มติคณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน
ครั้งที่ 3/2544 (ครั้งที่ 24)
วันศุกร์ที่ 7 กันยายน 2544 เวลา 14.30 น.
ณ ห้องประชุม 501 ตึกบัญชาการ ทำเนียบรัฐบาล
1. รายงานการใช้จ่ายเงินกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน
4. ขออนุมัติค่าใช้จ่ายเพื่อเป็นส่วนลดค่าไฟฟ้าโครงการ "ประหยัดไฟกำไร 2 ต่อ"
6. โครงการฝึกอบรมเรื่อง การอนุรักษ์พลังงานในสถานประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs)
7. ขออนุมัติเงินสนับสนุนโครงการวิจัยภาระไฟฟ้า
9. ขออนุมัติเงินสนับสนุนโครงการผลิตปุ๋ยอินทรีย์และพลังงาน จังหวัดระยอง
11. การส่งเงินเข้ากองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานไม่ครบถ้วน
รองนายกรัฐมนตรี (นายพิทักษ์ อินทรวิทยนันท์) ประธานกรรมการ
เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์) กรรมการและเลขานุการ
เรื่องที่ 1 รายงานการใช้จ่ายเงินกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน
ฝ่ายเลขานุการฯ ได้รายงานการรับ-จ่ายเงินกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน สิ้นสุด ณ วันที่ 31 กรกฎาคม 2544 ว่ามียอดเงินคงเหลือในบัญชีเงินฝากธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) เป็นเงินจำนวนทั้งสิ้น 13,677,775,898.70 ล้านบาท
มติที่ประชุม
ที่ประชุมรับทราบ
ฝ่ายเลขานุการฯ ได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบว่า ตามที่ได้มีหนังสือที่ นร 0905/ว 1548 ลงวันที่ 3 กรกฎาคม 2544 เพื่อเวียนขอความเห็นชอบจากคณะกรรมการกองทุนฯ ครั้งที่ 1/2544 (ครั้งที่ 5) เพื่อพิจารณาอนุมัติเงินกองทุนฯ แผนงานภาคความร่วมมือ โครงการส่งเสริมการใช้พลังงานหมุนเวียน ให้ กรมส่งเสริมการเกษตร (กสก.) เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมในโครงการส่งเสริมการผลิตก๊าซชีวภาพในฟาร์มเลี้ยงสัตว์ ส่วนที่ 2 : เกษตรกรรายย่อย (ระยะที่ 2) ในส่วนเงินสนับสนุนผู้ร่วมโครงการฯ ในวงเงิน 19,696,800 บาท (สิบเก้าล้านหกแสนเก้าหมื่นหกพันแปดร้อยบาทถ้วน) โดย กสก. ไม่ขอรับเงินค่าบริหารโครงการฯ เพิ่มเติมนั้น
กรรมการกองทุนฯ ได้แจ้งผลการพิจารณาให้ฝ่ายเลขานุการฯ ทราบแล้วรวม 15 ท่าน และมีกรรมการ 4 ท่าน ที่ไม่ได้แจ้งผลการพิจารณา และฝ่ายเลขานุการฯ ได้แจ้งมติผลการพิจารณาให้เจ้าของโครงการฯ ทราบแล้ว ซึ่งสรุปผลการพิจารณาได้ดังนี้
(1) อนุมัติเงินกองทุนฯ แผนงานภาคความร่วมมือ โครงการส่งเสริมการใช้พลังงานหมุนเวียน ให้ กรมส่งเสริมการเกษตร (กสก.) เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมในโครงการส่งเสริมการผลิตก๊าซชีวภาพในฟาร์มเลี้ยงสัตว์ ส่วนที่ 2 : เกษตรกรรายย่อย (ระยะที่ 2) ในส่วนเงินสนับสนุนผู้ร่วมโครงการฯ ในวงเงิน 19,696,800 บาท (สิบเก้าล้านหกแสนเก้าหมื่นหกพันแปดร้อยบาทถ้วน)
(2) เห็นชอบให้ กสก. ปรับเพิ่ม/ลดกิจกรรมบางรายการให้สอดคล้องกับปริมาณงานเพิ่มขึ้น และสามารถถัวจ่ายเงินในส่วนค่าบริหารโครงการฯ ที่ได้รับการอนุมัติแล้วจากคณะกรรมการกองทุนฯ และคงเหลืออยู่ได้ตามที่เสนอมา ยกเว้น ค่าบริหารโครงการฯ กิจกรรมที่ 2 หมวดค่าตอบแทน รายการที่ 2.1-2.5 ให้การเบิกจ่ายอยู่ในอัตราที่เหมาะสมและเป็นไปตามระเบียบที่เกี่ยวข้อง
(3) วัสดุก่อสร้างและเครื่องมือต่างๆ ของโครงการฯ ให้ กสก. ส่งเสริมการใช้ของที่ผลิตขึ้นภายในประเทศ แทนการใช้ของที่ต้องนำเข้าจากต่างประเทศ เพื่อลดต้นทุนค่าก่อสร้างและสามารถดำเนินงานได้อย่างรวดเร็ว
มติที่ประชุม
รับรองมติคณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานในการเวียนขอความเห็นชอบ ครั้งที่ 1/2544 (ครั้งที่ 5)
ฝ่ายเลขานุการฯ ได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบว่า คณะกรรมการกองทุนฯ ในการประชุมเมื่อวันจันทร์ที่ 11 มิถุนายน 2544 ได้มีมติเห็นชอบแผนปฏิบัติการโครงการประชาสัมพันธ์ฯ ปีงบประมาณ 2544 ที่ปรับปรุงใหม่ พร้อมทั้งอนุมัติให้ สพช. นำงบประมาณโครงการประชาสัมพันธ์ ในส่วนที่ สพช. รับผิดชอบปี 2545 จำนวน 150 ล้านบาท มาสมทบเพื่อให้ดำเนินงานประชาสัมพันธ์ได้อย่างต่อเนื่องจนถึงสิ้นปีงบประมาณ 2545 โดยในปีงบประมาณ 2544 สพช. ได้ดำเนินกิจกรรมไปแล้ว 15 กิจกรรม เป็นเงินทั้งสิ้น 177,056,940.61 บาท และกำลังดำเนินการคัดเลือกอีก 6 กิจกรรม เป็นเงินประมาณ 23,500,000 บาท รวมเป็นเงินที่ใช้ไปทั้งสิ้น 200,556,940.61 บาท โดยเป็นงบประมาณปี 2544 จำนวน 150,000,000 บาท และงบประมาณปี 2545 จำนวน 50,556,940.61 บาท ดังนั้นจึงขอใช้งบประมาณปี 2545 ที่ได้รับอนุมัติให้นำมาสมทบใช้ในปี 2544 เพียงจำนวน 50,556,940.61 บาท
