กองทุนสัญญาโรงกลั่นปิโตรเลียม มกราคม 2551
- กองทุนสัญญาโรงกลั่นปิโตรเลียม มกราคม 2551 (512 Downloads)
งบประมาณกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง มกราคม 2551
- งบประมาณกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง มกราคม 2551 (588 Downloads)
อนุ กอ. ครั้งที่ 14 - วันพฤหัสบดีที่ 17 มกราคม 2551
มติคณะอนุกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน
ครั้งที่ 1/2551 (ครั้งที่ 14)
วันพฤหัสบดีที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2551 เวลา 13.00 น.
ณ ห้องประชุมบุญรอด-นิธิพัฒน์ ชั้น 11 อาคาร 7 กระทรวงพลังงาน
1. ขอความเห็นชอบรายละเอียดโครงการส่งเสริมการลงทุนด้านการอนุรักษ์พลังงานและพลังงานทดแทน
2. ขอความเห็นชอบแนวทางจัดสรรเงินกองทุนฯ สำหรับ "โครงการส่งเสริมการแปรรูปจากขยะเป็นน้ำมัน"
3. ขอความเห็นชอบ โครงการพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตปาล์มน้ำมัน เพื่ออุตสาหกรรมไบโอดีเซลชุมชนเชิงพาณิชย์ในพื้นที่ปลูกใหม่
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน (นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์) ประธานอนุกรรมการ
ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (นายวีระพล จิรประดิษฐกุล) อนุกรรมการและเลขานุการ
เรื่องที่ 1 ขอความเห็นชอบรายละเอียดโครงการส่งเสริมการลงทุนด้านการอนุรักษ์พลังงานและพลังงานทดแทน
1. ฝ่ายเลขานุการฯ ได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบว่า คณะกรรมการกองทุนฯ ในการประชุมครั้งที่ 2/2550 (ครั้งที่ 46) เมื่อวันที่ 21 กันยายน 2550 ได้พิจารณาโครงการส่งเสริมการลงทุนด้านการอนุรักษ์พลังงานและพลังงานทดแทนแล้ว และมีมติอนุมัติในหลักการ ให้ พพ. ดำเนินโครงการฯ ในวงเงิน 525 ล้านบาท ประกอบด้วย ส่วนของการส่งเสริมการลงทุนจำนวน 500 ล้านบาท และค่าบริหารจัดการโครงการ 25 ล้านบาท โดยมีเงื่อนไขให้ พพ. จัดทำรายละเอียดแผนงานและวิธีการดำเนินงานโครงการ เสนอคณะอนุกรรมการกองทุนฯ พิจารณาให้ความเห็นชอบก่อนดำเนินการ
2. พพ. ได้ดำเนินการจัดทำรายละเอียดของโครงการดังกล่าว ตามความเห็นของคณะกรรมการกองทุนฯ โดยจัดทำรายละเอียดแผนงานและวิธีการดำเนินโครงการส่งเสริมการลงทุนฯ เสนอคณะอนุกรรมการกองทุนฯ ในการประชุมครั้งที่ 7/2550 (ครั้งที่ 13) เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2550 ซึ่งที่ประชุมพิจารณาแล้วเห็นควรให้ พพ. ตรวจสอบ พ.ร.บ.การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535 และระเบียบการใช้จ่ายเงินของกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ด้วย ว่ารูปแบบการใช้เงินในลักษณะ ESCO Fund นั้น เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของการใช้เงินกองทุนฯ และให้ พพ. จัดทำรายละเอียดของแนวทางบริหารจัดการกองทุน ESCO Fund โดยเฉพาะองค์ประกอบของคณะกรรมการการลงทุน (Investment Committee) แล้วเสนอคณะอนุกรรมการกองทุนฯ พิจารณาอีกครั้ง ซึ่ง พพ. ได้ดำเนินการตามมติดังกล่าวแล้ว โดยมีรายละเอียดดังนี้
2.1 การบริหารจัดการกองทุนเพื่อร่วมลงทุนฯ ESCO Fund
1) ในประเด็นข้อกฎหมายว่า กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานสามารถร่วมลงทุนได้หรือไม่ นั้น ขอชี้แจงว่า โครงการส่งเสริมการลงทุนด้านอนุรักษ์พลังงานและพลังงานทดแทน เป็นการอุดหนุนการลงทุน ซึ่งเป็นไปตาม พ.ร.บ.การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535 มาตรา 25 ที่ระบุว่า เงินทุนสามารถใช้เพื่อวัตถุประสงค์เป็นเงินอุดหนุนสำหรับการลงทุนและดำเนินการในการอนุรักษ์พลังงาน หรือแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมจากการอนุรักษ์พลังงานของเอกชน ส่วนราชการ หรือรัฐวิสาหกิจ
การสนับสนุนของโครงการเป็นการอุดหนุนการลงทุน ซึ่งเปรียบเสมือนเงินช่วยเหลือให้เปล่า โดยมีเงื่อนไขว่าหากมีผลประโยชน์หรือผลตอบแทนจากการดำเนินการ ผู้ได้รับการอุดหนุนจะต้องส่งคืนผลตอบแทนตามอัตราส่วนของการอุดหนุนคืนให้แก่กองทุนฯ และทรัพย์สินที่เกิดขึ้นจากการดำเนินการนั้น เมื่อสิ้นสุดโครงการจะต้องนำส่งคืนกองทุนฯ ซึ่งเป็นแนวทางปฏิบัติทั่วไปที่กองทุนฯ สามารถกำหนดเงื่อนไขได้อยู่แล้ว จึงถือได้ว่า เป็นการดำเนินการตามข้อกำหนดตามพระราชบัญญัติฯ และระเบียบกองทุนฯ
2) ผู้จัดการกองทุน (Fund Manager) จะมีการดำเนินงานในด้านการศึกษา การฝึกอบรม การเผยแพร่ข้อมูล และการประชาสัมพันธ์ ซึ่งจะเป็นไปตามมาตรา 25 (3) ของ พ.ร.บ.การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535 นั้น โดยในส่วนนี้เงินช่วยเหลือหรือเงินอุดหนุนนั้น สามารถให้แก่ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ สถาบันการศึกษา หรือองค์กรเอกชน ซึ่งในมาตรา 26 ได้ระบุว่า องค์กรเอกชนที่มีสิทธิ์ได้รับเงินช่วยเหลือหรือเงินอุดหนุนตามมาตรา 25 (3) ต้องมีฐานะเป็นนิติบุคคลตามกฎหมายไทย หรือกฎหมายต่างประเทศ ที่มีกิจกรรมเกี่ยวข้องโดยตรงกับการอนุรักษ์พลังงาน หรือการป้องกันและแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมจากการอนุรักษ์พลังงาน และมิได้มีวัตถุประสงค์ในทางการเมือง หรือ มุ่งค้ากำไรจากการประกอบกิจกรรมดังกล่าว
ดังนั้น เพื่อให้เป็นไปตามมาตรา 25 (3) และมาตรา 26 ของ พ.ร.บ.การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535 ดังนั้นผู้จัดการกองทุน จะต้องมีสถานภาพเป็นส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ สถาบันการศึกษา หรือเอกชนที่มิได้มีวัตถุประสงค์ทางการเมือง หรือมุ่งค้ากำไร พพ. ได้หารือและทาบทามหน่วยงานองค์กรที่มีคุณสมบัติตามมาตรา 26 ของ พ.ร.บ.การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535 เช่น ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย มูลนิธิอนุรักษ์พลังงาน สถาบันบริหารกองทุนพลังงาน (องค์การมหาชน) สำนักส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลาง ขนาดย่อม มูลนิธิพลังงานเพื่อสิ่งแวดล้อม เป็นต้น
3) ด้านองค์ประกอบของคณะกรรมการการลงทุน เห็นควรให้มีหน่วยงานภาครัฐและเอกชน เพื่อให้มีการวางนโยบายการลงทุน การกำกับการดำเนินโครงการ เป็นไปตามเป้าประสงค์ และเจตนารมณ์ และสอดคล้องกับตลาดการลงทุน อีกทั้งสามารถแก้ปัญหาการลงทุนด้านอนุรักษ์พลังงานของภาคเอกชนได้อย่างเป็นรูปธรรม พพ. ได้จัดทำร่างองค์ประกอบคณะกรรมการการลงทุน ไว้ดังนี้
- อธิบดีกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน ประธานกรรมการ
- ผู้แทนสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน กรรมการ
- ผู้แทนกรมโรงงานอุตสาหกรรม กรรมการ
- ผู้แทนสภาอุตสาหกรรม กรรมการ
- ผู้ทรงคุณวุฒิ 2 ท่าน กรรมการ
- ผู้อำนวยการสำนักกำกับและอนุรักษ์พลังงาน เลขานุการ
2.2 การสรรหาผู้จัดการกองทุน (Fund Manager)
1) พพ. จะจัดสรรเงินจำนวน 500 ล้านบาท (ห้าร้อยล้านบาทถ้วน) ที่ได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการกองทุนฯ เมื่อวันที่ 21 กันยายน 2550 ให้กับผู้จัดการกองทุน (Fund Manager) ซึ่งเป็นหน่วยงานหรือองค์กรที่มีคุณสมบัติตามมาตรา 26 ของ พ.ร.บ.การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535 เช่น ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย มูลนิธิอนุรักษ์พลังงาน สถาบันบริหารกองทุนพลังงาน สำนักส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางขนาดย่อม เป็นต้น เพื่อนำไปส่งเสริมการลงทุนด้านการอนุรักษ์พลังงานและพลังงานทดแทนตามกรอบและเงื่อนไขที่กำหนดไว้
2) การพิจารณาคัดเลือกผู้จัดการกองทุนและการจัดสรรเงินกองทุนฯ จำนวน 500 ล้านบาท ตามข้อ 2.1 พพ. จะเสนอคณะกรรมการการลงทุน (Investment Committee) เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบ ก่อนการดำเนินการ
3) ผลที่คาดว่าจะได้รับจากโครงการส่งเสริมการลงทุนด้านการอนุรักษ์พลังงานและพลังงานทดแทน ในช่วงเวลาดำเนินการ 24 เดือน
- เกิดการลงทุนด้านอนุรักษ์พลังงานและพลังงานทดแทนกว่า 1,250 ล้านบาท
- เกิดผลประหยัดพลังงานไม่น้อยกว่า 10 ktoe หรือมีมูลค่ากว่า 250 ล้านบาทต่อปี
- มีโครงการที่ได้รับการส่งเสริม ไม่น้อยกว่า 20 โครงการ
3. พพ. ขอแก้ไขวาระการประชุมในส่วนประเด็นเพื่อพิจารณา ในส่วนของค่าใช้จ่ายโครงการฯ จาก 500 ล้านบาท เป็น 525 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นส่วนของการส่งเสริมการลงทุนจำนวน 500 ล้านบาท และค่าบริหารจัดการโครงการ 25 ล้านบาท
มติที่ประชุม
เห็นชอบรายละเอียดของโครงการส่งเสริมการลงทุนด้านการอนุรักษ์พลังงานและพลังงานทดแทน ตามที่ พพ. เสนอมา และให้ พพ. ใช้จ่ายเงินกองทุนฯ จำนวน 525 ล้านบาท ที่คณะกรรมการกองทุนฯ ในการประชุมครั้งที่ 2/2550 (ครั้งที่ 46) เมื่อวันที่ 21 กันยายน 2550 ได้อนุมัติให้ พพ. ไว้แล้ว จัดสรรให้กับผู้จัดการกองทุน (Fund Manager) ที่ พพ. จะดำเนินการคัดเลือกตามแนวทางที่เสนอไว้
เรื่องที่ 2 ขอความเห็นชอบแนวทางจัดสรรเงินกองทุนฯ สำหรับ "โครงการส่งเสริมการแปรรูปจากขยะเป็นน้ำมัน"
1. ฝ่ายเลขานุการฯ ได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบว่า ตามที่คณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ในการประชุมครั้งที่ 2/2550 (ครั้งที่ 46) เมื่อวันที่ 21 กันยายน 2551 ได้จัดสรรเงินกองทุนฯ ให้สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) ในวงเงิน 300 ล้านบาท เพื่อไว้ใช้จ่ายสำหรับการดำเนินการตาม "โครงการสนับสนุนการศึกษา วิจัย พัฒนาเทคโนโลยีพลังงานทดแทน" ซึ่งเป็นงานวิจัย พัฒนา รวมถึงงานสาธิตอื่นๆ เพื่อทราบศักยภาพ พิสูจน์ความเหมาะสมหรือความเป็นไปได้ ตลอดจนสร้างความเชื่อมั่นในการนำมาใช้งาน ที่หน่วยงาน สถาบันการศึกษา หรือเอกชน ต้องการความช่วยเหลือสนับสนุนการดำเนินการ โดยมีแนวทางการสนับสนุน 2 แนวทาง ดังนี้
