากกระจกเงาเป็นสังกะสี เนื่องจากเห็นว่า สังกะสี ไม่คงทนและผุง่าย ควรเปลี่ยนมาใช้แสตนเลส น่าจะเหมาะสมกว่า อย่างไรก็ตาม ประธานอนุกรรมการฯ เห็นว่า ให้เป็นเงื่อนไขว่าสามารถเปลี่ยนเป็นสังกะสีหรือแสตนเลสก็ได้ ขึ้นกับความเหมาะสม ในการดำเนินงานของผู้รับทุนวิจัย
3. การขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียดและขยายระยะเวลาโครงการ จำนวน 4 โครงการ เห็นควรให้เปลี่ยนแปลงรายละเอียดและขยายระยะเวลาดำเนินโครงการได้ ยกเว้นโครงการที่ 1 และ โครงการที่ 2 เนื่องจากหน่วยงานที่ได้รับทุนส่งเรื่องการขอขยายระยะเวลาโครงการภายหลังจาก สิ้นสุดระยะเวลาโครงการแล้ว และให้ฝ่ายเลขานุการฯ นำเรื่องการขอขยายระยะเวลาโครงการภายหลังจากสิ้นสุดระยะเวลาโครงการแล้ว หารือสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และให้ความเห็นในการอนุมัติให้หน่วยงานขยายระยะเวลาการดำเนินโครงการย้อน หลัง ตามบทบาทหน้าที่ของคณะอนุกรรมการกองทุนฯ ต่อไป
มติที่ประชุม
1. อนุมัติการขยายระยะเวลาโครงการ (กลุ่มที่ 1) จำนวน 9 โครงการ ดังนี้
โครงการ | หน่วยงาน | ระยะเวลาที่ขอขยายอีก | รวมระยะเวลาโครงการ |
1. โครงการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนในสวนพฤกษศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ ร. 9 จังหวัดนครราชสีมา | สป.พน. (สวภ.5) |
3 เดือน (27 ม.ค. 54 - 26 เม.ย. 54) | 10 เดือน |
2. โครงการรณรงค์สร้างการรับรู้ (Campaign) "เมืองไทย เมืองแห่งพลังงานทดแทน" | สป.พน. | 2 เดือน (29 ธ.ค. 53 - 28 ก.พ. 54) | 17 เดือน |
3. โครงการประชาสัมพันธ์และรณรงค์ "โครงการภูเก็ตสีเขียว" | สป.พน. | 3 เดือน (1 เม.ย. 54 - 30 มิ.ย. 54) | 9 เดือน |
4. โครงการพัฒนาพลังงานทดแทนบริเวณชายแดน | สป.พน. (สวภ.5) |
6 เดือน (27 ม.ค.54 - 25 ก.ค.54) | 1 ปี 1 เดือน |
5. โครงการสนับสนุนทุนวิจัยแก่นักศึกษาระดับอุดมศึกษา เรื่อง "การผลิตไฮโดรเจนโดยสาหร่ายสีเขียวในประเทศไทย เพื่อใช้เป็นแหล่งของพลังงานทดแทน" | มก. | 1 ปี (1 ม.ค. 54 - 31 ธ.ค. 54) | 4 ปี |
6. โครงการสนับสนุนทุนการศึกษาต่างประเทศ | มศก. | 1 ปี (27 ก.ย.53 -26 ก.ย.54) | 5 ปี |
7. โครงการศึกษาระบบผลิตพลังงานทดแทนจากขยะเทศบาลตำบลจะนะ อ.จะนะ จ.สงขลา | สป.พน. | 2 เดือน (3 เม.ย. 54 - 16 มิ.ย. 54) | 10 เดือน |
8. โครงการพัฒนากำลังพลด้านพลังงานตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง | พท. | 1 ปี (31 ธ.ค. 53 -30 ธ.ค. 54) | 4 ปี |
9. โครงการสาธิตการใช้แก๊สซิไฟเออร์ผลิตเชื้อเพลิงแก๊สใช้ในด้านความร้อนสำหรับโรงงานอุตสาหกรรมขนาดเล็ก | มช. | 6 เดือน (29 มี.ค. 54 - 27 ก.ย. 54) | 2 ปี |
2. อนุมัติการขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการ (กลุ่มที่ 2) จำนวน 3 โครงการ ดังนี้
โครงการ | หน่วยงาน | การอนุมัติ |
1. โครงการสนับสนุนทุนวิจัยแก่นักศึกษาระดับอุดมศึกษา | ม.พะเยา | เปลี่ยนชื่อโครงการ จากเดิมเรื่อง "การเพิ่มประสิทธิภาพของเครื่องอบแห้งพลังงานแสงอาทิตย์โดยใช้กระจกเงา ในการสะท้อนรังสี" เป็น "การเพิ่มประสิทธิภาพของเครื่องอบแห้งพลังงานแสงอาทิตย์โดยใช้สังกะสีในการ สะท้อนรังสี" |
2. โครงการสนับสนุนทุนการศึกษาต่างประเทศ | มศก. | เปลี่ยนสถานศึกษาให้กับนางพิมลศิริ ประจงสาร จาก University of Sheffield เป็นที่ University of Liverpool ตั้งแต่เดือนมกราคม 2554 เป็นต้นไป |
3. โครงการนำร่องเพื่อผลิตพลังงานทดแทนจากชีวมวลในระดับชุมชน | สนช. | ปรับเปลี่ยนรายละเอียดการให้เงินสนับสนุนระบบผลิต พลังงานทดแทนจากชีวมวลในแต่ละขนาดของระบบ โดยใช้วงเงินสนับสนุนรวมเท่าเดิม และได้จำนวนระบบ และตัวชี้วัดโครงการ ไม่น้อยกว่าเป้าหมายเดิมที่ได้เสนอไว้ คือ มีจำนวนระบบไม่น้อยกว่า 11 ระบบ โดยแบ่งเป็นระบบผลิตความร้อน ไม่น้อยกว่า 8 ระบบ ระบบผลิตไฟฟ้าไม่น้อยกว่า 3 ระบบ |
3. อนุมัติการขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการ และขอขยายระยะเวลาดำเนินงาน (กลุ่มที่ 3) จำนวน 2 โครงการ ดังนี้
โครงการ | หน่วยงาน | การอนุมัติ |
1. การดำเนินการสำนักพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ ปีที่ 3 | สพน. |
|
2. โครงการพัฒนาขีดความสามารถของบุคลากรด้านการทดสอบถังและอุปกรณ์ NGV (ปีที่ 1) | ธพ. |
|
4. ให้ฝ่ายเลขานุการฯ นำเรื่องดังกล่าวหารือไปยังสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณาและให้ความเห็น ในการอนุมัติให้หน่วยงานขยายระยะเวลาการดำเนินโครงการย้อนหลัง ตามบทบาทหน้าที่ของคณะอนุกรรมการกองทุนฯ ต่อไป ซึ่งหากไม่สามารถดำเนินการได้จะมีแนวทางในการแก้ไขปัญหาอย่างไร
เรื่องที่ 5 การแต่งตั้งคณะทำงานจัดทำแผนกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ในช่วงปี พ.ศ. 2555-2559
1. เนื่องจากแผนอนุรักษ์พลังงาน ระยะที่ 3 (ปี 2548-2554) จะสิ้นสุดในปี 2554 ดังนั้น เพื่อให้การจัดทำแผนกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานในระยะต่อไป เป็นไปด้วยความเรียบร้อย และสอดคล้องกับแผนพัฒนาพลังงานทดแทน 15 ปี และแผนอนุรักษ์พลังงาน 20 ปี รวมทั้งเพื่อให้การใช้จ่ายเงินกองทุนฯ เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของพระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535 และ ฉบับที่ 2 พ.ศ. 2550
2. ให้มีคณะทำงานจัดทำแผนกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ในช่วงปี พ.ศ. 2555-2559 โดยมีองค์ประกอบ ดังนี้
(1) ปลัดกระทรวงพลังงาน หรือรองปลัดกระทรวงพลังงานที่ปลัดกระทรวงพลังงานมอบหมาย ประธานคณะทำงาน
(2) อธิบดีกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน หรือผู้แทน คณะทำงาน
(3) ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน หรือผู้แทน คณะทำงาน
(4) ผู้แทนคณะอนุกรรมการประเมินผลโครงการภายใต้แผนอนุรักษ์พลังงาน คณะทำงาน
(5) ผู้แทนกรมบัญชีกลาง คณะทำงาน
(6) ผู้แทนสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย คณะทำงาน
(7) ศ.ดร. พรายพล คุ้มทรัพย์ คณะทำงาน
(8) ศ.ดร. บัณฑิต เอื้ออาภรณ์ คณะทำงาน
(9) รศ.ดร. สุวิทย์ เตีย คณะทำงาน
(10) ม.ร.ว. พงษ์สวัสดิ์ สวัสดิวัตน์ คณะทำงาน
(11) ผู้อำนวยการสำนักนโยบายอนุรักษ์พลังงานและพลังงานทดแทน สนพ. คณะทำงานและเลขานุการ
และมีอำนาจและหน้าที่ ดังต่อไปนี้
(1) เสนอแนะนโยบายและทิศทางการจัดทำแผนกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ในช่วงปี 2555-2559
(2) กำกับ เร่งรัด และติดตามความก้าวหน้า การจัดทำแผนกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน
(3) รายงานความก้าวหน้า การจัดทำแผนกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน เสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานทราบเป็นระยะ
(4) แต่งตั้งคณะทำงานเพื่อสนับสนุนการดำเนินงานได้ตามที่เห็นสมควร
(5) ปฏิบัติงานอื่นๆ ตามที่คณะอนุกรรมการกองทุนฯ มอบหมาย
การพิจารณาของที่ประชุม
ที่ประชุมได้พิจารณาแล้ว และเห็นชอบให้แต่งตั้งคณะทำงานจัดทำแผนกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์ พลังงาน ในช่วงปี พ.ศ. 2555-2559 โดยมีองค์ประกอบและอำนาจหน้าที่ ตามที่ฝ่ายเลขานุการฯ เสนอ
มติที่ประชุม
เห็นชอบการแต่งตั้งคณะทำงานจัดทำแผนกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ในช่วงปี พ.ศ. 2555-2559 ตามที่ฝ่ายเลขานุการฯ เสนอ
กอ. ครั้งที่ 56 - วันพฤหัสบดีที่ 1 มีนาคม 2555
มติคณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน
ครั้งที่ 1/2555 (ครั้งที่ 56)
วันพฤหัสบดีที่ 1 มีนาคม 2555 เวลา 13.00 น.