สำหรับแผนปฏิบัติการโครงการประชาสัมพันธ์ในปี 2545-2549 สพช. ได้กำหนดหลักเกณฑ์การสื่อสารโดยคำนึงถึงประเด็นใหม่ มีแรงจูงใจที่ดี สามารถวัดผลได้ มีผลกระทบในการรณรงค์ต่อประชาชนซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายหลักของโครงการและสร้างกระแสในหมู่ประชาชนและเปิดโอกาสให้เข้ามามีส่วนร่วมในการประหยัดพลังงานพร้อมทั้งเสนอแนะวิธีการอนุรักษ์พลังงานที่ได้ทำไปแล้วอย่างต่อเนื่อง เพื่อตอกย้ำให้ประชาชนเข้าใจและตระหนักถึงบทบาทสำคัญของตนที่มีส่วนในการช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจทั้งของตนเองและของประเทศ นอกจากนี้ ยังมีการใช้กิจกรรมรณรงค์สนับสนุนเพื่อกระตุ้นให้มีผลต่อการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการใช้พลังงานอีกด้วย โดยแผนปฏิบัติการโครงการประชาสัมพันธ์เพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานฯ ปี 2545-2549 มีรายละเอียดดังนี้
วัตถุประสงค์ของโครงการ
1. เพื่อสานต่อประเด็นรณรงค์ที่มีผลกระทบต่อประชาชนทั่วประเทศ ให้มีความต่อเนื่อง เพื่อทำให้โครงการฯ มีประสิทธิผลสูงสุด
2. เพื่อสร้างความภาคภูมิใจในการมีส่วนร่วมช่วยชาติประหยัดพลังงาน รวมถึงส่งผลดีในด้านการประหยัดค่าใช้จ่ายโดยตรงให้กับประชาชน
3. เพื่อกระตุ้นให้ประชาชน ลดการใช้พลังงานส่วนเกินในชีวิตประจำวันโดยทันทีและปฏิบัติให้เป็นนิสัยตลอดไป
4. เพื่อแนะนำวิธีประหยัดพลังงานในแนวทางต่างๆ ซึ่งสามารถนำไปปฏิบัติได้ทันทีและมีค่าใช้จ่ายน้อย
กลยุทธ์โดยรวม ประกอบด้วย
1) ใช้ยุทธวิธีสื่อสารถึงกลุ่มเป้าหมายในเชิงรุก (Targeting Hierarchy Approach)
2) สื่อสารภายใต้โครงการรวมพลังหาร 2 (Branding Concept)
3) สร้างสรรค์แคมเปญในรูปสื่อผสมผสาน (Integrated Communication)
กลยุทธ์ของแผนแต่ละปี
ปี 2545
โครงการสร้างเสริมความเข้าใจถึงผลของการประหยัดพลังงานที่มีต่อเศรษฐกิจของประเทศ
โครงการประหยัดไฟ กำไร 2 ต่อ (ระยะที่ 2)
โครงการรวมพลัง หยุดรถซดน้ำมัน (ระยะที่ 2)
กิจกรรมสนับสนุนเพื่อสร้างจิตสำนึก
การประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อมวลชน
ปี 2546
การประหยัดพลังงานในสาขาขนส่ง
ปี 2547-2578
โครงการอุปกรณ์มาตรฐานที่มีประสิทธิภาพด้านการประหยัดพลังงานและโครงการสัญลักษณ์ประหยัดพลังงาน
ปี 2549
โครงการรีไซเคิล เพื่อประหยัดพลังงาน
งบประมาณของแผน 5 ปี เป็นจำนวนเงิน 1,000 ล้านบาท ดังนี้
ปีงบประมาณ 2545 เป็นจำนวนเงิน 200 ล้านบาท
ปีงบประมาณ 2546 เป็นจำนวนเงิน 200 ล้านบาท
ปีงบประมาณ 2547-48 เป็นจำนวนเงิน 400 ล้านบาท
ปีงบประมาณ 2549 เป็นจำนวนเงิน 200 ล้านบาท
มติของที่ประชุม
1. รับทราบผลการดำเนินงานโครงการประชาสัมพันธ์ เพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ในส่วนที่ สพช. รับผิดชอบ ปีงบประมาณ 2544- 2545 โดยใช้งบประมาณทั้งสิ้น 200,556,940.61 บาท
2. เห็นชอบในหลักการตามแผนปฏิบัติการโครงการประชาสัมพันธ์ ในส่วนที่ สพช. รับผิดชอบ ปีงบประมาณ 2545 - 2549 ในวงเงิน 1,000 ล้านบาท
3. อนุมัติเงินกองทุนฯ แผนงานสนับสนุน โครงการประชาสัมพันธ์เพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ให้ สพช. เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการโครงการประชาสัมพันธ์ ปีงบประมาณ 2545 ในวงเงิน 200 ล้านบาท
4. ให้ สพช. ดำเนินการตามแผนฯ โดยให้คัดเลือกผู้รับจ้างดำเนินโครงการประชาสัมพันธ์ ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการพัสดุฯ และให้นำผลการคัดเลือกเสนอให้คณะอนุกรรมการกำกับดูแลแผนงานสนับสนุน พิจารณาอนุมัติต่อไป
เรื่องที่ 4 ขออนุมัติค่าใช้จ่ายเพื่อเป็นส่วนลดค่าไฟฟ้าโครงการ "ประหยัดไฟกำไร 2 ต่อ"
ฝ่ายเลขานุการฯ ได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบว่า คณะกรรมการกองทุนฯ ในการประชุมเมื่อ วันจันทร์ที่ 11 มิถุนายน 2544 มีมติเห็นชอบแผนปฏิบัติการโครงการประชาสัมพันธ์ เพื่อการอนุรักษ์พลังงาน ในส่วนที่ สพช. รับผิดชอบ ปีงบประมาณ 2544 ซึ่งประกอบด้วย 3 กิจกรรมหลัก ดังนี้