แนวทางที่ 1 สนพ. รับคำขอรับการสนับสนุนจากเจ้าของโครงการ และสรุปความเห็นเสนอผู้มีอำนาจเห็นชอบ พิจารณาเป็นรายๆ
แนวทางที่ 2 สนพ. ประกาศหัวข้อศึกษา วิจัย พัฒนาเพื่อสรรหาผู้ที่มีความเหมาะสมเป็นผู้รับเงินสนับสนุนจากกองทุนฯ
2. ข้อเสนอของ สนพ. สำหรับ "โครงการส่งเสริมการแปรรูปจากขยะเป็นน้ำมัน"
2.1 การแปรรูปขยะเป็นพลังงาน เป็นทิศทางที่เหมาะสมสำหรับประเทศไทย ซึ่งเป็นหนึ่งในนโยบายที่รัฐสนับสนุนเต็มที่ โดยกระทรวงพลังงานได้สนับสนุนในรูปแบบการกำหนดส่วนเพิ่มราคารับซื้อไฟฟ้า (Adder) จากผู้ผลิตไฟฟ้าที่ใช้ขยะเป็นเชื้อเพลิงแล้ว ในอัตรา 2.50 บาท/หน่วย ในขณะที่จากข้อมูลของงานวิจัยทั้งในประเทศและต่างประเทศพบว่าขยะพลาสติกที่ตกค้างอยู่ในกองขยะสามารถนำมาผลิตเป็นน้ำมันมีคุณสมบัติใกล้เคียงกับน้ำมันดิบ ซึ่งจะช่วยแก้ไขปัญหาขยะที่นับวันจะมีจำนวนมากขึ้น ในขณะเดียวกันก็จะช่วยลดการนำเข้าน้ำมันได้ด้วย
2.2 กระบวนการแปรรูปขยะเป็นน้ำมันเชื้อเพลิงเป็นวิธีที่หลายประเทศก็ทำอยู่แล้ว ซึ่งบางประเทศก็ให้ความสำคัญและบางประเทศก็มองข้ามไปเนื่องจากไม่คุ้มทุน แต่บางประเทศก็สามารถผลิตน้ำมันจากพลาสติกเป็นน้ำมันเบนซินได้ถึง 50 เปอร์เซ็นต์ โดยรัฐบาลได้ให้ความช่วยเหลือบริษัทเอกชนในการลงทุน ขณะที่ประเทศไทยก็มีปัญหาทางด้านขยะและปัญหาด้านการหาพลังงานทดแทนด้านน้ำมัน และมีนักวิจัยแปรรูปขยะอยู่แล้ว แต่ยังไม่ได้มีการพิสูจน์ความสามารถในการใช้งานได้จริงให้ประจักษ์ในประเทศ จึงยังไม่ทราบต้นทุนที่แท้จริง รวมถึงความคุ้มค่าการลงทุนทั้งทางเศรษฐศาสตร์ สังคมและสิ่งแวดล้อม ประกอบกับมีทฤษฏีความเป็นไปได้ที่หลากหลาย สนพ. จึงเห็นควรเปิดโอกาสให้หน่วยงานราชการ รัฐวิสาหกิจ สถาบันการศึกษา มูลนิธิองค์กรที่ไม่มุ่งค้าหากำไร หรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในแต่ละจังหวัด ยื่นข้อเสนอขอรับการสนับสนุนจากกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ภายใต้ "โครงการส่งเสริมการแปรรูปจากขยะเป็นน้ำมัน" ที่เป็นการเผาในภาวะไร้อากาศจนได้น้ำมันและก๊าซปิโตรเลียมเหลวโดยมีการใช้ขยะเศษพลาสติกเป็นวัตถุดิบ โดยมีแนวทางการส่งเสริมการแปรรูปจากขยะเป็นน้ำมัน ดังต่อไปนี้
(1) การกำหนดส่วนเพิ่ม (Adder) ราคารับซื้อน้ำมันดิบที่ผลิตได้จากการแปรรูปจากขยะ เป็นมาตรการจูงใจด้านราคาแก่ผู้สนใจลงทุนแปรรูปจากขยะเป็นน้ำมัน
(2) การสนับสนุนงานศึกษาวิจัยพัฒนาและสาธิต "โครงการส่งเสริมการแปรรูปจากขยะเป็นน้ำมัน" เพื่อเป็นโครงการนำร่อง
3. การกำหนดส่วนเพิ่ม (Adder) ราคารับซื้อน้ำมันดิบ
3.1 เทศบาล องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หรือผู้ประกอบการเกี่ยวกับการจัดการขยะ มีภาระในการบริหารจัดการขยะที่เกิดขึ้นในพื้นที่ที่รับผิดชอบ กระบวนการแปรรูปขยะเป็นพลังงานซึ่งมีผลตอบแทนทั้งด้านสิ่งแวดล้อมและเศรษฐศาสตร์ จึงเป็นทางเลือกที่หน่วยงานและองค์กรให้ความสนใจ แต่เนื่องจากผลตอบแทนการลงทุนยังมีความเสี่ยงสูงมาก ทั้งด้านเทคโนโลยีที่ยังไม่ได้มีการลงทุนจริงและราคาของผลิตภัณฑ์น้ำมันดิบที่ผลิตได้ก็ยังมีระยะเวลาคืนทุนนาน 5-10 ปี และเพื่อเร่งให้มีการตัดสินใจลงทุนนำเทคโนโลยีการแปรรูปขยะเป็นน้ำมันมาใช้ จึงเห็นควรเพิ่มแรงจูงใจให้กับหน่วยงานและองค์กรต่างๆ โดยนำเงินจากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงมาใช้ในการช่วยเหลืออุดหนุนราคารับซื้อน้ำมันดิบที่ผลิตได้จากการแปรรูปจากขยะ
3.2 จากการประเมินเงินลงทุนการแปรรูปขยะเป็นน้ำมันซึ่งประกอบด้วย (1) ค่าลงทุนระบบจัดการ คัดแยะ และผลิต RDF จากขยะพลาสติก และ (2) ค่าลงทุนเครื่องจักรในกระบวนการ Pyrolysis Depolymerization ที่สามารถรองรับขยะพลาสติกได้ 6 ตัน/วัน พบว่ามีค่าลงทุนประมาณ 100 ล้านบาท หากสามารถจำหน่ายน้ำมันที่ผลิตได้ในราคา 22 บาท/ลิตร จะทำให้ระยะเวลาคืนทุนไม่เกิน 5 ปี
3.3 ราคาน้ำมันดิบในวันที่ 14 มกราคม 2551 (อัตราแลกเปลี่ยน 33.2618 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ) เป็นดังนี้
ดอลลาร์สหรัฐ/บาเรล | บาท/ลิตร | |
ทาปิส | 96.65 | 20.22 |
โอมาน | 88.12 | 18.44 |
ดูไบ | 86.92 | 18.18 |
เบรนท์ | 92.90 | 19.44 |
เวสต์ เท็กซัส | 94.23 | 19.71 |
3.4 สำหรับหลักการในการคำนวณอัตราเงินอุดหนุนราคาน้ำมันที่ได้จากแปรรูปขยะนั้น ใช้ราคาน้ำมันดิบดูไบที่มีคุณภาพต่ำที่สุดเป็นเกณฑ์ ซึ่งปัจจุบันมีราคา 18.18 บาท/ลิตร เมื่อเทียบกับการราคาน้ำมันที่ได้จากแปรรูปขยะตามข้อ 3.2 ในระยะเวลาคืนทุนไม่เกิน 5 ปี อัตราเงินอุดหนุนหรือเงินส่วนเพิ่มควรเริ่มตั้งแต่ 4 บาท/ลิตร ขึ้นไป แต่เพื่อเพิ่มแรงจูงใจในการตัดสินใจลงทุนในช่วงแรกและช่วยบรรเทาภาระความเสี่ยงของหน่วยงานหรือองค์กรที่จะลงทุนในด้านของเทคโนโลยีและคุณภาพของน้ำมันที่จะได้รับ สนพ. จึงเห็นควรกำหนดราคาส่วนเพิ่มที่อัตรา 7 บาท/ลิตร ซึ่งจะทำให้ระยะเวลาคืนทุนลดลงเหลือเพียง 4 ปี
3.5 ในการส่งเสริมการลงทุนการแปรรูปขยะเป็นน้ำมันให้เกิดขึ้นอย่างจริงจัง เห็นควรมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปดำเนินการดังนี้
(1) สนพ. เสนอ คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน เห็นชอบการกำหนดอัตราเงินอุดหนุนราคาน้ำมันดิบให้โรงกลั่นที่รับซื้อน้ำมันดิบที่ผลิตได้จากการแปรรูปขยะ โดยใช้เงินจากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงในอัตรา 7 บาท/ลิตร เป็นระยะเวลา 5 ปี โดยน้ำมันดิบที่โรงกลั่นรับซื้อและจะนำมาขอเงินอุดหนุนดังกล่าวจะต้องมีคุณภาพไม่ต่ำกว่าคุณภาพของน้ำมันดิบดูไบ
(2) สนพ. ออกประกาศ กบง. กำหนดอัตราเงินอุดหนุนราคาน้ำมันดิบที่ผลิตได้จากการแปรรูปขยะ
(3) ให้กรมสรรพสามิตและสถาบันบริหารกองทุนพลังงาน ร่วมกันจัดระบบการจ่ายเงินอุดหนุนให้โรงกลั่นสำหรับการรับซื้อน้ำมันดิบที่ผลิตได้จากการแปรรูปขยะ โดยให้กรมสรรพสามิตเป็นผู้รับผิดชอบตรวจสอบปริมาณการรับซื้อน้ำมันดิบที่ผลิตได้จากการแปรรูปขยะ และให้สถาบันบริหารกองทุนพลังงาน เป็นผู้รับผิดชอบด้านการจ่ายเงินอุดหนุนให้โรงกลั่น
4. การสนับสนุนงานศึกษาวิจัยพัฒนาและสาธิต "โครงการส่งเสริมการแปรรูปจากขยะเป็นน้ำมัน"
สนพ. จะขอใช้เงินจากกองทุนฯ แผนพัฒนาพลังงานทดแทน "โครงการสนับสนุนการศึกษา วิจัยพัฒนาเทคโนโลยีพลังงานทดแทน" ปีงบประมาณ 2551 ที่คณะกรรมการกองทุนฯ ได้อนุมัติจัดสรรให้ สนพ. ไว้แล้ว ตามข้อ 1 นำมาจัดสรรเพื่อใช้ส่งเสริมและสาธิตเทคโนโลยีการแปรรูปขยะเป็นน้ำมัน ในวงเงินรวม 105 ล้านบาท โดยการประกาศเชิญชวนเพื่อเปิดโอกาสให้ผู้สนใจลงทุนจัดทำแผนงานและเสนอต่อ สนพ. เพื่อขอรับการสนับสนุน โดยมีกรอบแนวทางดำเนินงานดังต่อไปนี้
4.1 แนวทางในการให้การสนับสนุน
เป็นเงินช่วยเหลือหรือเงินอุดหนุน หน่วยงานราชการ รัฐวิสาหกิจ และเอกชน สำหรับการลงทุนดำเนินการเกี่ยวกับการส่งเสริมการผลิตพลังงานแปรรูปจากขยะเป็นน้ำมัน
4.2 ข้อกำหนดด้านคุณสมบัติของผู้ยื่นข้อเสนอ
(1) เป็นหน่วยงานที่เข้าลักษณะใดลักษณะหนึ่งดังต่อไปนี้ ราชการ รัฐวิสาหกิจ สถาบันการศึกษา องค์กรเอกชนไม่มุ่งค้าหากำไร
(2) เป็นหน่วยงานที่ได้รับความร่วมมือและอนุญาตให้จัดการขยะในพื้นที่ท้องถิ่นนั้น
(3) มีความพร้อมด้านงบประมาณสนับสนุนการจัดสร้างระบบฯ
4.3 แนวทางจัดทำข้อเสนอโครงการฯ
"เจ้าของโครงการ" จะต้องจัดทำข้อเสนอโครงการ โดยมีข้อกำหนดด้านเทคนิคดังนี้
(1) เป็นระบบที่มีสามารถในการผลิตน้ำมันเชื้อเพลิงได้ไม่ต่ำกว่า 3,500 ลิตร/วัน
(2) น้ำมันเชื้อเพลิงที่ผลิตได้ต้องมีค่าความร้อนไม่น้อยกว่า 34.5 MJ/ลิตร (ร้อยละ 95ของค่าความร้อนของน้ำมันดิบ)
(3) มีวัตถุดิบเพียงพอกับความต้องการของกระบวนการผลิต
(4) มีระบบคัดแยกขยะพลาสติก
(5) มีความพร้อมด้านสถานที่ก่อสร้างโรงงาน
4.4 ประเภทของค่าใช้จ่ายที่จะได้รับการสนับสนุน
เงินสนับสนุนจากกองทุนฯ 105 ล้านบาท (หนึ่งร้อยห้าล้านบาทถ้วน) นำมาเป็นเงินช่วยเหลือให้เปล่าในสัดส่วน 32% แต่ไม่เกิน 35 ล้านบาทต่อราย ดังนี้
กระบวนการ | เงินลงทุน (ล้านบาท) |
เงินสนับสนุนสูงสุด | สัดส่วน |
(1) เงินลงทุนในส่วนระบบจัดการและคัดแยกขยะ * | 35 | 10 | 28% |
(2) เงินลงทุนสำหรับระบบแปรรูปขยะเป็นน้ำมัน ** | 65 | 15 | 23% |
(3) ค่าที่ปรึกษาออกแบบระบบและบริหารจัดการ | 10 | 10 | 100% |
รวม | 110 | 35 | 33% |
* เงินลงทุนระบบจัดการคัดแยะเทศบาลระยองซึ่งรองรับขยะขนาด 60 ตัน/วัน มีสัดส่วนขยะพลาสติกไม่เกิน 10 ตัน/วัน (คิดจากสัดส่วนขยะพลาสติกเฉลี่ยของประเทศไทยที่ 16.83%) และเครื่องผลิต RDF อ้าอิงจากเครื่องผลิต RDF ชีวมวลจากการประเมินของ ม.สุรนารี 3 ล้านบาท
** ข้อเสนอโครงการนำร่องการแปรรูปขยะเป็นพลังงานน้ำมันซึ่งรองรับขยะได้ 6 ตัน/วัน
4.5 การจ่ายเงินสนับสนุน
งวดจ่ายเงิน | ร้อยละของวงเงินที่ขอรับการสนับสนุน | เงื่อนไข |
งวดที่ 1 | ร้อยละ 30 | เมื่อออกแบบรายละเอียดระบบแล้วเสร็จ |
งวดที่ 2 | ร้อยละ 40 | เมื่อก่อสร้างระบบและติดตั้งอุปกรณ์แล้วเสร็จ |
งวดที่ 3 | ร้อยละ 15 | เมื่อเริ่มต้นเดินระบบและนำขยะเข้าระบบได้ 50% |
งวดที่ 4 | ร้อยละ 15 | เมื่อเดินระบบได้เต็มกำลังผลิตและสามารถผลิตน้ำมันเชื้อเพลิงที่มีค่าความร้อนไม่น้อยกว่า 34.5 MJ/ลิตร |
4.6 วิธีการและขั้นตอนในการให้การสนับสนุน
ขั้นตอนที่ 1 สนพ. ออกประกาศเชิญชวนผู้สนใจเพื่อจัดทำแผนและรายละเอียดของโครงการตามที่กำหนดไว้ เสนอต่อ ผอ.สนพ. ภายในเวลา 3 เดือนนับจากวันที่ออกประกาศ
ขั้นตอนที่ 2 หน่วยงานที่มีความประสงค์ขอรับการสนับสนุน (หน่วยงานเจ้าของโครงการ) ยื่นข้อเสนอโครงการต่อ สนพ.