ณ ห้องประชุม 301 ตึกบัญชาการ ทำเนียบรัฐบาล
1. การลาออกของกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน
2. รายงานผลการประเมินงานกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ประจำปีบัญชี 2554
3. รายงานผลการใช้จ่ายเงินและผลที่ได้รับจากการดำเนินงานของกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ปีงบประมาณ 2554
4. ประมาณการกระแสเงินสดของกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ในปี 2555-255
5. ขอความเห็นชอบงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2555 ของกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน
6. อวามเห็นชอบเกณฑ์การประเมินผลการดำเนินงานของกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ประจำปีบัญชี 2555
นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี ประธานกรรมการ
นายสุเทพ เหลี่ยมศิริเจริญ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน กรรมการและเลขานุการ
ประธานกรรมการ ได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบว่าในระหว่างการประชุม อาจจะต้องไปปฏิบัติภารกิจชี้แจงเกี่ยวกับพระราชกำหนด 2 ฉบับ ที่สภาผู้แทนราษฎร ดังนั้น เพื่อให้การประชุมแล้วเสร็จ ขอให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานทำหน้าที่เป็นประธานแทน
เรื่องที่ 1 การลาออกของกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน
1. พระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2550 ได้กำหนดให้คณะรัฐมนตรีแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน โดยมีวาระอยู่ในตำแหน่งคราวละสามปี
2. คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 21 กันยายน 2553 แต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการกองทุนฯ จำนวน 7 ราย ดังนี้
(1) นายสวัสดิ์ ตันตระรัตน์
(2) นายสมชาติ โสภณรณฤทธิ์
(3) นายกฤษณพงศ์ กีรติกร
(4) หม่อมราชวงศ์พงษ์สวัสดิ์ สวัสดิวัตน์
(5) นายยอดเยี่ยม เทพธรานนท์
(6) นางสาวพวงเพชร สารคุณ
(7) นายพรายพล คุ้มทรัพย์
3. หม่อมราชวงศ์พงษ์สวัสดิ์ สวัสดิวัตน์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านพลังงาน ของกองทุนฯ ได้มีหนังสือลงวันที่ 16 มกราคม 2555 เพื่อขอลาออกจากตำแหน่งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการกองทุนฯ ตั้งแต่วันที่ 16 มกราคม 2555 เป็นต้นไป
มติที่ประชุม
รับทราบการลาออกของกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ตามที่ฝ่ายเลขานุการฯ เสนอ
เรื่องที่ 2 รายงานผลการประเมินงานกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ประจำปีบัญชี 2554
1. คณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2546 มีมติอนุมัติให้หน่วยงานที่มีเงินนอกงบประมาณ ถือปฏิบัติตามมาตรการกำกับดูแลเงินนอกงบประมาณอย่างเคร่งครัด โดยมีกระทรวงการคลังร่วมกับ สศช. เป็นผู้ติดตามผลการดำเนินการ และระบบประเมินผลทุนหมุนเวียนของกรมบัญชีกลาง
2. "กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน" ได้เข้าสู่ระบบประเมินผลการดำเนินงานทุนหมุนเวียนของกรมบัญชีกลาง (บก.) ในปีบัญชี 2549 โดยมีประธานกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน เป็นผู้ลงนามในบันทึกข้อตกลงการประเมินทุนหมุนเวียน (กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน) กับกระทรวงการคลัง
3. บก. ได้มีหนังสือ ลงวันที่ 31 มกราคม 2555 รายงานผลการดำเนินงานของกองทุนฯ ประจำปีบัญชี 2554 ที่คณะกรรมการจัดทำบันทึกข้อตกลงและประเมินผลการดำเนินงานทุนหมุนเวียนให้ความเห็นชอบแล้ว ซึ่งผลการดำเนินงานของกองทุนฯ ปีบัญชี 2554 โดยภาพรวมอยู่ในระดับ 3.7093 คะแนน สรุปผลการประเมินได้ดังนี้
1) ผลการดำเนินงานด้านการเงิน (15%)
- ตัวชี้วัดที่ 1.1 ร้อยละของงบประมาณที่มีการผูกพันสัญญาต่องบประมาณที่ได้รับการจัดสรรจากกองทุนฯ ผลการดำเนินงานอยู่ในระดับร้อยละ 100.00 ส่งผลให้ได้รับคะแนน 5.0000
- ตัวชี้วัดที่ 1.2 ค่าใช้จ่ายบริหารที่เกิดขึ้นจริงและผูกพันเทียบกับงบประมาณ ผลการดำเนินงานอยู่ในระดับร้อยละ 89.77 ส่งผลให้ได้รับคะแนน 1.0000
2) ผลการดำเนินงานด้านปฏิบัติการ (40%)
- ตัวชี้วัดที่ 2.1 ร้อยละของจำนวนโครงการที่มีการทำสัญญาของแต่ละแผนงานต่อจำนวนโครงการที่ได้รับอนุมัติทั้งหมดของแต่ละแผนงาน ผลการดำเนินงานโดยรวมเฉลี่ยอยู่ที่ระดับคะแนน 3.2105
- ตัวชี้วัดที่ 2.2 ร้อยละความสำเร็จของจำนวนโครงการที่ผูกพันและดำเนินงานได้ตามแผนภายในปีบัญชี 2554 ต่อจำนวนโครงการที่ผูกพันและมีแผนดำเนินงานภายในปีบัญชี ผลการดำเนินงานโดยเฉลี่ยอยู่ที่ระดับคะแนน 4.8250
- ตัวชี้วัดที่ 2.3 การติดตามประเมินผลลัพธ์ตามวัตถุประสงค์ของกองทุนฯ ผลการดำเนินงานอยู่ที่ระดับคะแนน 5.0000
3) การสนองประโยชน์ต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย (15%)
- ตัวชี้วัดที่ 3.1 การจัดทำแผนการปรับปรุงการให้บริการจากผลสำรวจความพึงพอใจและดำเนินการตามแผนฯ ประจำปีบัญชี 2554 ผลการดำเนินงานอยู่ที่ระดับคะแนน 5.0000
4) การบริหารพัฒนาทุนหมุนเวียน (30%)
- ตัวชี้วัดที่ 4.1 บทบาทคณะกรรมการทุนหมุนเวียน ผลการดำเนินงานโดยเฉลี่ยอยู่ที่ระดับคะแนน 2.3600
- ตัวชี้วัดที่ 4.2 การบริหารความเสี่ยง ผลดำเนินงานโดยเฉลี่ยอยู่ที่ระดับคะแนน 2.9000
- ตัวชี้วัดที่ 4.3 การควบคุมภายใน ผลการดำเนินงานโดยเฉลี่ยอยู่ที่ระดับคะแนน 1.8000
- ตัวชี้วัดที่ 4.4 การตรวจสอบภายใน ผลการดำเนินงานโดยเฉลี่ยอยู่ที่ระดับคะแนน 3.0000
- ตัวชี้วัดที่ 4.5 การบริหารจัดการสารสนเทศ ผลการดำเนินงานโดยเฉลี่ยอยู่ที่ระดับคะแนน 2.0000
- ตัวชี้วัดที่ 4.6 การบริหารทรัพยากรบุคคล ผลการดำเนินงานโดยเฉลี่ยอยู่ที่ระดับคะแนน 2.0000
ความเห็น/ข้อเสนอแนะของที่ประชุม
ประธานกรรมการ เห็นว่า ถึงแม้ภาพรวมของผลประเมินการดำเนินงานของกองทุนฯ ประจำปีบัญชี 2554 อยู่ในระดับ 3.7093 คะแนน แต่ยังมีตัวชี้วัดด้านการบริหารพัฒนาทุนหมุนเวียนที่มีคะแนนต่ำ โดยมีค่าน้ำหนักถึง 30% ดังนั้น ฝ่ายเลขานุการฯ ควรจะพิจารณาปรับปรุงการดำเนินงานเพื่อเพิ่มคะแนนในส่วนของตัวชี้วัดดังกล่าว
มติที่ประชุม
รับทราบรายงานผลการประเมินงานกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ประจำปีบัญชี 2554 ตามที่ฝ่ายเลขานุการฯ เสนอ และให้ฝ่ายเลขานุการฯ พิจารณาปรับปรุงการดำเนินงานในส่วนของตัวชี้วัดด้านการบริหารพัฒนาทุนหมุนเวียนเพื่อให้มีระดับคะแนนที่ดีขึ้น
เรื่องที่ 3 รายงานผลการใช้จ่ายเงินและผลที่ได้รับจากการดำเนินงานของกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ปีงบประมาณ 2554
1. คณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ในการประชุมเมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2554 และวันที่ 4 พฤษภาคม 2554 ได้อนุมัติจัดสรรเงินกองทุนฯ ให้กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) และสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการตามแผนอนุรักษ์พลังงาน ปีงบประมาณ 2554 ในวงเงินรวม 2,703,917,256 บาท ดังนี้
2. พพ. และ สนพ. ได้ใช้จ่ายเงินกองทุนฯ ดำเนินงานตามแผนพลังงานทดแทน แผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน และแผนบริหารทางกลยุทธ์ เป็นจำนวนเงิน 1,818,469,221.45 บาท คิดเป็นร้อยละ 67.25 ของงบประมาณรวม คงเหลืองบประมาณที่ต้องคืนกองทุนฯ 885,448,034.55 บาท ดังนี้
2.1 งบประมาณโครงการที่ไม่ได้ดำเนินการและเงินเหลือจ่ายจากโครงการตามแผนพลังงานทดแทน จำนวน 699,515,786.02 บาท ได้แก่
(1) โครงการศูนย์การเรียนรู้พลังงานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ 5 ธันวาคม 2554 จำนวน 457,140,000 บาท
(2) โครงการส่งเสริมการใช้เตาหุงต้มและเตาชีวมวลประสิทธิภาพสูง (จัดซื้อวัสดุเตาหุงต้มประสิทธิภาพสูง) จำนวน 26,028,000 บาท
(3) โครงการศึกษาและติดตามประเมินผลระบบผลิตก๊าซชีวภาพภายใต้ความร่วมมือของรัฐบาลจีน จำนวน 7,000,000 บาท
(4) เงินเหลือจ่ายจากโครงการประชาสัมพันธ์เพื่อส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทน จำนวน 145,00,000 บาท
(5) เงินเหลือจ่ายจากโครงการสนับสนุนทุนการศึกษา จำนวน 22,360,000 บาท
(6) เงินเหลือจ่ายจากโครงการอื่นๆ จำนวน 41,987,786.02 บาท
2.2 งบประมาณโครงการที่ไม่ได้ดำเนินการและเงินเหลือจ่ายจากโครงการตามแผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน จำนวน 185,121,477.43 บาท ประกอบด้วย
(1) โครงการสาธิตเทคโนโลยีเชิงลึกเพื่อการอนุรักษ์พลังงาน ระยะที่ 2 จำนวน 60,000,000 บาท
(2) เงินเหลือจ่ายจากโครงการประชาสัมพันธ์เพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน จำนวน 79,843,588 บาท
(3) เงินเหลือจ่ายจากโครงการสนับสนุนทุนการศึกษา จำนวน 16,960,220 บาท
(4) เงินเหลือจ่ายจากโครงการอื่นๆ จำนวน 28,317,669.43 บาท
2.3 งบประมาณคงเหลือจากแผนบริหารทางกลยุทธ์ จำนวน 810,771.1 บาท
3. การดำเนินงานของกองทุนฯ ภายใต้โครงการที่ผูกพันงบประมาณไว้ คาดว่าเมื่อดำเนินโครงการดังกล่าวแล้วเสร็จ จะก่อให้เกิดผลประหยัดรวม 334.1 ktoe/ปี โดยแยกตามแผนงานได้ดังนี้
3.1 แผนพลังงานทดแทน คาดว่าเมื่อดำเนินโครงการดังกล่าวแล้วเสร็จ จะก่อให้เกิดการใช้พลังงานทดแทน 3.10 ktoe/ปี
3.2 แผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน คาดว่าเมื่อโครงการดังกล่าวดำเนินการแล้วเสร็จ จะช่วยลดการใช้พลังงานได้ 331 ktoe/ปี
มติที่ประชุม
รับทราบรายงานผลการใช้จ่ายเงินและผลที่ได้รับจากการดำเนินงานของกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ปีงบประมาณ 2554 ตามที่ฝ่ายเลขานุการฯ เสนอ
เรื่องที่ 4 ประมาณการกระแสเงินสดของกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ในปี 2555-2559
ฐานะการเงินกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ณ วันที่ 30 กันยายน 2554 กองทุนฯ มียอดเงินคงเหลือในบัญชี จำนวน 21,710 ล้านบาท ขณะที่มีรายจ่ายผูกพันปี 2548-2554 ซึ่งจะต้องจ่ายในช่วงปี พ.ศ. 2555-2559 ประมาณ 9,710 ล้านบาท จึงทำให้กองทุนฯ มีวงเงินคงเหลือ จำนวน 12,000 ล้านบาท ทั้งนี้ กพช. ในการประชุมเมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2554 ได้เห็นชอบแนวทางและหลักเกณฑ์การดำเนินงานโครงการฟื้นฟูเยียวยาผู้ประสบอุทกภัยหลังน้ำลดของกระทรวงพลังงาน ในวงเงิน 10,000 ล้านบาท และจากการวิเคราะห์ระดับรายได้ของกองทุนฯ ในช่วงปี พ.ศ. 2555-2559 คาดว่ากองทุนฯ จะมีรายรับประมาณ 7,200-7,500 ล้านบาท/ปี รวมเงินรายได้ 5 ปี เป็นเงิน 37,000 ล้านบาท ดังนี้
มติที่ประชุม
รับทราบประมาณการกระแสเงินสดของกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ในปี 2555-2559 ตามที่ฝ่ายเลขานุการฯ เสนอ
เรื่องที่ 5 ขอความเห็นชอบงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2555 ของกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน
1. คณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 2554 ได้เห็นชอบแผนอนุรักษ์พลังงาน 20 ปี (พ.ศ. 2554-2573) โดยมีเป้าหมายลดความเข้มการใช้พลังงาน(energy intensity) ลง 25% ในปี 2573 เมื่อเทียบกับปี 2553 หรือต้องลดการใช้พลังงานลงให้ได้อย่างน้อย 38,200 ktoe ของปริมาณการใช้พลังงานขั้นสุดท้ายทั้งหมดของประเทศ และเห็นชอบแผนการพัฒนาพลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือก 25% ใน 10 ปี (พ.ศ. 2555-2564) โดยกำหนดให้มีสัดส่วนการใช้พลังงานทดแทนเพิ่มขึ้นจาก 7,413 ktoe ในปี 2555 เป็น 25,000 ktoe ในปี 2564 หรือคิดเป็น 25% ของการใช้พลังงานรวม ตามที่คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) เสนอ
2. คณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ในการประชุมเมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 2554 ได้เห็นชอบแนวทาง หลักเกณฑ์ เงื่อนไข และลำดับความสำคัญของการใช้จ่ายเงินกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ในช่วงปี พ.ศ. 2555-2559 สรุปได้ดังนี้
1) แนวทางการใช้จ่ายเงินกองทุนฯ ในช่วงปี พ.ศ. 2555-2559
การใช้จ่ายเงินกองทุนเพื่อส่งเสริมอนุรักษ์พลังงาน ในช่วงปี พ.ศ. 2555-2559 จะสอดคล้องตามวัตถุประสงค์ของการใช้จ่ายเงินตามมาตรา 25 ของ พ.ร.บ. การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน และแผนอนุรักษ์พลังงาน 20 ปี (พ.ศ.2554-2573) แผนการพัฒนาพลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือก 25% ใน 10 ปี (พ.ศ. 2555-2564) โดยมีโครงสร้างการใช้จ่ายเงินกองทุนฯ ประกอบด้วยแผนงาน 3 แผน ได้แก่ แผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน แผนพลังงานทดแทน และแผนบริหารทางกลยุทธ์ ดังนี้
2) กำหนดกรอบการจัดสรรเงินกองทุนฯ ในช่วงปี พ.ศ. 2555-2559
(1) การวิเคราะห์ระดับรายได้ของกองทุนฯ ในช่วงปี พ.ศ. 2555-2559 คาดว่ากองทุนฯ จะมีรายรับประมาณ 7,200-7,500 ล้านบาท/ปี รวมเงินรายได้ 5 ปี เป็นเงิน 37,000 ล้านบาท
(2) กำหนดกรอบการจัดสรรเงินกองทุนฯ ในช่วงปี พ.ศ. 2555-2559 ในวงเงินปีละ 7,000 ล้านบาท โดยกำหนดสัดส่วนวงเงินการจัดสรรเงินกองทุนฯ ในแผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน แผนพลังงานทดแทน และแผนบริหารทางกลยุทธ์ เป็นร้อยละ 50 45 และ 5 ตามลำดับ ดังนี้
3) แนวทางการจัดสรรเงินกองทุนฯ รายปี
การจัดสรรเงินกองทุนฯ รายปี จะดำเนินการตามแนวทาง/หลักเกณฑ์การพิจารณาจัดสรรเงินกองทุนฯ ที่คณะอนุกรรมการกองทุนฯ กำหนดและจะเสนอคณะกรรมการกองทุนฯ พิจารณาอนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีต่อไป
3. คณะอนุกรรมการกองทุนฯ ในการประชุมเมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2554 ได้แต่งตั้ง "คณะทำงานพิจารณากลั่นกรองงบประมาณประจำปี 2555 ของกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน" โดยมีปลัดกระทรวงพลังงานเป็นประธานคณะทำงาน และเห็นชอบแนวทาง/หลักเกณฑ์การพิจารณาจัดสรรเงินกองทุนฯ เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายประจำปีงบประมาณ 2555 ดังนี้
(1) การจัดลำดับความสำคัญตามนโยบายและแผน โดยพิจารณาถึงความสอดคล้องของโครงการกับภารกิจตามเจตนารมณ์ของกองทุนฯ ตามมาตรา 25 แห่ง พ.ร.บ. การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ตามยุทธศาสตร์กระทรวงพลังงาน ตามแผนการพัฒนาพลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือก และภารกิจตามแผนอนุรักษ์พลังงาน
(2) ระยะเวลาการเกิดผลสัมฤทธิ์ โดยใช้เป็นเกณฑ์ในการแบ่งช่วงเวลาที่โครงการดังกล่าวสามารถนำไปสู่การปฏิบัติได้จริงหรือขยายผลได้ในอนาคต
(3) ศักยภาพในการขยายผล โดยเน้นโครงการวิจัยและ/หรือดำเนินการแล้วสามารถนำไปปฏิบัติได้จริงหรือขยายผลได้จริง (Deployment Potential)
(4) โครงการต่อเนื่อง โดยพิจารณาผลการดำเนินงานในช่วงที่ผ่านมา ถ้ามีความก้าวหน้าเกินกว่าร้อยละ 50 ของแผนงาน จึงจะได้รับงบประมาณ
(5) งบบริหารแผนการดำเนินงาน จะต้องเป็นภารกิจหรืองานที่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของการใช้จ่ายเงินกองทุนฯ ตาม พ.ร.บ. การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน
4. สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) ในฐานะฝ่ายเลขานุการฯ "กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน" ได้แจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำและเสนอรายละเอียดงบประมาณกองทุนฯ ปี 2555 ที่สอดคล้องตามแผนอนุรักษ์พลังงาน 20 ปี และแผนการพัฒนาพลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือก 25% ใน 10 ปี แต่เนื่องจากในช่วงการจัดทำคำของบประมาณของกองทุนฯ ปี 2555 ได้มีการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลเมื่อเดือนสิงหาคม 2554 หน่วยงานจึงต้องพิจารณาทบทวนแผนงานโครงการและปรับปรุงรายละเอียดโครงการ พร้อมทั้งงบประมาณให้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลด้านพลังงาน ประกอบกับปัญหาอุทกภัยในช่วงเดือนตุลาคม-ธันวาคม 2554 ส่งผลให้การจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2555 ของกองทุนฯ ล่าช้ากว่าปกติ
5. สนพ. ได้รวบรวมงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2555 จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ที่ได้ยื่นขอรับการสนับสนุนจากกองทุนฯ เพื่อดำเนินโครงการต่างๆ เป็นจำนวนรวม 102 โครงการ ในวงเงินทั้งสิ้น 6,158,358,467 บาท โดยแยกตามแผนงานได้ดังนี้
(1) แผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน จำนวน 2,058,045,200 บาท
(2) แผนพลังงานทดแทน จำนวน 3,952,670,165 บาท
(3) แผนบริหารทางกลยุทธ์ จำนวน 147,643,102 บาท
6. คณะทำงานฯ ได้มีการประชุมเพื่อพิจารณากลั่นกรองงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2555 ของกองทุนฯ รวมจำนวนทั้งสิ้น 7 ครั้ง ตั้งแต่วันที่ 5 มกราคม - 16 กุมภาพันธ์ 2555 โดยผลการพิจาณางบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2555 ของกองทุนฯ เห็นควรสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานตามแผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน และแผนพลังงานทดแทน เป็นจำนวน 3,020,814,060 บาท รวม 75 โครงการ โดยแบ่งรายจ่ายออกเป็น 2 หน่วยงานผู้เบิกเงินกองทุนฯ ดังนี้
(1) กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) จำนวน 981,827,188 บาท คิดเป็นร้อยละ 32.50 รวม 50 โครงการ
(2) สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) จำนวน 2,038,986,872 บาท คิดเป็นร้อยละ 67.50 รวม 25 โครงการ
ตารางสรุปงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2555
โดยผลที่คาดว่าจะได้รับจากการสนับสนุนงบประมาณ พ.ศ. 2555 ของกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ในการดำเนินโครงการต่างๆ ภายใต้แผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานและแผนพลังงานทดแทน จะสามารถให้ผลประหยัดพลังงานได้ไม่น้อยกว่า 231.68 ktoe
7. คณะอนุกรรมการกองทุนฯ ในการประชุมครั้งที่ 1/2555 (ครั้งที่ 29) เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2555 ได้พิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2555 ของกองทุนฯ ตามที่ฝ่ายเลขานุการฯ เสนอ และมีมติ ดังนี้
1) เห็นชอบงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2555 ของกองทุนฯ เป็นจำนวน 3,020,814,060 บาท
2) เห็นชอบให้เสนอคณะกรรมการกองทุนฯ พิจารณาให้ค่าใช้จ่ายในงานบริหารของทั้ง 3 แผนงาน มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2554 โดยให้แต่ละหน่วยงานสามารถถัวจ่ายและเปลี่ยนแปลงรายการในหมวดต่างๆ ได้ตามความจำเป็นและเหมาะสม
3) ให้ฝ่ายเลขานุการฯ เสนอคณะกรรมการกองทุนฯ เพื่อพิจารณาอนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2555 ของกองทุนฯ ต่อไป
8. ฝ่ายเลขานุการฯ ขอเสนอคณะกรรมการกองทุนฯ เพื่อพิจารณา ดังนี้
1) อนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2555 ของกองทุนฯ เป็นจำนวน 3,020,814,060 บาท ตามที่ฝ่ายเลขานุการฯ เสนอ โดยให้เบิกจ่ายเงินจากกองทุนฯ ได้ ภายหลังที่คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติเห็นชอบแนวทาง หลักเกณฑ์ เงื่อนไข และลำดับความสำคัญของการใช้จ่ายเงินกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ในช่วงปี พ.ศ. 2555-2559 แล้ว
2) เห็นชอบตามข้อเสนอที่ฝ่ายเลขานุการฯ เสนอ ดังนี้
(1) ให้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2555 ของกองทุนฯ งานบริหารของทั้ง 3 แผนงาน มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2554 เนื่องจาก พพ. และ สนพ. มีงานบริหารเกี่ยวกับการอนุรักษ์พลังงานที่ต้องดำเนินงานต่อเนื่อง เช่น การเบิกจ่ายเงินให้หน่วยงาน โครงการ ตามข้อผูกพันสัญญาฯ การประสานหน่วยงาน โรงงาน อาคาร เพื่อดำเนินการตามกฎหมายอนุรักษ์พลังงาน ฯลฯ จึงมีรายจ่ายประจำที่จำเป็นเพื่อการบริหารงานที่เกิดขึ้นแล้ว เช่น ค่าจ้างพนักงานราชการ ค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปให้ความรู้ความเข้าใจ การร่วมประชุมให้ความเห็น ค่าสาธารณูปโภค เป็นต้น
(2) การพิจารณาให้ความเห็นชอบโครงการภายใต้งานศึกษาวิจัยและพัฒนาด้านเทคนิค แผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน ในวงเงิน 200 ล้านบาท และพลังงานทดแทน ในวงเงิน 200 ล้านบาท ในส่วนที่ สนพ. รับผิดชอบ ขอเสนอวิธีการดำเนินงานในลักษณะเดียวกับปีงบประมาณ 2554 คือ ให้ สนพ. ทำหน้าที่พิจารณากลั่นกรองรายละเอียดของโครงการที่มีผู้ยื่นขอรับการสนับสนุน ตามรายละเอียดการของบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2555 ก่อนเสนอต่อคณะอนุกรรมการกองทุนฯ พิจารณาเห็นชอบจัดสรรเงินกองทุนฯ ภายในวงเงินไม่เกิน 50 ล้านบาท ทั้งนี้ หากวงเงินที่ขอรับการสนับสนุนเกิน 50 ล้านบาท ให้เสนอคณะกรรมการกองทุนฯ พิจารณาเห็นชอบก่อนดำเนินโครงการต่อไป
(3) เพื่อให้งานประชาสัมพันธ์มีความเป็นเอกภาพ และมีทิศทางการปฏิบัติไปในแนวเดียวกัน ฝ่ายเลขานุการฯ จึงขอเสนอให้ที่ประชุมพิจารณาอนุมัติงบประมาณรายจ่ายโครงการประชาสัมพันธ์ในแผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานและแผนพลังงานทดแทน ไว้เป็นกรอบวงเงินแผนงานละ 350,000,000 บาท รวมเป็นเงิน 700,000,000 บาท โดยให้ผ่านการพิจารณาและเห็นชอบจาก "คณะกรรมการประชาสัมพันธ์และการสื่อสารของกระทรวงพลังงาน" ที่ปลัดกระทรวงพลังงานเป็นประธาน และให้สามารถถัวจ่ายและเปลี่ยนแปลงรายการในแผนงาน/งานเดียวกันได้ ทั้งนี้เมื่อคณะกรรมการประชาสัมพันธ์ฯ เห็นชอบแล้ว ให้เสนอต่อคณะอนุกรรมการกองทุนฯ เพื่อพิจารณาอนุมัติก่อนดำเนินโครงการต่อไป และให้กระทรวงพลังงานดำเนินการประเมินผลการประชาสัมพันธ์ที่ได้รับงบประมาณจากกองทุนฯ ต่อไปด้วย
การพิจารณาของที่ประชุม
ที่ประชุมได้พิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2555 ของกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานแล้ว มีความเห็น ดังนี้
1. ประธานกรรมการ ได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบว่า ต้องไปปฏิบัติภารกิจชี้แจงเกี่ยวกับพระราชกำหนด 2 ฉบับ ที่สภาผู้แทนราษฎร จึงขอมอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ทำหน้าที่ประธานกรรมการกองทุนฯ แทน แต่อย่างไรก็ตาม ได้มีข้อสังเกตในงบประมาณรายจ่ายด้านการประชาสัมพันธ์ ควรให้ความสำคัญกับการสร้างความเข้าใจให้แก่ประชาชน เพื่อขับเคลื่อนทิศทางตามนโยบายรัฐบาล ในการดำเนินการเพื่อมุ่งสู่การปรับราคาพลังงาน ราคาก๊าซหุงต้ม ให้เป็นไปตามกลไกของราคาตลาด โดยให้นำข้อมูลที่เป็นจริงมาสร้างความเข้าใจกับประชาชนว่าราคาพลังงานในประเทศเป็นไปตามราคาของตลาดต่างประเทศ