1) กิจกรรมที่ 1 ชุด "โปรโมทการแข่งขันประหยัดไฟฟ้า"
2) กิจกรรมที่ 2 ชุด "โปรโมทการแข่งขันการขับรถยนต์อย่างถูกวิธีเพื่อประหยัดน้ำมัน"
3) กิจกรรมที่ 3 ชุด "โปรโมทการเติมออกเทน 91"
โดยเห็นชอบสนับสนุนงบประมาณเพิ่มเติม จากงบประมาณที่คณะกรรมการกองทุนได้อนุมัติกรอบไว้ในแผนงานสนับสนุนอีกจำนวน 800 ล้านบาท สำหรับกิจกรรมที่ 1 "โปรโมทการแข่งขันประหยัดไฟฟ้า" เพื่อให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) และการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) ใช้เป็นส่วนลดค่าไฟฟ้าหรือแรงจูงใจอื่นที่ทำให้ประชาชนเข้าร่วมโครงการ โดยให้ สพช. ทำรายละเอียดโครงการเพื่อนำเสนอคณะกรรมการกองทุนฯ เพื่อพิจารณาต่อไป
กฟภ. และ กฟน. ขอรับการสนับสนุนจากกองทุนฯ ในการดำเนินโครงการ "ประหยัดไฟกำไร 2 ต่อ" เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการประชาสัมพันธ์และเป็นส่วนลดค่าไฟฟ้าให้กับผู้ใช้ไฟฟ้าในเขตพื้นที่จำหน่ายไฟฟ้าภูมิภาคและไฟฟ้านครหลวง โดย กฟภ. ขอรับการสนับสนุนในวงเงิน 408,999,000 บาท และ กฟน. ขอรับการสนับสนุนในวงเงิน 289,166,000 บาท
คณะอนุกรรมการฯ ในการประชุมเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 30 สิงหาคม 2544 ได้มีมติเห็นชอบโครงการและค่าใช้จ่ายที่ กฟภ. และ กฟน. เสนอ โดยมีข้อสังเกตในส่วนของการประชาสัมพันธ์โครงการว่าเห็นควรให้ กฟภ. และ กฟน. นำรูปแบบของสื่อต่างๆ ที่จะเผยแพร่ เสนอให้ สพช. พิจารณาปรับให้เป็นในแนวทางเดียวกัน ก่อนทำการผลิตและเผยแพร่ต่อไป
มติที่ประชุม
1. อนุมัติเงินกองทุนฯ แผนงานสนับสนุน โครงการประชาสัมพันธ์ ปีงบประมาณ 2545 เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายโครงการประหยัดไฟกำไร 2 ต่อ ในส่วนการประชาสัมพันธ์และส่วนลดค่าไฟฟ้าให้ กฟภ. และ กฟน. ดังนี้
1) ให้การสนับสนุน กฟภ. ในวงเงิน 408,999,000 บาท โดยแบ่งเป็น 2 ส่วน ดังนี้
ส่วนการประชาสัมพันธ์ ในวงเงิน 7,602,000 บาท
ส่วนลดค่าไฟฟ้า ให้เบิกจ่าย ตามเงินส่วนลดที่เกิดขึ้นระหว่างเดือนกันยายน 2544 - สิงหาคม 2545 ในวงเงิน 401,397,000 บาท
2) ให้การสนับสนุน กฟน. ในวงเงิน 289,166,000 บาท โดยแบ่งเป็น 2 ส่วน ดังนี้
ส่วนการประชาสัมพันธ์ ในวงเงิน 7,946,000 บาท
ส่วนลดค่าไฟฟ้า ให้เบิกจ่าย ตามจำนวนเงินส่วนลดที่เกิดขึ้นระหว่างเดือนกันยายน 2544 - สิงหาคม 2545 ในวงเงิน 281,220,000 บาท
2. เห็นชอบในหลักการในการอนุมัติเงินกองทุนฯ เพิ่มเติมให้แก่ กฟภ. และ กฟน. ในกรณีที่ส่วนลดค่าไฟฟ้าที่เกิดขึ้นจริง มีจำนวนเกินกว่า จำนวนที่ได้รับอนุมัติในข้อ 1
3. ให้ กฟภ. และ กฟน. นำรูปแบบของสื่อต่างๆ ที่จะเผยแพร่ เสนอให้ สพช. พิจารณาปรับให้เป็นในแนวทางเดียวกัน ก่อนทำการผลิตและเผยแพร่
ฝ่ายเลขานุการฯ ได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบว่า คณะกรรมการกองทุนฯ ในการประชุมเมื่อวันจันทร์ที่ 12 พฤษภาคม 2540 ได้อนุมัติเงินกองทุนฯ ให้ สพช. เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการบูรณาการกระบวนการศึกษาระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษา เรื่องการอนุรักษ์พลังงานและสิ่งแวดล้อม และให้ สพช. ดำเนินการร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ในวงเงิน 302,681,438 บาท
สพช. ได้ว่าจ้างสถาบันสิ่งแวดล้อมไทยดำเนินโครงการฯ โดยมีเป้าหมายในการจัดทำหลักสูตรและสื่อการศึกษาเรื่องการอนุรักษ์พลังงานและสิ่งแวดล้อม ในระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษา พร้อมทั้งฝึกหัดครูในโรงเรียนนำร่อง 600 โรงเรียนทั่วประเทศ โดยมีระยะเวลาดำเนินงานตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2540 - มกราคม 2544 ซึ่งใช้งบประมาณในการดำเนินการทั้งสิ้น 288,699,724 บาท โดยสรุปผลการดำเนินโครงการฯ ได้ดังนี้
1) มีโรงเรียนเข้าร่วมโครงการฯ จำนวน 600 โรงเรียน ใน 30 จังหวัด
2) บุคลากรกลุ่มต่างๆ ได้แก่ผู้บริหาร โรงเรียน ครู นักเรียน ผู้นำชุมชนแกนนำระดับจังหวัดได้รับการฝึกอบรม รวมทั้งสิ้น 55,020 คน
3) ได้มีการจัดตั้งโรงเรียนต้นแบบด้านการบริหารจัดการ การจัดกิจกรรมการเรียนการสอน การจัดกิจกรรมส่งเสริมด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อม การจัดกิจกรรมชุมชนสัมพันธ์ โดยแบ่งเป็นโรงเรียนระดับประถมศึกษา 30 โรงเรียน และระดับมัธยมศึกษา 30 โรงเรียน