ขั้นตอนที่ 3 คณะผู้เชี่ยวชาญร่วมพิจารณาวิเคราะห์และกลั่นกรองให้ความเห็นตามเกณฑ์การพิจารณาที่กำหนด และจัดเรียง ลำดับตามคะแนนแต่ละโครงการที่ได้รับ ผู้ที่ได้รับคะแนนสูงสุด 3 อันดับแรก จะได้รับการเสนอ ผอ.สนพ. เพื่อพิจารณา
ขั้นตอนที่ 4 โครงการที่ ผอ.สนพ. ให้ความเห็นชอบแล้ว สนพ. จะแจ้งมติให้เจ้าของโครงการทราบ และลงนามในหนังสือยืนยันหรือสัญญากับเจ้าของโครงการ การเบิกจ่ายเงินงวดแรกให้ "เจ้าของโครงการ" เป็นไปตามที่ระบุไว้ในหนังสือยืนยันหรือสัญญา
ขั้นตอนที่ 5 เจ้าของโครงการ ดำเนินโครงการตามแผนงาน/สัญญา และรายงานผลให้ สนพ. ทราบทุกระยะ
ขั้นตอนที่ 6 เมื่อต้องมีการจ่ายเงินตามงวดในหนังสือยืนยันหรือสัญญา สนพ. จะดำเนินการเบิกเงินจากที่เก็บรักษาเงินกองทุนฯ เพื่อนำมารอจ่ายให้แก่เจ้าของโครงการ ในการจ่ายเงินนี้ สนพ. ต้องพิจารณาตรวจสอบให้เจ้าของโครงการดำเนินการตามหนังสือยืนยันหรือสัญญาก่อนจึงจ่ายเงินได้
ขั้นตอนที่ 7 สนพ. รายงานความก้าวหน้าและผลการดำเนินงานให้คณะกรรมการกองทุนฯ ทราบ เป็นระยะๆ รวมถึงติดตามประเมินผลโครงการด้วย
4.7 คณะผู้เชี่ยวชาญเพื่อร่วมพิจารณาวิเคราะห์และกลั่นกรอง ข้อเสนอโครงการส่งเสริมการแปรรูปจากขยะเป็นน้ำมัน ประกอบด้วย (1) ศ.ดร.พรายพล คุ้มทรัพย์ (2) รศ.ดร.สมรัฐ เกิดสุวรรณ และ (3)ผศ.ดร.วีระชัย อาจหาญ
มติที่ประชุม
1. เห็นชอบแนวทางส่งเสริมการแปรรูปจากขยะเป็นน้ำมันด้วยการจูงใจด้านราคา โดยนำเงินจากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงมาช่วยอุดหนุนราคารับซื้อน้ำมันดิบที่ผลิตได้จากการแปรรูปจากขยะ ในอัตรา 7 บาทต่อลิตร ตามที่ฝ่ายเลขานุการฯ เสนอในข้อ 3 และให้ สนพ. เสนอคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน เพื่อพิจารณาต่อไป
2. เห็นชอบแนวทางส่งเสริมการแปรรูปจากขยะเป็นน้ำมันด้วยการสนับสนุนงานวิจัยและสาธิตเป็นโครงการนำร่อง โดยให้ สนพ. จัดสรรเงินกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน แผนพลังงานทดแทน งานศึกษาวิจัยและพัฒนาด้านเทคนิค โครงการสนับสนุนการศึกษาวิจัยพัฒนาเทคโนโลยีพลังงานทดแทน ปีงบประมาณ 2551 ที่คณะกรรมการกองทุนฯ ในการประชุมครั้งที่ 2/2550 (ครั้งที่ 46) เมื่อวันที่ 21 กันยายน 2551 ได้จัดสรรให้ สนพ. ไว้แล้ว มาใช้สำหรับ "โครงการส่งเสริมการแปรรูปจากขยะเป็นน้ำมัน" ในวงเงิน 105 ล้านบาท ดังรายละเอียดปรากฏตามเอกสารแนบวาระ 3.2.1
1. ฝ่ายเลขานุการฯ รายงานต่อที่ประชุมว่า มูลนิธิชัยพัฒนา กระทรวงพลังงาน กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงเกษตรและสหกรณ์การเกษตร บริษัท ปตท. จำกัด กลุ่มธุรกิจพืชครบวงจร เครือเจริญโภคภัณฑ์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จึงได้ร่วมกันจัดตั้ง "โครงการจัดตั้งศูนย์สาธิตและพัฒนาพลังงานทดแทนด้วยไบโอดีเซลจากปาล์มน้ำมันแบบครบวงจร" เป็นการร่วมมือกันอย่างจริงจังทั้งด้านเงินทุนในการเพาะปลูก ความรู้เกี่ยวกับพันธุ์ปาล์ม และการดูแลจัดการสวนปาล์มน้ำมันที่เหมาะสม รวมทั้งการลงทุนในอุตสาหกรรมโรงสกัดน้ำมันปาล์มและโรงงานไบโอดีเซลที่จะรับซื้อเป็นวัตถุดิบต่อไป เชื่อว่าอีกไม่กี่ปีจากนี้ไปเมื่อมีความมั่นใจว่าพื้นที่ทุ่งรังสิตสามารถผลิตปาล์มน้ำมันเชิงพาณิชย์ได้ จะมีเกษตรกร และนักลงทุนจำนวนมากเข้ามาลงทุนปลูกปาล์มน้ำมัน ซึ่งหมายความว่าสวนส้มร้างก็จะมีการนำมาพัฒนาใช้ประโยชน์ของดินได้อีกครั้ง ทั้งนี้เครื่องจักรและสิ่งปลูกสร้างทั้งหมดในโครงการนี้ จะทูลเกล้าถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ โดยส่งมอบให้มูลนิธิชัยพัฒนาดำเนินการต่อไป โดยมีกิจกรรมภายใต้ "โครงการจัดตั้งศูนย์สาธิตและพัฒนาพลังงานทดแทนด้วยไบโอดีเซลจากปาล์มน้ำมันแบบครบวงจร " ดังนี้
1) การบริหารจัดการและกำกับติดตามงาน โดยมูลนิธิชัยพัฒนา
2) การจัดการแปลงปลูกปาล์มน้ำมัน จำนวนประมาณ 5,300 ไร่ ประกอบด้วย (1) จำนวน 1,000 ไร่ โดย บริษัท ปตท. จำกัด (2) จำนวน 4,000 ไร่ เป็นพื้นที่สมัครใจของเกษตรกรเจ้าของพื้นที่หรือผู้เช่าที่ดิน (3) จำนวน 100 ไร่ บนพื้นที่โครงการฯ บริเวณคลอง 9 หรือ คลอง 11 จ.ปทุมธานี โดย มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ร่วมกับ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กรมวิชาการเกษตร และกรมส่งเสริมการเกษตร เพื่อศึกษาวิจัยพัฒนาเทคโนโลยีการปลูก และ (4) จำนวน 200 ไร่ โดยมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ร่วมกับ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ศึกษาพัฒนาเพื่อปรับปรุงพันธุ์ปาล์มน้ำมัน ในพื้นที่โครงการปลูกป่า ชัยพัฒนา-แม่ฟ้าหลวง ตำบลหนองพลับ อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
3) การรับซื้อผลผลิตปาล์มน้ำมัน โดยกลุ่มธุรกิจพืชครบวงจร เครือเจริญโภคภัณฑ์
4) เครื่องจักรสกัดน้ำมัน กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ ร่วมกับ บริษัท เกรท อะโกร จำกัด กลุ่มธุรกิจพืชครบวงจร เครือเจริญโภคภัณฑ์
5) เครื่องจักรผลิตน้ำมันไบโอดีเซล B100 กำลังการผลิต 1,000-2,000 ลิตรต่อวัน รับผิดชอบโดย บริษัท ปตท. จำกัด เพื่อแปรรูป CPO ที่จะได้จากเครื่องจักรสกัดของ สวทช. และ บริษัท เกรท อะโกร จำกัด
6) การจัดการของเสียที่เกิดขึ้นในกระบวนการผลิตน้ำมันไบโอดีเซล ในส่วนของทะลายปาล์มสด โดยกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน จะใช้ระบบผลิตไฟฟ้าจากก๊าซเชื้อเพลิงชีวมวลแบบ 3 ขั้นตอน ขนาดกำลังการผลิต 100 kW กิโลวัตต์
7) การฝึกอบรม ประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ โดยมูลนิธิชัยพัฒนา
2. ประมาณการค่าใช้จ่ายของทั้งโครงการฯ รวมทั้งสิ้น 75,481,000 บาท โดยแต่ละหน่วยงานจะจัดหาจากแหล่งเงินทุนต่างๆ โดยในส่วนของ "โครงการพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตปาล์มน้ำมันเพื่ออุตสาหกรรมไบโอดีเซลชุมชนเชิงพาณิชย์ในพื้นที่ปลูกใหม่" ที่ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ร่วมกับ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กรมวิชาการเกษตร และกรมส่งเสริมการเกษตร จะทำการศึกษาวิจัยพัฒนาสายพันธุ์ปาล์ม ตลอดจนการเขตกรรม การให้ปุ๋ย การให้น้ำ การดูแลวัชพืชและศัตรูพืช ในพื้นที่วิจัยทั้ง 2 แห่ง คือ บริเวณคลอง 9 หรือ คลอง 11 จ.ปทุมธานี ประมาณ 100 ไร่ และในพื้นที่โครงการปลูกป่า ชัยพัฒนา-แม่ฟ้าหลวง ตำบลหนองพลับ อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ประมาณ 150 ไร่ รวม 250 ไร่ นั้น มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์จำเป็นต้องขอรับการสนับสนุนจากกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน เป็นค่าใช้จ่ายสำหรับการดำเนินงานในวงเงินรวม 33,140,000บาท (สามสิบสามล้านหนึ่งแสนสี่หมื่นบาทถ้วน) โดยสรุปสาระสำคัญของโครงการฯ ได้ดังนี้
2.1 วัตถุประสงค์
1) เพื่อศึกษาความเป็นไปได้ (Feasibility) ทั้งด้านสถานภาพของระบบการปลูก การผลิตพืชน้ำมันที่มีศักยภาพในพื้นที่ที่มีสภาพดินกรดจัดบริเวณคลองรังสิต จ.ปทุมธานี จำนวน 100 ไร่ และในพื้นที่โครงการปลูกป่า ชัยพัฒนา-แม่ฟ้าหลวง ต.หนองพลับ อ.หัวหิน จ. ประจวบคีรีขันธ์ จำนวน 150 ไร่
2) เพื่อศึกษากระบวนการเขตกรรมขนาดพอเหมาะแก่ชุมชน เพื่อทำน้ำมันไบโอดีเซล ทั้งด้านเศรษฐศาสตร์ สังคม และสิ่งแวดล้อม
3) เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของศูนย์เรียนรู้ชุมชน (Model Farm) ใน "ศูนย์ศึกษาพัฒนาและสาธิตพลังงานทดแทนด้วยไบโอดีเซลจากปาล์มน้ำมันแบบครบวงจร" ที่มีแบบจำลอง Process-base ของปาล์มน้ำมันเพื่อการปลูกและผลิตไบโอดีเซลครบวงจร
2.2 แนวทางดำเนินโครงการฯ
1) คัดเลือกสายพันธุ์ปาล์มน้ำมันที่เหมาะสมสำหรับปลูกในพื้นที่บริเวณคลองรังสิต จ.ปทุมธานี ได้แก่ พันธุ์ลูกผสมสุราษฎร์ธานี 1, 2 และ 3 รวมถึงพันธุ์อื่นๆ ทั้งในและต่างประเทศที่ได้รับการรับรองจากกรมวิชาการเกษตรอีกจำนวนประมาณ 2 สายพันธ์ มาทดลองปลูกในพื้นที่แปลงสาธิต เพื่อศึกษาความเหมาะสมและความคุ้มค่าการผลิตปาล์มน้ำมันในแต่ละ Scale
2) ศึกษาเทคโนโลยีการผลิตปาล์มน้ำมันครบวงจรในพื้นที่บริเวณคลองรังสิต จ.ปทุมธานี และในพื้นที่โครงการปลูกป่าชัยพัฒนา-แม่ฟ้าหลวง อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ได้แก่ การวิจัยสายพันธุ์ การวิจัยการปลูกพืชเซมในสวนปาล์มเพื่อเพิ่มรายได้ชุมชน การควบคุมการปลูกโดยจัดสรรและจัดการน้ำแบบต่างๆ การศึกษาการจัดการและระดับการให้ปุ๋ยในปาล์มน้ำมัน การควบคุมการจัดการโรคและวัชพืชในปาล์มน้ำมัน การควบคุมและบังคับการออกดอกตัวเมียในปาล์มน้ำมัน การพัฒนาการเก็บเกี่ยวทะลายปาล์มสดเพื่อให้ได้น้ำมันปาล์มที่ได้ปริมาณและคุณภาพสูงสุด