2. ผู้แทนกรมบัญชีกลาง มีข้อสังเกตเกี่ยวกับการของบประมาณรายจ่ายประจำปี 2555 ของกองทุนฯ ในงานบริหารของทั้ง 3 แผนงาน ให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2554 ได้เป็นไปตามกฎระเบียบข้อบังคับของการบริหารเงินกองทุนฯ หรือไม่
3. เลขานุการฯ ได้ชี้แจงว่า เนื่องจากงบประมาณรายจ่ายปี 2555 ได้เสนอเพื่อพิจารณาล่าช้า แต่ พพ. และ สนพ. มีงานบริหารเกี่ยวกับการอนุรักษ์พลังงานที่ต้องดำเนินงานต่อเนื่อง จึงจำเป็นต้องขออนุมัติงบประมาณเฉพาะในส่วนของงานบริหารย้อนหลังตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2554
4. ปลัดกระทรวงพลังงาน ได้ชี้แจงเพิ่มเติมว่า การเบิกจ่ายเงินงบประมาณ ได้อิงตาม พรบ. การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535 และระเบียบคณะกรรมการกองทุนฯ ว่าด้วยการเก็บรักษาเงินและทรัพย์สิน และการเบิกจ่ายเงินกองทุนฯ พ.ศ. 2553 ซึ่งเป็นการเบิกจ่ายตามระเบียบในข้อ 11 รายจ่ายตามประมาณการรายจ่ายประจำปี ซึ่งเป็นไปตามปีงบประมาณ ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2554
5. ผู้แทนกรมบัญชีกลาง ได้ให้ความเห็นว่า ตามระเบียบกองทุนฯ ข้อ 15 วรรค 2 กรณีที่งบประมาณประจำปีของกองทุนฯ ยังไม่ได้รับการอนุมัติ ให้นำเงินทดรองจ่ายไปจ่ายเป็นค่าบริหารงานกองทุนที่จำเป็นและเร่งด่วนตามกรอบงบประมาณการรายจ่ายประจำปีที่ผ่านมาได้ไปพลางก่อนภายในวงเงินที่คณะกรรมการกองทุนฯ อนุมัติ ดังนั้น จึงเห็นควรปรับถ้อยคำให้สอดคล้องกับระเบียบฯ ข้อ 15
6. ปลัดกระทรวงพลังงานฯ ชี้แจงว่า การปฏิบัติที่ผ่านมา กองทุนฯ มีการเบิกจ่ายเงินตามระเบียบของกองทุนฯ โดยไม่มีการเบิกจ่ายงบประมาณหลังวันที่ 30 กันยายน อย่างไรก็ตาม ขอรับข้อสังเกตของผู้แทนกรมบัญชีกลาง มาปรับภาษา/ถ้อยคำให้สอดคล้องกับระเบียบฯ ข้อ 15 ต่อไป
7. ผู้แทนกระทรวงการคลัง ได้สอบถามถึงโครงการทั้ง 75 โครงการ ว่าเป็นไปตามวัตถุประสงค์ของกองทุนฯ หรือไม่ และเหตุใดไม่มีการของบประมาณในแผนบริหารทางกลยุทธ์ ให้ พพ. ซึ่ง เลขานุการฯ ได้ชี้แจงว่า โดยปกติแล้ว แผนบริหารทางกลยุทธ์ สนพ. จะเป็นผู้ดำเนินการ ส่วน พพ. จะใช้งบประมาณในส่วนของงานบริหารแผนงาน ทั้งในแผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน และแผนพลังงานแทน เพื่อใช้ในการบริหารโครงการ
8. นายพรายพล คุ้มทรัพย์ ได้ให้ข้อสังเกตในงบประมาณรายจ่ายปี 2555 ของกองทุนฯ ดังนี้
1) การอนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2555 ของกองทุนฯ จำนวน 3,020.81 ล้านบาท ค่อนข้างต่ำ หากเปรียบเทียบกับประมาณการรายรับปีละประมาณ 7,000 ล้านบาท และเมื่อเปรียบเทียบกับความเร่งด่วนในเรื่องแผนอนุรักษ์พลังงาน การเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน และการพัฒนาพลังงานทดแทน โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้น และมีการปรับเป้าหมายการใช้พลังงานทดแทนให้เพิ่มขึ้น รวมทั้งเป้าหมายลดการใช้พลังงาน จึงเห็นว่า ควรเร่งรัดให้มีการใช้เงินเพื่อดำเนินงานตามแผนงานให้มากขึ้น เนื่องจากจะทำให้สูญเสียประโยชน์ที่อาจจะได้รับถ้าหากมีการเก็บเงินเข้ากองทุนฯ แล้วไม่นำเงินดังกล่าวมาใช้ให้เกิดประโยชน์ และควรจะพยายามเร่งรัดการใช้จ่ายเงินกองทุนฯ โดยคำนึงถึงความเร่งด่วนของปัญหาราคาน้ำมันแพง ซึ่งทำให้ต้องประหยัด รวมทั้งต้องเร่งรัดการใช้พลังงานทดแทนให้มากขึ้น
2) โครงการด้านการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานในภาคขนส่งส่วนใหญ่ เน้นในเรื่องระบบขนส่งทางถนน จึงเห็นว่า ควรพยายามให้มีการใช้ระบบราง หรือการขนส่งทางน้ำมากขึ้น โดยเฉพาะในการขนส่งสินค้า และสำหรับโครงการทบทวนการศึกษาวิจัยเพื่อการจัดทำมาตรฐานการประหยัดพลังงานในรถยนต์ เห็นว่าเป็นการจัดทำมาตรฐานในรถยนต์ขนาดเล็ก ดังนั้น ในอนาคตควรมีการจัดทำมาตรฐานการประหยัดพลังงานสำหรับรถยนต์ขนาดใหญ่ด้วย เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานในภาคการขนส่ง
3) โครงการในปี 2555 ไม่ค่อยมีการส่งเสริมเรื่องเชื้อเพลิงชีวภาพ (Bio-fuel) ทั้งไบโอดีเซล และเอทานอล ซึ่งเห็นว่าควรเพิ่มการวิจัยและพัฒนาในเรื่องนี้ เนื่องจากมีความสำคัญ และในปัจจุบันมีการผลิตและการใช้เชื้อเพลิงชีวภาพเพิ่มขึ้น รวมทั้งมีเทคโนโลยีและพืชพลังงานใหม่ที่สามารถนำมาผลิตเชื้อเพลิงชีวภาพได้ นอกเหนือจาก อ้อย มันสำปะหลัง หรือปาล์มน้ำมัน
9. ปลัดกระทรวงพลังงาน ได้ชี้แจงว่า เนื่องจากความล่าช้าในการเสนอและพิจารณางบประมาณปี 2555 ทำให้มีระยะเวลาเหลือสำหรับดำเนินงานประมาณ 7 เดือน จึงมีการปรับลดงบประมาณให้สอดคล้องกับระยะเวลา และโครงการที่คณะทำงานฯ ไม่เห็นชอบ จำนวน 21 โครงการ เป็นโครงการที่มีลำดับความสำคัญต่ำ (Low Priority) สำหรับโครงการที่เห็นควรสนับสนุนทั้ง 75 โครงการ เป็นการจัดทำโครงการในลักษณะ Business as usual คือเป็นการจัดทำโครงการโดยระดับกอง/สำนัก เป็นผู้จัดทำ ยังไม่ได้เป็นการจัดทำโครงการโดยการขับเคลื่อนจากนโยบายของภาครัฐ (Top Down Policy) แต่สำหรับการจัดทำงบประมาณรอบใหม่ จะเน้นในลักษณะของการ Top Down โดยเน้นโครงการที่เป็นไปตามนโยบายจากภาครัฐที่ก่อให้เกิดผลกระทบ/ผลสำเร็จ (Impact) สูง สำหรับนโยบายการเปลี่ยนรูปแบบการขนส่งทางถนนมาสู่ระบบรางและทางน้ำ (Shift Mode) ปลัดกระทรวงพลังงาน ชี้แจงว่า เป็นสิ่งที่กระทรวงพลังงานพยายามทำมาโดยตลอด แต่เนื่องจากขาดการบูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร และกระทรวงคมนาคม ทำให้ไม่มีการดำเนินโครงการลักษณะนี้ ทั้งนี้ ปลัดกระทรวงพลังงาน ขอรับข้อสังเกตของ นายพรายพล คุ้มทรัพย์ ในเรื่องอื่น เพื่อนำไปใช้ประกอบการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2556 ต่อไป
10. ผู้แทนกรมบัญชีกลางได้มีข้อสังเกต กรณีข้อสังเกตของฝ่ายเลขานุการ เกี่ยวกับการพิจารณาให้ความเห็นชอบโครงการภายใต้งานศึกษาวิจัยและพัฒนาด้านเทคนิค แผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน ในวงเงิน 200 ล้านบาท และพลังงานทดแทน ในวงเงิน 200 ล้านบาท ในส่วนที่ สนพ. รับผิดชอบ ที่เสนอให้ใช้วิธีการดำเนินงานในลักษณะเดียวกับปีงบประมาณ 2554 โดยเห็นว่าควรเพิ่มเติมเหตุผลหรือความจำเป็นที่จะต้องใช้การดำเนินงานในลักษณะเดียวกับปีงบประมาณ 2554 เช่น เพื่อให้เกิดความคล่องตัว เพื่อให้มีน้ำหนักและเป็นเหตุเป็นผลถึงสาเหตุที่คณะกรรมการฯ ได้มอบเงิน 200 ล้านบาท ให้เป็นภาระของหน่วยงานในการดำเนินงาน ซึ่งเลขานุการฯ ได้ชี้แจงว่า จะขอรับข้อสังเกตของผู้แทนกรมบัญชีกลางไปดำเนินการต่อไป
มติที่ประชุม
1. อนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2555 ของกองทุนฯ เป็นจำนวน 3,020,814,060 บาท ตามที่ฝ่ายเลขานุการฯ เสนอ โดยให้เบิกจ่ายเงินจากกองทุนฯ ได้ ภายหลังที่คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติเห็นชอบแนวทาง หลักเกณฑ์ เงื่อนไข และลำดับความสำคัญของการใช้จ่ายเงินกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ในช่วงปี พ.ศ. 2555-2559 แล้ว
2. เห็นชอบตามข้อเสนอที่ฝ่ายเลขานุการฯ เสนอ ดังนี้
(1) ให้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2555 ของกองทุนฯ งานบริหารของทั้ง 3 แผนงาน เบิกจ่ายได้ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2554
(2) ให้โครงการภายใต้งานศึกษาวิจัยและพัฒนาด้านเทคนิค แผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน ในวงเงิน 200 ล้านบาท และพลังงานทดแทน ในวงเงิน 200 ล้านบาท ในส่วนที่ สนพ. รับผิดชอบ ใช้วิธีการดำเนินงานในลักษณะเดียวกับปีงบประมาณ 2554 คือ ให้ สนพ. ทำหน้าที่พิจารณากลั่นกรองรายละเอียดของโครงการที่มีผู้ยื่นขอรับการสนับสนุน ตามรายละเอียดการของบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2555 ก่อนเสนอต่อคณะอนุกรรมการกองทุนฯ พิจารณาเห็นชอบจัดสรรเงินกองทุนฯ ภายในวงเงินไม่เกิน 50 ล้านบาท ทั้งนี้ หากวงเงินที่ขอรับการสนับสนุนเกิน 50 ล้านบาท ให้เสนอคณะกรรมการกองทุนฯ พิจารณาเห็นชอบก่อนดำเนินโครงการต่อไป
(3) ให้งบประมาณรายจ่ายโครงการประชาสัมพันธ์ในแผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานและแผนพลังงานทดแทน ไว้เป็นกรอบวงเงินแผนงานละ 350,000,000 บาท รวมเป็นเงิน 700,000,000 บาท โดยให้ผ่านการพิจารณาและเห็นชอบจาก "คณะกรรมการประชาสัมพันธ์และการสื่อสารของกระทรวงพลังงาน" ที่ปลัดกระทรวงพลังงานเป็นประธาน และให้สามารถถัวจ่ายและเปลี่ยนแปลงรายการในแผนงาน/งานเดียวกันได้ ทั้งนี้เมื่อคณะกรรมการประชาสัมพันธ์ฯ เห็นชอบแล้ว ให้เสนอต่อคณะอนุกรรมการกองทุนฯ เพื่อพิจารณาอนุมัติก่อนดำเนินโครงการต่อไป และให้กระทรวงพลังงานดำเนินการประเมินผลการประชาสัมพันธ์ที่ได้รับงบประมาณจากกองทุนฯ ต่อไปด้วย
เรื่องที่ 6 ขอวามเห็นชอบเกณฑ์การประเมินผลการดำเนินงานของกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ประจำปีบัญชี 2555
1. การประเมินผลการดำเนินงานทุนหมุนเวียน เป็นการปฏิบัติตามมาตรการกำกับดูแลเงินนอกงบประมาณของกระทรวงการคลัง โดยมีกระทรวงการคลังร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เป็นผู้ติดตามผลการดำเนินการ และระบบประเมินผลทุนหมุนเวียนของกรมบัญชีกลางเริ่มใช้ตั้งแต่ปีบัญชี 2547 เป็นต้นมา โดยกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานได้เข้าสู่ระบบประเมินผลการดำเนินงานตั้งแต่ปีงบประมาณ 2549
2. คณะกรรมการกองทุนฯ ได้แต่งตั้ง "คณะทำงานเตรียมการเพื่อดำเนินการตามระบบประเมินผลการดำเนินงานทุนหมุนเวียน (กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน)" โดยมีปลัดกระทรวงพลังงาน หรือรองปลัดกระทรวงพลังงานที่ปลัดกระทรวงพลังงานมอบหมาย เป็นประธานคณะทำงานฯ เพื่อดำเนินการจัดทำบันทึกข้อตกลงการประเมินผลการดำเนินงานทุนหมุนเวียน
3. ฝ่ายเลขานุการฯ ได้มีการประชุมหารือเพื่อพิจารณาตัวชี้วัดของกองทุนฯ ประกอบด้วย ผู้แทนกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน และผู้แทนสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน เพื่อจัดทำร่างเกณฑ์การประเมินผลการดำเนินงานของกองทุนฯ ประจำปีบัญชี 2555 และที่ประชุมได้มอบหมายให้ฝ่ายเลขานุการฯ ดำเนินการเจรจาต่อรองกับเจ้าหน้าที่ บริษัท ทริส คอร์ปอเรชั่น จำกัด ซึ่งเจ้าหน้าที่ บริษัท ทริส คอร์ปอเรชั่น จำกัด ได้เห็นชอบให้เปลี่ยนแปลงน้ำหนักและยกเลิกตัวชี้วัดตามที่ฝ่ายเลขานุการฯ เสนอ
4. กรมบัญชีกลาง ได้เสนอเรื่อง "การลงนามในบันทึกข้อตกลงการประเมินผลการดำเนินงานทุนหมุนเวียน ประจำปีบัญชี 2555" ต่อคณะกรรมการกองทุนฯ พิจารณาให้ความเห็นชอบ ก่อนนำเสนอให้ประธานกรรมการกองทุนฯ ลงนามบันทึกข้อตกลงการประเมินผลการดำเนินงานฯ
5. บันทึกข้อตกลงการประเมินผลการดำเนินงานทุนหมุนเวียน ประจำปีบัญชี 2555 มีความสอดคล้องกับร่างเกณฑ์การประเมินผลการดำเนินงานของกองทุนฯ ประจำปีบัญชี 2555 ซึ่งจะประเมินผลการดำเนินงานของกองทุน 4 ด้าน 13 ตัวชี้วัด ดังนี้
มติที่ประชุม
เห็นชอบเกณฑ์การประเมินผลการดำเนินงานของกองทุนฯ ประจำปีบัญชี 2555 และมอบหมายให้ประธานกรรมการกองทุนฯ ลงนามในบันทึกข้อตกลงการประเมินผลการดำเนินงานทุนหมุนเวียน ประจำปีบัญชี 2555 กับกระทรวงการคลัง
กอ. ครั้งที่ 57 - วันจันทร์ที่ 20 สิงหาคม 2555
มติคณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน
ครั้งที่ 2/2555 (ครั้งที่ 57)
วันจันทร์ที่ 20 สิงหาคม 2555 เวลา 15.00 น.