4) เกิดชุมชนตัวอย่างในการป้องกันแก้ไขเรื่องพลังงานและสิ่งแวดล้อมในท้องถิ่น รวมทั้งสิ้น 120 ชุมชน
ทั้งนี้การประเมินผลโครงการฯ โดยบริษัทมาร์เก็ต ซับพอร์ท สรุปได้ว่าในภาพรวม โครงการประสบความสำเร็จในระดับค่อนข้างดี และสมควรขยายผลการดำเนินการต่อไป ซึ่งหลังจากที่โครงการฯ ได้ดำเนินงานเสร็จสิ้นลง สพช. ได้นำผลการประเมินเสนอต่อคณะอนุกรรมการประเมินผลแผนงานอนุรักษ์พลังงาน ซึ่งที่ประชุมมีมติเห็นชอบให้การสนับสนุนโครงการส่งเสริมการเรียนรู้ในลักษณะนี้อย่างต่อเนื่องเพื่อมิให้เกิดการชะงักงันของโครงการ
สพช. จึงได้เชิญผู้เชี่ยวชาญด้านการศึกษาและผู้มีประสบการณ์กับโครงการฯ เข้าร่วมประชุมพิจารณาแนวทางการดำเนินโครงการในระยะต่อไปเพื่อให้โครงการฯ ขยายผลต่อไปในทิศทางที่มีประสิทธิภาพ สูงสุด ซึ่งสรุปผลการประชุมได้ดังนี้
1. เห็นควรให้การสนับสนุนกิจกรรมการเรียนรู้เรื่องการอนุรักษ์พลังงานฯ แก่โรงเรียนที่เคยเข้าร่วมโครงการฯ มาแล้วในระยะที่ 1 โดยมีหลักเกณฑ์ว่าต้องเป็นโรงเรียนที่มีความพร้อมที่จะเป็นแบบอย่างของการเรียนการสอนด้านพลังงานและการอนุรักษ์พลังงานให้กับโรงเรียนใกล้เคียงได้ด้วย
2. ให้จัดทำประกาศคณะอนุกรรมการฯ เรื่องการเปิดให้การสนับสนุนองค์กร/หน่วยงาน เพื่อมาทำหน้าที่บริหารโครงการฯ ระยะที่ 2
3. ให้จัดตั้งคณะกรรมการอำนวยการโครงการฯ ขึ้น เพื่อทำหน้าที่พิจารณาโครงการที่โรงเรียนต่างๆ เสนอขอรับการสนับสนุนจากกองทุนฯ
4. ขั้นตอนการดำเนินงาน
1) เมื่อคณะกรรมการกองทุนฯ ให้ความเห็นชอบร่างประกาศฯ แล้ว สพช. จะดำเนินการประกาศเรื่องการเปิดให้การสนับสนุนองค์กร/หน่วยงาน เพื่อมาทำหน้าที่บริหารโครงการฯ
2) หน่วยงานที่สนใจเสนอข้อเสนอโครงการพร้อมค่าใช้จ่าย
3) คณะอนุกรรมการฯ เป็นผู้พิจารณาคัดเลือกหน่วยงาน/องค์กรที่จะดำเนินการบริหารโครงการฯ และอนุมัติงบประมาณในการบริหารงาน
4) คณะอนุกรรมการฯ ประกาศให้การสนับสนุนโรงเรียนที่อยู่ในโครงการเดิม โดยให้โรงเรียนเสนอขอรับการสนับสนุนภายใต้กรอบที่คณะอนุกรรมการฯ กำหนด
5) หน่วยงาน/องค์กรบริหารโครงการฯ ที่ได้รับคัดเลือกจะเป็นศูนย์กลางรับข้อเสนอโครงการที่เสนอมาจากโรงเรียนโดยตรง และดำเนินการวิเคราะห์ข้อเสนอโครงการที่โรงเรียนเสนอขอรับการสนับสนุน และจัดทำสรุปโครงการที่มีความเหมาะสมได้รับการสนับสนุนจากกองทุนฯ เสนอต่อคณะกรรมการอำนวยการโครงการฯ เพื่อพิจารณาคัดเลือกโรงเรียนต่อไป
6) คณะกรรมการอำนวยการฯ รวบรวมโรงเรียนที่สมควรได้รับการสนับสนุนและเสนอขอรับการสนับสนุนด้านงบประมาณต่อคณะอนุกรรมการฯ
7) สพช. ทำหน้าที่ติดตามและประเมินผลโครงการ
มติของที่ประชุม
เห็นชอบแนวทางการดำเนินงานโครงการฯ และให้ สพช. ดำเนินการประกาศเพื่อเปิดให้ทุนสนับสนุนองค์กร/หน่วยงาน เพื่อมาทำหน้าที่บริหารโครงการฯ ตามร่างประกาศฯ ที่ได้รับความเห็นชอบจากคณะอนุกรรมการฯ แล้ว
เรื่องที่ 6 โครงการฝึกอบรมเรื่อง การอนุรักษ์พลังงานในสถานประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs)
ฝ่ายเลขานุการฯ ได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบว่า คณะอนุกรรมการฯ ในการประชุมเมื่อวันพุธที่ 23 พฤศจิกายน 2542 ได้อนุมัติเงินกองทุนฯ ให้จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (จุฬาฯ) เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการพัฒนาหลักสูตรการฝึกอบรมการอนุรักษ์พลังงาน ในสถานประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ในวงเงิน 2,693,900 บาท โดยมีวัตถุประสงค์ที่จะใช้หลักสูตรดังกล่าวในการฝึกอบรมเจ้าหน้าที่และบุคลากรของสถานประกอบการ SMEs ซึ่งจุฬาฯ ได้ดำเนินการพัฒนาหลักสูตรการฝึกอบรมฯ เสร็จเรียบร้อยแล้ว โดยจะใช้หลักสูตรดังกล่าวในการฝึกอบรมอย่างเหมาะสม ซึ่งวิทยากรผู้ฝึกอบรมสามารถเลือกเนื้อหาเฉพาะในส่วนที่สอดคล้องกับความต้องการของ SMEs แต่ละประเภท โดยไม่จำเป็นต้องฝึกอบรมในทุกเนื้อหา แต่จะมุ่งเน้นให้มีการนำกรณีตัวอย่าง รูประบบการใช้งานจริงจากโรงงานหรือสถานประกอบการต่างๆ มาประกอบการฝึกอบรม เพื่อให้ผู้เข้ารับการฝึกอบรมเกิดความเข้าใจอย่างถ่องแท้ และสามารถนำไปใช้ให้เกิดผลในทางปฏิบัติได้อย่างแท้จริงต่อไป
ทั้งนี้ การดำเนินการส่งเสริม SMEs ที่ผ่านมาของกองทุนฯ แบ่งเป็น 3 ลักษณะ คือ
1. การสนับสนุนเป็นสัดส่วนของเงินลงทุนทางด้านอุปกรณ์และเทคโนโลยี