3) ศึกษาผลที่มีต่อเศรษฐกิจ สังคม และสภาพแวดล้อมของการผลิตปาล์มน้ำมัน
4) ถ่ายทอดเทคโนโลยีและข้อมูลพื้นฐานของระบบฐานข้อมูลของผลงานวิจัยแก่ชุมชนและนักส่งเสริมในรูปแบบของ Research and extension (R&E)
2.3 งบประมาณ ขอรับการสนับสนุนจากกองทุนฯ เป็นเงินทั้งสิ้น 33,140,000 บาท ประกอบด้วย
รายการ | ปี 2551 | ปี 2552 | ปี 2553 | ปี 2554 | ปี 2555 | รวม 5 ปี |
1. ค่าจ้าง | 960,000 | 960,000 | 960,000 | 960,000 | 960,000 | 4,800,000 |
2. ค่าตอบแทน | 600,000 | 600,000 | 600,000 | 600,000 | 600,000 | 3,000,000 |
3. ค่าใช้สอย | 2,850,000 | 2,750,000 | 2,750,000 | 3,000,000 | 3,000,000 | 14,350,000 |
4. ค่าวัสดุ | 1,750,000 | 1,550,000 | 1,550,000 | 1,550,000 | 1,550,000 | 7,950,000 |
5. ค่าบริหารโครงการ | 616,000 | 586,000 | 586,000 | 626,000 | 626,000 | 3,040,000 |
รวมแต่ละปี | 6,776,000 | 6,446,000 | 6,446,000 | 6,736,000 | 6,736,000 | 33,140,000 |
2.4 ระยะเวลาโครงการ 60 เดือน นับตั้งแต่ลงนามในหนังสือยืนยันกับ สนพ.
3. ฝ่ายเลขานุการมีความคิดเห็นว่า โครงการนี้มีวัตถุประสงค์และแนวทางดำเนินโครงการฯ อยู่ในกรอบแผนงานและหลักเกณฑ์ตามที่คณะกรรมการกองทุนฯ ได้อนุมัติไว้แล้ว ฝ่ายเลขานุการฯ จึงเสนอคณะอนุกรรมการฯ เพื่อพิจารณาเห็นชอบให้มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ดำเนินงาน "โครงการพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตปาล์มน้ำมันเพื่ออุตสาหกรรม ไบโอดีเซลชุมชนเชิงพาณิชย์ในพื้นที่ปลูกใหม่" โดยขอเสนอแต่งตั้ง ดร.สมเจตน์ ประทุมมินทร์ กรมวิชาการเกษตร และนายรังสรรค์ สโรชวิกสิต กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน เป็นผู้เชี่ยวชาญพิจารณารายละเอียดของโครงการฯ และเมื่อมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ปรับปรุงแผนงานของโครงการฯ ตามความเห็นของผู้เชี่ยวชาญทั้ง 2 ท่านเรียบร้อยแล้ว ให้เสนอ ผอ.สนพ. พิจารณาและลงนามในหนังสือยืนยันการให้ทุนฯ กับมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ต่อไป
มติที่ประชุม
เห็นชอบให้ สนพ. จัดสรรเงินกองทุนฯ แผนพลังงานทดแทน งานศึกษาวิจัยและพัฒนาด้านเทคนิค โครงการสนับสนุนการศึกษาวิจัยพัฒนาเทคโนโลยีพลังงานทดแทน ปีงบประมาณ 2551 ให้ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับ "โครงการพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตปาล์มน้ำมันเพื่ออุตสาหกรรมไบโอดีเซลชุมชนเชิงพาณิชย์ในพื้นที่ปลูกใหม่" ในวงเงิน 33,140,000 บาท (สามสิบสามล้านหนึ่งแสนสี่หมื่นบาทถ้วน) ดังรายละเอียดปรากฏตามเอกสารแนบวาระ 3.3.1 และแต่งตั้ง ดร.สมเจตน์ ประทุมมินทร์ และนายรังสรรค์ สโรชวิกสิต เป็นผู้เชี่ยวชาญพิจารณาโครงการฯ ตามที่ฝ่ายเลขานุการฯ เสนอในข้อ 2 โดยใช้เงินส่วนที่คณะกรรมการกองทุนฯ ในการประชุมครั้งที่ 2/2550 (ครั้งที่ 46) เมื่อวันที่ 21 กันยายน 2551 ได้จัดสรรให้ สนพ. ไว้แล้ว
กองทุนส่งเสริมเพื่อการอนุรักษ์พลังงาน ธันวาคม 2550
- กองทุนส่งเสริมเพื่อการอนุรักษ์พลังงาน ธันวาคม 2550 (1748 Downloads)
กองทุนเงินอุดหนุนจากสัญญาโรงกลั่นปิโตรเลียม ธันวาคม 2550
- กองทุนสัญญาโรงกลั่นปิโตรเลียม ธันวาคม 2550 (573 Downloads)
งบประมาณกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ธันวาคม 2550
- งบประมาณกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ธันวาคม 2550 (753 Downloads)
อนุ กอ. ครั้งที่ 13 - วันพฤหัสบดีที่ 20 ธันวาคม 2550
มติคณะอนุกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน
ครั้งที่ 7/2550 (ครั้งที่ 13)
วันพฤหัสบดีที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2550 เวลา 09.30 น.
ณ ห้องประชุมบุญรอด-นิธิพัฒน์ ชั้น 11 อาคาร 7 กระทรวงพลังงาน
1. ขอความเห็นชอบจัดสรรเงินกองทุนฯ สำหรับการดำเนินงานตามแผนโครงสร้างพื้นฐานเพื่อการผลิตไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์
2. ขอความเห็นชอบโครงการพัฒนากำลังพลด้านพลังงานตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง
3. ขอความเห็นชอบรายละเอียดเพิ่มเติมโครงการของ พพ. ที่ขอจัดสรรเงินจากกองทุนฯ ปีงบประมาณ 2551 ตามมติคณะกรรมการกองทุนฯ
4. ขอความเห็นชอบเพิ่มเงินสนับสนุนโครงการติดตั้งกังหันลมผลิตไฟฟ้าจ่ายขนานเข้าระบบจำหน่าย ขนาด 1.5 เมกกะวัตต์ อ.สทิงพระ จังหวัดสงขลา
5. ขอความเห็นชอบปรับรายละเอียดโครงการที่คณะกรรมการกองทุนฯ อนุมัติไว้แล้ว
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน (นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์) ประธานอนุกรรมการ
ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (นายวีระพล จิรประดิษฐกุล) อนุกรรมการและเลขานุการ
1. ฝ่ายเลขานุการฯ ได้เสนอที่ประชุมเพื่อรับทราบมติของคณะกรรมการกองทุนฯ ในการประชุมเมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2550 และ มติของ กพช. ในการประชุมเมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน 2550 เรื่อง "แผนการจัดตั้งโครงสร้างพื้นฐานเพื่อการผลิตไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์" สรุปได้ดังนี้
1.1 รับทราบประมาณการรายจ่ายสำหรับกิจกรรมโครงสร้างพื้นฐานเพื่อการผลิตไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ ในช่วง 3 ปีแรก ซึ่งคาดว่าจะใช้จ่ายเงินประมาณ 450 ล้านบาท/ปี หรือจำนวนรวม 1,350 ล้านบาท ประกอบด้วย 7 แผนงานดังนี้
แผนงาน | งบประมาณ (ล้านบาท) | ||
ปี 2551 | ปี 2552 | ปี 2553 | |
1. แผนงานด้านกฎหมาย ระบบกำกับ และข้อผูกพันระหว่างประเทศ | 30.0 | 30.0 | 30.0 |
2. แผนงานด้านโครงสร้างพื้นฐานอุตสาหกรรมและพาณิชย์ | 10.0 | 10.0 | 10.0 |
3. แผนงานด้านการถ่ายทอด พัฒนาเทคโนโลยี และพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ | 65.0 | 65.0 | 65.0 |
4. แผนงานด้านความปลอดภัย และการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม | 30.0 | 30.0 | 30.0 |
5. แผนงานด้านการสื่อสารสาธารณะ และการยอมรับของประชาชน | 185.0 | 200.0 | 240.0 |
6. แผนงานด้านการการวางแผนการดำเนินการโครงการไฟฟ้านิวเคลียร์ | 70.0 | 90.0 | 85.0 |
7. การจัดตั้งสำนักพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ (NPPDO) | 25.0 | 25.0 | 25.0 |
รวมค่าใช้จ่ายรายปี | 415.0 | 450.0 | 485.0 |
รวมค่าใช้จ่ายรวม 3 ปี | 1,350.00 |
1.2 เห็นชอบให้ สนพ. เพิ่มเติมโครงสร้างพื้นฐานเพื่อการผลิตไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ ในกรอบแผนอนุรักษ์พลังงาน ระยะที่ 3 (ในช่วงปี 2551-2554) และอนุมัติจัดสรรเงินกองทุนฯ แผนพลังงานทดแทน งานศึกษาวิจัยและพัฒนาด้านเทคนิค ให้ สนพ. ในวงเงินประมาณ 250 ล้านบาท/ปี ไว้ใช้สำหรับช่วยเหลืออุดหนุนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสำหรับกิจกรรมตามแผนงานที่ 1 ถึง 7 ที่มีความเร่งด่วนต้องเริ่มดำเนินการและมีกรอบระยะเวลาที่กำหนดไว้แล้วตามมติคณะรัฐมนตรี โดยการพิจารณาจัดสรรเงินกองทุนฯ จะต้องดำเนินการตามแนวทาง หลักเกณฑ์ เงื่อนไขและลำดับความสำคัญของการใช้จ่ายเงินกองทุนฯ ที่กองทุนกำหนด
นอกจากนี้ กพช. ในการประชุมครั้งที่ 9/2550 (ครั้งที่ 118) เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2550 ได้เห็นชอบให้กระทรวงพลังงานจัดตั้ง "สำนักงานพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์" ขึ้น เพื่อเป็นหน่วยงานกลางในการดำเนินงานและประสานงานตามแผนจัดตั้งโครงสร้างพื้นฐานพลังงานนิวเคลียร์
2. เพื่อให้การประสานและผลักดันกิจกรรมต่างๆ เกิดขึ้นจริงในทางปฏิบัติ การดำเนินการจำเป็นต้องเริ่มต้นโดยเร็ว คือในส่วนของการจัดตั้งสำนักงานฯ และการสร้างความรู้และความเข้าใจกับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง กระทรวงพลังงานจึงจัดทำข้อเสนอขอจัดสรรเงินจากกองทุนฯ ในวงเงินรวม 30 ล้านบาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับการดำเนินงานตามแผนงานปีที่ 1 ของแผนงานที่ 7 การจัดตั้งสำนักงานพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ ในวงเงิน 25 ล้านบาท และของแผนงานที่ 5 แผนงานด้านการสื่อสารสาธารณะและการยอมรับของประชาชน ในวงเงิน 5 ล้านบาท โดยสรุปสาระสำคัญของแต่ละแผนงานได้ดังนี้