ณ ห้องประชุม 301 ตึกบัญชาการ ทำเนียบรัฐบาล
1. โครงการมหกรรมสินค้าเบอร์ 5 ช่วยเยียวยาผู้ประสบอุทกภัย
นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี ประธานกรรมการ
นายสุเทพ เหลี่ยมศิริเจริญ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน กรรมการและเลขานุการ
ประธานกรรมการ ได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบว่าในระหว่างการประชุม อาจจะต้องไปปฏิบัติภารกิจชี้แจงเกี่ยวกับพระราชกำหนด 2 ฉบับ ที่สภาผู้แทนราษฎร ดังนั้น เพื่อให้การประชุมแล้วเสร็จ ขอให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานทำหน้าที่เป็นประธานแทน
เรื่องที่ 1 โครงการมหกรรมสินค้าเบอร์ 5 ช่วยเยียวยาผู้ประสบอุทกภัย
1. คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ในการประชุมเมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2554 มีมติเห็นชอบแนวทางและหลักเกณฑ์ ในการดำเนินโครงการแผนการฟื้นฟูเยียวยาผู้ประสบอุทกภัยหลังน้ำลดตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ ภายในวงเงินรวม 10,000 ล้านบาท และมอบหมายให้คณะกรรมการกองทุนฯ พิจารณาจัดสรรเงินกองทุนฯ เพื่อดำเนินโครงการแผนฟื้นฟูเยียวยาผู้ประสบอุทกภัยหลังน้ำลดของกระทรวงพลังงาน โดยให้เป็นไปตามมาตรา 28 (1) และ 28 (2) ใน พ.ร.บ. การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535 โดยดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในปีงบประมาณ 2555
2. คณะกรรมการกองทุนฯ ในการประชุมเมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 2554 มีมติอนุมัติเงินกองทุนฯ แผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน ปีงบประมาณ 2555 ให้กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนิน "โครงการส่งเสริมประสิทธิภาพภาคครัวเรือนในพื้นที่ประสบอุทกภัย (สินค้าเบอร์ 5 ช่วยเยียวยาผู้ประสบอุทกภัย) กิจกรรมส่งเสริมสินค้าเบอร์ 5 ช่วยเยียวยาผู้ประสบอุทกภัย" ในวงเงิน 2,000 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในการซื้อหาอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าประสิทธิภาพสูง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานในภาคครัวเรือน
3. พพ. ได้มอบหมายให้มูลนิธิอนุรักษ์พลังงานแห่งประเทศไทยดำเนินโครงการฯ ตามกรอบที่ได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการกองทุนฯ ตั้งแต่วันที่ 26 ธันวาคม 2554 เป็นระยะเวลารวม 8 เดือน โดยได้มีการแจกคูปอง ดังนี้
1) รอบแรกระหว่างวันที่ 27 ธันวาคม 2554 - 4 มกราคม 2555 จำนวน 248,712 ชุด
2) รอบที่สองตั้งแต่วันที่ 10 - 20 กุมภาพันธ์ 2555 จำนวน 662,131 ชุด รวมจำนวน 910,843 ชุด คิดเป็นมูลค่า 1,821,700,000 บาท หรือคิดเป็นร้อยละ 91 ของเป้าหมายที่วางไว้ คาดว่าจะช่วยกระตุ้นมูลค่าการลงทุนซื้อขายประมาณ 9,110 ล้านบาท
3) ปัจจุบัน พพ. ได้ดำเนินการตามโครงการเสร็จสิ้นแล้ว เมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2555 โดยมีร้านค้าเข้าร่วมโครงการ จำนวน 614 ร้าน ใน 28 จังหวัด มีทั้งร้านค้าขายปลีกและห้างค้าปลีกขนาดใหญ่เข้าร่วมโครงการ และมีร้านค้ายื่นเบิกเงินคืนคูปองรวม ประมาณ 1,300 ล้านบาท พพ. ได้เบิกจ่ายเงินให้แก่ร้านค้าแล้ว ประมาณ 317 ล้านบาท และได้ตรวจสอบเอกสารแล้วเสร็จรอการสั่งจ่ายอีกประมาณ 983 ล้านบาท
4. สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.)ได้มีหนังสือลงวันที่ 4 พฤษภาคม 2555 ถึงประธานกรรมการกองทุนฯ (นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง) แจ้งการตรวจสอบการใช้เงินกองทุนฯ ในการดำเนินโครงการดังกล่าว โดยมีความเห็นว่าการจัดสรรเงินกองทุนฯ ไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของการใช้จ่ายเงินกองทุนฯ ตาม พ.ร.บ. การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 25(2) และ (3)(ก) ซึ่งสรุปประเด็นความเห็นได้ดังนี้
ประเด็นที่ 1 การใช้จัดสรรเงินกองทุนฯ ไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของกองทุนฯ
1) กรณีตามวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้ในมาตรา 25(2) เห็นว่า คณะกรรมการกองทุนฯ จัดสรรเงินให้ พพ. ซึ่งเป็นส่วนราชการและเป็นหน่วยงานดำเนินโครงการ โดยวิธีการดำเนินงานเป็นการแจกคูปองส่วนลดซื้อสินค้าประหยัดพลังงานแก่ประชาชนที่ประสบอุทกภัย แต่ตามมาตรา 25(2) เป็นการจัดสรรเงินให้เอกชนสำหรับการลงทุนและดำเนินงานในการอนุรักษ์พลังงาน และวิธีการดำเนินงานมิใช่เป็นการลงทุนและดำเนินงานในการอนุรักษ์พลังงาน และตามมาตรา 3 อนุรักษ์พลังงาน หมายความว่า ผลิตและใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพและประหยัด ซึ่งการดำเนินโครงการเป็นการนำเงินในรูปแบบคูปองส่วนลดไปแจก จึงไม่อาจถือได้ว่าเป็นการจัดสรรเงินที่สอดคล้องหรือเป็นไปตามมาตรา 25(2)
2) กรณีตามวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้ในมาตรา 25(3)(ก) เห็นว่าคณะกรรมการกองทุนฯ จัดสรรเงินให้แก่ พพ. ซึ่งเป็นส่วนราชการ เป็นไปตามมาตรา 25(3) แต่วัตถุประสงค์และวิธีดำเนินงานไม่สอดคล้องหรือเป็นไปตาม (ก) เนื่องจากโครงการทางด้านอนุรักษ์พลังงาน หมายถึงโครงการทางด้านการผลิตและใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพและประหยัด แต่การแจกคูปอง (เงินสด) เป็นส่วนลดซื้อสินค้าประหยัดพลังงาน ครัวเรือนละ 2,000 บาท จำนวน 1 ล้านครัวเรือน ผ่านทางมูลนิธิฯ โดย พพ. ทำสัญญาให้มูลนิธิฯ เป็นผู้ดำเนินงานแทนทุกขั้นตอน ทั้งนี้ไม่ปรากฏว่า พพ. ได้ดำเนินการทางด้านการผลิตและใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพและประหยัดโดยตรง จึงเป็นการจัดสรรเงินที่ไม่เป็นไปตามมาตรา 25(3)(ก) นอกจากนี้ตามเหตุผลความจำเป็นในการดำเนินโครงการ ระบุไว้ชัดเจนว่าเหตุที่ต้องจัดทำโครงการเนื่องจากเกิดอุทกภัย จึงเห็นว่าโครงการดังกล่าวมีเจตนาช่วยเหลือเยียวยาผู้ประสบอุทกภัยเป็นสำคัญ มิใช่โครงการทางด้านการอนุรักษ์พลังงานหรือโครงการที่เกี่ยวกับการป้องกัน และแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมจากการอนุรักษ์พลังงาน
ประเด็นที่ 2 สตง. เห็นว่า การดำเนินโครงการยังไม่รัดกุม บางขั้นตอนไม่สามารถตรวจสอบได้ เนื่องจากขอบเขตวิธีการดำเนินโครงการ ที่กำหนดไว้ในเอกสารการของบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2555 ไม่ปรากฏวิธีการปฏิบัติงานที่ชัดเจน รัดกุม
ประเด็นที่ 3 สตง. เห็นว่า ผลการดำเนินงานมีแนวโน้มไม่ประสบผลสำเร็จตามวัตถุประสงค์ของโครงการ และไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง เนื่องจากการใช้คูปองสามารถเปลี่ยนมือได้ ส่งผลให้ผู้ที่ใช้คูปองส่วนหนึ่งมิได้เป็นผู้ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยอย่างแท้จริง ทำให้ไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของโครงการ และการดำเนินโครงการ ไม่สามารถวิเคราะห์เปรียบเทียบความแตกต่างของข้อมูลก่อนหลังการดำเนินโครงการได้ โดยเฉพาะปริมาณการใช้พลังงาน
สตง. จึงให้ประธานกรรมการกองทุนฯ พิจารณาดำเนินการ ดังนี้
1) แจ้งให้ พพ. ชะลอการเบิกจ่ายเงินสนับสนุนจากร้านค้าไว้ก่อนและพิจารณาทบทวนการจัดสรรเงินกองทุนฯ ตามโครงการดังกล่าว จำนวน 2,000 ล้านบาท เพื่อให้การใช้จ่ายเงินเป็นไปตามวัตถุประสงค์ของกองทุนฯ อย่างเคร่งครัด สำหรับเงินที่เบิกจ่ายไปแล้ว ควรเสนอให้รัฐบาลจัดสรรงบประมาณในส่วนอื่นมาชดเชย
2) ในโอกาสต่อไป ให้ พพ. พิจารณาจัดสรรเงินกองทุนฯ ให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ขั้นตอน และหลักเกณฑ์การใช้จ่ายเงิน
3) ในการปรับปรุงพิจารณาอนุมัติโครงการต่อไป ให้คณะกรรมการกองทุนฯ จัดให้มีการติดตามตรวจสอบและประเมินผลสำเร็จของโครงการอย่างต่อเนื่อง จริงจัง
5. สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) ในฐานะฝ่ายเลขานุการฯ ได้แจ้งการตรวจสอบฯ ของ สตง. ไปยังประธานกรรมการกองทุนฯ ทราบ และได้แจ้งให้ พพ. ตรวจสอบและชะลอการเบิกจ่ายเงินตามโครงการดังกล่าวไว้ก่อน รวมทั้งชี้แจงข้อเท็จจริงพร้อมเอกสารประกอบในประเด็นที่ สตง. ได้ทักท้วง เนื่องจาก พพ. เป็นผู้ดำเนินโครงการ อยู่ในฐานะที่สามารถชี้แจงรายละเอียดได้เป็นอย่างดี
6. พพ. ได้มีหนังสือมายัง สนพ. เพื่อชี้แจงข้อเท็จจริง ดังนี้
1) การจัดสรรเงินกองทุนฯ ได้ดำเนินการถูกต้องตรงตามวัตถุประสงค์ของ พ.ร.บ. การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานทุกประการ อีกทั้งได้ดำเนินการตามมาตรา 17 แห่ง พ.ร.บ. ดังกล่าวด้วย
2) การดำเนินโครงการฯ สามารถตรวจสอบได้ทุกขั้นตอน เช่น ร้านค้าที่เข้าร่วมต้องมีการออกใบกำกับภาษีเพื่อการตรวจสอบในภายหลัง คุณสมบัติของผู้ได้รับคูปองอ้างอิงตามฐานข้อมูลของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย โดยขอบเขตการนำคูปองไปใช้มีระบุชัดเจนว่าใช้เป็นส่วนลดสินค้าเบอร์ 5 ซึ่งมีอยู่ 12 ประเภท ตามประกาศ พพ.