2. การใช้เทคนิคการจัดการด้านวิศวกรรมเพื่อตรวจวัดและปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้พลังงานในโรงงานอุตสาหกรรม
3. สพช. เห็นว่า การฝึกอบรมหลักสูตรการประหยัดและอนุรักษ์พลังงานใน SMEs น่าจะเป็นส่วนสำคัญในการเพิ่มประสิทธิภาพของการใช้พลังงานใน SMEs ได้อย่างเร็วที่สุด จึงใคร่ขอเสนอแนวทางในการดำเนินการด้านการฝึกอบรมดังนี้
1) ผู้มีสิทธิ์ยื่นข้อเสนอโครงการฯ ต้องเป็นหน่วยงานที่มีสถานที่ตั้งอยู่ในประเทศไทย
2) คณะผู้เชี่ยวชาญที่แต่งตั้งโดย สพช. จะวิเคราะห์และกลั่นกรองข้อเสนอโครงการที่แต่ละหน่วยงานได้เสนอมา ตามเกณฑ์ที่ สพช. กำหนด
3) หากคณะผู้เชี่ยวชาญฯ มีความเห็นให้ปรับปรุงข้อเสนอโครงการประการใด สพช. จะสรุปความเห็นของคณะผู้เชี่ยวชาญฯ และแจ้งให้หน่วยงานปรับปรุงข้อเสนอโครงการให้สมบูรณ์และชัดเจนยิ่งขึ้น
4) สพช. จะนำโครงการที่ได้รับการปรับปรุงสมบูรณ์แล้ว เสนอคณะอนุกรรมการฯ เพื่อพิจารณาอนุมัติให้การสนับสนุน ในวงเงิน 10 ล้านบาท และเสนอให้คณะกรรมการกองทุนฯ พิจารณาอนุมัติในวงเงินเกินกว่า 10 ล้านบาท
มติที่ประชุม
เห็นชอบแนวทางในการดำเนินงานและร่างประกาศเรื่องการเปิดให้ทุนสนับสนุนการจัดฝึกอบรม เรื่องการอนุรักษ์พลังงานในสถานประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) หลังจากที่ได้มีการปรับตามข้อสังเกตของคณะกรรมการกองทุนฯ
เรื่องที่ 7 ขออนุมัติเงินสนับสนุนโครงการวิจัยภาระไฟฟ้า
ฝ่ายเลขานุการฯ ได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบว่า การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ได้ยื่นข้อเสนอโครงการวิจัยภาระไฟฟ้า เพื่อขอรับการสนับสนุนจากกองทุนฯ ซึ่งฝ่ายเลขานุการฯ ได้เสนอคณะอนุกรรมการกำกับดูแลแผนงานภาคความร่วมมือ พิจารณา ในการประชุมครั้งที่ 8/2544 (ครั้งที่ 53) เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2544 และเห็นควรให้การสนับสนุนโครงการฯ และให้ฝ่ายเลขานุการฯ นำเสนอคณะกรรมการกองทุนฯ เพื่อพิจารณา
โครงการนี้มีวัตถุประสงค์ที่จะศึกษาลักษณะการใช้ไฟฟ้าของผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทต่างๆ ในพื้นที่ของ กฟภ. เพื่อนำข้อมูลที่ได้จากการศึกษามาใช้ในการวางแผนการลงทุนทางด้านไฟฟ้าและการอนุรักษ์พลังงาน เช่น การพยากรณ์ความต้องการใช้ไฟฟ้า การจัดทำอัตราค่าไฟฟ้าที่สะท้อนถึงการใช้ไฟฟ้าของผู้ใช้ไฟฟ้าอย่างแท้จริง การกำหนดมาตรการเพื่อให้การใช้ไฟฟ้าตามแนวทางที่กำหนดไว้ การกำหนดอัตราค่าไฟฟ้าตามช่วงเวลาของการใช้ (Time of Use Rate) เป็นต้น โดยจะติดตั้งเครื่องมือบันทึกวิจัยภาระไฟฟ้าแบบ Automatic Meter Reading (AMR) ให้กลุ่มตัวอย่างตามที่ กฟภ. ได้คัดเลือกไว้แล้ว จำนวน 3,263 ราย แบ่งเป็นสถานีจ่ายไฟฟ้าจำนวน 132 สถานี และผู้ใช้ไฟฟ้าจำนวน 3,131 ราย ตามประเภทของกลุ่มตัวอย่าง ประกอบด้วย ส่วนราชการ และองค์กรที่ไม่แสวงหากำไรบ้านพักอาศัย กิจการขนาดเล็กถึงขนาดใหญ่ ธุรกิจเฉพาะอย่าง และการสูบน้ำเพื่อการเกษตร โดยภายหลังจากการดำเนินโครงการสิ้นสุดแล้ว กฟภ. จะดำเนินการจัดเก็บข้อมูลและศึกษาลักษณะการใช้ไฟฟ้าของผู้ใช้ไฟฟ้าตัวอย่างอย่างต่อเนื่องต่อไป
ฝ่ายเลขานุการฯ ได้ให้ความเห็นว่าโครงการนี้มีความชัดเจนในเรื่องของการดำเนินการ แต่งงบประมาณที่ขอรับการสนับสนุนจากกองทุนฯ ในส่วนของค่าเครื่องวัดและอุปกรณ์ประกอบ (Electronic meter) ที่ กฟภ. ได้เสนอมาในครั้งแรกราคาค่อนข้างสูงประมาณชุดละ 26,000 บาท กฟภ. จึงได้ปรับราคาของ Electronic meter เหลือเพียงชุดละ 15,000 บาท ดังนั้นจึงทำให้ประมาณค่าใช้จ่ายของโครงการฯ ลดลงคงเหลือเพียง 98,831,933 บาท โดยจะใช้งบประมาณของ กฟภ. 47,578,966.50 บาท และส่วนที่เหลือจะขอรับการสนับสนุนจากกองทุนฯ 51,252,966.50 บาท
มติที่ประชุม
1. อนุมัติเงินจากกองทุนฯ แผนงานภาคความร่วมมือ โครงการศึกษาวิจัยและพัฒนา ให้ กฟภ. เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการวิจัยภาระไฟฟ้า ในวงเงิน 51,252,966.50 บาท (ห้าสิบเอ็ดล้านสองแสนห้าหมื่นสองพันเก้าร้อยหกสิบหกบาทห้าสิบสตางค์) โดยมีเงื่อนไขให้ กฟภ. ต้องดำเนินการเป็นประการสำคัญ ดังต่อไปนี้
(1) พิจารณาความถูกต้องและเหมาะสมของจำนวนข้อมูล รูปแบบและวิธีการจัดเก็บข้อมูลเพื่อให้ Load Profile ที่ได้สามารถนำไปใช้ประโยชน์ตามวัตถุประสงค์ของโครงการฯ ได้ครบถ้วน ดังนี้