2.1 การจัดตั้งสำนักงานพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ : เป็นการดำเนินการตามแผนการจัดตั้งหน่วยงานกลางที่จะทำหน้าที่จัดทำแผนงาน มาตรการ และแนวทางดำเนินการเพื่อเตรียมความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐานพลังงานนิวเคลียร์ โดยปลัดกระทรวงพลังงานได้มอบหมายให้ ดร.ณอคุณ สิทธิพงศ์ รองปลัดกระทรวงพลังงาน ปฏิบัติหน้าที่ผู้อำนวยการสำนักงานฯ โดยมีการแบ่งโครงสร้างการบริหารออกเป็น 4 ส่วน ประกอบด้วย (1) สำนักประสานความร่วมมือการจัดตั้งโครงสร้างพื้นฐานโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ (2) สำนักประสานความร่วมมือการวางแผนการดำเนินโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ (3) สำนักสื่อสารและการยอมรับสาธารณะ และ (4) สำนักบริหารงานกลาง โดยมีสาระสำคัญของแผนงานจัดตั้งสำนักงานฯ สรุปได้ ดังนี้
2.1.1 การเตรียมความพร้อมด้านบุคลากร คาดว่าจะมีบุคลากรปฏิบัติงานในสำนักงานฯ ประมาณ 20 คน โดยบางส่วนจะเป็นข้าราชการประจำของสำนักงานปลัดกระทรวงพลังงาน และ สนพ. เข้าไปช่วยบริหารจัดการ แต่ด้วยอัตรากำลังคนที่จำกัดและปริมาณงานที่มีอยู่มาก ประกอบกับงานหลายส่วนจำเป็นต้องจ้างผู้ที่มีความรู้เฉพาะทางและประสบการณ์สูงเข้ามาช่วยดำเนินการ เช่น การเตรียมความพร้อมทางด้านกฎหมาย การเตรียมการด้านเทคนิคโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ การศึกษาเตรียมการด้านความปลอดภัยและสิ่งแวดล้อม การจัดเตรียมงบประมาณ การบริหารจัดการด้านการเงินและพัสดุ ฯลฯ
2.1.2 การเตรียมความพร้อมด้านสถานที่ปฏิบัติงาน ด้วยกระทรวงพลังงานมีพื้นที่จำกัด จึงจำเป็นต้องจัดหาหรือเช่าพื้นที่ของอาคารอื่นสำหรับเป็นที่ตั้งของสำนักงานฯ โดยมีพื้นที่เพียงพอรองรับจำนวนบุคลากรที่จะเข้ามาร่วมดำเนินการศึกษา วิเคราะห์ หรือแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์ รวมถึงการใช้เป็นที่จัดประชุมคณะอนุกรรมการทั้ง 6 คณะ พร้อมทั้งการเตรียมวัสดุ อุปกรณ์ และครุภัณฑ์สำนักงานที่จำเป็นต่อการใช้งานขั้นพื้นฐาน เช่น โต๊ะและเก้าอี้สำหรับทำงานและการประชุม เครื่องคอมพิวเตอร์พร้อมระบบเชื่อมโยง เครื่องโทรศัพท์ โทรสาร เครื่องพิมพ์ เครื่องถ่ายเอกสาร ฯลฯ
2.1.3 การเตรียมการด้านงบประมาณ ด้วยกระทรวงพลังงานไม่ได้จัดเตรียมงบประมาณไว้ จึงขอรับสนับสนุนเงินจากกองทุนฯ เพื่อนำไปใช้จ่ายสำหรับการดำเนินงานจัดตั้งสำนักงานฯ ในปีที่ 1 ในวงเงิน 25 ล้านบาท สรุปได้ดังนี้
รายการ | บาท | |
1) เงินเดือน/ค่าจ้าง | 10,000,000 | |
ผู้เชี่ยวชาญ 5 คน (ด้านกฎหมาย เศรษฐศาสตร์ วางแผนงาน ด้านสื่อสาร ด้านเทคนิค) | 6,000,000 | |
เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน 15 คน | 4,000,000 | |
2) ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน | 5,000,000 | |
ค่าล่วงเวลา ค่าเบี้ยประชุม | 400,000 | |
ค่าเช่าอาคาร ค่าใช้จ่ายในการเดินทางในประเทศ ค่าจัดสัมมนา ฝึกอบรม | 3,500,000 | |
ค่าวัสดุ ค่าสาธารณูปโภค |
500,000 600,000 |
|
3) ค่าใช้จ่ายในการลงทุน | 5,000,000 | |
ค่าครุภัณฑ์ (สำนักงาน และ คอมพิวเตอร์) | 5,000,000 | |
4) ค่าใช้จ่ายอื่นๆ | 5,000,000 | |
ค่าจ้างที่ปรึกษา ค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปต่างประเทศ |
3,000,000 2,000,000 |
|
รวมทั้งสิ้น (ยี่สิบห้าล้านบาทถ้วน) | 25,000,000 |
ระยะเวลาดำเนินการ 14 เดือน โดยขอถัวจ่ายทุกรายการภายในวงเงิน 25 ล้านบาท และอาจจะจ้างที่ปรึกษา เข้ามาบริหารทั้งโครงการฯ ตามความเหมาะสม
ผลที่คาดว่าจะได้รับ สามารถจัดหาผู้ที่เกี่ยวข้องกับงานส่วนต่างๆ ภายใต้กิจกรรมโครงสร้างพื้นฐานเพื่อการผลิตไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ เข้ามาช่วยดำเนินการโดยเป็นบุคลากรหรือทีมงานที่มีความรู้เฉพาะทาง มีความชำนาญหรือประสบการณ์สูง มีผลงานเป็นที่ประจักษ์ในด้านคุณภาพและประสิทธิภาพ โดยสามารถจัดทำร่างแผนโครงสร้างองค์กรเพื่อรองรับโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ทั้งด้านเทคนิคโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ความปลอดภัย การคุ้มครองสิ่งแวดล้อม กฎหมาย ระบบกำกับ แนวทางพิจารณาความเหมาะสมของการคัดเลือกสถานที่ตั้ง เสนอคณะอนุกรรมการวางแผนการดำเนินการโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ให้ความเห็นชอบ
2.2 แผนงานด้านการสื่อสารสาธารณะและการยอมรับของประชาชน ปีที่ 1 : เป็นการดำเนินการตามแผนสร้างความเชื่อมั่นและความไว้วางใจของประชาชน ซึ่งเป็นงานสำคัญและต้องรีบดำเนินการทันที ต่อเนื่องและนำไปสู่การยอมรับของสาธารณะที่ถูกต้อง ชัดเจนและโปร่งใส โดยการสร้างความรู้ความเข้าใจกับประชาชน ให้รู้ถึงความเสี่ยงและข้อดีของโรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์ การไขปัญหาที่ประชาชนยังมีความกังวลสูงให้ได้ โดยเฉพาะการจัดการเชื้อเพลิงใช้แล้วและกากกัมมันตภาพรังสี
โดยในช่วงต้นจะต้องเร่งสร้างความเข้าใจไปยังกลุ่มผู้มีส่วนเกี่ยวข้องเข้ามามีส่วนร่วมในการเสนอข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะที่มีต่อโรงงานไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ ซึ่งตามมติ กพช. เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2550 ได้กำหนดให้ดำเนินการผ่านจัดการประชุมสัมมนาผู้มีส่วนเกี่ยวข้องอย่างน้อย 8 ครั้ง ในระยะเวลา 6 เดือน และเพื่อให้การดำเนินการสำเร็จลงตามแผนงานฯ ที่กำหนด กระทรวงพลังงาน จึงเสนอขอจัดสรรเงินจากกองทุนฯ ในวงเงิน 5 ล้านบาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการจ้างที่ปรึกษาเพื่อดำเนินการสร้างความรู้ ความเข้าใจและการมีส่วนร่วมของประชาชนต่อพลังงานนิวเคลียร์
ผลที่คาดว่าจะได้รับ สามารถดำเนินการจัดการประชุมสัมมนาผู้มีส่วนเกี่ยวข้องอย่างน้อย 8 ครั้ง ในระยะเวลา 6 เดือน โดยมีจำนวนผู้เข้าร่วมสัมมนารวมอย่างน้อย 800 คน และร้อยละ 70 ของผู้เข้าร่วมสัมมนามีความรู้ ความเข้าใจในโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์เพิ่มขึ้น
มติที่ประชุม
เห็นชอบจัดสรรเงินกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน แผนพลังงานทดแทน งานศึกษาวิจัยและพัฒนาด้านเทคนิค ปีงบประมาณ 2551 ให้ สำนักงานปลัดกระทรวงพลังงาน ในวงเงิน 30,000,000 บาท (สามสิบล้านบาทถ้วน) สำหรับดำเนินการตามแผนจัดตั้งโครงสร้างพื้นฐานเพื่อการผลิตไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ ดังรายละเอียดปรากฏตามเอกสารประกอบวาระ 3.1 โดยใช้เงินส่วนที่ สนพ. ได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการกองทุนฯ ในการประชุมครั้งที่ 3/2550 (ครั้งที่ 46) เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2550
เรื่องที่ 2 ขอความเห็นชอบโครงการพัฒนากำลังพลด้านพลังงานตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง
1. ฝ่ายเลขานุการฯ ได้แจ้งให้ที่ประชุมรับทราบว่า กรมการพลังงานทหาร กระทรวงกลาโหม (พท.) ได้ยื่นข้อเสนอ "โครงการพัฒนากำลังพลด้านพลังงานตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง" ไว้กับ สนพ. เพื่อขอรับการสนับสนุนทุนจากกองทุนฯ และ สนพ. ได้แต่งตั้งคณะผู้ทรงคุณวุฒิ เพื่อร่วมพิจารณาข้อเสนอโครงการดังกล่าว ประกอบด้วย (1) รศ.ดร.กล้าณรงค์ ศรีรอต (2) นาวาเอก ดร. สมัย ใจอินทร์ (3) ผศ.ดร.อนุชา พรหมวังขวา และ (4) นายประพนธ์ วงศ์ท่าเรือ
2. คณะผู้ทรงคุณวุฒิได้ประชุมพิจารณาข้อเสนอโครงการฯ เมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม 2550 พร้อมกับเชิญผู้แทนจาก พท. เข้าร่วมประชุมเพื่อเสนอข้อมูลเพิ่มเติมแล้ว ที่ประชุมมีความเห็นว่า พท. ควรปรับแผนการดำเนินการใหม่ โดยสำรวจหน่วยทหารที่เชื่อมั่นว่าจะมีวัตถุดิบเพียงพอ สำหรับระบบผลิตไบโอดีเซล 100-150 ลิตร/วัน และเป็นหน่วยที่มีความพร้อมในการดูแลระบบผลิต โดยแบ่งการดำเนินงานออกเป็น 2 ระยะ