3) การดำเนินโครงการแม้ผลการดำเนินงานไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่ พพ. วางไว้ในการกระตุ้นมูลค่าการลงทุนซื้อขาย แต่การเบิกจ่ายเงินโครงการเป็นการเบิกจ่ายเงินตามยอดคูปองที่ร้านค้าส่งมาเบิก มิใช่เป็นการจ่ายเงินเต็มจำนวน 2,000 ล้านบาท มิได้เกิดความเสียหายแก่ภาครัฐ อีกทั้งวัตถุประสงค์หลักของโครงการ คือ เพื่อให้เกิดการอนุรักษ์พลังงาน "ผ่านทางการสนับสนุนช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในการซื้อหาอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าประสิทธิภาพสูง" ซึ่งโครงการนี้ได้บรรลุวัตถุประสงค์ดังกล่าวแล้ว กล่าวคือ แทนที่ผู้ประสบอุทกภัยจะต้องไปหาซื้ออุปกรณ์ไฟฟ้าที่ไม่ได้มีส่วนช่วยในการอนุรักษ์พลังงาน แต่โครงการนี้ได้ก่อให้เกิดการสนับสนุนให้มีการใช้อุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าประสิทธิภาพสูง ช่วยในการอนุรักษ์พลังงานและบรรเทาภาระแก่ผู้ประสบอุทกภัย
7. สนพ. จึงได้ชี้แจงประเด็นการตรวจสอบของ สตง. ตามที่ พพ. ได้ชี้แจง และ สตง. ได้มีหนังสือ ลงวันที่ 29 มิถุนายน 2555 ถึงประธานกรรมการกองทุนฯ แจ้งความเห็นว่า คณะกรรมการกองทุนฯ ได้ดำเนินการตามข้อเสนอแนะของ สตง. เฉพาะเรื่องการแจ้งให้ พพ. ชะลอการเบิกจ่ายเงินเท่านั้น แต่ยังมิได้มีการพิจารณาทบทวนการจัดสรรเงินกองทุนฯ จำนวน 2,000 ล้านบาท ให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของกองทุนฯ
8. สนพ. ได้ประชุมร่วมกับ พพ. เพื่อพิจารณาแนวทางในการชี้แจงข้อเท็จจริงตามข้อทักท้วงดังกล่าว โดย สนพ. ได้ร่างหนังสือชี้แจง สตง. เพิ่มเติม และขอให้นางสาวพวงเพชร สารคุณ ซึ่งเป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านกฎหมายของกองทุนฯ ตรวจทานแก้ไขแล้ว และเสนอประธานกรรมการกองทุนฯ เพื่อพิจารณาข้อเสนอแนวทางการชี้แจง สตง. ทราบถึงการจัดสรรเงินกองทุนฯ ในโครงการมหกรรมสินค้าเบอร์ 5 เยียวยาผู้ประสบอุทกภัย โดย 1) แจ้งเวียนให้คณะกรรมการกองทุนฯ ทราบและให้ความเห็น หรือ 2) จัดประชุมคณะกรรมการกองทุนฯ เพื่อรับทราบและให้ความเห็น หรือ 3) ลงนามในหนังสือชี้แจง สตง. เพิ่มเติม ซึ่งประธานกรรมการกองทุนฯ ได้ลงนามในหนังสือชี้แจง สตง. เพิ่มเติม
9. เนื่องจากมีผู้แทนจากกลุ่มร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการได้ยื่นหนังสือร้องเรียนที่ พพ. เมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2555 เพื่อขอให้ พพ. นำเรียนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานทราบถึงความเดือดร้อนเกี่ยวกับความล่าช้าในการเบิกจ่ายเงินคูปอง และขอความชัดเจนเกี่ยวกับขั้นตอนการแก้ไขปัญหาดังกล่าว โดยมีข้อร้องเรียน จำนวน 2 ข้อ ดังนี้
1) หากการชี้แจงต่อ สตง. ไม่เป็นผล ขอให้กำหนดแผนและวันที่ร้านค้าจะได้รับเงินคืนจากงบประมาณอื่นของรัฐบาลและจัดส่งเอกสารชี้แจงให้ร้านค้าทราบทุกราย
2) ขอให้บรรเทาความเสียหายจากต้นทุนดอกเบี้ยของร้านค้า
10. เพื่อเป็นการบรรเทาปัญหาของร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการมหกรรมสินค้าเบอร์ 5 เยียวยาผู้ประสบอุทกภัย ฝ่ายเลขานุการฯ จึงขอเสนอคณะกรรมการกองทุนฯ เพื่อพิจารณาแนวทางแก้ไขปัญหาแนวทางใดแนวทางหนึ่ง ดังนี้
1) พิจารณาอนุมัติให้ พพ. เบิกจ่ายเงินกองทุนฯ ให้กับร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการฯ ที่ผ่านการตรวจสอบและรอสั่งจ่าย ภายใต้โครงการมหกรรมสินค้าเบอร์ 5 เยียวยาผู้ประสบอุทกภัย หรือ
2) พิจารณาอนุมัติการจ่ายเงินแก่ร้านค้าในเบื้องต้นก่อน เพื่อเยียวยาแก่ร้านค้าโดยเร็ว ทั้งนี้หาก สตง. มีความเห็นตามมาในภายหลังว่าไม่สามารถใช้เงินกองทุนฯ ได้ และได้ข้อยุติตามข้อโต้แย้งจากหน่วยงานที่มีอำนาจพิจารณาวินิจฉัยประเด็นปัญหาข้อกฎหมาย จึงควรเสนอรัฐบาลจัดสรรงบประมาณส่วนอื่นมาคืนแก่กองทุนฯ ต่อไป หรือ
3) พิจารณาเสนอให้รัฐบาลจัดสรรงบประมาณในส่วนอื่น เพื่อมาดำเนินงานตามโครงการมหกรรมสินค้าเบอร์ 5 เยียวยาผู้ประสบอุทกภัย หรือ
4) แนวทางอื่นตามที่คณะกรรมการกองทุนฯ เห็นสมควร
การพิจารณาของที่ประชุม
ที่ประชุมได้พิจารณาทบทวนการจัดสรรเงินกองทุนฯ เพื่อดำเนินโครงการดังกล่าวแล้ว และมีความเห็นของกรรมการสรุปได้ดังนี้
1. ประธานกรรมการฯ ได้สอบถามฝ่ายเลขานุการฯ ถึงการจัดทำหนังสือชี้แจง สตง. ว่า ได้มีการพิจารณาร่วมกับหน่วยงานทางด้านกฎหมายของกระทรวงพลังงาน หรือของรัฐหรือไม่ ซึ่งเลขานุการฯ ได้ชี้แจงว่า หนังสือชี้แจง สตง. ได้ผ่านการพิจารณาของนักกฎหมายภายใน สนพ. และ พพ. แล้ว นอกจากนี้ ยังได้หารือและพิจารณาร่วมกับนางสาวพวงเพชร สารคุณ ซึ่งเป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านกฎหมายของกองทุนฯ ด้วย
2. นางสาวพวงเพชร สารคุณ ได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบว่า หนังสือชี้แจง สตง. ที่ฝ่ายเลขานุการฯ ร่างขึ้นนั้น ได้ทำการชี้แจงข้อทักท้วงของ สตง. อย่างชัดเจนแล้ว อย่างไรก็ตาม หาก สตง. ยังมีความเห็นว่า การชี้แจงไม่มีน้ำหนักและความชัดเจนเพียงพอ ก็ควรจะให้หน่วยงานกลางร่วมพิจารณาและให้ความเห็น เพื่อความรอบคอบยิ่งขึ้น จึงเสนอแนะให้ฝ่ายเลขานุการฯ จัดส่งเรื่องดังกล่าวไปยังสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาวินิจฉัยต่อไป แต่โดยส่วนตัวแล้วเห็นว่า การอนุมัติเงินกองทุนฯ เพื่อดำเนินโครงการมหกรรมสินค้าเบอร์ 5 เยียวยาผู้ประสบอุทกภัย อยู่ในอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการกองทุนฯ
3. ประธานกรรมการฯ เห็นว่าแนวทางแก้ไขตามข้อเสนอที่ 5.2 "พิจารณาอนุมัติการจ่ายเงินแก่ร้านค้าในเบื้องต้นก่อน เพื่อเยียวยาแก่ร้านค้าโดยเร็ว ทั้งนี้หาก สตง. มีความเห็นตามมาในภายหลังว่าไม่สามารถใช้เงินกองทุนฯ ได้ และได้ข้อยุติตามข้อโต้แย้งจากหน่วยงานที่มีอำนาจพิจารณาวินิจฉัยประเด็นปัญหาข้อกฎหมาย จึงควรเสนอรัฐบาลจัดสรรงบประมาณส่วนอื่นมาคืนแก่กองทุนฯ ต่อไป" น่าจะเป็นแนวทางที่เหมาะสมที่สุด
4. ผู้แทนอธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง ได้สอบถามในที่ประชุมว่า หากคณะกรรมการกองทุนฯ มีมติอนุมัติการจ่ายเงินแก่ร้านค้าในเบื้องต้นก่อน ตามข้อเสนอ 5.2 ความรับผิดชอบจะอยู่ที่คณะกรรมการกองทุนฯ หรือรัฐบาล เนื่องจาก สตง. ได้มีข้อทักท้วงในเรื่องการใช้เงินกองทุนฯ ไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์ไว้อย่างชัดเจน
5. ประธานกรรมการฯ เห็นว่า การดำเนินการใดๆ จะต้องร่วมรับผิดชอบด้วยกันทั้งสิ้น และเสนอที่ประชุมพิจารณาความเป็นไปได้ตามแนวทางที่ 5.2 เนื่องจากเห็นว่า การใช้เงินกองทุนฯ เป็นอำนาจและหน้าที่ของคณะกรรมการกองทุนฯ ซึ่งได้ทำการพิจารณาจัดสรรเงินกองทุนฯ เพื่อดำเนินโครงการดังกล่าวอย่างถูกต้อง และสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล ดังนั้นผู้เข้าร่วมโครงการสมควรจะได้รับการชำระเงินจากกองทุนฯ โดยจะเสนอรัฐบาลจัดหางบประมาณส่วนอื่นมาคืนแก่กองทุนฯ ก็ต่อเมื่อ สตง. ยังมีความเห็นตามมาในภายหลังว่าไม่สามารถใช้เงินกองทุนฯ ได้ แต่ทั้งนี้หากเกิดกรณีที่รัฐบาลไม่สามารถจัดหางบประมาณส่วนอื่นมาคืนแก่กองทุนฯ ได้ จะมีแนวทางแก้ไขปัญหานี้ต่อไปอย่างไร
6. นายพรายพล คุ้มทรัพย์ เห็นว่า จากแนวทางการปฏิบัติของคณะกรรมการกองทุนฯ ที่ผ่านมา ได้มีการจัดสรรเงินกองทุนฯ เพื่อช่วยเหลือเอกชน เจ้าของอาคาร/โรงงานในการดำเนินงานด้านอนุรักษ์พลังงาน ในลักษณะเช่นเดียวกับโครงการนี้ ซึ่งในกรณีนี้เป็นเจ้าของอาคาร/ครัวเรือน ไม่น่าจะมีปัญหาเกี่ยวกับการปฏิบัติ เนื่องจากวัตถุประสงค์ของการใช้จ่ายเงินกองทุนฯ เพื่อเป็นการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน และโครงการดังกล่าวเป็นการสนับสนุนครัวเรือนที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยในการเลือกซื้ออุปกรณ์/เครื่องใช้ประสิทธิภาพสูง ซึ่งเป็นสินค้าเบอร์ 5 จึงเห็นว่า การใช้จ่ายเงินกองทุนฯ เพื่อดำเนินโครงการฯ ได้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของ พ.ร.บ. การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานแล้ว แต่อย่างไรก็ตาม หากคณะกรรมการกองทุนฯ ได้อนุมัติการจ่ายเงินแก่ร้านค้าในเบื้องต้นก่อน ตามแนวทางในข้อเสนอที่ 5.2 และให้หน่วยงานที่มีอำนาจพิจารณาวินิจฉัยประเด็นปัญหาข้อกฎหมาย หากหน่วยงานนั้นมีความเห็นเช่นเดียวกับ สตง. จะมีสิ่งใดมายืนยันหรือรับรองได้ว่ารัฐบาลจะพิจารณาและจัดสรรงบประมาณส่วนอื่นมาคืนแก่กองทุนฯ เพราะหากไม่มีการยืนยัน คณะกรรมการกองทุนฯ จะต้องรับผิดชอบในส่วนของความเสียหายที่เกิดขึ้น และเห็นด้วยกับแนวทางในข้อ 5.2 เนื่องจากร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการได้รับความเดือดร้อน ดังนั้น หากสามารถเร่งรัดให้มีการเบิกจ่ายเงินได้ก่อนก็จะเป็นการบรรเทาปัญหาของร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการได้