แสดงรายละเอียดวิธีการหาจำนวนตัวอย่าง (Sample Size) ให้ชัดเจน เพื่อแสดงให้เห็นถึงความเหมาะสมของจำนวนตัวอย่าง และจำนวนเครื่องมือวัดฯ ที่ใช้ในโครงการฯ พร้อมทั้งอธิบายหลักเกณฑ์ในการกำหนดค่าทางสถิติต่างๆ ที่ใช้ในการคำนวณหาจำนวนตัวอย่างในโครงการฯ เช่น ค่า Confident Level ค่าความผิดพลาด เป็นต้น
เพื่อให้ผลที่ได้รับจากโครงการฯ สามารถรองรับการแข่งขันกิจการไฟฟ้าในอนาคต เห็นควรให้ กฟภ. เพิ่มจำนวนตัวอย่างในกลุ่มประเภทบ้านอยู่อาศัยและกิจการขนาดเล็กให้มากขึ้น เพื่อเป็นตัวแทน Load Profile ที่ดี มีความน่าเชื่อถือและให้ลดจำนวนเครื่องวัดในกลุ่มตัวอย่างอื่นลง โดยให้ กฟภ. ใช้เครื่องวัดไฟฟ้าแบบ TOU ที่ กฟภ. มีอยู่แล้วเป็นเครื่องมือในการเก็บข้อมูล Load Profile ของจำนวนตัวอย่างที่ลดลงดังกล่าวนั้น และเห็นควรให้ กฟภ. นำข้อมูล Load Profile ที่เก็บจากผู้ใช้ไฟฟ้าที่ติดตั้งเครื่องวัดไฟฟ้าแบบ TOU มาร่วมวิเคราะห์เพิ่มเติมด้วย เพื่อให้งานของโครงการนี้มีความสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น
เพิ่มเติมการเก็บข้อมูลของผู้ใช้ไฟฟ้าที่มีความสัมพันธ์กับปริมาณการใช้ไฟฟ้า เช่น อุณหภูมิ พื้นที่โรงงาน/อาคาร จำนวนคนงาน จำนวนเครื่องใช้ไฟฟ้า ขนาดหม้อแปลง เป็นต้น เพื่อให้ข้อมูลที่ได้จากโครงการฯ สามารถนำไปใช้ในงานอื่นได้หลากหลายยิ่งขึ้น เช่น การวางแผนระบบไฟฟ้า เป็นต้น
(2) มอบหมายให้ สพช. ดูแลในเรื่องการจัดซื้อจัดหาเครื่องวัดและอุปกรณ์ประกอบ (Electronic meter) เพื่อให้มีราคากลางที่เหมาะสมและเป็นไปตามราคาตลาดปัจจุบัน
(3) หาก กฟภ. สามารถดำเนินการตามข้อ (1) และ ข้อ (2) ได้ครบถ้วนแล้ว กฟภ. ต้องปรับข้อเสนอโครงการฯ ตามข้อเสนอแนะอื่นๆ ตามมติของคณะอนุกรรมการฯ ด้วย
2. ให้ฝ่ายเลขานุการฯ พิจารณาให้ความเห็นชอบในการปรับปรุงข้อเสนอโครงการให้เป็นไปตามที่คณะกรรมการกองทุนฯ ได้มีมติเห็นชอบไว้ โดยไม่ต้องนำกลับมาให้คณะกรรมการฯ พิจารณาอีก
ฝ่ายเลขานุการฯ ได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบว่า คณะกรรมการกองทุนฯ ในการประชุมครั้งที่ 3/2538 (ครั้งที่ 7) เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2538 ได้อนุมัติเงินจากกองทุนฯ ในวงเงิน 26,050,000 บาท (ยี่สิบหกล้านห้าหมื่นบาทถ้วน) ให้ ศูนย์ปฏิบัติการวิศวกรรมพลังงานและสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ (มก.) เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในโครงการผลิตกระแสไฟฟ้าโดยใช้ก๊าซชีวภาพจากหลุมขยะ
มก. ได้ดำเนินโครงการฯ บนพื้นที่ฝังกลบขยะ ขนาด 65 ไร่ ของบริษัทกลุ่ม 79 อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม และก่อสร้างหลุมดูดก๊าซและระบบรวบรวมก๊าซ โดยเลือกเจาะในแนวตั้งเสร็จเรียบร้อย จำนวน 39 หลุม เพื่อรวบรวมก๊าซชีวภาพและนำไปเป็นเชื้อเพลิงป้อนให้กับเครื่องกำเนิดไฟฟ้าขนาด 435 kW จำนวน 2 เครื่อง ที่ มก. ได้รับสนับสนุนจากกองทุนฯ ในการจัดซื้อจากประเทศออสเตรเลีย แต่ปรากฏว่าปริมาณก๊าซชีวภาพที่ได้มีเพียง 180 m3/hr ไม่เพียงพอกับความต้องการของเครื่องกำเนิดไฟฟ้าฯ โดยปัญหาเกิดจากระดับน้ำชะขยะสูง (leachate) ในขณะที่กองขยะมีความสูงแค่ 10 เมตร ส่งผลให้ก๊าซชีวภาพที่เกิดขึ้นมีปริมาณน้อยเกินไป
จากปัญหาดังกล่าว มก. จึงขอรับความช่วยเหลือทางด้านเทคนิคจากผู้เชี่ยวชาญของ United States Environmental Protection Agency (USEPA) ประเทศสหรัฐอเมริกา มาให้คำแนะนำและร่วมปรับปรุงปริมาณและคุณภาพก๊าซ โดย มก. ได้รับการอนุญาตจากบริษัทกลุ่ม 79 ให้ใช้พื้นที่ฝังกลบขยะแห่งใหม่ อยู่ห่างจากหลุมเดิมประมาณ 3.6 กิโลเมตร ซึ่งมีความสูงของชั้นขยะ 18 เมตร และเมื่อทำการขุดเจาะสำรวจแนวนอน จำนวน 2 หลุม พบว่าได้ปริมาณก๊าซที่มีคุณภาพและใช้ผลิตกระแสไฟฟ้าได้ ดังนั้น มก. จึงได้สร้างหลุมแนวนอนเพิ่มอีก 4 หลุม มีความยาวหลุมละ 100 เมตร ซึ่งมีปริมาณก๊าซเพียงพอที่จะเป็นแหล่งพลังงานให้เครื่องกำเนิดไฟฟ้าขนาด 435 kW จำนวน 1 เครื่อง