ระยะแรก เพื่อสร้างต้นแบบความรู้ความเข้าใจในวิธีแนวทางปฏิบัติ ควรเลือกหน่วยทหารที่มีความพร้อมทั้งด้านการรวบรวมวัตถุดิบและมีกำลังคนที่จะเข้ามารับผิดชอบการดำเนินงาน ความพร้อมของชุมชนรอบ ค่ายทหารที่จะให้ความร่วมมือ เพื่อเข้ารับการฝึกอบรมในกระบวนการผลิต โดยเลือกเทคโนโลยีเครื่องผลิตไบโอดีเซลในประเทศที่เห็นว่าเหมาะสม และให้มีความรู้ด้านกระบวนการบริหารจัดการวัตถุดิบอย่างเป็นระบบ
ระยะที่สอง เมื่อดำเนินงานในระยะแรก สามารดำเนินการได้ผลดีแล้ว จะได้ดำเนินการถ่ายทอดให้หน่วยทหารอื่นๆ ดำเนินการต่อเนื่องต่อไป
สำหรับระบบผลิตไบโอดีเซล 10,000 ลิตร/วัน นั้น เห็นควรพิจารณาใหม่ หากเป็นไปได้ควรเลือกดำเนินการในพื้นที่ที่หน่วยทหารมีแหล่งวัตถุดิบอยู่ในปริมาณที่มากพอและไม่ต้องลงทุนเพิ่ม
3. พท. ได้ปรับแผนการดำเนินโครงการฯ ตามคำแนะนำของคณะผู้ทรงคุณวุฒิ และเสนอให้ สนพ. เพื่อพิจารณา โดยสรุปสาระสำคัญได้ดังนี้
3.1 วัตถุประสงค์และเป้าหมาย : พท. จะสร้างเครื่องผลิตน้ำมันไบโอดีเซลขนาด 100 ลิตรต่อครั้ง จำนวนไม่น้อยกว่า 46 ระบบ เพื่อตั้งในพื้นที่ของหน่วยงานทหารหรือชุมชนใกล้เคียง ที่ พท. ได้สำรวจศักยภาพด้านวัตถุดิบและพบว่าสามารถรวบรวมน้ำมันพืชใช้แล้วนำมาผลิตเป็นน้ำมันไบโอดีเซลได้เพียงพอกับกำลังการผลิต ไม่น้อยกว่า 3 ครั้งต่อสัปดาห์ โดยกระบวนการดำเนินการเน้นให้กำลังพลมีความรู้ และสามารถที่จะถ่ายทอดองค์ความรู้ไปยังหน่วยงานทหารอื่นๆ ที่สนใจได้
3.2 วิธีการดำเนินงาน
(1) สำรวจและรวบรวมข้อมูลหน่วยงานทหารที่มีความต้องการร่วมโครงการ และมีความพร้อมด้านศักยภาพวัตถุดิบสำหรับผลิตน้ำมันไบโอดีเซล นำมาจัดเรียงลำดับตามศักยภาพ และคัดเลือกหน่วยงานทหารที่มีศักยภาพสูง จำนวน 46 แห่ง เป็นหน่วยงานนำร่องผลิตและใช้งานน้ำมันไบโอดีเซล และเป็นหน่วยงานหลักในการถ่ายทอดความรู้สู่ประชาชนทั่วไป และหน่วยงานทหารอื่นๆ ที่จะขยายผลต่อไป
(2) จัดตั้งระบบผลิตน้ำมันไบโอดีเซลขนาด 100 ลิตรต่อครั้ง และระบบบำบัดน้ำเสีย อบรมให้ความรู้เรื่องการผลิตการใช้งานน้ำมันไบโอดีเซล จัดตั้งกลไกในการรวบรวมน้ำมันพืชใช้แล้ว และสาธิตการผลิตการใช้งานน้ำมันไบโอดีเซล การบริหารจัดการโครงการที่เหมาะกับหน่วยงานนำร่องทั้ง 46 แห่ง พร้อมทั้งขยายผลสร้างความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องให้กับหน่วยงานทหารอื่นๆ ในสังกัด ครอบครัวของทหาร และชุมชนในพื้นทีใกล้เคียง
(3) ติดตามประเมินผล และสรุปผลการดำเนินโครงการของหน่วยงานนำร่อง และผลักดันให้หน่วยงานทหารนำร่องทั้ง 46 แห่ง เป็นศูนย์กลางการถ่ายทอดความรู้ และเทคโนโลยีเกี่ยวกับการผลิตและการใช้น้ำมันไบโอดีเซล เพื่อทำการขยายไปยังหน่วยงานทหารอื่นๆ ที่สนใจเข้าร่วมโครงการ
3.3 ผลที่คาดว่าจะได้รับ : กระทรวงกลาโหมมีบุคลากรที่ความรู้ความเชี่ยวชาญ ในด้านไบโอดีเซล และสามารถต่อยอดองค์ความรู้และพัฒนาได้อย่างต่อเนื่องต่อไป รวมทั้งสามารถผลิตน้ำมันไบโอดีเซล ทดแทนการใช้น้ำมันดีเซลได้ ไม่น้อยกว่า 1.38 ล้านลิตรต่อปี
3.4 วงเงินงบประมาณ : ขอรับการสนับสนุนจากกองทุนฯ ในวงเงินรวม 30,000,000 บาทประกอบด้วย (1) ค่าจ้างที่ปรึกษาจัดทำระบบผลิตไบโอดีเซลขนาด 100 ลิตร/ครั้ง จำนวน 46 แห่ง วงเงิน 29,900,000 บาท และค่าบริหารโครงการ 100,000 บาท
มติที่ประชุม
เห็นชอบจัดสรรเงินกองทุนฯ แผนพลังงานทดแทน งานศึกษาวิจัยและพัฒนาด้านเทคนิค โครงการสนับสนุนทุนการศึกษา วิจัย พัฒนาเทคโนโลยีพลังงานทดแทน ปีงบประมาณ 2550 ที่ สนพ. ได้รับอนุมัติไว้แล้วจากคณะกรรมการกองทุนฯ ให้ กรมพลังงานทหาร เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายใน "โครงการพัฒนากำลังพลด้านพลังงาน ตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง" ในวงเงิน 30 ล้านบาท ดังรายละเอียดที่ปรากฏในเอกสารประกอบวาระ 3.2
1. ฝ่ายเลขานุการฯ ได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบว่า คณะกรรมการกองทุนฯ ในการประชุมครั้งที่ 2/2550 (ครั้งที่ 46) เมื่อวันที่ 21 กันยายน 2550 ได้มีมติเห็นชอบแผนอนุรักษ์พลังงานระยะที่ 3 ในช่วงปี 2551-2554 และอนุมัติจัดสรรเงินกองทุนฯ ให้ พพ. เพื่อใช้ตามแผนอนุรักษ์พลังงาน ในปีงบประมาณ 2551 ในวงเงินรวม 4,279,988,401 บาท โดย มีเงื่อนไขให้ พพ. จัดทำรายละเอียดของโครงการเพิ่มเติม และเสนอคณะอนุกรรมการกองทุนฯ พิจารณาให้ความเห็นชอบก่อนดำเนินการ รวม 9 โครงการ ดังต่อไปนี้
โครงการ | มติคณะกรรมการกองทุนฯ |
1) โครงการสนับสนุนการดำเนินงานตาม พ.ร.บ.การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ.2535 | เพิ่มเติมรายละเอียดปริมาณงานและค่าใช้จ่ายต่อกิจกรรม |
2) โครงการส่งเสริมการลงทุนด้านการอนุรักษ์พลังงานและพลังงานทดแทน | เพิ่มเติมรายละเอียดแผนงานและวิธีการดำเนินงาน |
3) โครงการพัฒนาบุคลากรด้านการตรวจวิเคราะห์การอนุรักษ์พลังงานในอาคารส่วนราชการ | ปรับขอบเขตและรายละเอียดของงานเพื่อลดความซ้ำซ้อนกับงานที่สำนักงานพลังงานภูมิภาคดำเนินการ โดยให้ พพ. ดำเนินการเฉพาะอาคารส่วนราชการที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ กทม. และให้ พพ. ปรับลดวงเงินให้เหมาะสมกับปริมาณงาน |
4) โครงการในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ พพ. มีแผนจะเข้าไปดำเนินการ | เพิ่มเติมความเห็นชอบของศูนย์อำนวยการบริหารชายแดนใต้ (ศอบต.) |
5) โครงการวิจัยสาธิตสนับสนุนระบบผลิตพลังงานจากชีวมวลแบบ Three Stage Gasifier | รายงานผลงาน Two Stage Gasifier เพื่อทราบผลสำเร็จ ปัญหาอุปสรรค และการแก้ไขปัญหา |
6) โครงการวิจัยและทดสอบการใช้ไบโอดีเซลตั้งแต่ร้อยละ 20 ขึ้นไป กับเรือประมง วงเงิน | เพิ่มเติมรายละเอียดปริมาณงานและค่าใช้จ่ายต่อกิจกรรม |
7) โครงการประชาสัมพันธ์ | เพิ่มเติมรายละเอียดแผนงานและวิธีการดำเนินงาน |
8) โครงการส่งเสริมการผลิตและการใช้พลังงาน ชีวมวลตามแนวเศรษฐกิจพอเพียงศูนย์ภูฟ้าพัฒนา | เพิ่มเติมความเห็นของคณะทำงานของศูนย์ภูฟ้าพัฒนา |
9) โครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังน้ำขนาดเล็ก แควน้อย อ.นครไทย จ.พิษณุโลก | เพิ่มเติมหนังสือจากกรมป่าไม้เห็นชอบให้ พพ. เข้าดำเนินการในพื้นที่ได้ |
2. พพ. ได้จัดทำรายละเอียดโครงการฯ ที่ 1) ถึง 7) เพื่อเสนอคณะอนุกรรมการฯ พิจารณา สรุปได้ดังนี้
โครงการ | รายละเอียดโครงการเพิ่มเติม |
1) โครงการสนับสนุนการดำเนินงานตาม พ.ร.บ. การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ.2535 |
พพ. ได้เพิ่มเติมรายละเอียดปริมาณงานและค่าใช้จ่ายต่อกิจกรรม รวมทั้งสิ้น 5 กิจกรรม ดังนี้ 1) ติดต่อประสานงาน เข้าพบผู้บริหารโรงงาน/อาคารควบคุม เพื่อให้คำปรึกษาแนะนำวิธีการจัดทำเป้าหมายและแผนอนุรักษ์พลังงาน ค่าใช้จ่าย 11,000 บาท/แห่ง 2) ตรวจสอบการแจ้งแต่งตั้ง ผชร./ผชอ. ค่าใช้จ่าย 6,750 บาท/แห่ง 3) ตรวจสอบแบบส่งข้อมูลการใช้พลังงาน บพร.1/บพอ.1 ค่าใช้จ่าย 4,500 บาท/แห่ง 4) จัดทำรายงานผลการวิเคราะห์ประสิทธิภาพการใช้พลังงานจากข้อมูลใน บพร.1/บพอ.1 (Feedback Report) ค่าใช้จ่าย 2,800 บาท/แห่ง 5) ตรวจสอบรายงานเป้าหมายและแผนฯ ค่าใช้จ่าย 20,000 บาท/แห่ง |
2) โครงการส่งเสริมการลงทุนด้านการอนุรักษ์พลังงานและพลังงานทดแทน |
พพ. จะจัดตั้งกองทุนเพื่อร่วมลงทุนและส่งเสริมการลงทุนให้โครงการอนุรักษ์พลังงานและพลังงานทดแทนที่มีศักยภาพทางเทคนิคแต่ไม่สามารถหาสินเชื้อจากธนาคารพาณิชย์ได้เพียงพอ โดยในเบื้องต้นจะส่งเสริมการลงทุนในหลายลักษณะ เช่น ร่วมลงทุนในกิจการของบริษัทจัดการพลังงาน ร่วมลงทุนในโครงการ equity investment ร่วมลงทุนในการพัฒนาและซื้อ/ขายคาร์บอนเครดิต การเช่าซื้อ (leasing) การอำนวยเครดิตให้สินเชื่อ (credit guarantee facility) การให้สินเชื่อลักษณะ sub debt หรือ mezzanine debt และการให้ความช่วยเหลือทางด้านเทคนิค เป็นต้น |
3) โครงการพัฒนาบุคลากรด้านการตรวจวิเคราะห์การอนุรักษ์พลังงานในอาคารส่วนราชการ |
พพ. ปรับขอบเขตและรายละเอียดของการดำเนินงาน โดยแบ่งออกเป็น 2 โครงการ ดังนี้ 1) โครงการพัฒนาบุคลากรด้านการตรวจวิเคราะห์การอนุรักษ์พลังงานในอาคารส่วนราชการ โดยดำเนินการกับส่วนราชการ ในเขต กทม. ที่ใช้พลังงานน้อยกว่า 10,000 หน่วย/เดือน เพิ่มอีก 750 แห่ง ใช้งบประมาณ 15 ล้านบาท 2) โครงการพัฒนาบุคลากรด้านการตรวจวิเคราะห์การอนุรักษ์พลังงานในอาคารส่วนราชการ โดยจะติดตามสอนงานเพิ่มให้กับหน่วยงานที่เคยเข้าร่วมโครงการปี 2550 ไม่น้อยกว่า 900 แห่ง ใช้งบประมาณ 9 ล้านบาท |
4) โครงการในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ พพ. มีแผนจะเข้าดำเนินการ |
พพ. ได้มีหนังสือถามความเห็นของศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) เพื่อขอเข้าดำเนินงาน ในเขตพื้นที่จำนวน 8 โครงการ ซึ่ง ศอ.บต. ได้มีหนังสือตอบกลับ โดย เห็นชอบและยินดีให้ พพ. เข้าดำเนินโครงการในเขตพื้นที่ได้ตามที่เสนอมา |
5) โครงการวิจัยสาธิตสนับสนุนระบบผลิตพลังงานจากชีวมวลแบบ Three Stage Gasifier วงเงิน 52,000,000 บาท |
รายงานผลการดำเนินงานโครงการพัฒนาสาธิตระบบผลิตพลังงานจากชีวมวลระดับชุมชน สรุปได้ดังนี้ 1) พพ. ได้ออกแบบระบบการผลิตไฟฟ้าจากก๊าซชีวมวลแบบ Two - Stage Fluid Bed Pyrolysis and Gasification Unit ขนาด 80 kw ปัจจุบันสาธิตที่โรงสีและตลาดกลางข้าวเปลือกสหกรณ์การเกษตรลำลูกกา จ.ปทุมธานี ใช้แกลบเป็นเชื้อเพลิง 2) การเดินระบบผลิตก๊าซและเครื่องยนต์ผลิตกระแสไฟฟ้า ที่โรงสีข้าวเป็นระยะเวลา 360 ชั่วโมง พบว่า ระบบมีอัตราการใช้แกลบเท่ากับ 85 kg/hr ประสิทธิภาพโดยรวมของระบบเท่ากับ 92 % และสามารถทดแทนน้ำมันดีเซลได้เฉลี่ยเท่ากับ 77 % 3) การประเมินผลตอบแทนด้านเศรษฐศาสตร์ พบว่าใช้เงินลงทุนในการก่อสร้างระบบฯ 3.9 ล้านบาท และมีระยะเวลาคืนทุน ประมาณ 5 ปี |
6) โครงการวิจัยและทดสอบการใช้ไบโอดีเซลตั้งแต่ร้อยละ 20 ขึ้นไปกับเรือประมง |
เพิ่มเติมรายละเอียดปริมาณงานและค่าใช้จ่ายดังนี้ 1) จัดจ้างที่ปรึกษา วงเงิน 3.3 ล้านบาท เพื่อสำรวจประชากรเรือประมงที่ใช้เครื่องยนต์ดีเซล 2) คัดเลือกเครื่องยนต์เรือ และกำหนดวิธีการทดสอบ 3) ทดสอบเครื่องยนต์ตามมาตรฐานสากล เปรียบเทียบการใช้ไบโอดีเซลกับดีเซลปกติใน Lab test 4) จัดหาเครื่องยนต์เพื่อใช้ในการทดสอบ 3 ยี่ห้อๆ ละ 1 โมเดลๆ ละ 2 เครื่อง รวม 6 เครื่อง วงเงิน 10.8 ล้านบาท 5) ทดสอบด้านสมรรถนะและผลกระทบที่เกิดขึ้น พร้อมทั้งประเมินผลและวิเคราะห์อุปกรณ์และชิ้นส่วนต่างๆ วงเงิน 3.8 ล้านบาท 6) ค่าดำเนินการอื่นๆ เช่น หาแนวทางในการปรับแต่งเครื่องยนต์หรืออุปกรณ์ต่างๆ ให้เหมาะสมกับการใช้ ไบโอดีเซล วงเงิน 2.1 ล้านบาท |
7) โครงการประชาสัมพันธ์ วงเงิน 202,500,000 บาท |
เพิ่มเติมรายละเอียดแผนงานและวิธีดำเนินการ รวม 8 โครงการ ดังนี้ 1) โครงการผลิตสารคดีอนุรักษ์พลังงานและพลังงานทดแทน วงเงิน 30 ล้านบาท เพื่อประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อโทรทัศน์ โดยผลิตสารคดีโทรทัศน์แบบต่อเนื่องเพื่อกระตุ้นให้เกิดการลดใช้พลังงานในทุกภาคส่วนแบ่งเป็นโครงการอนุรักษ์พลังงาน โครงการพลังงานทดแทน และโครงการถ่ายทอดเทคโนโลยีสู่ท้องถิ่นและชุมชน 2) โครงการผลิต Spot โฆษณาโครงการ/กิจกรรมด้านอนุรักษ์พลังงาน และพลังงานทดแทนวงเงิน 5 ล้านบาท เพื่อประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อวิทยุ โดยผลิต Spot โฆษณาโครงการ/กิจกรรมด้านการอนุรักษ์พลังงานและพลังงานทดแทน ความยาว 1 นาที 3) โครงการผลิตบทความ/โครงการกิจกรรมด้านอนุรักษ์พลังงาน และพลังงานทดแทน วงเงิน 30 ล้านบาท เพื่อประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อหนังสือพิมพ์และวารสาร โดยผลิตบทความโครงการ/กิจกรรมด้านการอนุรักษ์พลังงานและพลังงาน 4) โครงการเผยแพร่และประชาสัมพันธ์โครงการ/กิจกรรมอนุรักษ์พลังงานและพลังงานทดแทน ผ่านสื่อสิ่งพิมพ์ วงเงิน 15 ล้านบาท โดยจัดทำสิ่งพิมพ์เผยแพร่องค์ความรู้ด้านพลังงาน จำนวน 4 ชุด รวม 47 เรื่อง เผยแพร่ให้กับประชาชนทั่วไป 5) โครงการจัดทำผลสำเร็จของโครงการ/กิจกรรมและข่าวสารความเคลื่อนไหวโครงการด้านอนุรักษ์พลังงานและพลังงานทดแทนผ่านสื่อประเภทคัตเอาท์ และโปสเตอร์ วงเงิน 10 ล้านบาท โดยจัดทำคัตเอาท์ จำนวน 3 คัตเอาท์ และโปสเตอร์ จำนวน 5 แบบ พิมพ์เผยแพร่ไม่น้อยกว่าแบบละ 10,000 แผ่น 6) โครงการรณรงค์และประกวดด้านอนุรักษ์พลังงาน วงเงินรวม 77 ล้านบาท โดยมีกิจกรรมดังนี้ การจัดงาน "พลังงานก้าวไกลประเทศไทยก้าวหน้า" วงเงิน 30 ล้านบาท โดยจัดนิทรรศการแสดงผลสำเร็จของเทคโนโลยีด้านการอนุรักษ์พลังงาน และพลังงานทดแทน โดยจะมีผู้เข้าร่วมงานประมาณ 100,000 คน การจัดกิจกรรมสัญจรเพื่อเผยแพร่ผลสำเร็จด้านการอนุรักษ์พลังงานและพลังงานทดแทนในเขต กทม. และจังหวัดต่างๆ ใน 4 ภูมิภาค วงเงิน 10 ล้านบาท โดยจัดนิทรรศการแสดงผลสำเร็จด้านการอนุรักษ์พลังงานและพลังงานทดแทน โครงการ Thailand Energy Awards โดยจัดประกวด วงเงิน 15 ล้านบาท คัดเลือกโรงงาน อาคาร องค์กร บุคลากร ตลอดจน องค์กรสื่อมวลชนที่ส่งเสริมและสนับสนุนการ อนุรักษ์พลังงานและพลังงานทดแทน โครงการประกวดบ้านจัดสรรอนุรักษ์พลังงานดีเด่น ปี 2551 วงเงิน 12 ล้านบาท โดยจัดประกวดบ้านจัดสรรที่มีการอนุรักษ์พลังงานดีเด่น และจะมีการเผยแพร่ผ่านทางสื่อ การจัดกิจกรรมการอนุรักษ์พลังงาน และพลังงานทดแทนตามสถานการณ์ วงเงิน 8 ล้านบาท โดยนำสื่อมวลชนดูงานด้านการพัฒนาพลังงานทดแทน จัดสัมมนาระหว่างผู้บริหาร ผู้ปฏิบัติงานของ พพ. กับ สื่อมวลชน การจัดนิทรรศการพลังงานตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียงที่มูลนิธิสิรินธรอ.ชะอำ จ.เพชรบุรี วงเงิน 2 ล้านบาท โดยจัดนิทรรศการเกี่ยวกับเทคโนโลยีด้านพลังงาน ภายในอาคารมูลนิธิสิรินธร 7) โครงการให้บริการด้านข้อมูล และคำปรึกษาด้านการอนุรักษ์พลังงานและพลังงานทดแทน วงเงิน 10 ล้านบาท โดยให้บริการด้านข้อมูลและคำปรึกษา ผ่านหน่วยลูกค้าสัมพันธ์ และศูนย์ที่ปรึกษาการประหยัดพลังงาน 8) โครงการการพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศ เพื่อการอนุรักษ์พลังงานและพลังงานทดแทน วงเงิน 25.5 ล้านบาท โดยจะทำการพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศ เพื่อใช้ในการ ประชาสัมพันธ์ ประกอบด้วย การจัดทำฐานข้อมูล เผยแพร่องค์ความรู้ และสร้างเครือข่ายด้านการอนุรักษ์พลังงานและพลังงานทดแทน |
มติที่ประชุม
1. เห็นชอบรายละเอียดของโครงการตามที่ พพ. ได้จัดทำเสนอเพิ่มเติมมา รวม 6 โครงการ (ดังรายละเอียดปรากฏตามเอกสารประกอบวาระ 3.3 ) เว้นโครงการส่งเสริมการลงทุนด้านการอนุรักษ์พลังงานและพลังงานทดแทน ที่ พพ. จะต้องจัดทำรายละเอียดเพิ่มเติมให้มีความชัดเจนถึงวิธีการบริหารจัดการและแนวทางในการบริหารกองทุนฯ แล้วนำเสนอคณะอนุกรรมการกองทุนฯ พิจารณาอีกครั้ง
2. เห็นชอบให้ พพ. ดำเนินการตามแผนงานของทั้ง 6 โครงการ (ดังรายละเอียดปรากฏตามเอกสารประกอบวาระ3.3) โดยให้ใช้เงินกองทุนฯ ปีงบประมาณ 2551 ตามที่คณะกรรมการกองทุนฯ ในการประชุมครั้งที่ 2/2550 (ครั้งที่ 46) เมื่อวันที่ 21 กันยายน 2550 ได้อนุมัติให้ พพ. ไว้แล้ว เว้นแต่โครงการส่งเสริมการลงทุนด้านการอนุรักษ์พลังงานและพลังงานทดแทน ที่ พพ. จะต้องจัดทำรายละเอียดเพิ่มเติมให้มีความชัดเจนถึงวิธีการบริหารจัดการและแนวทางในการบริหารกองทุนฯ แล้วนำเสนอคณะอนุกรรมการกองทุนฯ พิจารณาอีกครั้ง
1. ฝ่ายเลขานุการฯ ได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบว่า คณะกรรมการกองทุนฯ ในการประชุมครั้งที่ 1/2549 (ครั้งที่ 42) เมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2549 ได้อนุมัติเงินกองทุนฯ ปีงบประมาณ 2549 แผนพลังงานทดแทน งานศึกษา วิจัย และพัฒนาด้านเทคนิค ให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายใน "โครงการติดตั้งกังหันลมผลิตไฟฟ้าจ่ายขนานเข้าระบบจำหน่าย" ในวงเงิน 76,828,000 บาท โดยมีเงื่อนไขให้ กฟภ. ต้องดำเนินการจัดหาผู้ติดตั้งให้แล้วเสร็จภายใน 1 ปี นับตั้งแต่วันที่ได้รับเงินจากกองทุนฯ (28 กันยายน 2549) สรุปสาระสำคัญได้ดังนี้
1) กฟภ. จะทำการติดตั้งกังหันลมผลิตไฟฟ้าจ่ายขนานเข้าระบบจำหน่าย ขนาด 1.5 เมกกะวัตต์ แบบไม่มีเฟืองทด (Gearless) จำนวน 1 ชุด ก่อสร้างระบบจำหน่ายเพื่อเชื่อมโยงและจ่ายไฟขนานเข้าระบบจำหน่ายของ กฟภ. ในพื้นที่ บ้านพังเสม็ด ต.จะทิ้งพระ อ.สทิงพระ จ.สงขลา ซึ่งได้สำรวจศักยภาพพลังงานลมแล้วและมีความเหมาะสมที่จะดำเนินการ คาดว่าจะสามารถผลิตไฟฟ้าได้ประมาณ 2.6 ล้านหน่วยต่อปี
2) ฝึกอบรมบุคลากรในการใช้งาน ดูแลบำรุงรักษาระบบ จัดเก็บและรวบรวมข้อมูลการจ่ายไฟเพื่อวิเคราะห์และประเมินผลการผลิตไฟฟ้าจากกังหันลมที่ทำการติดตั้ง และวิเคราะห์เปรียบเทียบเทคโนโลยีระหว่างกังหันลมแบบมีเฟืองทด (Gear Box) และกังหันลมแบบไม่มีเฟืองทด