7. ประธานกรรมการฯ ได้เสนอว่า หากที่ประชุมเห็นว่าข้อ 5.2 เป็นแนวทางที่เหมาะสม คณะกรรมการกองทุนฯ จะมีความเห็นเพิ่มเติมในประเด็นอื่นอีกหรือไม่
8. ผู้แทนปลัดกระทรวงการคลัง ได้สอบถามถึงความเป็นไปได้ในการดำเนินการตามข้อ 5.2 และ หากจะดำเนินตามแนวทางในข้อ 5.3 "พิจารณาเสนอให้รัฐบาลจัดสรรงบประมาณในส่วนอื่น เพื่อมาดำเนินงานตามโครงการมหกรรมสินค้าเบอร์ 5 เยียวยาผู้ประสบอุทกภัย" กระทรวงพลังงานมีงบประมาณส่วนอื่นรองรับไว้หรือไม่ นอกจากนี้ เมื่อพิจารณาในส่วนของการใช้จ่ายเงินกองทุนฯ ตาม พ.ร.บ.การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานแล้ว ไม่ข้อใดที่กำหนดไว้อย่างชัดเจนว่าสามารถใช้เงินกองทุนฯ สำหรับการดำเนินโครงการในลักษณะนี้ได้ ดังนั้น จึงเห็นด้วยที่จะนำเรื่องนี้ไปหารือสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
9. ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน (พล.ต.ท.วิเชียรโชติ สุกโชติรัตน์) เห็นว่าการที่ สตง. ให้ความเห็นว่าการจัดสรรเงินกองทุนฯ ไม่เป็นไปตามมาตรา 25 (2) ซึ่งกำหนดไว้ "เพื่อเป็นเงินหมุนเวียน เงินช่วยเหลือ หรือเงินอุดหนุนแก่เอกชนสำหรับการลงทุนและดำเนินการอนุรักษ์พลังงาน หรือเพื่อการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมจากการอนุรักษ์พลังงาน" เป็นการพิจารณาที่ไม่ครบวงจร เนื่องจากกองทุนฯ ไม่สามารถให้เงินช่วยเหลือแก่เอกชนได้ ดังนั้น กองทุนฯ จึงได้จัดสรรเงินให้ พพ. และ พพ. นำไปช่วยเหลือหรือสนับสนุนแก่เอกชน ซึ่งผู้ที่ได้รับและใช้เงิน คือ เอกชน ดังนั้น พพ. ควรจะชี้แจงในประเด็นดังกล่าวด้วย
10. ปลัดกระทรวงพลังงาน ได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบว่า ตาม พ.ร.บ. การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535 ได้มีการจัดตั้งกองทุนเพื่อนำมาใช้ในการดำเนินงานด้านอนุรักษ์พลังงาน และที่ผ่านมาตั้งแต่ปี 2535 หน่วยงานที่รับจัดสรรเงินจากกองทุนฯ โดยตรง คือ พพ. และ สนพ. และทั้ง 2 หน่วยงานจะนำไปสนับสนุน ช่วยเหลือ หรือจัดสรรให้หน่วยงานผู้ดำเนินโครงการ ซึ่งเป็นแนวทางการปฏิบัติที่กองทุนฯ ได้ดำเนินการมาโดยตลอด และไม่เคยมีข้อทักท้วงว่าดำเนินการไม่ถูกต้อง เช่น การจัดสรรเงินกองทุนฯ เพื่อดำเนินโครงการเกี่ยวกับหลอดไฟฟ้า เบอร์ 5 ที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เป็นผู้ดำเนินโครงการ โดยนำหลอดประหยัดไฟไปเปลี่ยนให้กับประชาชน ซึ่งเป็นผู้รับประโยชน์โดยตรง แต่ดำเนินงานผ่าน กฟผ. ซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐ ที่ดำเนินโครงการให้รัฐบาล
11. ประธานกรรมการฯ ได้เสนอที่ประชุมว่า หากคณะกรรมการกองทุนฯ มีความเชื่อว่าได้ดำเนินการอย่างถูกต้องแล้ว น่าจะดำเนินการตามแนวทางข้อ 5.2 ได้ แต่ทั้งนี้ผู้ที่จะพิจารณาให้ความเห็นชอบต่อไป คงจะต้องให้รัฐบาลเป็นผู้พิจารณา ซึ่งหากรัฐบาลเห็นชอบให้จ่ายเงินแก่ร้านค้าในเบื้องต้นก่อน แล้วถูกทักท้วงในภายหลังว่าไม่สามารถจ่ายเงินได้ รัฐบาลก็จะต้องจัดสรรงบประมาณในส่วนอื่นมาคืนแก่กองทุนฯ ซึ่งหากเป็นเช่นนี้ คณะกรรมการกองทุนฯ มีข้อกังวลอื่นเพิ่มเติมอีกหรือไม่
12. เลขานุการฯ ได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบเพิ่มเติมว่า สนพ. ได้จัดทำหนังสือชี้แจง สตง. ฉบับที่ 2 ไปแล้ว และ สตง. ยังไม่มีหนังสือแจ้งตอบกลับมา อย่างไรก็ตาม เพื่อให้ได้แนวทางการปฏิบัติในการแก้ไขปัญหาของการดำเนินโครงการดังกล่าว จึงขอนำมาเสนอคณะกรรมการกองทุนฯ พิจารณาทบทวนการจัดสรรเงินกองทุนฯ ตามข้อทักท้วงของ สตง. อีกครั้ง
13. ผู้แทนอธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง เห็นว่า หากที่ประชุมเลือกแนวทางข้อ 5.2 และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาวินิจฉัยว่าไม่สามารถเบิกจ่ายเงินกองทุนฯ ได้ เรื่องดังกล่าวจะต้องถูกนำกลับมาพิจารณาที่คณะกรรมการกองทุนฯ อีกครั้ง ดังนั้น หากพิจารณาแนวทางข้อ 5.3 "พิจารณาเสนอให้รัฐบาลจัดสรรงบประมาณในส่วนอื่น เพื่อมาดำเนินงานตามโครงการมหกรรมสินค้าเบอร์ 5 เยียวยาผู้ประสบอุทกภัย"โดยคณะกรรมการกองทุนฯ ยังไม่อนุมัติให้เบิกจ่ายเงินแก่ร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการ และในขณะที่ร้านค้ามีความเสียหายจากอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น มีความเป็นไปได้หรือไม่ที่รัฐบาลจะจัดหางบประมาณในส่วนอื่นมาจ่ายให้แก่ร้านค้า พร้อมดอกเบี้ยที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ร้านค้ายังไม่ได้รับการชำระเงิน
14. ประธานกรรมการฯ ได้สอบถามฝ่ายเลขานุการฯ ถึงข้อเรียกร้องเรื่องอัตราดอกเบี้ยจากร้านค้า ซึ่งเลขานุการฯ ได้ชี้แจงว่า กลุ่มร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการได้ยื่นหนังสือร้องเรียนที่ พพ. โดยมีข้อร้องเรียน 2 ข้อ คือ 1) หากการชี้แจงต่อ สตง. ไม่เป็นผล ขอให้กำหนดแผนและวันที่ร้านค้าจะได้รับเงินคืนจากงบประมาณอื่นของรัฐบาลและจัดส่งเอกสารชี้แจงให้ร้านค้าทราบทุกราย และ 2) ขอให้บรรเทาความเสียหายจากต้นทุนดอกเบี้ยของร้านค้า ทั้งนี้ ประธานกรรมการฯ จึงเห็นว่า เพื่อเป็นการบรรเทาความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่ร้านค้า ให้ฝ่ายเลขานุการฯ รีบนำเรื่องนี้เสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในวันที่ 21 สิงหาคม 2555
15. ปลัดกระทรวงพลังงาน มีความเห็นว่า หากการพิจารณาจัดสรรเงินกองทุนฯ เพื่อดำเนินโครงการนี้ไม่ถูกต้อง และไม่สามารถเบิกจ่ายเงินได้ แสดงว่าการจัดสรรเงินกองทุนฯ เพื่อดำเนินโครงการต่างๆ ที่ผ่านมา ก็ไม่ถูกต้องเช่นเดียวกัน ดังนั้น น่าจะพิจารณาที่เจตนารมณ์ของการใช้จ่ายเงินกองทุนฯ ตาม พ.ร.บ.การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน คือ การใช้เงินเพื่อการอนุรักษ์พลังงาน และประเทศชาติได้ประโยชน์จากการประหยัดพลังงานอย่างแท้จริง
16. ประธานกรรมการฯ มีความเห็นว่า ในแนวทางการปฏิบัติของคณะกรรมการกองทุนฯ เพื่อพิจารณาจัดสรรเงินฯ ได้นำข้อกฎหมายมาพิจารณาด้วยแล้ว จึงจะจัดสรรเงินกองทุนฯ ให้หน่วยงานดำเนินโครงการได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อมีปัญหาด้านการเบิกจ่ายเงินให้ร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการ ตามข้อทักท้วงของ สตง. คณะกรรมการกองทุนฯ ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้จัดทำหนังสือชี้แจงไปแล้ว แต่เนื่องด้วยการดำเนินโครงการนี้มีผู้ที่เกี่ยวข้องและได้เข้าร่วมโครงการเป็นจำนวนมากและเข้าร่วมด้วยความเต็มใจ ซึ่งกำลังรอรับการชำระเงินจากกองทุนฯ อยู่ ดังนั้น เมื่อพิจารณาตามกรอบการดำเนินงานของกองทุนฯ ซึ่งเห็นว่าเป็นไปตามมาตรา 25 ใน พ.ร.บ.การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ก็ควรที่จะจ่ายเงินได้ แต่หาก สตง. ยังยืนยันว่าไม่สามารถเบิกจ่ายเงินได้ ก็ให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบประเด็นปัญหาที่เกิดขึ้น และทราบถึงความเห็นและข้อเสนอในแนวทางแก้ไขของคณะกรรมการกองทุนฯ ที่เห็นว่าการจัดสรรเงินกองทุนฯ ได้มีการพิจารณาและดำเนินการอย่างถูกต้องและสอดคล้องตามนโยบายของรัฐบาล จึงเห็นควรอนุมัติการจ่ายเงินแก่ร้านค้าในเบื้องต้นก่อน เพื่อเยียวยาแก่ร้านค้าโดยเร็ว ทั้งนี้หาก สตง. มีความเห็นตามมาในภายหลังว่าไม่สามารถใช้เงินกองทุนฯ ได้ และมีข้อยุติตามข้อโต้แย้งจากหน่วยงานที่มีอำนาจพิจารณาวินิจฉัยประเด็นปัญหาข้อกฎหมาย จึงจะเสนอรัฐบาลพิจารณาจัดสรรงบประมาณส่วนอื่นมาคืนแก่กองทุนฯ ต่อไป ซึ่งหากคณะรัฐมนตรีได้พิจารณาแล้วและไม่เห็นด้วยตามความเห็นของคณะกรรมการกองทุนฯ ก็จะต้องนำเรื่องดังกล่าวกลับมาพิจารณาที่คณะกรรมการกองทุนฯ อีกครั้ง แต่หากคณะรัฐมนตรีเห็นชอบ หน่วยงานและร้านค้าสามารถทำการเบิกจ่ายเงินได้ภายในวันที่ 22 สิงหาคม 2555
17. ปลัดกระทรวงพลังงาน ได้เสนอให้ฝ่ายเลขานุการฯ รีบจัดทำหนังสือหารือไปยังสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเพื่อให้ความเห็นในเรื่องดังกล่าวโดยเร็ว และเพื่อความรอบคอบให้นำความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกามาประกอบการพิจารณาของคณะรัฐมนตรีต่อไปด้วย
18. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน มีความเห็นว่าการอนุมัติเงินกองทุนฯ เพื่อดำเนินโครงการมหกรรมสินค้าเบอร์ 5 เยียวยาผู้ประสบอุทกภัย มิได้ดำเนินการโดยพลการ เนื่องจากตามโครงสร้างคณะกรรมการกองทุนฯ มีผู้ทรงคุณวุฒิทางด้านกฎหมายด้วย อย่างไรก็ตาม ยังมีความกังวลในข้อทักท้วงของ สตง. ในประเด็นการจัดสรรเงินไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของกองทุนฯ ซึ่งหากเป็นเช่นนี้ มีเงินที่กองทุนฯ ได้จ่ายไปแล้ว จำนวน 317 ล้านบาท รวมทั้งหากมีผลการวินิจฉัยของคณะกรรมการกฤษฎีกาเห็นว่าไม่ถูกต้อง จะต้องดำเนินการต่อไปอย่างไร ทั้งนี้ได้ขอสรุปผลการพิจารณาของที่ประชุม คือ ให้ฝ่ายเลขานุการฯ จัดทำหนังสือขอหารือไปยังคณะกรรมการกฤษฎีกาเพื่อให้ความเห็นโดยเร็ว พร้อมทั้งนำเรื่องดังกล่าวเสนอคณะรัฐมนตรีทราบประเด็นปัญหาที่เกิดขึ้น รวมถึงความเห็นและข้อเสนอในแนวทางแก้ไขของคณะกรรมการกองทุนฯ ที่เห็นว่าการจัดสรรเงินกองทุนฯ ได้มีการพิจารณาและดำเนินการอย่างถูกต้องและสอดคล้องตามนโยบายของรัฐบาล จึงเห็นชอบตามแนวทางข้อ 5.2 และคาดว่าภายในสัปดาห์ต่อไปจะสามารถเบิกจ่ายเงินกองทุนฯ ให้แก่ร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการได้
19. ผู้แทนอธิบดีกรมบัญชีกลาง ได้เพิ่มเติมว่า เมื่อได้ข้อวินิจฉัยในด้านกฎหมายว่าคณะกรรมการกองทุนฯ มีอำนาจตามมาตรา 25 ก่อนนำเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อสั่งจ่ายเงินกองทุนฯ ควรมีหนังสือถึง สตง. แจ้งให้ทราบถึงข้อวินิจฉัยของคณะกรรมการกฤษฎีกา พร้อมเหตุผลความจำเป็นที่จะต้องมีการจ่ายเงินให้แก่ร้านค้าในเบื้องต้นก่อน เพื่อเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนของร้านค้า หรือแนบข้อวินิจฉัยของคณะกรรมการกฤษฎีกาไปพร้อมกับเรื่องที่เสนอคณะรัฐมนตรี
20. อธิบดีกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน มีความเห็นว่า หากฝ่ายเลขานุการฯ หารือไปยังคณะกรรมการกฤษฎีกา และคณะกรรมการกฤษฎีกาได้พิจารณาแล้วมีความเห็นว่าสามารถเบิกจ่ายเงินกองทุนฯ ได้ ก็ไม่จำเป็นต้องนำเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี เนื่องจากได้ดำเนินการถูกต้องแล้ว ดังนั้น คณะกรรมการกองทุนฯ สามารถอนุมัติให้มีการเบิกจ่ายเงินกองทุนฯ ได้ ซึ่งไม่ต้องกังวลในเรื่องความเสียหายที่เกิดจากต้นทุนดอกเบี้ยของร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการ
21. นางสาวพวงเพชร สารคุณ ได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบว่า ในการพิจารณาของคณะกรรมการกฤษฎีกา จะมีหนังสือเชิญ สตง. มาให้ความเห็น พร้อมกับผู้ชี้แจง ดังนั้น จึงไม่จำเป็นต้องจัดทำหนังสือแจ้ง สตง. ทราบ และเมื่อคณะกรรมการกฤษฎีกาวินิจฉัยว่าคณะกรรมการกองทุนฯ ปฏิบัติถูกต้องแล้ว ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องนำเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณา
22. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ได้สอบถามในที่ประชุมเพิ่มเติมว่า เมื่อได้มีการเบิกจ่ายเงินกองทุนในโครงการฯ ไปแล้ว จำนวน 317 ล้านบาท หน่วยงานยังจะสามารถจ่ายเงินให้แก่ร้านค้าต่อไปได้หรือไม่ เนื่องจาก สตง. เห็นว่าเป็นการใช้เงินผิดประเภท เงินที่ได้เบิกจ่ายไปแล้วก็ผิดด้วย ดังนั้น ในการแก้ไขปัญหาการเบิกจ่ายเงินกองทุนฯ ต้องรวมถึงการแก้ไขจำนวนเงินที่ได้เบิกจ่ายไปแล้วด้วย ซึ่งนางสาวพวงเพชร สารคุณ ได้ชี้แจงว่า เมื่อมีข้อทักท้วงจาก สตง. จึงไม่มีเหตุผลใดที่จะต้องรีบเบิกจ่ายเงิน และควรจะรอให้ได้ข้อยุติก่อนจึงจะสามารถดำเนินการต่อไปได้
23. อธิบดีกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน เห็นว่า การเสนอเรื่องให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาก็เพื่อขอให้มีการเบิกจ่ายเงินให้แก่ร้านค้าในเบื้องต้นก่อน แต่หากผลการพิจารณาของคณะกรรมการกฤษฎีกาเห็นว่าไม่สามารถเบิกจ่ายเงินกองทุนฯ ได้ จะเป็นไปได้หรือไม่ที่จะให้คณะรัฐมนตรีมีมติในหลักการไว้ว่าจะจัดสรรงบประมาณส่วนอื่นมาคืนแก่กองทุนฯ ต่อไป
24. ผู้แทนอธิบดีกรมบัญชีกลาง เห็นว่า สิ่งที่กรรมการกังวลคือประเด็นด้านกฎหมายที่ สตง. ทักท้วง หากคณะกรรมการกฤษฎีกาวินิจฉัยแล้วเห็นว่า คณะกรรมการกองทุนฯ ปฏิบัติถูกต้องตามมาตรา 25 ของ พ.ร.บ. การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ก็สามารถดำเนินการเบิกจ่ายได้ตามภาระผูกพันที่มีอยู่ โดยไม่จำเป็นต้องเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณา แต่ในกรณีที่กองทุนฯ จำเป็นต้องใช้เวลาเพื่อให้ได้ความชัดเจนทางด้านกฎหมาย และมีความเสียหายเกิดขึ้น โดยจะเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณานั้น ซึ่งในความเห็นส่วนตัวคิดว่า ควรให้ได้ข้อยุติในระดับกรรมการกองทุนฯ และควรจะเสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาก็ต่อเมื่อได้ข้อสรุปเรียบร้อยแล้วว่าสามารถเบิกจ่ายเงินกองทุนฯ ได้หรือไม่ ส่วนประเด็นที่มีความเสียหายเนื่องจากกองทุนฯ ต้องใช้เวลาเพื่อให้เกิดความชัดเจนในข้อวินิจฉัยทางกฎหมายดังกล่าว คงต้องเร่งรัดขอความเห็นทางกฎหมายจากคณะกรรมการกฤษฎีกาว่าสามารถเบิกจ่ายเงินกองทุนฯ ได้หรือไม่ สำหรับประเด็นทักท้วงของ สตง. ในประเด็นที่ 2 และ 3 นั้น เห็นว่าเป็นประเด็นในเรื่องการบริหารจัดการ ซึ่งกองทุนฯ สามารถจัดการเองได้ ไม่จำเป็น ต้องเสนอคณะรัฐมนตรี นอกจากนี้หากต้องการความชัดเจนอาจขอเป็นมติของที่ประชุมคณะรัฐมนตรีว่า หากคณะกรรมการกฤษฎีกาวินิจฉัยว่าเป็นไปตามข้อกฎหมายในมาตรา 25 ก็สามารถเบิกจ่ายได้ตามภาระผูกพันที่มี
25. ประธานกรรมการฯ ได้สรุปความเห็นของที่ประชุมว่า ให้ฝ่ายเลขานุการฯ นำเรื่องนี้เสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป อย่างไรก็ตามการแก้ปัญหาในเรื่องนี้อาจมีความล่าช้าเกิดขึ้น ซึ่งนำไปสู่ความเสียหายของร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการ จึงขอสรุปเป็นมติของที่ประชุม ดังนี้
(1) ให้ฝ่ายเลขานุการฯ นำประเด็นความเห็นและข้อทักท้วงของ สตง. เสนอหน่วยงานที่มีอำนาจพิจารณาวินิจฉัยประเด็นปัญหาข้อกฎหมาย โดยให้นำความเห็นดังกล่าวเสนอคณะกรรมการกฤษฎีกา เพื่อวินิจฉัยว่าการอนุมัติงบประมาณกองทุนฯ โครงการมหกรรมสินค้าเบอร์ 5 ช่วยเยียวยาผู้ประสบอุทกภัย ของคณะกรรมการกองทุนฯ เป็นไปโดยถูกต้อง และหากคณะกรรมการกฤษฎีกาวินิจฉัยว่าการดำเนินการเป็นไปอย่างถูกต้อง ให้ พพ. ดำเนินการเบิกจ่ายเงินกองทุนฯ ให้กับร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการต่อไป
(2) ให้ฝ่ายเลขานุการฯ นำประเด็นความเห็นและข้อทักท้วงของ สตง. เสนอให้คณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอนุมัติการจ่ายเงินแก่ร้านค้าในเบื้องต้นก่อน เพื่อเยียวยาแก่ร้านค้าโดยเร็ว ทั้งนี้ หาก สตง. มีความเห็นตามมาในภายหลังว่าไม่สามารถใช้เงินกองทุนฯ ได้ และได้ข้อยุติตามข้อโต้แย้งจากหน่วยงานที่มีอำนาจพิจารณาวินิจฉัยประเด็นปัญหาข้อกฎหมาย ขอให้รัฐบาลจัดสรรงบประมาณส่วนอื่นมาคืนแก่กองทุนฯ ต่อไป
มติที่ประชุม
ที่ประชุมได้พิจารณาทบทวนการจัดสรรเงินกองทุนฯ เพื่อดำเนินโครงการดังกล่าวแล้ว และเห็นว่าการจัดสรรเงินกองทุนฯ ถูกต้อง เป็นไปตามวัตถุประสงค์ตามมาตรา 25 ของ พ.ร.บ. การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน แล้ว จึงมีมติ ดังนี้
1. ให้ฝ่ายเลขานุการฯ นำประเด็นความเห็นและข้อทักท้วงของ สตง. เสนอหน่วยงานที่มีอำนาจพิจารณาวินิจฉัยประเด็นปัญหาข้อกฎหมาย โดยให้นำความเห็นดังกล่าวเสนอคณะกรรมการกฤษฎีกา เพื่อวินิจฉัยว่าการอนุมัติงบประมาณกองทุนฯ โครงการมหกรรมสินค้าเบอร์ 5 ช่วยเยียวยาผู้ประสบอุทกภัย ของคณะกรรมการกองทุนฯ เป็นไปโดยถูกต้อง และหากคณะกรรมการกฤษฎีกาวินิจฉัยว่าการดำเนินการเป็นไปอย่างถูกต้อง ให้ พพ. ดำเนินการเบิกจ่ายเงินกองทุนฯ ให้กับร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการต่อไป
2. ให้ฝ่ายเลขานุการฯ นำประเด็นความเห็นและข้อทักท้วงของ สตง. เสนอให้คณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอนุมัติการจ่ายเงินแก่ร้านค้าในเบื้องต้นก่อน เพื่อเยียวยาแก่ร้านค้าโดยเร็ว ทั้งนี้ หาก สตง. มีความเห็นตามมาในภายหลังว่าไม่สามารถใช้เงินกองทุนฯ ได้ และได้ข้อยุติตามข้อโต้แย้งจากหน่วยงานที่มีอำนาจพิจารณาวินิจฉัยประเด็นปัญหาข้อกฎหมาย ขอให้รัฐบาลจัดสรรงบประมาณส่วนอื่นมาคืนแก่กองทุนฯ ต่อไป
ประมาณความต้องการพลังงานระยะยาว
ค่าพยากรณ์ความต้องการไฟฟ้า ชุด PDP2018