มก. จึงได้จัดทำข้อเสนอโครงการฯ เพื่อขอรับการสนับสนุนจากกองทุนฯ ซึ่งฝ่ายเลขานุการฯ ได้เสนอคณะอนุกรรมการกำกับดูแลแผนงานภาคความร่วมมือ พิจารณา ในการประชุมครั้งที่ 7/2544 (ครั้งที่ 52) และเห็นควรให้การสนับสนุนโครงการฯ และให้ฝ่ายเลขานุการฯ นำเสนอคณะกรรมการกองทุนฯ เพื่อพิจารณา โดยมีข้อเสนอแนะประเด็นสำคัญคือ เนื่องจากโครงการนี้ได้ยื่นขอรับการสนับสนุนทางด้านการเงินจาก 2 แหล่งเงินทุน คือ กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน และกองทุนสิ่งแวดล้อมโลก (GEF) ซึ่งมีความเสี่ยงที่อาจไม่ได้รับทุนสนับสนุนจาก GEF จนทำให้การสนับสนุนจากกองทุนฯ ไม่เป็นผลสำเร็จ จึงมีมติให้ มก. แยกการดำเนินงานและงบประมาณที่ขอการสนับสนุนของแต่ละกองทุนฯ เป็นรายกิจกรรมให้ชัดเจน ไม่อนุมัติให้กิจกรรมใดกิจกรรมหนึ่งใช้เงินจากงบประมาณทั้ง 2 แหล่ง
มติที่ประชุม
1. ให้ฝ่ายเลขานุการฯ ประสานงานกับ มก. ในวิธีการเจรจาเพื่อให้ได้รับเงินสนับสนุนจาก GEF
2. ให้ มก. แยกงานและเงินเป็นรายกิจกรรมให้ชัดเจน เพื่อมิให้มีการผูกกิจกรรมใดกิจกรรมหนึ่งเข้ากับงบประมาณทั้งสองแหล่ง
3. ให้ มก. พิจารณาความคุ้มค่าในการลงทุนของโครงการนี้ถ้าจะเปลี่ยนที่ตั้งโรงไฟฟ้าให้มาอยู่ในบริเวณใกล้แหล่งรวบรวมก๊าซแห่งใหม่ แทนการเดินท่อก๊าชไปยังโรงไฟฟ้า ณ สถานที่เดิม และให้ฝ่ายเลขานุการฯ นำกลับมาให้คณะกรรมการกองทุนฯ พิจารณาอีกครั้ง
เรื่องที่ 9 ขออนุมัติเงินสนับสนุนโครงการผลิตปุ๋ยอินทรีย์และพลังงาน จังหวัดระยอง
ฝ่ายเลขานุการฯ ได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบว่า เทศบาลนครระยอง ได้ยื่นข้อเสนอโครงการผลิตปุ๋ยอินทรีย์และพลังงาน จังหวัดระยอง เพื่อขอรับการสนับสนุนจากกองทุนฯฝ่ายเลขานุการฯ ได้นำโครงการดังกล่าวเสนอต่อคณะอนุกรรมการฯ เพื่อพิจารณา ในการประชุมครั้งที่ 7/2544 (ครั้งที่ 52) เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2544 และได้มีมติเห็นชอบให้การสนับสนุนโครงการฯ และให้ฝ่ายเลขานุการฯ นำเสนอคณะกรรมการกองทุนฯ เพื่อพิจารณา
โครงการนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อจะสาธิตนำร่องการแก้ไขปัญหาในเรื่องของผลกระทบที่เกิดจากการกำจัดมูลฝอย โดยจัดตั้งศูนย์สาธิตการแปรรูปมูลฝอยของชุมชน ซึ่งประกอบด้วย การมีส่วนร่วมของประชาชนในกระบวนการคัดแยกมูลฝอย การคัดแยกวัสดุเพื่อนำกลับมาใช้ประโยชน์ใหม่ การแปรรูปมูลฝอยอินทรีย์ ด้วยการย่อยสลายแบบไร้ออกซิเจน (Anaerobic Digestion) เพื่อให้ได้ก๊าซชีวภาพอันเป็นเชื้อเพลิงในการผลิตพลังงานและปุ๋ยอินทรีย์ การหมักปุ๋ย และการกำจัดโดยการฝังกลบแบบถูกหลักสุขาภิบาลให้อยู่ภายในบริเวณเดียวกัน เพื่อลดต้นทุนในการกำจัดและเกิดประสิทธิภาพในการบริหารและการควบคุมผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมที่เกิดจากการกำจัดมูลฝอย
เทศบาลนครระยอง ได้ขอรับการสนับสนุนจากกองทุนฯ เป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน เป็นจำนวนเงินทั้งสิ้นประมาณ 167 ล้านบาท ประกอบด้วย
รายการ | งบประมาณ |
(1) อาคารและระบบรับและคัดแยกมูลฝอย | 32,637,250 |
(2) กระบวนการย่อยสลายโดยไม่ใช้ออกซิเจน (Anaerobic Digestion) | 96,200,900 |
(3) งานปรับปรุงพื้นที่และระบบสาธารณูปโภค | 14,515,000 |
(4) อุปกรณ์และเครื่องจักร | 994,000 |
(5) ค่าเผื่อเหลือเผื่อขาด ประมาณ 5% ของรายการ 1-4 | 7,217,358 |
(6) ค่าใช้จ่ายในการดำเนินการและจัดการ |
15,114,000 |
รวม | 166,678,508 |
คณะอนุกรรมการฯ เห็นควรให้เทศบาลนครระยองเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในโครงการฯ โดยให้ เทศบาลฯ รับภาระค่าใช้จ่ายในงานปรับปรุงพื้นที่และระบบสาธารณูปโภคและค่าอุปกรณ์และเครื่องจักร ส่วนค่าเผื่อเหลือเผื่อขาดให้เทศบาลฯ สามารถนำมาใช้ได้ในกรณีเกิดการเปลี่ยนแปลงอัตราการแลกเปลี่ยนเงินตราระหว่างประเทศ ซึ่งต้องให้ สพช. เห็นชอบก่อนเบิกจ่ายทุกครั้ง สำหรับค่าใช้จ่ายในการดำเนินการและจัดการ เห็นควรให้การสนับสนุนไม่เกินวงเงินร้อยละ 5 ของ วงเงินรวมที่กองทุนฯ ให้การสนับสนุน ทั้งนี้คณะอนุกรรมการฯ ได้มีมติเห็นชอบให้การสนับสนุนโครงการฯ ภายในวงเงิน 142,858,283 บาท
มติที่ประชุม
ให้ฝ่ายเลขานุการฯ ตรวจสอบความซ้ำซ้อนของแหล่งเงินทุน แล้วนำเสนอคณะกรรมการกองทุนฯ พิจารณาอีกครั้ง