2. กฟภ. ได้จัดประกวด จ้างเหมาก่อสร้างสถานีกังหันลมผลิตไฟฟ้าสทิงพระ จังหวัดสงขลา ในวงเงินเริ่มต้นที่ 90.5 ล้านบาท โดยมีบริษัทที่สนใจซื้อซองเอกสารประกวดราคา จำนวน 5 บริษัท แต่เมื่อครบกำหนดยื่นซอง ไม่มีผู้มายื่นซองตามกำหนด ซึ่ง กฟภ. ได้สอบถามบริษัทเอกชนเพื่อขอทราบเหตุผลที่ไม่ยื่นซองประกวดราคา ส่วนใหญ่แจ้งว่างบประมาณที่ตั้งไว้ต่ำเกินไป จึงไม่สามารถเสนอราคาได้ โดยแต่ละบริษัทได้จัดทำงบประมาณเสนอให้ กฟภ. พิจารณา อยู่ในช่วง 120-137 ล้านบาท และจากการศึกษาข้อมูลในต่างประเทศ กฟภ. พบว่ากังหันลมแบบไม่มีเฟืองทดมีผู้ผลิตน้อยราย มีราคาสูงกว่ากังหันลมชนิดมีเฟือง ประมาณร้อยละ 30-40 ประกอบกับโครงการดังกล่าวเป็นการจัดหากังหันลมเพียง 1 ตัว เท่านั้น ทำให้ค่าติดตั้ง ค่าฐานราก ของกังหันลมมีราคาสูง
3. กฟภ. ได้ขอปรับแผนงานโครงการฯ สรุปได้ ดังนี้
3.1 ขอรับการสนับสนุนจากกองทุนฯ เป็นค่าใช้จ่ายในการติดตั้งกังหันลมผลิตไฟฟ้า โดยเพิ่มจากวงเงิน 76,828,000 บาท เป็น 105,000,000 บาท โดยมีรายละเอียดดังนี้
รายการ | งบประมาณเดิม | งบประมาณใหม่ | เพิ่ม/(ลด) |
1) เงินสนับสนุนจากกองทุนฯ ประกอบด้วยค่าระบบอุปกรณ์กังหันลมผลิตไฟฟ้าค่าขนส่งอุปกรณ์ในประเทศและระหว่างประเทศค่าภาษีนำเข้า | 76,828,000 บาท (75.78%) |
105,000,000 บาท (71.42%) |
28,172,000 บาท |
2) เงินสมทบของ กฟภ. ประกอบด้วย ค่าบริหารและค่าตอบแทน ค่าก่อสร้างฐานรากและระบบจำหน่าย ค่าสัมมนาและประชาสัมพันธ์ ค่าครุภัณฑ์ | 24,551,900 บาท (24.22%) |
42,018,000 บาท (28.58%) |
17,466,100 บาท |
งบประมาณโครงการรวมทั้งสิ้น | 101,379,900 บาท | 147,018,000 บาท | 45,638,100 บาท |
3.2 ขอขยายระยะเวลาการดำเนินการจัดหาผู้ดำเนินการติดตั้งระบบกังหันลมให้แล้วเสร็จจากเดิม ภายใน 1 ปี เป็น 1 ปี 8 เดือน นับตั้งแต่วันที่ได้รับเงินจากกองทุนฯ และขอขยายระยะเวลาโครงการฯ จากเดิม 39 เดือน เป็น 54 เดือน และขอปรับงวดการเบิกจ่ายเงินและการรายงานความก้าวหน้าเป็นดังนี้
งวด | แผนงานที่ขอปรับใหม่ | |
จำนวนเงิน | เงื่อนไข | |
งวดที่ 1 | 10,000,000 | หลังจากลงนามในหนังสือยืนยัน |
งวดที่ 2 | 15,000,000 | รายงานความก้าวหน้าฉบับที่ 1 ภายใน 9 เดือน |
งวดที่ 3 | 75,000,000 | รายงานความก้าวหน้าฉบับที่ 2 ภายใน 22 เดือน |
งวดที่ 4 | 5,000,000 | รายงานความก้าวหน้าฉบับที่ 3 ภายใน 42 เดือน |
งวดที่ 5 | - | รายงานความก้าวหน้าฉบับที่ 4 ภายใน 48 เดือน |
งวดที่ 6 | - | รายงานความก้าวหน้าฉบับที่ 5 ภายใน 54 เดือน |
มติที่ประชุม
เห็นชอบให้ กฟภ. ขยายระยะเวลาการดำเนินการจัดหาผู้ดำเนินการติดตั้งระบบกังหันลมให้แล้วเสร็จจากเดิม ภายใน 1 ปี เป็น 1 ปี 8 เดือน และให้ขยายระยะเวลาโครงการฯ จากเดิม 39 เดือนเป็น 54 เดือน โดย เห็นควรให้ กฟภ. เป็นผู้จัดหางบลงทุนที่ขอสนับสนุนเพิ่มเติมจำนวน 28,172,000 บาท ดังกล่าวเอง
เรื่องที่ 5 ขอความเห็นชอบปรับรายละเอียดโครงการที่คณะกรรมการกองทุนฯ อนุมัติไว้แล้ว
ฝ่ายเลขานุการฯ ได้แจ้งให้ที่ประชุมรับทราบว่า มีหน่วยงานที่ได้รับจัดสรรเงินจากกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานไปแล้ว ได้ยื่นเรื่องเพื่อขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการไปจากที่คณะกรรมการกองทุนฯ ได้อนุมัติไว้ รวม 16 โครงการ ดังนี้
1.1 ขอเปลี่ยนแปลงระยะเวลาดำเนินงาน รวม 11 โครงการ คือ
โครงการ | หน่วยงาน | เดิม | ขยายถึง | |
(1) | โครงการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีก๊าซชีวภาพในการจัดการน้ำเสียในโรงงานแป้งมันสำปะหลังเพื่อการอนุรักษ์พลังงานและสิ่งแวดล้อม | มูลนิธิสถาบันก๊าซชีวภาพ | พฤศจิกายน 2550 | กรกฎาคม 2551 |
(2) | โครงการส่งเสริมการผลิตก๊าซชีวภาพจากน้ำเสียในโรงงานอุตสาหกรรม | กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน | พฤษภาคม 2550 | มีนาคม 2551 |
(3) | โครงการศึกษาอิทธิพลการบังเงาต่อการถ่ายเทความร้อนผ่านผนังทึบ | มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ | เมษายน 2550 | พฤศจิกายน 2550 |
(4) | โครงการศึกษาการถ่ายเทความร้อนและปริมาณแสงผ่านกระจกสองชั้นชนิดต่างๆ | มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ | เมษายน 2550 | พฤศจิกายน 2550 |
(5) | โครงการ Ceramic Coating | มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ | เมษายน 2550 | พฤศจิกายน 2550 |
(6) | โครงการสัมมนารับฟังความคิดเห็นเพื่อกำหนด ค่ามาตรฐานการจัดการใช้พลังงานของส่วนราชการ | มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ | มกราคม 2551 | มิถุนายน 2551 |
(7) | โครงการลดการสูญเสียพลังงานจากการเดินรถบรรทุกเที่ยวเปล่า | กรมการขนส่งทางบก | กันยายน 2549 | กุมภาพันธ์ 2551 |
(8) | โครงการสนับสนุนทุนการศึกษาในประเทศ จำนวน 2 ทุน | สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน | - | - |
(9) | โครงการสนับสนุนทุนวิจัยแก่นักศึกษา ระดับอุดมศึกษา จำนวน 4 หน่วยงาน | สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน | - | - |
(10) | ขอขยายระยะเวลาการเบิกจ่ายเงินเกิน 3 เดือนนับจากวันสิ้นสุดเงื่อนไขแห่งสัญญา จำนวน 16 ราย | กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน | - | 3 เดือนนับจากวันที่ได้รับอนุมัติการขยายระยะเวลา |
(11) | โครงการค่าใช้จ่ายในการจ่ายเงินเพื่อชดเชยค่าผ่านทางในส่วนต่างให้แก่บริษัททางยกระดับดอนเมือง จำกัด (มหาชน) | กรมทางหลวง | มกราคม 2550 | 1 เดือนนับจากวันที่ได้รับอนุมัติขยายระยะเวลา |
1.2 ขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการ รวม 5 โครงการ คือ
โครงการ | หน่วยงาน | ขอเปลี่ยนแปลง | |
(1) | โครงการส่งเสริมการผลิตก๊าซชีวภาพในฟาร์มเลี้ยงสัตว์ขนาดกลางและขนาดใหญ่ระยะที่ 3 : ส่วนที่ 3 : แผนงานเสริมสร้างโครงสร้างพื้นฐานศูนย์แห่งความเป็นเลิศ | มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ | ขอปรับระยะเวลาการดำเนินโครงการฯ จากเดิม เป็น ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2550 - มีนาคม 2552 และ ขอปรับรายละเอียดแผนการเบิกจ่ายงบประมาณ |
(2) | โครงการลดใช้พลังงานในภาครัฐ ในหน่วยงานภาครัฐขนาดเล็ก | สำนักงานพลังงานภูมิภาค ที่ 1 | ขอเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขและรายละเอียดงบประมาณขอสนับสนุนจากกองทุนฯ |
(3) | โครงการบริหารจัดการศูนย์พลังงานเพื่อสิ่งแวดล้อม ในอุทยานสิ่งแวดล้อมนานาชาติสิรินธร | มูลนิธิอุทยานสิ่งแวดล้อมนานาชาติสิรินธร | ขออนุมัติเปลี่ยนแปลงรายการค่าใช้จ่ายต่างๆ ตามความเหมาะสมเช่น การต่อประปาเทศบาลเข้าค่ายฝึกอบรม การสร้างถังเก็บน้ำสำรองไว้ การติดตั้งมุ้งลวด เหล็กดัด และผ้าม่านอาคารที่พักของผู้เข้ารับการอบรม |
(4) | โครงการสนับสนุนทุนการศึกษาต่างประเทศ จำนวน 1 ทุน | สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน | ขออนุมัติย้ายสถานศึกษา ของ นายเฉลิมพล เปล่งสะอาด จาก Oregon State University ไปที่ University of Wisconsin at Madison และขอขยายระยะเวลาการศึกษาต่อระดับปริญญาเอก ออกไปอีก 1 ปีการศึกษา ตั้งแต่วันที่ 17 กันยายน 2550 ถึงวันที่ 16 กันยายน 2551 |
(5) | โครงการสนับสนุนทุนวิจัยแก่ นักศึกษาระดับอุดมศึกษา จำนวน 1 หน่วยงาน |
สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน | ขอเปลี่ยนแปลงผู้วิจัยในโครงการทุนอุดหนุนการวิจัยแก่นักศึกษาระดับอุดมศึกษา ปี 2550 เรื่อง"การศึกษาความเป็นไปได้ในการผลิตไบโอเอทานอลจากของเหลือใช้ทางการเกษตร" จากเดิมนางสาวอภิรดี เสียงสืบชาติ เป็น นางสาวธนัญชนก ไชยรินทร์ |
มติที่ประชุม
1. เห็นชอบให้โครงการตาม ข้อ 1.1 (1)-(10) และ ข้อ 1.2 (1)-(5) รวม 15 โครงการ ขยายระยะเวลาดำเนินงานและปรับรายละเอียดได้ตามที่ขอมา และให้ฝ่ายเลขานุการฯ เสนอเวียนขออนุมัติจากคณะกรรมการกองทุนฯ ต่อไป
2. ให้ฝ่ายเลขานุการฯ ทำหนังสือหารือไปยังกรมบัญชีกลาง เกี่ยวกับระเบียบพัสดุ เรื่องการเบิกจ่ายเงินระหว่างกรมทางหลวงและบริษัททางยกระดับดอนเมือง จำกัด (มหาชน) ในกรณีที่ไม่มีการทำสัญญาเรื่องการจ่ายเงินเพื่อชดเชยค่าผ่านทางยกระดับ ระหว่างกรมทางหลวง กับบริษัททางยกระดับฯ นั้น กรมทางหลวงสามารถจ่ายเงินที่ได้รับการสนับสนุนจากกองทุนฯ ให้กับบริษัททางยกระดับฯ ตามมติคณะรัฐมนตรีได้หรือไม่ แล้วนำเสนอคณะอนุกรรมการฯ พิจารณาอีกครั้ง