ฝ่ายเลขานุการฯ ได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบว่า มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่ ซึ่งเป็นอาคารควบคุมส่วนราชการ มีอาคารจำนวน 129 อาคาร คิดเป็นพื้นที่ใช้สอย 739,483 ตารางเมตร ได้ยื่นขอรับการสนับสนุนจากกองทุนฯ สำหรับเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดทำเป้าหมายและแผนอนุรักษ์พลังงาน ซึ่ง พพ. ได้นำเรื่องดังกล่าวเสนอต่อคณะอนุกรรมการกำกับดูแลแผนงานภาคบังคับ ในการประชุมครั้งที่ 1/2544 (ครั้งที่ 19) เมื่อวันอังคารที่ 3 กรกฎาคม 2544 และคณะอนุกรรมการฯ ได้มีมติเห็นชอบให้นำเสนอคณะกรรมการกองทุนฯ เพื่อพิจารณาอนุมัติเงินกองทุนฯ แผนงานภาคบังคับ โครงการโรงงานควบคุมและอาคารควบคุมที่กำลังใช้งาน (ในส่วนของอาคารควบคุม) ปีงบประมาณ 2545 เพื่อจัดสรรเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดทำเป้าหมายและแผนอนุรักษ์พลังงาน ให้กับมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ สำหรับอาคารมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่ เป็นเงิน 10,307,996 บาท (สิบล้านสามแสนเจ็ดพันเก้าร้อยเก้าสิบหกบาทถ้วน)
มติที่ประชุม
อนุมัติเงินกองทุนฯ แผนงานภาคบังคับ โครงการโรงงานควบคุมและอาคารควบคุมที่กำลังใช้งาน (ในส่วนของอาคารควบคุม) ปีงบประมาณ 2545 เพื่อจัดสรรเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดทำเป้าหมายและแผนอนุรักษ์พลังงานให้กับมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ สำหรับอาคารมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่ ในวงเงิน 10,307,996 บาท (สิบล้านสามแสนเจ็ดพันเก้าร้อยเก้าสิบหกบาทถ้วน) ตามที่คณะอนุกรรมการกำกับดูแลแผนงานภาคบังคับเสนอ
เรื่องที่ 11 การส่งเงินเข้ากองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานไม่ครบถ้วน
ฝ่ายเลขานุการฯ ได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบว่า พรบ. การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535 กำหนดโทษผู้ประกอบการที่ส่งเงินเข้ากองทุนฯ ไม่ครบถ้วนหรือล่าช้า จะถูกดำเนินคดี โดยมีบทกำหนดโทษจำคุกตั้งแต่สามเดือนถึงสองปี หรือปรับตั้งแต่หนึ่งแสนบาทถึงสิบล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ซึ่งเป็นการลงโทษที่ค่อนข้างรุนแรงเกินมูลเหตุและเจตนาแห่งการกระทำผิด จึงเสนอคณะกรรมการกองทุนฯ เพื่อพิจารณาในประเด็น ดังนี้
(1) ขอความเห็นชอบในหลักการให้มีการแก้ไขพระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535 มาตรา 58 ในส่วนของบทลงโทษ กรณีการส่งเงินเข้ากองทุนฯ ไม่ครบถ้วนหรือล่าช้านั้น ให้กำหนดโทษให้เหมาะสมกับสภาพแห่งการกระทำผิด และคำนึงถึงมูลเหตุและเจตนาแห่งการกระทำของผู้ประกอบการและมูลค่าของเงินที่นำส่งเข้ากองทุนฯ ผิดพลาด โดยมอบหมายให้ สพช. และ พพ. รับไปดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
(2) ขอความเห็นชอบในหลักการให้มีการวางเงินประกันการส่งเงินเข้ากองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน โดยให้กรมสรรพสามิตเปิดบัญชีเงินฝากสำหรับเงินวางประกันของผู้ประกอบการแต่ละราย และให้อธิบดีกรมสรรพสามิตเป็นผู้มีอำนาจสั่งจ่ายเงินจากบัญชีเงินฝากของผู้ประกอบการรายที่ส่งเงินเข้ากองทุนฯ ไม่ครบถ้วนนั้น ตามจำนวนเงินที่ส่งขาดพร้อมเงินเพิ่ม แล้วให้กรมสรรพสามิตส่งเข้าบัญชีกองทุนฯ โดยมอบหมายให้ กรมสรรพสามิตและ สพช. รับไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
มติที่ประชุม
1. เห็นชอบในหลักการให้มีการแก้ไขพระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535 มาตรา 58 ในส่วนของบทลงโทษ กรณีการส่งเงินเข้ากองทุนฯ ไม่ครบถ้วนหรือล่าช้านั้น ให้กำหนดโทษให้เหมาะสมกับสภาพแห่งการกระทำผิด และคำนึงถึงมูลเหตุและเจตนาแห่งการกระทำของผู้ประกอบการและมูลค่าของเงินที่นำส่งเข้ากองทุนฯ ผิดพลาด โดยมอบหมายให้ สพช. และ พพ. รับไปดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
2. เห็นชอบในหลักการให้มีการวางเงินประกันการส่งเงินเข้ากองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน โดยให้กรมสรรพสามิตเปิดบัญชีเงินฝากสำหรับเงินวางประกันของผู้ประกอบการแต่ละรายและถือเสมือนว่าเงินดังกล่าวเป็นเงินที่ผู้ประกอบการส่งเข้ากองทุนฯ ไว้ล่วงหน้า โดยให้อธิบดีกรมสรรพสามิตเป็นผู้มีอำนาจสั่งจ่ายเงินจากบัญชีเงินฝากของผู้ประกอบการรายที่ส่งเงินเข้ากองทุนฯ ไม่ครบถ้วนนั้น ตามจำนวนเงินที่ส่งขาดพร้อมเงินเพิ่ม แล้วให้กรมสรรพสามิตส่งเข้าบัญชีกองทุนฯ โดยมอบหมายให้ กรมสรรพสามิตและ สพช. รับไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป