กองทุนส่งเสริมเพื่อการอนุรักษ์พลังงาน มกราคม 2554
- กองทุนส่งเสริมเพื่อการอนุรักษ์พลังงาน มกราคม 2554 (1524 Downloads)
กองทุนส่งเสริมเพื่อการอนุรักษ์พลังงาน ธันวาคม 2553
- กองทุนส่งเสริมเพื่อการอนุรักษ์พลังงาน ธันวาคม 2553 (1602 Downloads)
กอ. ครั้งที่ 52 - วันพฤหัสบดีที่ 23 ธันวาคม 2553
มติคณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน
ครั้งที่ 3/2553 (ครั้งที่ 52)
วันพฤหัสบดีที่ 23 ธันวาคม 2553 เวลา 15.30 น.
ณ ห้องประชุมบุญรอด-นิธิพัฒน์ ชั้น 11 อาคาร 7 กระทรวงพลังงาน
1. แต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน
2. รายงานฐานะการเงินกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน สิ้นสุด ณ วันที่ 30 พฤศจิกายน 2553
3. ประมาณการกระแสเงินสดของกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ในปี 2554-2557
4. รายงานการดำเนินโครงการและการใช้จ่ายเงินกองทุนฯ ปีงบประมาณ 2553
5. รายงานการตรวจสอบประเมินผลกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน
6. บทบาทคณะกรรมการทุนหมุนเวียนตามตัวชี้วัดภาคบังคับของกรมบัญชีกลาง
7. งบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2554 กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน
นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี รองนายกรัฐมนตรี ประธานกรรมการ
นายวีระพล จิรประดิษฐกุล ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน กรรมการและเลขานุการ
เรื่องที่ 1 แต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน
1. เลขานุการฯ ได้แจ้งที่ประชุมทราบว่า คณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 21 กันยายน 2553 ได้มีมติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการกองทุนฯ จำนวน 7 ราย ดังนี้
1.1 นายสวัสดิ์ ตันตระรัตน์ | ผู้ทรงคุณวุฒิด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อม |
1.2 นายสมชาติ โสภณรณฤทธิ์ | ผู้ทรงคุณวุฒิด้านพลังงาน |
1.3 นายกฤษณพงศ์ กีรติกร | ผู้ทรงคุณวุฒิด้านพลังงาน |
1.4 หม่อมราชวงศ์พงษ์สวัสดิ์ สวัสดิวัตน์ | ผู้ทรงคุณวุฒิด้านพลังงาน |
1.5 นายยอดเยี่ยม เทพธรานนท์ | ผู้ทรงคุณวุฒิด้านพลังงาน |
1.6 นางสาวพวงเพชร สารคุณ | ผู้ทรงคุณวุฒิด้านพลังงาน |
1.7 นายพรายพล คุ้มทรัพย์ | ผู้ทรงคุณวุฒิด้านเศรษฐศาสตร์ |
2. สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ได้ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรีเรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการกองทุนฯ เมื่อวันที่ 26 กันยายน 2553 ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 21 กันยายน 2553 เป็นต้นไป และฝ่ายเลขานุการฯ ได้แจ้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิทุกท่านทราบแล้ว
มติที่ประชุม
รับทราบการแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ตามที่ฝ่ายเลขานุการฯ เสนอ
เรื่องที่ 2 รายงานฐานะการเงินกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน สิ้นสุด ณ วันที่ 30 พฤศจิกายน 2553
เลขานุการฯ ได้รายงานผลการใช้จ่ายเงินและฐานะเงินกองทุนฯ ณ วันที่ 30 พฤศจิกายน 2553 ดังนี้
หน่วย : ล้านบาท | |
ยอดยกมา ณ วันที่ 1 ตุลาคม 2553 | 16,385.31 |
บวก รายรับ | 1,232.38 |
รวม | 17,617.69 |
หัก รายจ่าย | 901.63 |
คงเหลือ ณ วันที่ 30 พฤศจิกายน 2553 | 16,716.06 |
มติที่ประชุม
1. รับทราบรายงานฐานะการเงินกองทุนฯ สิ้นสุด ณ วันที่ 30 พฤศจิกายน 2553 ตามที่ฝ่ายเลขานุการฯ เสนอ
2. ให้ฝ่ายเลขานุการฯ นำข้อเสนอแนะของผู้แทนกรมบัญชีกลางไปพิจารณาดำเนินการ และเสนอคณะอนุกรรมการกองทุนฯ เพื่อพิจารณาเห็นชอบก่อนดำเนินการ และให้รายงานต่อคณะกรรมการกองทุนฯ เพื่อทราบ
เรื่องที่ 3 ประมาณการกระแสเงินสดของกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ในปี 2554-2557
1. กพช. ในการประชุมเมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2552 ได้มีมติให้ยกเลิกการจัดเก็บเงินส่งเข้ากองทุนอนุรักษ์ฯ ในส่วนที่เก็บเพื่อส่งเสริมโครงการลงทุนพัฒนาระบบการขนส่งของทั้งน้ำมันเบนซินและน้ำมันดีเซล ที่จัดเก็บในอัตรา 0.50 บาท/ลิตร และให้โอนเงินที่ได้จัดเก็บไว้แล้ว มาสบทบกับเงินสำหรับส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน และลดอัตราจัดเก็บเงินกองทุนอนุรักษ์ฯ ของน้ำมันดีเซลสำหรับส่งเสริมอนุรักษ์พลังงาน จากที่เก็บอยู่ 0.25 บาท/ลิตร เหลือ 0.05 บาท/ลิตร เป็นระยะเวลา 1 ปี และให้จัดเก็บในอัตราเดิม คือ 0.25 บาท/ลิตร ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2553
2. รายได้ที่จัดเก็บเงินเข้ากองทุนฯ สำหรับ "โครงการลงทุนพัฒนาระบบการขนส่ง" ตั้งแต่วันที่ 11 มกราคม 2551 - 1 ตุลาคม 2552 รวมทั้งสิ้น 8,151.37 ล้านบาท โดยปัจจุบันได้โอนเงินดังกล่าวเข้าสมทบกับเงินกองทุนอนุรักษ์ฯ ทั้งนี้ฐานะเงิน "กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน" ณ วันที่ 30 กันยายน 2553 มีจำนวนทั้งสิ้น 16,385 ล้านบาท
3. ฝ่ายเลขานุการฯ ได้จัดทำประมาณการกระแสเงินสดของกองทุนฯ ณ วันที่ 30 กันยายน 2553 สรุปได้ดังนี้
หน่วย: ล้านบาท
ปีงบประมาณ | 2554 | 2555 | 2556 | 2557 | รวมช่วงปี54-57 |
1.เงินคงเหลือณวันที่ 30 กันยายน 2553 | 16,385 | 16,385 | |||
2.ยอดยกมาต้นปีงบประมาณ | 17,536 | 22,272 | 29,666 | ||
3.รายรับประกอบด้วย | |||||
3.1 ประมาณรายรับจากผู้ผลิต/ผู้นำเข้าน้ำมัน | 7,083 | 7,214 | 7,379 | 7,453 | 29,129 |
3.2 เงินทุนหมุนเวียนรอรับคืนจากพพ. | 968 | 862 | 671 | 710 | 3,210 |
3.3 เงินทุนหมุนเวียนรอรับคืนจากปตท. | 211 | 212 | 204 | 135 | 762 |
หน่วย: ล้านบาท
ปีงบประมาณ | 2554 | 2555 | 2556 | 2557 | รวมช่วงปี54-57 |
3.4 เงินทุนหมุนเวียนรอรับคืนจากกฟผ. | 550 | - | - | 400 | 950 |
รวมรับ | 8,812 | 8,288 | 8,254 | 8,698 | 34,051 |
4.รายจ่ายประกอบด้วย | |||||
4.1 รายจ่ายผูกพันปี 2538-2547 | 274 | 132 | 21 | - | 426 |
4.2 รายจ่ายผูกพันปี 2548-2552 | 4,701 | 3,420 | 838 | 766 | 9,726 |
4.3 รายจ่ายผูกพันปี 2553 (สนพ.) | 1,281 | 1,281 | |||
4.4 รายจ่ายผูกพันปี 2553 (พพ.) | 1,406 | 1,406 | |||
รวมจ่าย | 7,661 | 3,552 | 860 | 766 | 12,839 |
5.เงินคงเหลือปลายปี (1+2+3-4) ยกไป | 17,536 | 22,272 | 29,666 | 37,598 | 37,598 |
ประมาณการรายได้/รายจ่ายสุทธิ (3-4) | 1,151 | 4,736 | 7,394 | 7,932 | 21,213 |
มติที่ประชุม
รับทราบประมาณการกระแสเงินสดของกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ในปี 2554-2557 ตามที่ฝ่ายเลขานุการฯ เสนอ
เรื่องที่ 4 รายงานการดำเนินโครงการและการใช้จ่ายเงินกองทุนฯ ปีงบประมาณ 2553
1. คณะกรรมการกองทุนฯ ในการประชุมเมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2553 ได้อนุมัติจัดสรรเงินกองทุนฯ เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการตามแผนอนุรักษ์พลังงาน ปีงบประมาณ 2553 ให้กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) ในวงเงิน 1,823,952,000 บาท และสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) ในวงเงิน 1,379,613,752 บาท รวมเป็นเงิน 3,203,565,752 บาท โดยแยกเป็นแผนพลังงานทดแทน ในวงเงิน 1,039,305,450 บาท แผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน ในวงเงิน 2,034,859,090 บาท และแผนงานบริหารทางกลยุทธ์ ในวงเงิน 129,401,212 บาท
2. พพ. และ สนพ. ได้ดำเนินโครงการภายใต้แผนพลังงานทดแทน แผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน และแผนงานบริหารทางกลยุทธ์ ปีงบประมาณ 2553 ตามที่ได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการกองทุนฯ ไว้แล้ว โดยมีการใช้จ่ายเงินกองทุนฯ เป็นจำนวนเงิน 2,931,520,752 บาท คิดเป็นร้อยละ 91.51 ของงบประมาณรวม และได้เบิกจ่ายเงินคิดเป็นร้อยละ 23 ของงบที่ผูกพัน ดังนี้
2.1 การดำเนินโครงการภายใต้แผนพลังงานทดแทน ได้มีการใช้จ่ายเงินกองทุนฯ และผูกพันงบประมาณ เป็นเงิน 979.95 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 94 ของงบที่ได้รับ
2.2 การดำเนินโครงการภายใต้แผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน ได้มีใช้จ่ายเงินกองทุนฯ และผูกพันงบประมาณ เป็นเงิน 1,822.17 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 90 ของงบที่ได้รับ
2.3 การดำเนินงานภายใต้แผนงานบริหารทางกลยุทธ์ ได้มีการใช้จ่ายเงินกองทุนฯ และผูกพันงบประมาณ เป็นเงิน 129.40 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 100 ของงบที่ได้รับ
มติที่ประชุม
รับทราบรายงานการดำเนินโครงการและการใช้จ่ายเงินกองทุนฯ ปีงบประมาณ 2553 ตามที่ ฝ่ายเลขานุการฯ เสนอ
เรื่องที่ 5 รายงานการตรวจสอบประเมินผลกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน
1. สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ได้จัดส่งเจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจสอบประเมินผลกองทุนฯ ระหว่างวันที่ 15 ตุลาคม 2551 - 31 กรกฎาคม 2552 เพื่อให้ทราบว่าการดำเนินงานของกองทุนฯ และโครงการที่ได้รับการสนับสนุนจากกองทุนฯ มีผลการดำเนินงานบรรลุตามวัตถุประสงค์และเป้าหมายหรือไม่การใช้จ่ายเงินของกองทุนฯ เป็นไปตามวัตถุประสงค์ ประหยัด และคุ้มค่าหรือไม่ อย่างไร โดยขอตรวจสอบตั้งแต่ปีงบประมาณ 2549-2551 และได้ขอความร่วมมือ สนพ. จัดเตรียมเอกสารและข้อมูลต่างๆ ที่เกี่ยวกับกองทุนฯ และสถานที่ให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานระหว่างการตรวจสอบ
2. สตง. ได้แจ้งผลและส่งรายงานการตรวจสอบประเมินผลกองทุนฯ ตั้งแต่ปีงบประมาณ 2549-2551 มายัง สนพ. เพื่อทราบและดำเนินการตามข้อเสนอแนะ ซึ่งสรุปสาระสำคัญได้ 2 ประเด็น ดังนี้
2.1 การใช้จ่ายเงินไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของกองทุนฯ โดยครอบคลุมการใช้จ่ายเงินเพื่อบริหารกองทุนฯ ทั้งในส่วนของ สนพ. และ พพ. ที่ไม่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานตามภารกิจหน้าที่ของกองทุนฯ ซึ่งกำหนดไว้ในวัตถุประสงค์ตาม พ.ร.บ. การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535
2.2 ผลการดำเนินงานโครงการที่ได้รับจัดสรรเงินจากกองทุนฯ ไม่บรรลุวัตถุประสงค์และไม่มีการใช้ประโยชน์ ซึ่ง สตง. ได้ตรวจสอบทั้งหมด 42 โครงการ ตามแผนพลังงานทดแทน และแผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน โดยมีผลการดำเนินงานโครงการไม่บรรลุวัตถุประสงค์ และไม่มีการใช้ประโยชน์จากโครงการ จำนวน 11 โครงการ (พพ. จำนวน 10 โครงการ และ สนพ. จำนวน 1 โครงการ)
3. สตง. เสนอแนะให้ฝ่ายเลขานุการฯ นำเสนอผลการตรวจสอบของ สตง. ให้ประธานกรรมการกองทุนฯ รับทราบและพิจารณา ดังต่อไปนี้
3.1 กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาจัดสรรเงินกองทุนฯ ในส่วนของงานบริหาร เพื่อให้การใช้จ่ายเงินกองทุนฯ เป็นไปตามวัตถุประสงค์และเกิดประสิทธิภาพสูงสุด
3.2 จัดให้มีการติดตามประเมินผลการใช้จ่ายเงินของกองทุนฯ ในส่วนของงานบริหารเพื่อให้การใช้จ่ายเงินกองทุนฯ เป็นไปตามวัตถุประสงค์และมีประสิทธิภาพ รวมทั้งทราบปัญหา อุปสรรค
3.3 ให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาของการดำเนินงานโครงการที่ได้รับการจัดสรรเงินจากกองทุนฯ โดยการพิจารณาดำเนินการตามรายงานประเมินผลและข้อเสนอแนะของคณะอนุกรรมการประเมินผลโครงการภายใต้แผนอนุรักษ์พลังงาน และแจ้งปัญหาในการดำเนินงานของทั้ง 11 โครงการ ตามผลการตรวจสอบให้ สนพ. และ พพ. ทราบและดำเนินการแก้ไข เพื่อให้การดำเนินงานโครงการมีประสิทธิภาพ ประสิทธิผลและยั่งยืน
3.4 กำหนดกฎระเบียบให้ สนพ. และ พพ. ซึ่งได้รับการจัดสรรเงินจากกองทุนฯ จัดส่งข้อมูล โครงการให้กองทุนฯ เพื่อให้คณะอนุกรรมการประเมินผลฯ ใช้ในการติดตามประเมินผล
3.5 การพิจารณาจัดสรรเงินกองทุนฯ ให้กับโครงการที่มีลักษณะการส่งเสริมและสาธิต ในอนาคตต้องกำหนดหลักเกณฑ์ให้มีการศึกษาความเป็นไปได้ก่อน เพื่อใช้เป็นข้อมูลสำหรับพิจารณาตัดสินใจให้การสนับสนุนเงินกองทุนฯ สำหรับการดำเนินงานโครงการต่อไป
4. ฝ่ายเลขานุการฯ ได้ดำเนินการตามข้อเสนอแนะของ สตง. แล้ว สรุปได้ดังนี้
4.1 ได้จัดทำหลักเกณฑ์การพิจารณาจัดสรรงบประมาณ ในส่วนงานบริหารแผนและงานบริหารจัดการประจำปี 2554 เพื่อใช้ในการพิจารณางบประมาณกองทุนฯ ปี 2554 ดังนี้
1) เกณฑ์การพิจารณาจัดสรรงบประมาณ ในส่วนงานบริหารแผนและงานบริหารจัดการ ประจำปี 2554
เพื่อให้ใช้จ่ายเงินกองทุนในส่วนของงานบริหารงานกองทุนฯ เป็นไปตามเจตนารมณ์ ของพระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535 มาตรการ 25 (4) ที่กำหนดวัตถุประสงค์ให้ "เป็นค่าใช้จ่ายเงินกองทุนฯ ในการบริหารงานการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานเพื่อให้เป็นไปตามพระราชบัญญัตินี้" การพิจารณาจัดสรรงบประมาณ ในส่วนงานบริหารแผนและงานบริหารจัดการ ประจำปี 2554 คณะทำงานพิจารณากลั่นกรองงบประมาณประจำ 2554 ใช้หลักเกณฑ์เบื้องต้นในการพิจารณาจัดสรร ดังนี้
1.1) เป็นรายการค่าใช้จ่ายที่มีความเกี่ยวข้องกับภารกิจและหน้าที่ของกองทุนเพื่อส่งเสริม การอนุรักษ์พลังงาน
1.2) อัตราค่าใช้จ่ายให้เป็นไปตามที่กระทรวงการคลังกำหนด และรายการค่าจ้างที่ปรึกษาให้เป็นไปตามที่สำนักงบประมาณกำหนด
1.3) เป็นรายการค่าใช้จ่ายที่เป็นไปตามภารกิจที่คณะกรรมการกองทุนฯ และคณะอนุกรรมการกองทุนฯ มอบหมาย
1.4) เป็นรายการค่าใช้จ่ายที่ดำเนินการตามตัวชี้วัดเงินทุนหมุนเวียนของกรมบัญชีกลาง
1.5) นำผลประเมินของคณะอนุกรรมการประเมินผลฯ มาประกอบการพิจารณาในการจัดสรรงบประมาณแต่ละปี
2) แนวทางการดำเนินงานในปีงบประมาณต่อไป
2.1) ฝ่ายเลขานุการฯ จะจัดตั้งคณะทำงานกำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาจัดสรรงบประมาณในส่วนงานบริหารแผนและงานบริหารจัดการ ของกองทุนฯ เพื่อให้การจัดสรรงบประมาณเป็นไปตามเจตนารมณ์ของพระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน และตามภารกิจ หน้าที่ของกองทุนฯ ซึ่งประกอบด้วย ผู้แทนจาก สนพ. พพ. กรมบัญชีกลาง และผู้แทนสำนักงบประมาณ
2.2) นำหลักเกณฑ์การพิจารณาจัดสรรงบประมาณ ในส่วนงานบริหารแผนและงานบริหารจัดการ ของกองทุนฯ ที่กำหนดโดยคณะทำงานมาใช้ในการจัดสรรงบประมาณแต่ละปี
4.2 ฝ่ายเลขานุการฯ จะดำเนินการจัดทำหนังสือแจ้งประธานอนุกรรมการประเมินผลฯ เพื่อติดตามประเมินผลการใช้จ่ายเงินของกองทุนฯ ในส่วนของงานบริหารต่อไป
4.3 สนพ. และ พพ. ได้ชี้แจงเหตุที่ไม่บรรลุวัตถประสงค์หรือไม่มีการใช้ประโยชน์ พร้อมทั้งเสนอแนวทางการแก้ไขการดำเนินโครงการให้เกิดการใช้ประโยชน์สูงสุด ทั้ง 11 โครงการแล้ว ซึ่งมีรายละเอียดตามเอกสารแนบของระเบียบวาระ
4.4 การจัดส่งข้อมูลโครงการให้กองทุนฯ นั้น ได้เพิ่มเติมข้อเสนอในเรื่องที่ 4.1 เพื่อเป็นมติให้ สนพ. และ พพ. จัดส่งข้อมูลโครงการให้กองทุนฯ เพื่อให้คณะอนุกรรมการประเมินผลฯ ใช้ในการติดตามประเมินผลแล้ว
4.5 สนพ. ได้มีหนังสือแจ้ง สตง. ให้ทราบผลการดำเนินงานเบื้องต้นเรียบร้อยแล้ว
มติที่ประชุม
รับทราบรายงานการตรวจสอบประเมินผลกองทุนฯ ของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ตามที่ ฝ่ายเลขานุการฯ เสนอ และประธานกรรมการกองทุนฯ ให้ฝ่ายเลขานุการฯ และหน่วยงานทั้ง สนพ. และ พพ. นำข้อท้วงติงของ สตง. ไปเป็นแนวปฏิบัติในการดำเนินงานต่อไป เพื่อมิให้มีรายการค่าใช้จ่ายเงินกองทุนฯ ที่ผิดวัตถุประสงค์เกิดขึ้นอีก
เรื่องที่ 6 บทบาทคณะกรรมการทุนหมุนเวียนตามตัวชี้วัดภาคบังคับของกรมบัญชีกลาง
1. คณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2546 มีมติอนุมัติให้หน่วยงานต่างๆ ที่มีเงินนอกงบประมาณ ถือปฏิบัติตามมาตรการกำกับดูแลเงินนอกงบประมาณ ที่กระทรวงการคลังเสนออย่างเคร่งครัด โดยให้กระทรวงการคลังร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติติดตามผล การดำเนินการ และกรมบัญชีกลางเริ่มใช้ระบบประเมินผลทุนหมุนเวียน ตั้งแต่ปีบัญชี 2547 ซึ่งกองทุน เพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานเป็นทุนหมุนเวียนที่เข้าสู่ระบบประเมินผลการดำเนินงาน ตั้งแต่ปีบัญชี 2549
2. ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 กรมบัญชีกลางได้กำหนดตัวชี้วัดภาคบังคับ "บทบาทคณะกรรมการทุนหมุนเวียน" ซึ่งเป็นตัวชี้วัดที่ทุกทุนหมุนเวียนในความรับผิดชอบของกรมบัญชีกลางจะต้องปฏิบัติตาม โดยมีความมุ่งหวังเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการกำกับดูแลของคณะกรรมการทุนหมุนเวียน โดย จะประเมินจาก 4 ประเด็นหลักที่สำคัญ ดังนี้
2.1 การจัดให้มีทิศทาง แผนยุทธศาสตร์ และแผนปฏิบัติการประจำปี โดยพิจารณาจากคณะกรรมการทุนหมุนเวียนกำหนดทิศทาง ยุทธศาสตร์ และจัดให้มีแผนยุทธศาสตร์หรือแผนระยะยาว และแผนปฏิบัติการประจำปี ที่มีองค์ประกอบครบถ้วน มีคุณภาพ และสอดคล้องกับวัตถุประสงค์จัดตั้ง รวมถึง พันธกิจของทุนหมุนเวียน
2.2 การติดตามระบบการบริหารจัดการและผลการปฏิบัติงานตามภารกิจของทุนหมุนเวียน โดยพิจารณาจากคณะกรรมการทุนหมุนเวียนมีการติดตามผลการปฏิบัติงานตามพันธกิจและระบบบริหารจัดการที่สำคัญ ได้แก่ ระบบการควบคุมภายใน ระบบการตรวจสอบภายใน ระบบการบริหารความเสี่ยง ระบบบริหารจัดการสารสนเทศ และระบบบริหารทรัพยากรบุคคลของทุนหมุนเวียนอย่างครบถ้วน เพียงพอ และสม่ำเสมอทั้งปี
2.3 การจัดให้มีระบบประเมินผลผู้บริหารทุนหมุนเวียน โดยพิจารณาจากการประเมินผลผู้บริหารระดับสูงที่เป็นระบบ โดยมีหลักเกณฑ์ชัดเจนสอดคล้องและเชื่อมโยงกับหลักเกณฑ์ และเป้าหมายระดับองค์กร
2.4 การเปิดเผยข้อมูลข่าวสารแก่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย โดยพิจารณาจากการเปิดเผยข้อมูลสารสนเทศที่ครบถ้วน ถูกต้อง เชื่อถือได้ ทันกาล
3. การกำหนดเกณฑ์การประเมินผลการดำเนินงานของกองทุนฯ ประจำปีบัญชี 2554 นั้น ฝ่ายเลขานุการฯ กำลังดำเนินการเจรจาต่อรองระหว่างผู้ถูกประเมิน คือ กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน (สนพ. และ พพ.) กับผู้ประเมิน คือ กรมบัญชีกลางและทริส เพื่อให้ได้ตัวชี้วัดที่เหมาะสมกับการดำเนินงานของกองทุนฯ มากที่สุด ซึ่งคาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จกลางเดือนมกราคม 2554
มติที่ประชุม
รับทราบบทบาทคณะกรรมการทุนหมุนเวียนตามตัวชี้วัดภาคบังคับของกรมบัญชีกลาง ตามที่ ฝ่ายเลขานุการฯ เสนอ และให้ฝ่ายเลขานุการฯ รายงานผลการประเมินการดำเนินงานของกองทุนฯ ในแต่ละรอบ ต่อคณะกรรมการกองทุนฯ เพื่อทราบต่อไปด้วย
เรื่องที่ 7 งบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2554 กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน
1. คณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2550 ได้รับทราบแผนอนุรักษ์พลังงานและเป้าหมาย ในช่วงปีงบประมาณ พ.ศ. 2551-2554 ตามที่คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) เสนอ โดยมีเป้าหมายและการดำเนินการจะลดปริมาณการใช้พลังงานลง 7,820 พันตันเทียบเท่าน้ำมันดิบ หรือคิดเป็นร้อยละ 10.8 ของความต้องการใช้พลังงานทั้งหมดของประเทศในปี 2554 และกำหนดเป้าหมายการนำพลังงานหมุนเวียนมาใช้แทนพลังงานเชิงพาณิชย์ 8,858 พันตันเทียบเท่าน้ำมันดิบ หรือคิดเป็นร้อยละ 12.2 ของความต้องการใช้พลังงานในปี 2554 และ กพช. ในการประชุมเมื่อวันที่ 16 มกราคม 2552 ได้เห็นชอบแผนพัฒนาพลังงานทดแทน 15 ปี โดยกำหนดเป้าหมายการนำพลังงานทดแทนรวม 10,961 พันตันเทียบเท่าน้ำมันดิบ หรือคิดเป็นร้อยละ 15.6 ของความต้องการใช้พลังงานในปี 2554
2. สนพ. ในฐานะฝ่ายเลขานุการ "กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน" ได้รวบรวมงบประมาณรายจ่ายตามแผนงานและโครงการจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อขอรับการสนับสนุนเงินกองทุนฯ สำหรับ ใช้จ่ายเป็นเงินหมุนเวียน เงินช่วยเหลือ หรือเงินอุดหนุนสำหรับการลงทุน และดำเนินงานเกี่ยวกับการอนุรักษ์พลังงาน มาตรา 25 แห่ง "พระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน" โดยมีหน่วยงานยื่นขอรับการสนับสนุนจากกองทุนฯ ในปีงบประมาณ 2554 เป็นจำนวน 125 โครงการ ในวงเงินทั้งสิ้น 5,365,911,205 บาท
3. การพิจารณากลั่นกรองงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2554 ดำเนินการโดย "คณะทำงานพิจารณากลั่นกรองงบประมาณประจำปี 2554 ของกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน" ที่ประธานคณะอนุกรรมการกองทุนฯ ได้แต่งตั้งเมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 2553 โดยมีปลัดกระทรวงพลังงานเป็นประธานคณะทำงานฯ ซึ่งได้เริ่มประชุมพิจารณางบประมาณตั้งแต่วันที่ 22 กันยายน 2553 - 3 ธันวาคม 2553 รวม 9 ครั้ง และคณะทำงานฯ ได้ยึดแนวทาง/หลักเกณฑ์การพิจารณากลั่นกรองโครงการฯ ของกองทุนฯ โดยมีหลักเกณฑ์ที่สำคัญ ดังนี้
1) การจัดลำดับความสำคัญตามนโยบายและแผน โดยทำการพิจารณาถึงความสอดคล้องของโครงการกับภารกิจที่สำคัญ ดังนี้
- ภารกิจตามข้อกำหนดและกฎหมาย พ.ร.บ. การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน
- ภารกิจตามยุทธศาสตร์ระดับชาติ นโยบายรัฐบาล และกระทรวงพลังงาน
- ภารกิจตามเจตนารมณ์ของกองทุนฯ ตามมาตรา 25 แห่ง พ.ร.บ. การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน และตามแผนและเป้าหมายอนุรักษ์พลังงาน ในช่วงปี 2551-2554
- ภารกิจตามแผนพัฒนาพลังงานทดแทน 15 ปี (พ.ศ. 2551-2565)
2) ระยะเวลาการเกิดผลสัมฤทธิ์ โดยใช้เป็นเกณฑ์ในการแบ่งช่วงเวลาที่โครงการดังกล่าวสามารถนำไปสู่การปฏิบัติได้จริงหรือขยายผลได้ในอนาคต โดยแบ่งเป็น 3 ระยะ ได้แก่ ระยะ "สั้น" (เกิดผลสัมฤทธิ์ได้ใน 1-2 ปี) ระยะ "กลาง" (เกิดผลสัมฤทธิ์ได้ใน 3-5 ปี) และ ระยะ "ยาว" (เกิดผลสัมฤทธิ์ต้องใช้เวลามากกว่า 5 ปี)
3) ศักยภาพในการขยายผล โดยเน้นโครงการวิจัยและ/หรือดำเนินการแล้วสามารถนำไปปฏิบัติได้จริงหรือขยายผลได้จริง (Deployment Potential) โดยแบ่งตามศักยภาพการขยายผลเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มที่มีศักยภาพในการขยายผล "มาก" และกลุ่มที่มีศักยภาพในการขยายผล "น้อย"
4) โครงการต่อเนื่อง โดยพิจารณาผลการดำเนินงานในช่วงที่ผ่านมา ถ้ามีความก้าวหน้าเกินกว่าร้อยละ 50 ของแผนงาน และผลการดำเนินงานอยู่ในระดับดี จึงจะได้รับงบประมาณสำหรับปีต่อไป
5) งานประชาสัมพันธ์ ดำเนินงานเฉพาะกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการสื่อสารอย่างแท้จริง
6) งบบริหารแผนการดำเนินงาน จะต้องเป็นภารกิจหรืองานที่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของการใช้จ่ายเงินกองทุนฯ ตาม พ.ร.บ. การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน และปรับอัตราค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่ขอรับการสนับสนุนจากกองทุนฯ ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ แนวทาง และขอบเขตการพิจารณางบประมาณตามที่สำนักงบประมาณกำหนด
4. คณะทำงานฯ ได้พิจารณารายละเอียดการของบประมาณรายจ่ายโครงการของกองทุนฯ ตามที่ได้รับมอบหมายจากคณะอนุกรรมการฯ แล้ว โดยเห็นสมควรสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายตามโครงการประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 ของกองทุนฯ เป็นจำนวนไม่เกิน 2,614,335,136 บาท รวม 81 โครงการ ซึ่งได้ครอบคลุมการดำเนินงานทั้งในการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานภาคอุตสาหกรรมและธุรกิจ การจัดการด้านการใช้พลังงาน รวมถึงการส่งเสริมการผลิตและการใช้พลังงานทดแทนในการผลิตไฟฟ้า และผลิตความร้อนในเทคโนโลยีต่างๆ เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม พลังงานน้ำ พลังงานชีวมวล และเชื้อเพลิงชีวภาพ โดยแบ่งรายจ่ายออกเป็น 2 หน่วยงานผู้เบิกเงิน กองทุนฯ ดังนี้
1) พพ. จำนวน 883,618,960 บาท คิดเป็นร้อยละ 33.80 รวม 54 โครงการ
2) สนพ. จำนวน 1,730,716,176 บาท คิดเป็นร้อยละ 66.20 รวม 27 โครงการ
5. คณะอนุกรรมการกองทุนฯ ในการประชุมเมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2553 ได้พิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2554 ของกองทุนฯ แล้ว ที่ประชุมมีมติเห็นชอบงบประมาณรายจ่าย เป็นจำนวน 2,614,335,136 บาท ตามที่คณะทำงานฯ เห็นสมควร และให้ฝ่ายเลขานุการฯ เสนอคณะกรรมการกองทุนฯ พิจารณาให้ความเห็นชอบต่อไป ดังนี้
จำแนกตามแผนอนุรักษ์พลังงาน | จำนวนโครงการ | รวม | ร้อยละ | จำแนกตามหน่วยผู้เบิก (บาท) | |
พพ. | สนพ. | ||||
1. แผนพลังงานทดแทน | 39 | 1,449,445,340 | 55.44 | 318,758,500 | 1,130,686,840 |
1.1 งานศึกษาวิจัยพัฒนา | 10 | 214,635,000 | 8.21 | 61,635,000 | 153,000,000 |
1.2 งานส่งเสริมและสาธิต | 20 | 341,945,340 | 13.08 | 228,703,500 | 113,241,840 |
1.3 งานพัฒนาบุคลากรและประชาสัมพันธ์ | 9 | 864,445,000 | 33.07 | - | 864,445,000 |
1.4 งานบริหารแผนงาน | - | 28,420,000 | 1.09 | 28,420,000 | - |
2. แผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน | 40 | 1,087,318,060 | 41.59 | 564,860,460 | 522,457,600 |
2.1 งานศึกษาวิจัยพัฒนา | 3 | 107,800,000 | 4.12 | 7,800,000 | 100,000,000 |
2.2 งานส่งเสริมและสาธิต | 21 | 492,940,000 | 18.86 | 492,940,000 | - |
2.3 งานพัฒนาบุคลากรและประชาสัมพันธ์ | 16 | 479,543,060 | 18.34 | 57,085,460 | 422,457,600 |
2.4 งานบริหารแผนงาน | - | 7,035,000 | 0.27 | 7,035,000 | - |
3. แผนบริหารเชิงกลยุทธ์ | 2 | 77,571,736 | 2.97 | - | 77,571,736 |
3.1 งานศึกษาวิจัยเชิงนโยบาย | 2 | 14,000,000 | 0.54 | - | 14,000,000 |
3.2 งานบริหารแผนงาน | - | 63,571,736 | 2.43 | - | 63,571,736 |
รวมงบประมาณ กทอ.ปี 2554 | 81 | 2,614,335,136 | 100.00 | 883,618,960 | 1,730,716,176 |
6. ฝ่ายเลขานุการฯ มีข้อเสนอในการดำเนินงานและการใช้จ่ายเงินกองทุนฯ ดังนี้
1) เนื่องจาก พพ. และ สนพ. มีงานบริหารเกี่ยวกับการอนุรักษ์พลังงานที่ต้องดำเนินงานต่อเนื่อง เช่น การเบิกจ่ายเงินให้หน่วยงาน โครงการ ตามข้อผูกพันสัญญาฯ การประสานหน่วยงาน โรงงาน อาคาร เพื่อดำเนินการตามกฎหมายอนุรักษ์พลังงาน การให้คำแนะนำกับประชาชนในเรื่องวิธีประหยัดพลังงาน ฯลฯ จึงมีรายจ่ายประจำที่จำเป็นเพื่อการบริหารงานที่เกิดขึ้นแล้ว เช่น ค่าจ้างพนักงานราชการ ค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปให้ความรู้ความเข้าใจ การร่วมประชุมให้ความเห็น ค่าสาธารณูปโภค เป็นต้น ฝ่ายเลขานุการฯ จึงขอเสนอคณะกรรมการกองทุนฯ พิจารณาเห็นชอบให้งบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2554 ของกองทุนฯ งานบริหารของทั้ง 3 แผนงาน มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2553
2) การพิจารณาให้ความเห็นชอบโครงการภายใต้งานศึกษาวิจัยและพัฒนาด้านเทคนิค ทั้งแผนพลังงานทดแทนและแผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน ในส่วนที่ สนพ. รับผิดชอบ ขอเสนอวิธีการดำเนินงานในลักษณะเดียวกับปีงบประมาณ 2553 โดยให้ สนพ. ทำหน้าที่พิจารณากลั่นกรองรายละเอียดของโครงการที่มีผู้ยื่นขอรับการสนับสนุน ตามรายละเอียดการของบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2554 แล้วนำเสนอผู้มีอำนาจอนุมัติภายในวงเงิน ดังต่อไปนี้
(1) ผอ.สนพ. ไม่เกิน 10,000,000 บาท
(2) คณะอนุกรรมการกองทุนฯ เกิน 10,000,000 บาท แต่ไม่เกิน 50,000,000 บาท
(3) คณะกรรมการกองทุนฯ เกิน 50,000,000 บาท
3) เพื่อให้งานประชาสัมพันธ์มีความเป็นเอกภาพ และมีทิศทางการปฏิบัติไปในแนวเดียวกัน จึงขอเสนอพิจารณาอนุมัติงบประมาณรายจ่ายโครงการประชาสัมพันธ์ในแผนพลังงานทดแทนและแผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน ไว้เป็นกรอบวงเงินแผนงานละ 350 ล้านบาท รวมเป็นเงิน 700 ล้านบาท ให้ผ่านการพิจารณาและเห็นชอบจาก "คณะกรรมการประชาสัมพันธ์และการสื่อสารของกระทรวงพลังงาน" ที่ปลัดกระทรวงพลังงานเป็นประธาน และให้สามารถถัวจ่ายและเปลี่ยนแปลงรายการในแผนงาน/งานเดียวกันได้ ทั้งนี้เมื่อคณะกรรมการประชาสัมพันธ์ฯ เห็นชอบแล้ว ให้เสนอต่อคณะอนุกรรมการกองทุนฯ เพื่อพิจารณาอนุมัติก่อนดำเนินโครงการต่อไป และให้กระทรวงพลังงานดำเนินการประเมินผลการประชาสัมพันธ์ที่ได้รับงบประมาณจากกองทุนฯ ต่อไปด้วย
4) เพื่อให้เป็นไปตามข้อเสนอแนะของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ให้ สนพ. และ พพ. จัดส่งข้อมูลการดำเนินโครงการที่ได้รับจัดสรรในปีงบประมาณ 2554 พร้อมทั้งเอกสารรายงานที่ได้ตรวจรับแล้ว (ในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์) ให้ฝ่ายเลขานุการฯ ทุก 4 เดือน เพื่อจัดส่งให้คณะอนุกรรมการประเมินผลฯ ใช้ในการติดตามประเมินผลโครงการต่อไป
มติที่ประชุม
ประธานกรรมการกองทุนฯ ให้ฝ่ายเลขานุการฯ ไปดำเนินการทบทวนและตรวจสอบงบประมาณรายจ่ายในแต่ละโครงการตามข้อกำหนดในมาตรา 25 ของ พ.ร.บ. การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พร้อมทั้งตรวจสอบโครงการในมิติตามเป้าหมายการอนุรักษ์พลังงาน เพิ่มเติม และจัดทำข้อมูลดังกล่าวเสนอคณะกรรมการกองทุนฯ เพื่อประกอบการพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2554 ในการประชุมครั้งต่อไป
อนุ กอ. ครั้งที่ 24 - วันศุกร์ที่ 17 ธันวาคม 2553
มติคณะอนุกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน
ครั้งที่ 7/2553 (ครั้งที่ 24)
วันศุกร์ที่ 17 ธันวาคม 2553 เวลา 09.00 น.
ณ ห้องประชุมบุญรอด-นิธิพัฒน์ ชั้น 11 อาคาร 7 กระทรวงพลังงาน
1. รายงานฐานะการเงินกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน สิ้นสุด ณ วันที่ 30 พฤศจิกายน 2553
2. ประมาณการกระแสเงินสดของกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ในปี 2554-2557
3. รายงานการดำเนินงานด้านอนุรักษ์พลังงานและการส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทนของกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ปีงบประมาณ 2553
4. รายงานการตรวจสอบประเมินผลกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน
5. บทบาทคณะกรรมการกองทุนหมุนเวียนตามตัวชี้วัดภาคบังคับของกรมบัญชีกลาง
6. รายงานผลการประเมินโครงการศึกษาความเป็นไปได้ของการปลูกพืชน้ำมัน และพัฒนารูปแบบการผลิตพลังงานจากพืชแบบครบวงจร ในพื้นที่ตัวอย่างเขตภาคเหนือ ระยะที่ 1 (ปี 2548-2553)
7. งบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2554 ของกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน
8. การขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการที่คณะกรรมการกองทุนฯ อนุมัติไว้แล้ว
นายวรรณรัตน์ ชาญนุกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ประธานอนุกรรมการ
นายวีระพล จิรประดิษฐกุล ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน อนุกรรมการและเลขานุการ
เรื่องที่ 1 รายงานฐานะการเงินกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน สิ้นสุด ณ วันที่ 30 พฤศจิกายน 2553
เลขานุการฯ ได้รายงานฐานะเงินกองทุนฯ ณ วันที่ 30 พฤศจิกายน 2553 ให้ที่ประชุมทราบ ดังนี้
หน่วย : ล้านบาท | |
ยอดยกมาณ วันที่ 1 ตุลาคม 2553 | 16,385.31 |
บวก รายรับ | 1,232.38 |
รวม | 17,617.69 |
หัก รายจ่าย | 901.63 |
คงเหลือ ณ วันที่ 30 พฤศจิกายน 2553 | 16,716.06 |
ข้อสังเกต/ข้อเสนอแนะของที่ประชุม
ผู้แทนกรมบัญชีกลาง เห็นว่าปัจจุบันฐานะเงินกองทุนฯ ไม่ค่อยมีการเปลี่ยนแปลงมากนัก จึงเห็นควรให้มีการจัดแบ่งสัดส่วนของเงินกองทุนฯ ออกเป็นส่วนที่จะใช้จ่ายตามแผนประมาณการในปีงบประมาณ และส่วนที่ยังไม่มีแผนการใช้จ่าย เพื่อจะได้นำจำนวนเงินในส่วนที่ยังไม่มีแผนการใช้จ่ายไปแยกบัญชีและประเภทเงินฝากเป็นเงินฝากประจำตามระยะเวลาในธนาคารของรัฐ ทั้งนี้เพื่อให้กองทุนฯ ได้รับผลตอบแทนที่เพิ่มมากขึ้น ซึ่งประธานอนุกรรมการฯ ได้มอบหมายให้ฝ่ายเลขานุการฯ นำข้อเสนอแนะดังกล่าวไปพิจารณาและดำเนินการต่อไป โดยให้ดำเนินการไปตามที่ระเบียบกองทุนฯ กำหนดไว้
มติที่ประชุม
รับทราบรายงานฐานะการเงินกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน สิ้นสุด ณ วันที่ 30 พฤศจิกายน 2553 ตามที่ฝ่ายเลขานุการฯ เสนอ และให้ฝ่ายเลขานุการฯ นำข้อเสนอแนะของผู้แทนกรมบัญชีกลาง ไปพิจารณาและดำเนินการต่อไปด้วย
เรื่องที่ 2 ประมาณการกระแสเงินสดของกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ในปี 2554-2557
1. กพช. ในการประชุมเมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2552 ได้มีมติให้ยกเลิกการจัดเก็บเงินส่งเข้ากองทุนอนุรักษ์ฯ ในส่วนที่เก็บเพื่อส่งเสริมโครงการลงทุนพัฒนาระบบการขนส่งของทั้งน้ำมันเบนซินและน้ำมันดีเซล ที่จัดเก็บในอัตรา 0.50 บาท/ลิตร และให้โอนเงินที่ได้จัดเก็บไว้แล้ว มาสบทบกับเงินสำหรับส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน และลดอัตราจัดเก็บเงินกองทุนอนุรักษ์ฯ ของน้ำมันดีเซลสำหรับส่งเสริมอนุรักษ์พลังงาน จากที่เก็บอยู่ 0.25 บาท/ลิตร เหลือ 0.05 บาท/ลิตร เป็นระยะเวลา 1 ปี และได้กลับมาจัดเก็บในอัตราเดิม คือ 0.25 บาท/ลิตร ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2553
2. รายได้ที่จัดเก็บเงินเข้ากองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานสำหรับ "โครงการลงทุนพัฒนาระบบการขนส่ง" ตั้งแต่วันที่ 11 มกราคม 2551 - 1 ตุลาคม 2552 รวมทั้งสิ้น 8,151.37 ล้านบาท โดยปัจจุบันได้โอนเงินดังกล่าวเข้าสมทบกับเงินกองทุนอนุรักษ์ฯ ทั้งนี้ฐานะเงินกองทุนฯ ณ วันที่ 30 กันยายน 2553 มีจำนวนทั้งสิ้น 16,385 ล้านบาท
3. ฝ่ายเลขานุการฯ ได้จัดทำประมาณการกระแสเงินสดของกองทุนฯ ณ 30 กันยายน 2553 สรุปได้ดังนี้
ปีงบประมาณ | 2554 | 2555 | 2556 | 2557 | รวมช่วงปี54-57 |
1.เงินคงเหลือณวันที่ 30 กันยายน 2553 | 16,385 | 16,385 | |||
2.ยอดยกมาต้นปีงบประมาณ | 17,536 | 22,272 | 29,666 | ||
3.รายรับประกอบด้วย | |||||
3.1 ประมาณรายรับจากผู้ผลิต/ผู้นำเข้าน้ำมัน | 7,083 | 7,214 | 7,379 | 7,453 | 29,129 |
3.2 เงินทุนหมุนเวียนรอรับคืนจากพพ. | 968 | 862 | 671 | 710 | 3,210 |
3.3 เงินทุนหมุนเวียนรอรับคืนจากปตท. | 211 | 212 | 204 | 135 | 762 |
3.4 เงินทุนหมุนเวียนรอรับคืนจากกฟผ. | 550 | - | - | 400 | 950 |
รวมรับ | 8,812 | 8,288 | 8,254 | 8,698 | 34,051 |
4.รายจ่ายประกอบด้วย | |||||
4.1 รายจ่ายผูกพันปี 2538-2547 | 274 | 132 | 21 | - | 426 |
4.2 รายจ่ายผูกพันปี 2548-2552 | 4,701 | 3,420 | 838 | 766 | 9,726 |
4.3 รายจ่ายผูกพันปี 2553 (สนพ.) | 1,281 | 1,281 | |||
4.4 รายจ่ายผูกพันปี 2553 (พพ.) | 1,406 | 1,406 | |||
รวมจ่าย | 7,661 | 3,552 | 860 | 766 | 12,839 |
5.เงินคงเหลือปลายปี (1+2+3-4) ยกไป | 17,536 | 22,272 | 29,666 | 37,598 | 37,598 |
ประมาณการรายได้/รายจ่ายสุทธิ (3-4) | 1,151 | 4,736 | 7,394 | 7,932 | 21,213 |
มติที่ประชุม
รับทราบ ประมาณการกระแสเงินสดของกองทุนฯ ในปี 2554-2557 ตามที่ฝ่ายเลขานุการฯ เสนอ
เรื่องที่ 3 รายงานการดำเนินงานด้านอนุรักษ์พลังงานและการส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทนของกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ปีงบประมาณ 2553
1. คณะกรรมการกองทุนฯ ในการประชุมเมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2553 ได้อนุมัติจัดสรรเงินกองทุนฯ เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการตามแผนอนุรักษ์พลังงาน ปีงบประมาณ 2553 ให้กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) ในวงเงิน 1,823,952,000 บาท และสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) ในวงเงิน 1,379,613,752 บาท รวมเป็นเงิน 3,203,565,752 บาท โดยแยกเป็นแผนพลังงานทดแทน ในวงเงิน 1,039,305,450 บาท แผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน ในวงเงิน 2,034,859,090 บาท และแผนงานบริหารทางกลยุทธ์ ในวงเงิน 129,401,212 บาท
2. พพ. และ สนพ. ได้ดำเนินโครงการภายใต้แผนพลังงานทดแทน และแผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานตามที่ได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการกองทุนไว้แล้ว โดยมีการผูกพันงบประมาณ เป็นเงิน 2,931,520,752 บาท คิดเป็นร้อยละ 91.51 ของงบประมาณรวม และมีการเบิกจ่ายเงินคิดเป็นร้อยละ 21 ของงบประมาณที่ผูกพัน ดังนี้
2.1 การดำเนินโครงการภายใต้แผนพลังงานทดแทน ได้มีการใช้จ่ายเงินกองทุนฯ และผูกพันงบประมาณ เป็นเงิน 979.95 ล้านบาท
2.2 การดำเนินโครงการภายใต้แผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน ได้มีใช้จ่ายเงินกองทุนฯ และผูกพันงบประมาณ เป็นเงิน 1,822.17 ล้านบาท
2.3 การดำเนินงานภายใต้แผนงานบริหารทางกลยุทธ์ ได้มีการใช้จ่ายเงินกองทุนฯ และผูกพันงบประมาณ เป็นเงิน 129.40 ล้านบาท
ข้อสังเกต/ข้อเสนอแนะของที่ประชุม
ประธานอนุกรรมการฯ ได้สอบถามถึงจำนวนเงินที่ไม่ได้ผูกพันไว้ ประมาณ 8-9 % เกี่ยวกับเรื่องใด ซึ่งฝ่ายเลขานุการฯ ได้เรียนที่ประชุมทราบว่า เป็นเงินคงเหลือจากการดำเนินโครงการต่างๆ เช่น โครงการสนับสนุนทุนการศึกษา โครงการสนับสนุนการศึกษา วิจัย พัฒนาเทคโนโลยีพลังงานทดแทน โครงการส่งเสริมและวัสดุอุกรณ์เพื่อการอนุรักษ์พลังงาน โครงการส่งเสริมประสิทธิภาพการใช้พลังงานในอาคารภารรัฐ นอกจากนี้ปลัดกระทวงพลังงาน เห็นควรให้ฝ่ายเลขานุการฯ ปรับแก้ไขการรายงานการใช้จ่ายงบประมาณ จากเดิม "ผูกพันงบประมาณ..." เป็น "มีการใช้จ่ายเงินงบประมาณ เป็นจำนวน 2,931,520,752 บาท จากงบประมาณรวม 3,203,565,752 บาท"
มติที่ประชุม
รับทราบรายงานการดำเนินงานด้านอนุรักษ์พลังงานและส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทนของกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ปีงบประมาณ 2553 ตามที่ฝ่ายเลขานุการฯ เสนอ
เรื่องที่ 4 รายงานการตรวจสอบประเมินผลกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน
1. สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ได้จัดส่งเจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจสอบประเมินผลกองทุนฯ ระหว่างวันที่ 15 ตุลาคม 2551 - 31 กรกฎาคม 2552 เพื่อให้ทราบว่าการดำเนินงานของกองทุนฯ และโครงการที่ได้รับการสนับสนุนจากกองทุนฯ มีผลการดำเนินงานบรรลุตามวัตถุประสงค์และเป้าหมายหรือไม่การใช้จ่ายเงินของกองทุนฯ เป็นไปตามวัตถุประสงค์ ประหยัด และคุ้มค่าหรือไม่ อย่างไร โดยขอตรวจสอบตั้งแต่ปีงบประมาณ 2549-2551 และได้ขอความร่วมมือ สนพ. จัดเตรียมเอกสารและข้อมูลต่างๆ ที่เกี่ยวกับกองทุนฯ และสถานที่ให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานระหว่างการตรวจสอบ
2. สตง.ได้แจ้งผลและส่งรายงานการตรวจสอบประเมินผลกองทุนฯ ตั้งแต่ปีงบประมาณ 2549-2551 มายัง สนพ. เพื่อทราบและดำเนินการตามข้อเสนอแนะ ซึ่งสรุปสาระสำคัญได้ 2 ประเด็น ดังนี้
2.1 การใช้จ่ายเงินไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของกองทุนฯ โดยครอบคลุมการใช้จ่ายเงินเพื่อบริหารกองทุนฯ ทั้งในส่วนของ สนพ. และ พพ. ที่ไม่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานตามภารกิจหน้าที่ของกองทุนฯ ซึ่งกำหนดไว้ในวัตถุประสงค์ตาม พ.ร.บ. การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535
2.2 ผลการดำเนินงานโครงการที่ได้รับจัดสรรเงินจากกองทุนฯ ไม่บรรลุวัตถุประสงค์และไม่มีการใช้ประโยชน์ ซึ่ง สตง. ได้ตรวจสอบทั้งหมด 42 โครงการ ตามแผนพลังงานทดแทน และแผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน โดยมีผลการดำเนินงานโครงการไม่บรรลุวัตถุประสงค์ และไม่มีการใช้ประโยชน์จากโครงการ จำนวน 11 โครงการ (พพ. จำนวน 10 โครงการ และ สนพ. จำนวน 1 โครงการ)
3. สตง. เสนอแนะให้ฝ่ายเลขานุการฯ นำเสนอผลการตรวจสอบของ สตง. ให้ประธานกรรมการกองทุนฯ รับทราบและพิจารณา ดังต่อไปนี้
3.1 กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาจัดสรรเงินกองทุนฯ ในส่วนของงานบริหาร เพื่อให้การใช้จ่ายเงินกองทุนฯ เป็นไปตามวัตถุประสงค์และเกิดประสิทธิภาพสูงสุด
3.2 จัดให้มีการติดตามประเมินผลการใช้จ่ายเงินของกองทุนฯ ในส่วนของงานบริหารเพื่อให้การใช้จ่ายเงินกองทุนฯ เป็นไปตามวัตถุประสงค์และมีประสิทธิภาพ รวมทั้งทราบปัญหา อุปสรรค
3.3 ให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาของการดำเนินงานโครงการที่ได้รับการจัดสรรเงินจากกองทุนฯ โดยการพิจารณาดำเนินการตามรายงานประเมินผลและข้อเสนอแนะของคณะอนุกรรมการประเมินผลโครงการภายใต้แผนอนุรักษ์พลังงาน และแจ้งปัญหาในการดำเนินงานของทั้ง 11 โครงการ ตามผลการตรวจสอบให้ สนพ. และ พพ. ทราบและดำเนินการแก้ไข เพื่อให้การดำเนินงานโครงการมีประสิทธิภาพ ประสิทธิผลและยั่งยืน
3.4 กำหนดกฎระเบียบให้ สนพ. และ พพ. ซึ่งได้รับการจัดสรรเงินจากกองทุนฯ จัดส่งข้อมูล โครงการให้กองทุนฯ เพื่อให้คณะอนุกรรมการประเมินผลโครงการภายใต้แผนอนุรักษ์พลังงานใช้ในการติดตามประเมินผล
3.5 การพิจารณาจัดสรรเงินกองทุนฯ ให้กับโครงการที่มีลักษณะการส่งเสริมและสาธิตในอนาคตต้องกำหนดหลักเกณฑ์ให้มีการศึกษาความเป็นไปได้ก่อน เพื่อใช้เป็นข้อมูลสำหรับพิจารณาตัดสินใจให้การสนับสนุนเงินกองทุนฯ สำหรับการดำเนินงานโครงการต่อไป
4. ฝ่ายเลขานุการฯ ได้ดำเนินการจัดประชุมเจ้าหน้าที่ สนพ. และ พพ. เพื่อรับทราบผลการตวจสอบประเมินผลกองทุนฯ ของ สตง. และดำเนินการตามข้อเสนอแนะดังกล่าว มีข้อสรุปในเบื้องต้น ดังนี้
4.1 การใช้จ่ายเงินบริหารกองทุนที่ไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของกองทุนฯ นั้น พพ. และ สนพ. จะพึงระวัง และจะกำชับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องให้ถือปฏิบัติ หลีกเลี่ยงการดำเนินการที่เข้าข่ายลักษณะที่ สตง. ได้มีการทักท้วง
4.2 การดำเนินงานโครงการที่ได้รับจัดสรรเงินจากกองทุนฯ ไม่บรรลุวัตถุประสงค์และไม่มีการใช้ประโยชน์นั้น ในส่วนของ สนพ. ได้ดำเนินการตามข้อทักท้วงแล้ว สำหรับ พพ. ได้กำชับเจ้าหน้าที่ผู้เข้าร่วมประชุมให้รีบแจ้งข้อมูลการดำเนินงานตามข้อทักท้วงภายในวันที่ 15 มกราคม 2554 เพื่อจะได้เป็นข้อมูลสนับสนุนให้ฝ่ายเลขานุการฯ นำเสนอคณะกรรมการกองทุนฯ
5. สนพ. ได้มีหนังสือแจ้งไปยัง สตง. เพื่อทราบผลการดำเนินงานตามข้อเสนอแนะในเบื้องต้นแล้ว
ข้อสังเกต/ข้อเสนอแนะของที่ประชุม
1. ประธานอนุกรรมการฯ ได้ขอให้เลขานุการฯ ชี้แจงในรายละเอียดผลตรวจสอบของ สตง. ในแต่ประเด็นเพิ่มเติม ซึ่งเลขานุการฯ ได้รายงานให้ที่ประชุมทราบว่า ประเด็นการใช้จ่ายเงินไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของกองทุนฯ นั้น เป็นรายการค่าใช้จ่ายในส่วนของงานบริหารกองทุนฯ เช่น ค่าใช้จ่ายในการจัดสัมมนาและประชุม ค่าซ่อมแซมและบำรุงครุภัณฑ์สำนักงาน ค่าใช้จ่ายเดินทางไปราชการต่างประเทศ สำหรับประเด็นผลการดำเนินงานโครงการที่ได้รับจัดสรรเงินจากกองทุนฯ ไม่บรรลุวัตถุประสงค์และไม่มีการใช้ประโยชน์ อย่างเช่น โครงการส่งเสริมก๊าซชีวภาพในโรงงานอุตสาหกรรม โครงการพัฒนาระบบผลิตก๊าซชีวภาพจากขยะในระดับชุมชน เนื่องจากวัตถุประสงค์ของโครงการเพื่อเป็นการสาธิตและเผยแพร่เทคโนโลยี แต่ในระหว่างดำเนินโครงการ ได้มีการเผยแพร่ในรูปแบบเทคโนโลยีอื่น ซึ่งทำให้การเผยแพร่ของโครงการไม่ทันกับสถานการณ์และเทคโนโลยีที่เปลี่ยนไป
2. ปลัดกระทรวงพลังงาน เห็นว่า ตามหนังสือ สตง. มีข้อเสนอแนะให้ฝ่ายเลขานุการฯ นำเสนอผลการตรวจสอบของ สตง. ให้ประธานกรรมการกองทุนฯ รับทราบและพิจารณาดำเนินการใน 5 รายการนั้น จึงควรให้ฝ่ายเลขานุการฯ จัดเตรียมเอกสารชี้แจงการดำเนินงานตามข้อเสนอแนะของ สตง. ที่ได้ดำเนินการไปแล้วให้ชัดเจน เพื่อเสนอคณะกรรมการกองทุนฯ รับทราบต่อไป
3. ผู้แทนกรมบัญชีกลาง เห็นควรให้เพิ่มรายละเอียดของโครงการในเอกสารชี้แจงด้วย พร้อมทั้งแจ้งให้ที่ประชุมทราบว่า ปัจจุบัน สตง. ได้ให้ความสำคัญกับผลการประเมินเงินนอกงบประมาณมากขึ้น
มติที่ประชุม
รับทราบรายงานการตรวจสอบประเมินผลกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานของ สตง. ตามที่ฝ่ายเลขานุการฯ เสนอ และให้ฝ่ายเลขานุการฯ จัดทำเอกสารชี้แจงการดำเนินงานตามข้อเสนอแนะของ สตง. ที่ได้ดำเนินการไปแล้วให้ชัดเจน เพื่อเสนอคณะกรรมการกองทุนฯ รับทราบต่อไป
เรื่องที่ 5 บทบาทคณะกรรมการกองทุนหมุนเวียนตามตัวชี้วัดภาคบังคับของกรมบัญชีกลาง
1. คณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2546 มีมติอนุมัติให้หน่วยงานต่างๆ ที่มีเงินนอกงบประมาณ ถือปฏิบัติตามมาตรการกำกับดูแลเงินนอกงบประมาณ ที่กระทรวงการคลังเสนออย่างเคร่งครัด โดยให้กระทรวงการคลังร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติติดตามผลการดำเนินการ และกรมบัญชีกลางเริ่มใช้ระบบประเมินผลทุนหมุนเวียน ตั้งแต่ปีบัญชี 2547 ซึ่งกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานเป็นทุนหมุนเวียนที่เข้าสู่ระบบประเมินผลการดำเนินงาน ตั้งแต่ปีบัญชี 2549
2. ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 กรมบัญชีกลางได้กำหนดตัวชี้วัดภาคบังคับ "บทบาทคณะกรรมการทุนหมุนเวียน" ซึ่งเป็นตัวชี้วัดที่ทุกทุนหมุนเวียนในความรับผิดชอบของกรมบัญชีกลางจะต้องปฏิบัติตาม โดยมีความมุ่งหวังเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการกำกับดูแลของคณะกรรมการทุนหมุนเวียน โดยจะประเมินจาก 4 ประเด็นหลักที่สำคัญ ดังนี้
2.1 การจัดให้มีทิศทาง แผนยุทธศาสตร์ และแผนปฏิบัติการประจำปี โดยพิจารณาจากคณะกรรมการทุนหมุนเวียนกำหนดทิศทาง ยุทธศาสตร์ และจัดให้มีแผนยุทธศาสตร์หรือแผนระยะยาว และแผนปฏิบัติการประจำปี ที่มีองค์ประกอบครบถ้วน มีคุณภาพ และสอดคล้องกับวัตถุประสงค์จัดตั้ง รวมถึงพันธกิจของทุนหมุนเวียน
2.2 การติดตามระบบการบริหารจัดการและผลการปฏิบัติงานตามภารกิจของทุนหมุนเวียน โดยพิจารณาจากคณะกรรมการทุนหมุนเวียนมีการติดตามผลการปฏิบัติงานตามพันธกิจและระบบบริหารจัดการที่สำคัญ ได้แก่ ระบบการควบคุมภายใน ระบบการตรวจสอบภายใน ระบบการบริหารความเสี่ยง ระบบบริหารจัดการสารสนเทศ และระบบบริหารทรัพยากรบุคคลของทุนหมุนเวียนอย่างครบถ้วน เพียงพอ และสม่ำเสมอทั้งปี
2.3 การจัดให้มีระบบประเมินผลผู้บริหารทุนหมุนเวียน โดยพิจารณาจากการประเมินผลผู้บริหารระดับสูงที่เป็นระบบ โดยมีหลักเกณฑ์ชัดเจนสอดคล้องและเชื่อมโยงกับหลักเกณฑ์ และเป้าหมายระดับองค์กร
2.4 การเปิดเผยข้อมูลข่าวสารแก่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย โดยพิจารณาจากการเปิดเผยข้อมูลสารสนเทศที่ครบถ้วน ถูกต้อง เชื่อถือได้ ทันกาล
3. การกำหนดเกณฑ์การประเมินผลการดำเนินงานของกองทุนฯ ประจำปีบัญชี 2554 นั้น ฝ่ายเลขานุการฯ กำลังดำเนินการเจรจาต่อรองระหว่างผู้ถูกประเมิน คือ กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน (สนพ. และ พพ.) กับผู้ประเมิน คือ กรมบัญชีกลางและทริส เพื่อให้ได้ตัวชี้วัดที่เหมาะสมกับการดำเนินงานของกองทุนฯ มากที่สุด ซึ่งคาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จกลางเดือนมกราคม 2554
มติที่ประชุม
รับทราบบทบาทคณะกรรมการทุนหมุนเวียนตามตัวชี้วัดภาคบังคับของกรมบัญชีกลาง ตามที่ฝ่ายเลขานุการฯ เสนอ
1. คณะอนุกรรมการกองทุนฯ ในการประชุมเมื่อวันที่ 25 มกราคม 2553 ได้มีมติให้ สนพ. ประเมินโครงการศึกษาความเป็นไปได้ของการปลูกพืชน้ำมัน และพัฒนารูปแบบการผลิตพลังงานจากพืชแบบครบวงจร ในพื้นที่ตัวอย่างเขตภาคเหนือ ระยะที่ 1 (ปี 2548-2553) เพื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบในการพิจารณาอนุมัติเงินสนับสนุนโครงการในระยะต่อไป และ สนพ. ได้มอบหมายให้ บริษัท เอเบิล คอนซัลแตนท์ จำกัด ดำเนินการประเมินผลโครงการดังกล่าว และเสนอผลประเมินให้คณะอนุกรรมการประเมินผลฯ พิจารณาให้ความเห็นชอบ พร้อมให้ข้อสังเกตและข้อเสนอแนะในการประชุมเมื่อวันที่ 15 กันยายน 2553
2. โครงการศึกษาความเป็นไปได้ของการปลูกพืชน้ำมัน และพัฒนารูปแบบการผลิตพลังงานจากพืชแบบครบวงจร ในพื้นที่ตัวอย่างเขตภาคเหนือ ระยะที่ 1 (ปี 2548-2553) เป็นโครงการภายใต้แผนงานบริหารทางกลยุทธ์ งานศึกษาเชิงนโยบายและวิชาการ กำกับดูแลโดย สนพ. ดำเนินการโดยคณะเกษตรศาสตร์และคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ งบประมาณ 49.96 ล้านบาท ระยะเวลาโครงการ 5 ปี (มิถุนายน 2548 - มิถุนายน 2553)
3. ผลการประเมินในภาพรวมของโครงการอยู่ในระดับพอใช้ (ได้คะแนน 2.18 จากคะแนนเต็ม 5) โดยมีผลประเมินในแต่ละประเด็น ดังนี้
3.1 บริบท (น้ำหนักร้อยละ 10) มีผลประเมินอยู่ในระดับพอใช้ (คะแนนเฉลี่ย 2.50) เนื่องจากมีหัวข้อโครงการน่าสนใจสอดคล้องกับนโยบายการพัฒนาพลังงานทดแทน และได้รับการสนับสนุนอย่างดีจากผู้ที่เกี่ยวข้องและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย แต่การกำหนดประเภทของพืชน้ำมันที่ศึกษาไม่เหมาะสม เพราะศักยภาพ/ปัญหาอุปสรรคในการพัฒนาและส่งเสริมปาล์มน้ำมันและสบู่ดำแตกต่างกันมาก การศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการไม่รัดกุมและไม่ครอบคลุมประเด็นที่เกี่ยวข้องอย่างครบถ้วน มีการกำหนดขอบเขตงานของโครงการกว้างเกินไป ทำให้ไม่สามารถระบุประเด็นสำคัญที่ต้องการมุ่งเน้นได้อย่างชัดเจน
3.2 ปัจจัยที่ใช้ (น้ำหนักร้อยละ 10) มีผลประเมินอยู่ในระดับพอใช้ (คะแนนเฉลี่ย 2.50) กล่าวคือ หน่วยงานและบุคลากรผู้ดำเนินโครงการมีคุณสมบัติเหมาะสม และสอดคล้องกับการดำเนินงานภายใต้โครงการ มีการเตรียมพื้นที่ศึกษาสำหรับการทดลองเพาะปลูกในหลายๆ สภาวะ และมีความพร้อมด้านอุปกรณ์/เครื่องมือที่เกี่ยวข้องกับงานวิจัยเป็นอย่างดี แต่งบประมาณโครงการสูงเกินไป ไม่สอดคล้องกับปริมาณงานภายใต้โครงการ
3.3 วิธีการดำเนินการ (น้ำหนักร้อยละ 30) มีผลประเมินอยู่ในระดับพอใช้ (คะแนนเฉลี่ย 2.52) โดยมีการวางแผนดำเนินงานในภาพรวมเหมาะสมดี และมีการมอบหมายงานสอดคล้องกับบุคลากร แต่วิธีการทดลองด้านเกษตรกรรมยังมีข้อบกพร่อง ไม่สามารถปฏิบัติได้จริง การกำหนดระยะเวลาโครงการไม่เหมาะสม และไม่พบว่ามีการจัดทำระบบติดตามประเมินผลภายใต้โครงการอย่างชัดเจน
3.4 ผลผลิต (น้ำหนักร้อยละ 30) มีผลประเมินอยู่ในระดับพอใช้ (คะแนนเฉลี่ย 1.81) เนื่องจากการกำหนดสายพันธุ์ปาล์มน้ำมันและสบู่ดำที่เหมาะสมในชุมชนภาคเหนือและการพัฒนาออกแบบเครื่องจักรสกัดและแปรรูปน้ำมันเป็นองค์ความรู้ทั่วไปที่มีอยู่แล้ว มิใช่เกิดจากการวิจัยภายใต้โครงการ ดังนั้น จึงอาจนำข้อมูลที่มีอยู่แล้วในแหล่งอื่นมาใช้ศึกษาต่อยอดแทนได้ เพื่อลดความสิ้นเปลืองงบประมาณและระยะเวลาในการวิจัย ส่วนศูนย์ข้อมูลเพื่อบริการความรู้และคำแนะนำ และศูนย์เรียนรู้ชุมชนที่แม้จะสามารถจัดตั้งได้ตามเป้าหมายของโครงการ แต่ก็ยังไม่มีข้อมูลเพียงพอที่จะนำไปใช้ประกอบการดำเนินการได้อย่างเต็มรูปแบบ มีการรวบรวมและจัดทำฐานข้อมูล (Process-based) ของปาล์มน้ำมันและสบู่ดำที่ครบถ้วนเพียงพอสำหรับนำไปเผยแพร่ให้ความรู้แก่ประชาชนได้เป็นอย่างดี แต่ไม่มีฐานข้อมูลความต้องการใช้ประโยชน์และข้อมูลการตลาด ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญในการประชาสัมพันธ์ให้ตัดสินใจลงทุน
3.5 การนำไปใช้ (น้ำหนักร้อยละ 20)
ผลกระทบ (น้ำหนักร้อยละ 10) มีผลประเมินอยู่ในระดับต้องปรับปรุง (คะแนนเฉลี่ย 1.33) โดยหากพิจารณาใน 4 ปีแรกที่ดำเนินการภายใต้โครงการนี้ การปลูกปาล์มน้ำมันเพื่อผลิตพลังงานยังไม่คุ้มทุน ส่วนสบู่ดำค่อนข้างชัดเจนแล้วว่าไม่คุ้มค่าทางเศรษฐศาสตร์ โอกาสการขยายพื้นที่ปลูกปาล์มในภาคเหนือ โดยเกษตรกรรายย่อยทั่วไปมีความเป็นไปได้ยาก ยกเว้นจะได้รับการสนับสนุนทางการเงินอย่างมีนัยสำคัญจากภาครัฐ ในช่วงปีแรกๆ ของการปลูก แต่จะมีโอกาสในความสำเร็จสูงหากเป็นเกษตรกรรายใหญ่ ที่มีความแข็งแกร่งในเรื่องเงินทุน ผลผลิตของโครงการยังไม่สามารถเชื่อมโยงและสร้างผลกระทบต่อเสถียรภาพและความมั่นคงด้านพลังงาน/พลังงานทดแทนของประเทศได้อย่างชัดเจน มีการทำลายพื้นที่ป่าธรรมชาติเพื่อปรับสภาพเป็นพื้นที่แปลงวิจัย รวมถึงไม่มีการวิเคราะห์ผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมที่เกิดจากการตกค้างของสารเคมีที่ใช้ในการเพาะปลูก และแนวทางการเพาะปลูกที่ไม่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
ความยั่งยืน (น้ำหนักร้อยละ 10) มีผลประเมินอยู่ในระดับพอใช้ (คะแนนเฉลี่ย 2.50) โดยมีการจัดกิจกรรมเผยแพร่ประชาสัมพันธ์โครงการในหลายๆ รูปแบบ และมีประชาชนเข้าร่วมจำนวนมาก มีการเสนอให้เก็บข้อมูลผลผลิตและพัฒนาปรับปรุงพันธุ์ปาล์มน้ำมันและสบู่ดำต่อเนื่อง ทั้งๆ ที่ผลการศึกษาชัดเจนว่าไม่คุ้มทุน และให้ขยายพื้นที่ปลูกไปยังจังหวัดอื่น ขาดรายละเอียดและความชัดเจนเกี่ยวกับแนวทาง การดูแลบำรุงรักษาและการใช้ประโยชน์ผลผลิตปาล์มน้ำมัน/สบู่ดำปริมาณมาก รวมถึงโรงงานสกัดและแปรรูปน้ำมันที่ได้ดำเนินการไว้แล้ว
4. ข้อสังเกตจากการประเมินผลโครงการ มีดังนี้
4.1 วัตถุประสงค์และขอบเขตของโครงการนี้กว้างเกินไป กล่าวคือ ครอบคลุมตั้งแต่การศึกษาวิจัย การคัดเลือกพันธุ์ การปลูกปาล์มและสบู่ดำ การสกัดและบีบน้ำมันปาล์มและสบู่ดำ การศึกษาด้านเศรษฐกิจ สังคมและสิ่งแวดล้อม การจัดตั้งและดำเนินงานศูนย์การเรียนรู้ชุมชน การจัดทำแบบจำลอง Process Based ของปาล์มน้ำมันและสบู่ดำ การผลิตไบโอดีเซล การดำเนินงานมีความซับซ้อน ทำให้ดำเนินการและบริหารโครงการลำบาก รวมถึงการประเมินก็ทำได้ยากเช่นกัน
4.2 โครงการนี้ขาดการทบทวน (Review) สถานภาพของการศึกษาวิจัยที่มีผู้ทำไว้เดิม และผู้ปลูกรายเดิมในเขตภาคเหนืออย่างพอเพียง ทั้งทางด้านการคัดแยกพันธุ์ การปลูกทดลอง รวมถึงเครื่องสกัดน้ำมันปาล์มและหีบน้ำมันสบู่ดำ
4.3 ระยะเวลาดำเนินโครงการ 5 ปี ยาวนานเกินไป ประกอบกับมีนักวิจัยรายอื่นที่ทำวิจัยเรื่องที่ซ้ำซ้อนกับโครงการนี้ ในช่วงเวลาเดียวกันหรือก่อนหน้านี้ ซึ่งถ้าหากผู้ทำโครงการนำเอาผลการวิจัยของเก่ามาใช้หรือพัฒนาต่อยอดจะทำให้เสียเวลาและค่าใช้จ่ายน้อยลง
4.4 โครงการนี้เลือกศึกษาปาล์มน้ำมันและสบู่ดำ ซึ่งไม่เหมาะสม เนื่องจากศักยภาพและปัญหาอุปสรรคในการพัฒนาส่งเสริมพืชทั้ง 2 ชนิด มีความแตกต่างกันอย่างมาก โดยปาล์มน้ำมันมีศักยภาพค่อนข้างสูง ส่วนสบู่ดำมีศักยภาพในการพัฒนาเป็นพืชเศรษฐกิจต่ำกว่ากันมาก ดังนั้นประเด็นการศึกษาและแนวทางในการส่งเสริมจึงแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง การนำมาศึกษาภายใต้โครงการเดียวกันโดยไม่มีจุดร่วมที่เหมือนกัน ทำให้ออกแบบการศึกษาวิจัยได้ลำบาก และจะเสียค่าใช้จ่ายมาก
4.5 มีผลการศึกษาจากหลายแหล่งระบุชัดเจนแล้วว่าสบู่ดำเป็นพืชที่มีศักยภาพในการพัฒนาเป็นพืชเศรษฐกิจต่ำ ผลผลิตต่อไร่ต่ำ จึงไม่เหมาะสมที่จะนำมาศึกษาวิจัยในเชิงพาณิชย์เพราะจะสิ้นเปลืองงบประมาณและเวลา
4.6 การนำเสนอข้อมูลต่างๆ ในรายงาน รวมถึงในเอกสารเผยแพร่ประชาสัมพันธ์มีความคลาดเคลื่อนและผิดพลาดหลายแห่ง รวมถึงไม่มีการอ้างอิงที่ชัดเจน และน่าเชื่อถือเพียงพอ รายงานผลการศึกษาบางส่วนขาดความครบถ้วนสมบูรณ์
4.7 ผลการดำเนินงานโครงการที่ได้อาจยังไม่ครบถ้วนตามข้อตกลง เช่น ในข้อเสนอโครงการระบุว่าจะทดลองปลูกปาล์มน้ำมันและสบู่ดำในพื้นที่ของเกษตรกร 3 พื้นที่ ได้แก่ เชียงใหม่ เชียงราย และลำพูน แต่ในรายงานไม่มีผลการทดลองปลูกในจังหวัดเชียงราย เช่นเดียวกับเครื่องสกัดน้ำมันปาล์มที่บอกว่าจะวิจัยออกแบบสร้างเป็นนวัตกรรมใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ คุ้มค่าทางด้านเศรษฐศาสตร์ ในรายงานไม่ได้นำเสนอหลักวิธีการออกแบบ มิติ ขนาด ประสิทธิภาพของแต่ละส่วน ไม่ได้มีการเดินเครื่องทดสอบ เก็บ และวิเคราะห์ข้อมูลว่าได้ผลตามอ้างหรือไม่ อย่างไร
4.8 การทดลองเรื่องการให้น้ำและปุ๋ยในส่วนของการปลูกปาล์มและสบู่ดำ มีข้อมูลดิบเป็นจำนวนมาก แต่ไม่สามารถสรุปได้ชัดเจนว่าสภาวะใดที่มีความเหมาะสมสูงสุด เพราะไม่มีความแตกต่างทางสถิติอย่างชัดเจน เห็นได้จากกราฟแสดงการเจริญเติบโต และการให้ผลผลิตของปาล์มน้ำมันและสบู่ดำ เมื่อให้น้ำและปุ๋ยต่างๆ กัน ซึ่งเส้นกราฟแทบจะไม่มีความแตกต่างกัน คาดว่าน่าจะเกิดจากการกำหนดวิธีการหรือตัวแปรในการทดลองที่ไม่เหมาะสม เช่น กำหนดปริมาณน้ำที่ให้แก่ปาล์มน้อยเกินไป (น้อยกว่าความต้องการของปาล์ม) จึงไม่เห็นผลที่แตกต่างกัน เป็นต้น
4.9 การกำหนดวิธีการหรือตัวแปรในการทดลองเกี่ยวกับการให้น้ำพืชยังไม่เหมาะสมเท่าที่ควร โดยมีข้อบกพร่อง เช่น กำหนดการให้น้ำโดยระบุเป็นปริมาตรของน้ำในช่วงระยะเวลาหนึ่ง แต่ไม่ได้เทียบเป็นปริมาณน้ำฝนในหน่วยมิลลิเมตรต่อปี ไม่มีการเก็บข้อมูลด้านอุตุนิยมวิทยา ซึ่งเป็นข้อมูลสำคัญสำหรับการวิเคราะห์และสรุปผลการทดลองอย่างต่อเนื่องให้ครบถ้วนตลอดระยะเวลาการทดลอง เช่น กระแสลม ความชื้นในอากาศ ความชื้นในดิน ความเข้มของแสงแดด เป็นต้น และไม่มีการบันทึกผลการตอบสนอง ของปากใบของพืชว่าในช่วงการให้น้ำปากใบเปิดหรือปิด เป็นต้น
4.10 โรงงานปาล์มน้ำมันที่ประสบความสำเร็จ ส่วนใหญ่จะตั้งอยู่ใกล้กับชุมชนผู้ปลูกปาล์ม
4.11 โรงงานขนาดเล็กมักจะมีต้นทุนสูงกว่าโรงงานขนาดใหญ่ โดยเฉพาะในกรณีนี้ที่ประสิทธิภาพการสกัดน้ำมันไม่ได้มีการพิสูจน์อย่างถูกต้อง ครบถ้วนสมบูรณ์ตามหลักวิชาการ ประสิทธิภาพน่าจะต่ำกว่าโรงงานขนาดใหญ่ ซึ่งจะทำให้ไม่สามารถแข่งขันได้ ประกอบกับเกษตรกรมีอิสระที่จะนำผลผลิตไปขายแก่โรงงานที่ให้ราคารับซื้อที่สูงกว่า ซึ่งมักจะเป็นโรงงานขนาดใหญ่แม้จะอยู่ไกลจากแหล่งเพาะปลูก ประการนี้อาจส่งผลทางด้านการขาดแคลนวัตถุดิบสำหรับโรงงานขนาดเล็ก ซึ่งจะทำให้โครงการนี้ไม่ยั่งยืน
4.12 การเพาะปลูกในพื้นที่ใหม่ๆ โดยเฉพาะเขตพื้นที่ที่มีความชื้นต่ำจะมีความเสี่ยงต่อผลผลิตที่จะลดลง เพราะการให้น้ำแก่ปาล์มที่โตเต็มที่และมีความสูงมากจะต้องสามารถควบคุมความชื้น ทั้งในดินและในอากาศ (เพราะน้ำจากในดินส่งไปไม่ถึงลำต้นส่วนบน) ปาล์มจึงจะให้ผลผลิตน้ำมันสูง
4.13 ไม่มีข้อมูลทางด้านการเกษตรและการตลาดที่ครบถ้วนเพียงพอที่จะสนับสนุนการคัดเลือกชนิดของพืชแซม เช่น ไม่ควรเลือกกระเจี๊ยบมาศึกษา เนื่องจากการเก็บเกี่ยวทำได้ยาก และตลาดที่มีความต้องการเพียงเล็กน้อย
4.14 หากผู้ดำเนินการขาดความเข้มแข็งทางด้านการเงิน การบริหารจัดการและเทคโนโลยี อาจทำให้การดำเนินงานไม่ประสบผลสำเร็จและไม่ยั่งยืน
4.15 โครงการนี้ไม่เป็นไปตามขั้นตอนของการพัฒนา คือ ส่งเสริมให้ขยายผลทั้งๆ ที่ผลการศึกษาด้านวิชาการยังไม่ได้รับการพิสูจน์ว่าดีพอ
4.16 รูปแบบของการบริหารจัดการปลูกพืชน้ำมันที่เหมาะสม ควรดำเนินการโดยภาคเอกชน ซึ่งมีความเข้มแข็งทางด้านเงินทุน ร่วมกับเกษตรกรแบบได้ประโยชน์ทั้ง 2 ฝ่าย โดยภาครัฐให้ความสนับสนุนด้านวิชาการ และช่วยแก้ปัญหาอุปสรรคต่างๆ ในการดำเนินงาน เช่น กฎระเบียบ นโยบายที่เกี่ยวข้อง เป็นต้น
5. ข้อเสนอแนะจากการประเมินผลโครงการ มีดังนี้
5.1 ผู้ดำเนินโครงการควรดำเนินการสรุปสถานภาพและสาระสำคัญ/องค์ความรู้ที่ได้ให้ชัดเจน ถูกต้องตามหลักวิชาการ และนำเสนอให้ครบถ้วนสมบูรณ์ตามข้อตกลงในสัญญาหรือข้อเสนอโครงการ พร้อมทั้งจัดทำแผนการดูแลบำรุงรักษาและการใช้ประโยชน์ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นภายใต้โครงการให้ชัดเจน โดยควรพิจารณานำภาคเอกชนเข้ามาดำเนินการหรือร่วมดำเนินการ เพื่อให้เกิดการใช้ประโยชน์อย่างคุ้มค่า และลดการสนับสนุนของภาครัฐ
5.2 เนื่องจากปาล์มน้ำมันจะเริ่มให้ผลผลิตในปีที่ 3-4 และสามารถดำเนินการในเชิงสาธิตผลผลิตได้ แต่ยังไม่อยู่ในระดับที่จะเป็นผลกำไร ดังนั้นหากจะสนับสนุนโครงการลักษณะนี้ต่อไป เห็นควรสนับสนุนต่อเนื่องแบบปีต่อปี เพื่อให้การดำเนินงานเกิดผลกำไรชัดเจน และสามารถนำผลการศึกษาไปใช้เผยแพร่ขยายผลได้ (ปกติปาล์มน้ำมันให้ผลผลิตสูงสุด ในปีที่ 7-8 เป็นต้นไป) โดยควรเน้นการศึกษาการปรับปรุงพันธุ์และการปลูกพืชน้ำมัน เพื่อหาคำตอบและพิสูจน์ความเป็นไปได้ในการปลูกพืชน้ำมันในเขตภาคเหนือ เพื่อผลิตพลังงานว่าจะมีความคุ้มค่าต่อการลงทุนหรือไม่ โดยทำการศึกษาเปรียบเทียบกับพืชเศรษฐกิจชนิดอื่นให้ครบถ้วน ชัดเจน รวมทั้งควรมีการติดตามประเมินผลอย่างต่อเนื่องเป็นระยะๆ ด้วย
5.3 ควรกำหนดประเภท/ชนิดของพืชน้ำมันที่ต้องการศึกษาให้เหมาะสม โดยอาจนำผลการศึกษาความเป็นไปได้เบื้องต้นของการปลูกพืชพลังงานในภาคเหนือ จากแหล่งอื่นที่มีอยู่แล้วมาประกอบการพิจารณา และหากดำเนินการมากกว่า 1 ชนิด ควรคัดเลือกพืชพลังงานที่มีศักยภาพ ปัญหาและอุปสรรคในการพัฒนาส่งเสริมใกล้เคียงกัน ทั้งนี้เพื่อให้มีจุดร่วมในการดำเนินการและประหยัดงบประมาณ
5.4 สบู่ดำไม่ควรสนับสนุนให้ทำวิจัยต่อ เพราะได้ผลผลิตต่ำไม่คุ้มค่าทางเศรษฐศาสตร์
5.5 การศึกษากระบวนการสกัดแปรรูปน้ำมันดิบที่เหมาะสมนั้น มีหลายหน่วยงาน ทั้งภาครัฐและเอกชนที่ดำเนินการแล้ว ควรนำองค์ความรู้นั้นมาศึกษาต่อยอดหรือนำเทคโนโลยีที่ได้รับการพิสูจน์แล้วมาใช้จะเหมาะสมกว่า
5.6 ควรวิเคราะห์ผลกระทบต่อระบบนิเวศน์และสิ่งแวดล้อมที่จะเกิดขึ้นจากการส่งเสริมให้ปลูกพืชน้ำมัน เพื่อการผลิตพลังงานในเชิงพาณิชย์ด้วย ทั้งนี้เพื่อใช้ประกอบการพิจารณาจัดทำแผนส่งเสริม ป้องกัน และลดผลกระทบต่อระบบนิเวศน์และสิ่งแวดล้อม ตลอดจนแผนการสร้างการมีส่วนร่วมและการยอมรับของชุมชน ซึ่งจะช่วยลดปัญหาด้านการต่อต้าน และช่วยให้สามารถดำเนินโครงการได้อย่างยั่งยืนในอนาคต
5.7 ควรมีข้อมูลด้านการเกษตรและการตลาดที่ครบถ้วนเพียงพอที่จะสนับสนุนการคัดเลือกชนิดของพืชแซม เนื่องจากมีผลอย่างมากต่อรายได้ของเกษตรกรที่ปลูกปาล์มในช่วงแรก และความยั่งยืนในการดำเนินการ
5.8 เนื่องจากมีการส่งบุคลากรไปดูงานต่างประเทศภายใต้โครงการนี้ทุกปี โดยใช้เงินปีละ 500,000 บาท ดังนั้นจึงควรให้ส่งข้อมูลรายละเอียดของการดูงานด้วย โดยให้ระบุหัวข้อ รายชื่อผู้เดินทาง และประโยชน์ที่มีต่อโครงการให้ชัดเจน จัดทำเป็นรายงานเสนอต่อ สนพ. เพื่อใช้ประโยชน์ต่อไป
ข้อสังเกต/ข้อเสนอแนะของที่ประชุม
ผู้แทนกรมบัญชีกลางมีข้อเสนอแนะในการพิจารณาสนับสนุนโครงการภายใต้งานส่งเสริมและสาธิต ควรจะทำการพิจารณาในด้านการตลาด รวมทั้งการ
ประเมินผลกระทบและผลลัพธ์ (Out come) ของโครงการประกอบด้วย
มติที่ประชุม
รับทราบรายงานผลการประเมินโครงการศึกษาความเป็นไปได้ของการปลูกพืชน้ำมัน และพัฒนารูปแบบการผลิตพลังงานจากพืชแบบครบวงจร ในพื้นที
ตัวอย่างเขตภาคเหนือ ระยะที่ 1 (ปี 2548-2553) ตามที่ฝ่ายเลขานุการฯ เสนอ
เรื่องที่ 7 งบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2554 ของกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน
1. คณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2550 ได้รับทราบแผนอนุรักษ์พลังงานและเป้าหมาย ในช่วงปีงบประมาณ พ.ศ. 2551-2554 ตามที่ กพช. เสนอ โดยมีเป้าหมายและการดำเนินการจะลดปริมาณการใช้พลังงานลง 7,820 พันตันเทียบเท่าน้ำมันดิบ หรือคิดเป็นร้อยละ 10.8 ของความต้องการใช้พลังงานทั้งหมดของประเทศในปี 2554 และ กพช. ในการประชุมเมื่อวันที่ 16 มกราคม 2552 ได้เห็นชอบแผนพัฒนาพลังงานทดแทน 15 ปี โดยกำหนดเป้าหมายการนำพลังงานทดแทนรวม 10,961 พันตันเทียบเท่าน้ำมันดิบ หรือคิดเป็นร้อยละ 15.6 ของความต้องการใช้พลังงานในปี 2554
2. กระทรวงพลังงาน ได้ดำเนินโครงการต่างๆ ภายใต้แผนอนุรักษ์พลังงานและแผนพัฒนาพลังงานทดแทน 15 ปี อย่างต่อเนื่อง โดยมีผลการดำเนินงาน ดังนี้
ประเภท | เป้าหมายปี 2554 | ผลดำเนินการสะสม ปี 2548-2553 |
การดำเนินการ ปี 2553 เทียบกับเป้าหมาย |
แผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน (ktoe ) | 7,820 | 3,912.04 | 50% |
(1) ภาคอุตสาหกรรม | 3,190 | 3,177.72 | 100% |
(2) valign=topด้านการจัดการ | 1,217 | 536.13 | 44% |
(3) ภาคขนส่ง | 3,413 | 198.19 | 6% |
แผนพลังงานทดแทน (ktoe) | 10,961 | 6,674 | 61% |
(1) พลังงานหมุนเวียน | 7,492 | 5,210 | - |
- ทดแทนไฟฟ้า | 1,587 | 881 | 56% |
- ทดแทนความร้อน | 4,150 | 3,450 | 83% |
- เชื้อเพลิงชีวภาพ | 1,755 | 879 | 48% |
(2) การส่งเสริมการใช้ NGV | 3,469 | 1,464 | 42% |
3. เพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปตามเป้าหมายอนุรักษ์พลังงานและแผนพัฒนาพลังงานทดแทน สนพ. ในฐานะฝ่ายเลขานุการ "กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน" ได้รวบรวมงบประมาณรายจ่ายตามแผนงานและโครงการจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและประสงค์ขอรับการสนับสนุนเงินกองทุนฯ สำหรับใช้จ่ายเป็นเงินหมุนเวียน เงินช่วยเหลือ หรือเงินอุดหนุนสำหรับการลงทุน และดำเนินงานเกี่ยวกับการอนุรักษ์พลังงาน มาตรา 25 แห่ง "พ.ร.บ.การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน" ซึ่งได้ยื่นขอรับการสนับสนุนจากกองทุนฯ เพื่อดำเนินโครงการต่างๆ เป็นจำนวน 125 โครงการ ในวงเงินทั้งสิ้น 5,365,911,205 บาท
4. การพิจารณากลั่นกรองงบประมาณได้ดำเนินการโดย "คณะทำงานพิจารณากลั่นกรองงบประมาณประจำปี 2554 ของกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน" ซึ่งได้ยึดตามแนวทาง/หลักเกณฑ์การพิจารณากลั่นกรองโครงการฯ ของกองทุนฯ ตามที่คณะอนุกรรมการกองทุนฯ ได้เห็นชอบแล้ว เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 2553 โดยมีหลักเกณฑ์ที่สำคัญ ดังนี้
(1) การจัดลำดับความสำคัญตามนโยบายและแผน โดยทำการพิจารณาถึงความสอดคล้องของโครงการกับภารกิจที่สำคัญ ดังนี้
- ภารกิจตามข้อกำหนดและกฎหมาย พ.ร.บ. การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน
- ภารกิจตามยุทธศาสตร์ระดับชาติ นโยบายรัฐบาล และกระทรวงพลังงาน
- ภารกิจตามเจตนารมณ์ของกองทุนฯ ตามมาตรา 25 แห่ง พ.ร.บ. การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน และตามแผนและเป้าหมายอนุรักษ์พลังงาน ในช่วงปี 2551-2554
- ภารกิจตามแผนพัฒนาพลังงานทดแทน 15 ปี (พ.ศ. 2551-2565)
(2) ระยะเวลาการเกิดผลสัมฤทธิ์ โดยใช้เป็นเกณฑ์ในการแบ่งช่วงเวลาที่โครงการดังกล่าวสามารถนำไปสู่การปฏิบัติได้จริงหรือขยายผลได้ในอนาคต โดยแบ่งเป็น 3 ระยะ ได้แก่ ระยะ "สั้น" (เกิดผลสัมฤทธิ์ได้ใน 1-2 ปี) ระยะ "กลาง" (เกิดผลสัมฤทธิ์ได้ใน 3-5 ปี) และ ระยะ "ยาว" (เกิดผลสัมฤทธิ์ต้องใช้เวลามากกว่า 5 ปี)
(3) ศักยภาพในการขยายผล โดยเน้นโครงการวิจัยและ/หรือดำเนินการแล้วสามารถนำไปปฏิบัติได้จริงหรือขยายผลได้จริง (Deployment Potential) โดยแบ่งตามศักยภาพการขยายผลเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มที่มีศักยภาพในการขยายผล "มาก" และกลุ่มที่มีศักยภาพในการขยายผล "น้อย"
(4) โครงการต่อเนื่อง โดยพิจารณาผลการดำเนินงานในช่วงที่ผ่านมา ถ้ามีความก้าวหน้าเกินกว่าร้อยละ 50 ของแผนงาน และผลการดำเนินงานอยู่ในระดับดี จึงจะได้รับงบประมาณสำหรับปีต่อไป
(5) งานประชาสัมพันธ์ ดำเนินงานเฉพาะกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการสื่อสารอย่างแท้จริง
(6) งบบริหารแผนการดำเนินงาน จะต้องเป็นภารกิจหรืองานที่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของการใช้จ่ายเงินกองทุนฯ ตาม พ.ร.บ. การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน และปรับอัตราค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่ขอรับการสนับสนุนจากกองทุนฯ ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ แนวทาง และขอบเขตการพิจารณางบประมาณตามที่สำนักงบประมาณกำหนด
5. การประชุมของคณะทำงานฯ เพื่อพิจารณากลั่นกรองงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2554 ของกองทุนฯ รวมจำนวนทั้งสิ้น 9 ครั้ง โดยเริ่มดำเนินการพิจารณาตั้งแต่วันที่ 22 กันยายน 2553 และสิ้นสุดการพิจารณาเมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2553
6. ผลการพิจาณางบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 ของกองทุนฯ คณะทำงานฯ เห็นควรสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการต่างๆ ภายใต้แผนพลังงานทดแทน แผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน และแผนงานบริหารเชิงกลยุทธ์ ในวงเงิน 2,614,335,136 บาท รวม 81 โครงการ แบ่งรายจ่ายออกเป็น 2 หน่วยงานผู้เบิกเงินกองทุนฯ ดังนี้
(1) กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) จำนวน 883,618,960 บาท คิดเป็นร้อยละ 33.80 รวม 54 โครงการ
(2) สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) จำนวน 1,730,716,176 บาท คิดเป็นร้อยละ 66.20 รวม 27 โครงการ
7. เลขานุการฯ ได้สรุปโครงสร้างของงบประมาณรายจ่ายกองทุนฯ ปี 2554 ให้ที่ประชุมทราบว่า งบประมาณที่ขอรับการจัดสรรในแผนพลังงานทดแทน จำนวน 1,449 ล้านบาท ได้ครอบคลุมในเทคโนโลยีต่างๆ ทั้งในการศึกษาวิจัย การส่งเสริมสาธิต และงานสนับสนุนอื่นๆ ซึ่งประกอบด้วยโครงการที่สำคัญ ได้แก่ โครงการศึกษาการผลิตต้นแบบกังหันลม โครงการพลังน้ำระดับชุมชน โครงการด้านการอบแห้งแสงอาทิตย์ โครงการก๊าซชีวภาพจากฟาร์มสุกร/ขยะ การศึกษาความเป็นไปได้ของ Asian BioFuel Hub และกำหนด Ethanol Benchmark Price โครงการสนับสนุนทุนการศึกษา และโครงการศูนย์เรียนรู้พลังงานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ 5 ธันวาคม 2554 สำหรับแผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน จำนวน 1,087 ล้านบาท ประกอบด้วยงานที่สำคัญๆ ได้แก่ การส่งเสริม กำกับดูแลโรงงาน/อาคาร ควบคุม ตาม พ.ร.บ. การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน โครงการ Tax Incentive โครงการส่งเสริมเทคโนโลยีในเชิงลึก โครงการเพิ่มประสิทธฺภาพใน SMEs โครงการส่งเสริมวัสดุอุปกรณ์เพื่อการอนุรักษ์พลังงาน การศึกษามาตรฐาน LED และโครงการสนับสนุนทุนการศึกษา โดยสรุปงบประมาณรายจ่ายของกองทุนฯ ปี 2554 เป็นดังนี้
จำแนกตามแผนอนุรักษ์พลังงาน | รวม | ร้อยละ | จำแนกตามหน่วยผู้เบิก (บาท) | |
พพ. | สนพ. | |||
1. แผนพลังงานทดแทน | 1,449,445,340 | 55.44% | 318,758,500 | 1,130,686,840 |
1.1 งานศึกษาวิจัยพัฒนา | 214,635,000 | 8.21% | 61,635,000 | 153,000,000 |
1.2 งานส่งเสริมและสาธิต | 341,945,340 | 13.08% | 228,703,500 | 113,241,840 |
1.3 งานพัฒนาบุคลากรและประชาสัมพันธ์ | 864,445,000 | 33.07% | - | 864,445,000 |
1.4 งานบริหารแผนงาน | 28,420,000 | 1.09% | 28,420,000 | - |
2. แผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน | 1,087,318,060 | 41.59% | 564,860,460 | 522,457,600 |
2.1 งานศึกษาวิจัยพัฒนา | 107,800,000 | 4.12% | 7,800,000 | 100,000,000 |
2.2 งานส่งเสริมและสาธิต | 492,940,000 | 18.86% | 492,940,000 | - |
2.3 งานพัฒนาบุคลากรและประชาสัมพันธ์ | 479,543,060 | 18.34% | 57,085,460 | 422,457,600 |
2.4 งานบริหารแผนงาน | 7,035,000 | 0.27% | 7,035,000 | - |
3. แผนบริหารเชิงกลยุทธ์ | 77,571,736 | 2.97% | - | 77,571,736 |
พพ. | สนพ. | |||
3.1 งานศึกษาวิจัยเชิงนโยบาย | 14,000,000 | 0.54% | - | 14,000,000 |
3.2 งานบริหารแผนงาน | 63,571,736 | 2.43% | - | 63,571,736 |
รวมงบประมาณ ทอ. ปี 2554 |
2,614,335,136 | 100.00% | 883,618,960 | 1,730,716,176 |
8. งบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2554 ที่เกี่ยวกับโครงการประชาสัมพันธ์ ขอเสนอพิจารณาอนุมัติไว้เป็นกรอบวงเงิน จำนวน 700 ล้านบาท เพื่อให้งานประชาสัมพันธ์มีความเป็นเอกภาพ มีทิศทางการปฏิบัติไปในแนวเดียวกัน โดยการบริหารจัดการเพื่อใช้เงินกองทุนฯ ให้ผ่านความเห็นชอบของ "คณะกรรมการประชาสัมพันธ์และการสื่อสารของกระทรวงพลังงาน" ที่ปลัดกระทรวงพลังงานเป็นประธาน โดยให้สามารถถัวจ่ายและเปลี่ยนแปลงรายการในแผนงาน/งานเดียวกันได้ ทั้งนี้เมื่อคณะกรรมการประชาสัมพันธ์ฯ เห็นชอบแล้ว ให้เสนอต่อคณะอนุกรรมการกองทุนฯ เพื่อพิจารณาอนุมัติก่อนดำเนินโครงการต่อไป และให้กระทรวงพลังงานดำเนินการประเมินผลการประชาสัมพันธ์ที่ได้รับงบประมาณจากกองทุนฯ ต่อไปด้วย
9. ฝ่ายเลขานุการฯ เสนอขอคณะอนุกรรมการกองทุนฯ พิจารณาเห็นชอบให้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 ของกองทุนฯ งานบริหารของทั้ง 3 แผนงาน มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2553 เนื่องจาก พพ. และ สนพ. มีงานบริหารเกี่ยวกับการอนุรักษ์พลังงานที่ต้องดำเนินงานต่อเนื่อง เช่น การเบิกจ่ายเงินให้หน่วยงาน โครงการ ตามข้อผูกพันสัญญาฯ การประสานหน่วยงาน โรงงาน อาคาร เพื่อดำเนินการตามกฎหมายอนุรักษ์พลังงาน การให้คำแนะนำกับประชาชนในเรื่องวิธีประหยัดพลังงาน ฯลฯ จึงมีรายจ่ายประจำที่จำเป็นเพื่อการบริหารงานที่เกิดขึ้นแล้ว เช่น ค่าจ้างพนักงานราชการ ค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปให้ความรู้ความเข้าใจ การร่วมประชุมให้ความเห็น ค่าสาธารณูปโภค เป็นต้น
การพิจารณาของที่ประชุม
ที่ประชุมได้พิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2554 ของกองทุนฯ แล้ว มีข้อสังเกตและข้อคิดเห็น ดังนี้
1. ผู้แทน พพ. เห็นว่าในปีงบประมาณ 2554 เป็นปีสิ้นสุดของแผนอนุรักษ์พลังงาน ระยะที่ 3 จึงขอหารือที่ประชุมเกี่ยวกับการพิจารณาจัดสรรงบประมาณสำหรับการประเมินผลการดำเนินงานในภาพรวมของแผนดังกล่าว เพื่อที่จะนำมาใช้ประกอบการจัดทำแผนในระยะต่อไป ซึ่งควรได้รับการจัดสรรงบประมาณที่เพียงพอต่อขอบเขตของงาน ทั้งนี้ประธานอนุกรรมการฯ เห็นว่าการประเมินที่ผ่านมาเป็นการประเมินโครงการ (Project Evaluation) ซึ่งยังไม่ได้รวมถึงการประเมินผลลัพธ์ (Out come) ที่มีความจำเป็น เพื่อจะได้ทำให้ทราบว่าการดำเนินงานในช่วงที่ผ่านมาได้ก่อให้เกิดประโยชน์มากน้อยเพียงใด และทราบถึงแนวทางที่ชัดเจนในการส่งเสริมและสนับสนุนการดำเนินโครงการในอนาคตให้ไปสู่เป้าหมายในการอนุรักษ์พลังงานสูงสุดต่อไป
ทั้งนี้ ปลัดกระทรวงพลังงาน ได้เรียนที่ประชุมทราบว่า การจัดทำแผนกองทุนฯ ในช่วงปี 2555-2559 ซึ่งเสนอขอรับการจัดสรรจากกองทุนฯ ปีงบประมาณ 2554 แผนงานบริหารกลยุทธ์ ในวงเงิน 7 ล้านบาท มีการกำหนดขอบเขตงานที่ครอบคลุมถึงการศึกษาทบทวนแผนอนุรักษ์พลังงานไว้แล้ว นอกจากนี้ ยังเห็นว่า การประเมินแผนในภาพรวมเป็นสิ่งสำคัญที่จะต้องดำเนินการ ดังนั้น จึงเห็นควรให้เป็นบทบาทหน้าที่ของข้าราชการ และได้ขอรับมาดำเนินการต่อไป
2. ปลัดกระทรวงพลังงาน เห็นว่า กระบวนการในการดำเนินโครงการสนับสนุนการศึกษา วิจัย และพัฒนาเทคโนโลยีพลังงานทดแทน ของ สนพ. ซึ่งเสนอขอรับการจัดสรรจากกองทุนฯ ไว้ในวงเงิน 150 ล้านบาท อาจจะทำให้เกิดความล่าช้าในการได้มาซึ่งโครงการ จึงเห็นควรให้ สนพ. เร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จโดยเร็ว และควรเพิ่มการวิจัยเกี่ยวกับประเภทของพืชที่สามารถนำมาผลิตเอทานอลได้ในโครงการดังกล่าวด้วย เนื่องจากเป็นส่วนหนึ่งของ KPI กระทรวงพลังงาน
3. ผู้แทนกรมบัญชีกลาง เสนอแนะให้ฝ่ายเลขานุการฯ จัดทำเอกสารประกอบการพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปี 2554 เพิ่มเติม โดยให้เห็นถึงการเปรียบเทียบงบประมาณรายจ่ายปี 2553 และ 2554 และจำนวนผลประหยัดที่ได้รับจากการดำเนินงานในปีงบประมาณ 2553 เทียบกับเป้าหมายให้ชัดเจนมากขึ้น
4. เลขานุการฯ ได้ชี้แจงที่ประชุมเพิ่มเติมถึงแนวทางการจัดทำแผนกองทุนฯ ในช่วงปี 2555-2559 ว่า จะมีการกำหนดเป้าหมายและตัวชี้วัดให้ชัดเจนมากขึ้น โดยจะจำแนกออกมาจากแผนด้านพลังงานของประเทศ (แผนอนุรักษ์พลังงาน 20 ปี และแผนพัฒนาพลังงานทดแทน 15 ปี) และให้เหมาะสมกับงบประมาณ ทั้งนี้ การดำเนินการของกองทุนฯ จะเป็นเพียงส่วนหนึ่งของแผนด้านพลังงานของประเทศ
มติที่ประชุม
1. เห็นชอบงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 ของกองทุนฯ เป็นจำนวน 2,614,335,136 บาท และให้ฝ่ายเลขานุการฯ นำเสนอคณะกรรมการกองทุนฯ พิจารณาต่อไป
2. เห็นชอบให้ฝ่ายเลขานุการฯ เสนอคณะกรรมการกองทุนฯ พิจารณาให้ค่าใช้จ่ายในงานบริหารของทั้ง 3 แผนงาน มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2553 โดยให้แต่ละหน่วยงานสามารถถัวจ่ายและเปลี่ยนแปลงรายการในหมวดต่างๆ ได้ตามความจำเป็นและเหมาะสม
เรื่องที่ 8 การขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการที่คณะกรรมการกองทุนฯ อนุมัติไว้แล้ว
1. มีหน่วยงานที่ได้รับจัดสรรเงินจากกองทุนฯ ไปแล้ว ได้ยื่นเรื่องเพื่อขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียดของโครงการจากที่คณะกรรมการกองทุนฯ ได้อนุมัติไว้ รวม 58 โครงการ ซึ่งตามระเบียบคณะกรรมการกองทุนฯ ว่าด้วยการเก็บรักษาเงินและทรัพย์สินฯ และการเบิกจ่ายเงินกองทุน พ.ศ. 2553 หมวด 3 ข้อ 26 กำหนดว่า การเปลี่ยนแปลงรายการ ระยะเวลาดำเนินการ ไปจากรายละเอียดโครงการที่คณะกรรมการกองทุนฯ ได้อนุมัติไว้แล้ว โดยไม่เกินวงเงินที่คณะกรรมการกองทุนจัดสรรให้ จะต้องได้รับอนุมัติจากคณะอนุกรรมการกองทุนฯ ก่อน จึงจะเปลี่ยนแปลงได้
2. ฝ่ายเลขานุการฯ ได้พิจารณาเหตุผลและรายละเอียดที่เจ้าของโครงการฯ ได้แจ้งขอเปลี่ยนแปลงแล้ว และจำแนกเรื่องที่ขอเปลี่ยนแปลงออกเป็น 5 กลุ่ม ดังนี้
กลุ่มที่ 1 ขอขยายระยะเวลาการเบิกจ่ายเงินกองทุนฯ เกิน 3 เดือน นับจากวันสิ้นสุดเงื่อนไขแห่งสัญญา/หนังสือยืนยัน จำนวน 1 โครงการ คือ
โครงการการพัฒนาโครงการไฟฟ้าพลังน้ำระดับหมู่บ้านอย่างยั่งยืน (ว่าจ้างปรับปรุงระบบส่งน้ำ โครงการไฟฟ้าพลังน้ำระดับหมู่บ้าน โครงการห้วยน้ำขุ่น อำเภอแม่สรวย จังหวัดเชียงราย) มีสาเหตุจาก คู่สัญญาหรือผู้ได้รับเงินจัดสรรที่ได้ทำสัญญาจ้างหรือหนังสือยืนยันการรับทุนไว้กับ พพ. ได้ส่งรายงานเลยกำหนดระยะเวลาในสัญญา จึงทำให้ไม่สามารถเบิกจ่ายเงินได้ภายในกำหนดระยะเวลา 3 เดือน นับจากเวลาสิ้นสุดเงื่อนไขแห่งสัญญาการปฏิบัติข้างต้น เป็นการดำเนินการตามระเบียบคณะกรรมการกองทุนฯ ว่าด้วยการเก็บรักษาเงินและทรัพย์สินและการเบิกจ่ายเงินกองทุน พ.ศ. 2553 หมวด 2 ข้อ 18 ที่ได้กำหนดหลักเกณฑ์ในการเบิกจ่ายเงินกองทุนไว้ "ให้ผู้เบิกเงินกองทุนใช้จ่ายหรือก่อหนี้ผูกพันตามประมาณการรายจ่ายประจำปีได้ ภายในวงเงินและปีงบประมาณที่ได้รับอนุมัติ กรณีผู้เบิกเงินกองทุนก่อหนี้ผูกพันภายในปีงบประมาณ แต่ไม่สามารถเบิกจ่ายได้ทันภายในปีงบประมาณนั้นๆ ให้ขยายเวลาการเบิกจ่ายรายการนั้นๆ ต่อไปได้ ภายใน 3 เดือน นับจากเวลาสิ้นสุดเงื่อนไขแห่งสัญญา ซึ่งนับรวมระยะเวลาตรวจรับงานไว้แล้ว หากไม่สามารถเบิกจ่ายเงินได้ทันภายใน 3 เดือน ที่ได้ขยายเวลาการเบิกจ่ายแล้วให้เป็นอำนาจของคณะอนุกรรมการกองทุนที่จะพิจารณาอนุมัติ"
กลุ่มที่ 2 ขอขยายระยะเวลาโครงการฯ จำนวน 43 โครงการ แบ่งลักษณะการขอขยายเป็น 3 กลุ่มย่อย ดังนี้
กลุ่มที่ 2.1 โครงการที่สิ้นสุดระยะเวลาโครงการฯ แล้ว และขอขยายระยะเวลาเพิ่มเติม เพื่อดำเนินโครงการฯ ให้แล้วเสร็จตามวัตถุประสงค์
โครงการ | งบประมาณ (ล้านบาท) |
หน่วยงาน | เดิม | ขยายถึง |
1. โครงการพัฒนาโครงการไฟฟ้าพลังงานน้ำระดับหมู่บ้านอย่างยั่งยืน | 150.0 | พพ. | ก.ย. 2553 | มี.ค. 2555 |
2. โครงการสร้างความเข้าใจนโยบายพลังงานและนโยบายเชื้อเพลิงชีวภาพ (E85) | 10.0 | สป.พน. | เม.ย. 2553 | ส.ค. 2553 |
3. โครงการรณรงค์และประกวดอนุรักษ์พลังงาน (Thailand Energy Award) | 10.0 | พพ. | ส.ค. 2553 | ก.ย. 2553 |
4. โครงการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนในสวนพฤกษศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ ร.9 จังหวัดนครราชสีมา | 5.58 | สป.พน. | ต.ค. 2553 | ม.ค. 2554 |
5. โครงการพัฒนาขีดความสามารถของบุคลากรด้านการทดสอบถังและอุปกรณ์ NGV ปีที่ 1) | 7.00 | ธพ. | ส.ค. 2553 | ก.พ. 2554 |
6. โครงการจัดประชุม/สัมมนาเชิงวิชาการ เพื่อนำเสนอผลงานวิจัยด้านพลังงาน | 5.00 | สนพ. | ก.ย. 2553 | ม.ค. 2554 |
7. โครงการจัดการเครือข่ายรถบรรทุกสินค้า (Thai Truck Alliance) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้พลังงาน | 9.99 | มทส. | ก.ค. 2553 | เม.ย 2554 |
8. โครงการการศึกษาศักยภาพการผลิตไฟฟ้าจากกากมันสำปะหลังเปียก โดยใช้เทคโนโลยีแก๊สซิฟิเคชัน | 8.34 | ม. เอเชียอาคเนย์ | ก.ย. 2553 | มี.ค. 2554 |
9. โครงการสนับสนุนทุนการศึกษาในประเทศ จำนวน 1 ทุน | 0.32 | สนพ. | พ.ค. 2553 | ต.ค. 2553 |
10. โครงการสนับสนุนทุนการศึกษาต่างประเทศ จำนวน 3 ทุน | 15.71 | สนพ. | รายละเอียดปรากฏในเอกสารประกอบวาระ 4.2 ส่วนที่ 2 โครงการที่ 15-16 | |
11. โครงการสนับสนุนทุนวิจัยแก่นักศึกษาระดับอุดมศึกษาจำนวน 10 โครงการ | 0.97 | สนพ. | ||
12. โครงการพัฒนาพลังงานทดแทนบริเวณชายแดน | 10.80 | สป.พน. | ต.ค. 2553 | ม.ค. 2554 |
13. โครงการพัฒนาประเมินผลและเสนอแนะด้านบริหารจัดการโครงการพึ่งพาตนเองด้านพลังงานด้วยไบโอดีเซลชุมชน (ภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ) | 9.89 | พพ. | ต.ค. 2553 | ม.ค. 2554 |
14. โครงการสาธิตพัฒนาพลังงานลม เพื่อผลิตไฟฟ้า จังหวัดปัตตานี (ค่ากังหันลมพร้อมติดตั้งและทดสอบ) | 22.35 | พพ. | ก.ย. 2553 | มิ.ย. 2554 |
15. ศึกษา สาธิตการทำก๊าซชีวภาพให้เป็นไบโอมีเทน (Purification or Upgrading Biogas to Biometeane) | 2.42 | พพ. | ก.ย. 2553 | ธ.ค. 2553 |
16. โครงการส่งเสริมระบบผลิตก๊าซชีวภาพในฟาร์มปศุสัตว์ | 2.80 | พพ. | พ.ค. 2553 | ส.ค. 2554 |
17. โครงการศึกษาจัดทำร่างกฎกระทรวงเครื่องจักรและวัสดุอุปกรณ์เฉพาะด้านประสิทธิภาพพลังงาน และจัดทำร่างมาตรฐานประสิทธิภาพพลังงานขั้นต่ำ เพื่อการอนุรักษ์พลังงาน (โครงการศึกษาเครื่องอัดอากาศเพื่อจัดทำประสิทธิภาพพลังงานตาม พ.ร.บ. การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2550) | 20.00 | พพ. | ก.ย. 2553 | มี.ค. 2554 |
18. โครงการศึกษาจัดทำร่างกฎกระทรวงเครื่องจักรและวัสดุอุปกรณ์เฉพาะด้านประสิทธิภาพพลังงาน และจัดทำร่างมาตรฐานประสิทธิภาพพลังงานขั้นต่ำ เพื่อการอนุรักษ์พลังงาน (โครงการศึกษาเครื่องยนต์แก๊สโซลีนและดีเซลขนาดเล็ก 1 สูบ เพื่อจัดทำร่างกฎกระทรวงเฉพาะด้านประสิทธิภาพพลังงาน ตาม พ.ร.บ. การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2550) | 15.00 | พพ. | ก.ย. 2553 | ม.ค. 2554 |
19. โครงการเครือข่ายศูนย์ทดสอบ เครื่องจักร และวัสดุเพื่อการอนุรักษ์พลังงาน | 4.50 | พพ. | ก.ย. 2553 | มี.ค 2554 |
20. โครงการการสนับสนุนการดำเนินงานตาม พ.ร.บ.การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ.2535 และ พ.ร.บ.การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2550 (โรงงานควบคุม กลุ่ม 1) | 18.25 | พพ. | ก.ย. 2553 | มิ.ย. 2554 |
21. โครงการการสนับสนุนการดำเนินงานตาม พ.ร.บ.การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ.2535 และ พ.ร.บ.การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2550 (โรงงานควบคุม กลุ่ม 2) | 18.25 | พพ. | ก.ย. 2553 | มิ.ย. 2554 |
22. โครงการการสนับสนุนการดำเนินงานตาม พ.ร.บ.การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ.2535 และ พ.ร.บ.การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ฉบับที่ 2) พ.ศ.2550 (โรงงานควบคุม กลุ่ม 3) | 18.25 | พพ. | ก.ย. 2553 | มิ.ย. 2554 |
23. โครงการการสนับสนุนการดำเนินงานตาม พ.ร.บ.การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535 และ พ.ร.บ.การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ฉบับที่ 2) พ.ศ.2550 (โรงงานควบคุม กลุ่ม 4) | 18.25 | พพ. | ก.ย. 2553 | มิ.ย. 2554 |
24. โครงการการสนับสนุนการดำเนินงานตาม พ.ร.บ.การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ.2535 และ พ.ร.บ.การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2550 (อาคารควบคุม กลุ่ม 1) | 9.00 | พพ. | ก.ย. 2553 | มิ.ย. 2554 |
25. โครงการการสนับสนุนการดำเนินงานตาม พ.ร.บ.การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ.2535 และ พ.ร.บ.การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ฉบับที่ 2) พ.ศ.2550 (อาคารควบคุม กลุ่ม 2) | 9.00 | พพ. | ก.ย. 2553 | มิ.ย. 2554 |
26. โครงการการสนับสนุนการดำเนินงานตาม พ.ร.บ.การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ.2535 และ พ.ร.บ.การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2550 (อาคารควบคุม กลุ่ม 3) | 9.00 | พพ. | ก.ย. 2553 | มิ.ย. 2554 |
กลุ่มที่ 2.2 โครงการยังไม่สิ้นสุดระยะเวลาโครงการ แต่มีการดำเนินการผูกพันสัญญาการขอรับทุนกับผู้ร่วมโครงการเกินระยะเวลาสิ้นสุดโครงการฯ
โครงการ | งบประมาณ (ล้านบาท) |
หน่วย งาน |
เดิม | ขยายถึง |
27. โครงการส่งเสริมการจัดการด้านการใช้พลังงานโดยวิธีประกวดราคา | 1,037.50 | สนพ. | เม.ย. 2554 | ก.ค. 2555 |
28. โครงการส่งเสริมการผลิตก๊าซชีวภาพในโรงชำแหละแปรรูปไก่ | 60.00 | มช. | มี.ค. 2554 | มี.ค. 2556 |
กลุ่มที่ 2.3 โครงการที่สิ้นสุดระยะเวลาโครงการแล้วเป็นระยะเวลานาน แต่ยังไม่ได้ปรับแผนขอขยายระยะเวลาในช่วงที่ผ่านมา เนื่องจากโครงการฯ ได้แก้ไขปัญหา และสามารถกำหนดระยะเวลาสิ้นสุดโครงการฯ ได้ เมื่อพ้นกำหนดระยะเวลาสิ้นสุดโครงการไปแล้ว
โครงการ | งบประมาณ (ล้านบาท) |
หน่วยงาน | เดิม | ขยายถึง |
29. โครงการส่งเสริมการใช้ระบบขนส่งมวลชน Park & Ride | 20.00 | รฟม. | ต.ค. 2551 | ก.พ. 2554 |
30. โครงการส่งเสริมการแปรรูปขยะเป็นน้ำมัน เทศบาลเมืองวารินชำราบ | 35.00 | ท.เมืองวารินชำราบ | ก.ย. 2552 | ธ.ค. 2553 |
31. โครงการส่งเสริมการแปรรูปขยะเป็นน้ำมันเทศบาลนครพิษณุโลก | 35.00 | ท.นครพิษณุโลก | ก.ย. 2552 | ธ.ค. 2553 |
32. โครงการส่งเสริมการแปรรูปขยะเป็น น้ำมัน ในส่วนบริหารโครงการและติดตามประเมินผล | 7.56 | สถาบันวิจัยพลังงาน | ต.ค. 2552 | มี.ค. 2554 |
33. โครงการส่งเสริมการใช้เตาหุงต้มและเตาชีวมวลประสิทธิภาพสูง | 2.50 | พพ. | ส.ค. 2551 | มิ.ย. 2555 |
34. โครงการพึ่งพาตนเองด้านพลังงานด้วยไบโอดีเซลชุมชน (โครงการตรวจสอบการดำเนินงานโครงการพึ่งพาตนเองด้านพลังงานด้วยไบโอดีเซลชุมชน) | 3.79 | พพ. | มี.ค. 2552 | ธ.ค. 2553 |
35. โครงการศูนย์ทดสอบมาตรฐานอุปกรณ์ระบบทำน้ำร้อน พลังงานแสงอาทิตย์ | 2.50 | พพ. | ม.ค. 2552 | ม.ค. 2554 |
36. สัญญาซื้อขายปรับปรุงสถานีสำรวจศักยภาพพลังงานลม (จัดซื้อและติดตั้งเครื่องวัดลมและบันทึกข้อมูลพร้อมอุปกรณ์ประกอบ) | 9.14 | พพ. | ก.ค. 2551 | ม.ค. 2554 |
37. โครงการการส่งเสริมพลังงานจากขยะชุมชน (ว่าจ้างที่ปรึกษาพัฒนาระบบผลิตพลังงานสำหรับเทศบาลที่มีขยะ 5-10 ตัน/วันและ 10-50 ตัน/วัน | 9.76 | พพ. | ก.ย. 2552 | ก.ค. 2554 |
38. โครงการวิจัย สาธิต สนับสนุนระบบผลิตจากชีวมวลแบบ Three Stages Gasifier (ว่าจ้างวิจัย สาธิตระบบผลิตพลังงานจากชีวมวลแบบ Three Stages Gasifier ขนาด 400 กิโลวัตต์) | 19.95 | พพ. | ก.ค. 2552 | พ.ค. 2554 |
39. โครงการวิจัย สาธิต สนับสนุนระบบผลิตพลังงานจากชีวมวล แบบ Three Stages Gasifier (ว่าจ้างที่ปรึกษาควบคุมการติดตั้งทดสอบและรายงานผลระบบ Gasifier แบบ Three Stages ขนาด 100 กิโลวัตต์ จำนวน 4 แห่ง) | 5.12 | พพ. | พ.ย. 2552 | พ.ย. 2554 |
40. โครงการวิจัย สาธิต สนับสนุนระบบผลิตพลังงานจากชีวมวล แบบ Three Stages Gasifier (ค่าจัดซื้อและติดตั้งระบบ Gasifier พร้อม Gas Engine เพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าไม่ต่ำกว่า 100 กิโลวัตต์ จำนวน 4 แห่ง) | 23.70 | พพ. | มี.ค. 2553 | มิ.ย. 2554 |
41. โครงการสาธิตพัฒนาพลังงานลมเพื่อผลิตไฟฟ้า (ค่าจัดหาติดตั้งเสาวัดลมขนาดเสาสูง 100 เมตร) | 1.19 | พพ. | ก.ย. 2552 | เม.ย. 2554 |
42. วิจัยพัฒนาประสิทธิภาพระบบผลิตพลังงานจากชีวมวลแบบ Three Stages Gasifier | 6.57 | พพ. | ก.ค. 2553 | เม.ย. 2555 |
43. โครงการปรับปรุงระบบการจัดทำรายงานการวิเคราะห์ประสิทธิภาพการใช้พลังงานในอาคารและโรงงานควบคุม (Feedback Report) ภายใต้พระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน | 5.00 | พพ. | ก.ย. 2553 | ธ.ค. 2553 |
ทั้งนี้ โครงการที่ขอขยายระยะเวลาสิ้นสุดโครงการจนถึงเดือนธันวาคม 2553 ได้แก่ โครงการที่ 2, 3, 9, 15, 30, 31, 34 และ 43 ฝ่ายเลขานุการฯ เห็นควรเสนอพิจารณาอนุมัติให้การสิ้นสุดระยะเวลาโครงการ เป็นภายใน 30 วัน นับจากวันที่คณะอนุกรรมการกองทุนฯ ได้มีหนังสือแจ้งมติออนุมัติการขอขยายระยะเวลาดังกล่าว
กลุ่มที่ 3 ขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการ จำนวน 4 โครงการ
มีสาเหตุจากคู่สัญญาหรือผู้ได้รับเงินจัดสรรได้ดำเนินการตามแผนงานที่เสนอไว้กับกองทุนฯ แล้ว แต่มีข้อจำกัดระหว่างการดำเนินงาน เช่น การเปลี่ยนแปลงรายละเอียดกิจกรรมย่อยให้มีความหลากหลายและสอดคล้องกับกลุ่มเป้าหมายมากยิ่งขึ้น หรือเพื่อให้เหมาะสมกับสถานการณ์พลังงานในปัจจุบัน เป็นต้น
โครงการ |
การขอเปลี่ยนแปลง |
1. โครงการประชาสัมพันธ์พระราชกรณียกิจด้านพลังงาน ผ่านบทเพลงสรรเสริญพระบารมีในโรงภาพยนตร์
งบประมาณ : 35 ล้านบาท หน่วยงาน : สป.พน. |
ขอเปลี่ยนชื่อโครงการ จากเดิม "โครงการประชาสัมพันธ์พระราชกรณียกิจด้านพลังงาน ผ่านบทเพลงสรรเสริญพระบารมีในโรงภาพยนตร์" เป็น "โครงการพลังความสุขจากพ่อของแผ่นดิน" เนื่องจากคณะกรรมการอำนวยการจัดงานเฉลิมพระเกียรติแห่งการบรมราชาภิเษกปีที่ 60 และการเฉลิมพระชนมพรรษา ของกระทรวงพลังงาน ได้เห็นชอบโครงการดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของโครงการเฉลิมพระเกียรติฯ |
2. โครงการส่งเสริมการผลิตก๊าซชีวภาพในโรงฆ่าสัตว์
งบประมาณ : 40 ล้านบาท หน่วยงาน : มช. |
ขอปรับวงเงินสนับสนุนค่าก่อสร้างระบบฯ และค่าที่ปรึกษา จากเดิมสนับสนุนรวมไม่เกิน 400,000 บาทต่อแห่ง (เงินสนับสนุนค่าก่อสร้างระบบฯ ไม่เกิน 200,000 บาทต่อแห่ง และค่าบริษัทที่ปรึกษาไม่เกิน 200,000 บาทต่อแห่ง) เป็น การปรับปรุงวงเงินสนับสนุนให้ปรับเปลี่ยนตามขนาดระบบ ตั้งแต่ 50 ถึง 500 ลบ.ม. โดยอัตราดังกล่าวกำหนดให้มีสัดส่วนการสนับสนุนไม่มากกว่าเดิม |
3. โครงการสนับสนุนทุนวิจัยแก่นักศึกษาระดับอุดมศึกษา จำนวน 3 ทุน
งบประมาณ : 0.17 ล้านบาท หน่วยงาน : สนพ. |
1) มจธ. ขอเปลี่ยนแปลงผู้วิจัยโครงการ "การบำบัดน้ำเสียอุตสาหกรรมอาหารด้วยกระบวนการไบโอไฮโดรเจน" จากนางสาวสุภัทร์พร เทียนงาม เป็น นางสาวสุธัชวดี ธรรมรักษ์
2) จุฬาฯ ขอเปลี่ยนแปลงชื่อโครงการวิจัย จากเรื่อง "การลดความหนืดของน้ำมันพืชและไขมันสัตว์บางชนิดอย่างมีประสิทธิภาพ โดยใช้น้ำเป็นตัวทำละลายและใช้โลหะเลขอะตอมสูงเป็นตัวกำเนิดโฟโตอิเล็กตรอนระหว่างการฉายรังสีแกมมา" เป็น "แนวทางใหม่ในการลดความหนืดของน้ำมันพืชบางชนิดและน้ำมันหมู โดยใช้น้ำและคาร์บอนเตตราคลอไรด์เป็นตัวทำละลายขณะฉายรังสีแกมมาจากโคบอลต์-60" 3) ม.ราชภัฏลำปาง ขอเปลี่ยนแปลงเมธีวิจัยร่วมในโครงการวิจัยเรื่อง "การศึกษาความเป็นไปได้ในการใช้น้ำมันไพโรไลซิสในกิจกรรมของกลุ่มเพาะเห็ด บ้านปงยางคก จังหวัดลำปาง" จากเดิมนายพิบูลย์ หม่องเชย เป็นนายนิวัติ กิจไพศาลสกุล |
4. โครงการส่งเสริมการผลิตพลังงานจากขยะชุมชนในเทศบาลที่มีขยะ 5-50 ตัน/วัน จำนวน 10 แห่ง
งบประมาณ : 80.3 ล้านบาท หน่วยงาน : พพ. |
ขอเปลี่ยนแปลงพื้นที่ดำเนินงาน จากเทศบาลตำบลย่านตาขาว จังหวัดตรัง เป็น อบต. นาฝาย จังหวัดชัยภูมิ เนื่องจาก อบต. นาฝาย มีความพร้อมและมีแหล่งขยะอินทรีย์จากมหาวิทยาลัยราชภัฏชัยภูมิและโรงเรียนกาญจนาภิเษกชัยภูมิเป็นแหล่งใหญ่ที่จะสามารถคัดแยกขยะอินทรีย์มาเข้าระบบผลิตก๊าซชีวภาพได้ ส่วนก๊าซชีวภาพที่ผลิตได้ก็มีครัวเรือนในชุมชนที่สามารถนำก๊าซไปใช้ได้ |
กลุ่มที่ 4 ขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการ และขอขยายระยะเวลาดำเนินงาน จำนวน 7 โครงการ
มีสาเหตุจากคู่สัญญาหรือผู้ได้รับเงินจัดสรรได้ดำเนินการตามแผนงานที่เสนอไว้กับกองทุนฯ แล้ว แต่มีข้อจำกัดระหว่างการดำเนินงาน เช่น การเปลี่ยนแปลงรายละเอียดกิจกรรมย่อยให้มีความหลากหลาย และสอดคล้องกับกลุ่มเป้าหมายมากยิ่งขึ้น หรือเพื่อให้เหมาะสมกับสถานการณ์พลังงานในปัจจุบัน เป็นต้น พร้อมทั้งขอขยายระยะเวลาดำเนินโครงการด้วย
งบประมาณ : 15 ล้านบาท
หน่วยงาน : สนพ.
โครงการ | การขอเปลี่ยนแปลง |
1. โครงการศูนย์การเรียนรู้พลังงานในภูมิภาค: กิจกรรมว่าจ้างวิศวกรที่ปรึกษาออกแบบก่อสร้างศูนย์การเรียนรู้พลังงานในภูมิภาค
งบประมาณ : 15.00 ล้านบาท หน่วยงาน : สป.พน. โดย สวภ. 5 |
1) ขอขยายระยะเวลา จากเดิมสิ้นสุดวันที่ 4 ธ.ค. 2553 เป็นวันที่ 4 มี.ค. 2554
2) ขอปรับงวดการเบิกจ่ายเงินและรายละเอียดการส่งรายงานความก้าวหน้าของโครงการ เนื่องจาก สวภ. 5 ได้มีการแบ่งการจัดจ้างที่ปรึกษาออกแบบก่อสร้างศูนย์การเรียนรู้ฯ เป็น 2 สัญญาจ้าง และการแบ่งงวดงานและงวดเงินไม่สอดคล้องกันระหว่างสัญญาจ้างที่ปรึกษากับหนังสือยืนยันการขอรับทุน ทำให้ สป.พน. ไม่สามารถจ่ายเงินได้ตามสัญญาจ้างที่ปรึกษา |
2. โครงการ Energy Mobile Unit ระยะที่ 2
งบประมาณ : 51.19 ล้านบาท หน่วยงาน : สป.พน. |
1) ขอขยายระยะเวลา จากเดิมสิ้นสุดเดือน ธ.ค. 2553 เป็นสิ้นสุดเดือน พ.ค. 2554
2) ขอใช้เงินเหลือจ่ายจากการดำเนินโครงการ จำนวน 2,325,000 บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่าย ดังนี้ - จัดซื้อรถบรรทุกพร้อมหลังคา จำนวน 1 คัน จำนวนเงิน 626,000 บาท เพื่อใช้ในการปฏิบัติงานหน่วยปฏิบัติการพลังงานเคลื่อนที่ของ สวภ. 7 - จัดซื้อคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คและคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะสำหรับประมวลผล จำนวน 3 เครื่อง จำนวนเงิน 99,000 บาท - ผลิตสปอตวิทยุ จำนวนเงิน 1,600,000 บาท เพื่อเพิ่มการประชาสัมพันธ์ โครงการให้เป็นที่รู้จัก และสามารถสร้างการจดจำภารกิจหน้าที่การ ทำงานของหน่วยปฏิบัติการพลังงานเคลื่อนที่แก่กลุ่มเป้าหมายเพิ่มมากขึ้น |
3. โครงการอบรมบุคลากรในเรื่องการบูรณาการการเรียนการสอนด้านพลังงานระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษา
งบประมาณ : 14 ล้านบาท หน่วยงาน : มูลนิธิสิ่งแวดล้อมไทย (มสท.) |
1) ขอถัวจ่ายงบประมาณภายในหมวดเดียวกันได้ตามความเหมาะสม เพื่อให้การดำเนินงานบรรลุเป้าหมายที่กำหนดไว้ โดยไม่กระทบวงเงินเดิมที่ได้รับอนุมัติไว้
2) ขยายระยะเวลา จากเดิมสิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย. 2553 เป็นวันที่ 31 ม.ค. 2554 เนื่องจากมีบางกิจกรรมที่ยังดำเนินการไม่แล้วเสร็จ เช่น การจัดทำวารสารผลิใบ และการผลิตสื่อการเรียนการสอนส่วนกลาง |
4. โครงการการพัฒนากระบวนการเรียนรู้แบบบูรณาการด้านพลังงานเพื่อเสริมในหลักสูตรประถมและมัธยมศึกษา (ปีที่ 1)
งบประมาณ : 8.20 ล้านบาท หน่วยงาน : มจธ. |
1) ขอขยายเวลา จากเดิมสิ้นสุดวันที่ 22 ก.ย. 2553 เป็นวันที่ 22 ธ.ค. 2553
2) ขอโอนเปลี่ยนแปลงหมวดรายจ่าย จากหมวดค่าใช้สอยเป็นหมวดค่าครุภัณฑ์ในวงเงิน 100,000 บาท เพื่อจัดซื้อวัสดุคงทนถาวรและครุภัณฑ์ โดยถัวจ่ายจากหมวดค่าใช้สอย ทั้งนี้อยู่ในกรอบวงเงินงบประมาณที่ได้รับจัดสรร เพื่อให้การดำเนินงานโครงการมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น |
5. โครงการสนับสนุนทุนการศึกษาในประเทศ
จำนวน 2 ทุน งบประมาณ : 0.47 ล้านบาท หน่วยงาน : สนพ. |
1) มช. ขอขยายระยะเวลาการศึกษาให้แก่ นายสุขแก้ว คำเมืองสา ออกไปอีก 1 ปี ตั้งแต่เดือน มิ.ย. 2553- มิ.ย. 2554 เพื่อจัดทำวิทยานิพนธ์ให้เสร็จสมบูรณ์ โดยขออนุมัติใช้เงินเหลือจ่าย จำนวน 8,230 บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในช่วงขยายระยะเวลา
2) สนข. ขอเปลี่ยนแปลงสาขาการศึกษาให้กับ ว่าที่ร้อยเอกณัฏฐพร บัวผุด จากเดิม สาขาวิศวกรรมขนส่ง คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็น สาขา โลจิสติกส์ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย พร้อมทั้งขอขยายเวลาการศึกษา จากเดิมสิ้นสุดวันที่ 14 พ.ค. 2553 เป็นวันที่ 15 ส.ค. 2554 เนื่องจากจำเป็นต้องใช้ระยะเวลาในการวิเคราะห์ข้อมูล และใช้เครื่องมือช่วยในการศึกษา และร่วมจัดทำกับอาจารย์ที่มีความสนใจเฉพาะทางในเรื่องการขนส่งต่อเนื่องหลายรูปแบบ |
6. โครงการสนับสนุนทุนวิจัยแก่นักศึกษา
ระดับอุดมศึกษา จำนวน 2 ทุน งบประมาณ : .0.06 ล้านบาท หน่วยงาน : สนพ. |
1) มก. ขอเปลี่ยนชื่อโครงการวิจัย จากเดิมเรื่อง "การศึกษาค่าสัมประสิทธิ์การบังแดดของไม้เลื้อยโดยใช้การประมวลภาพ" เป็นเรื่อง "การศึกษาค่าสัมประสิทธิ์การส่งผ่านความร้อนจากรังสีอาทิตย์ของไม้เลื้อย โดยใช้การประมวลภาพ" เพื่อให้ครอบคลุม สอดคล้องกับวัตถุประสงค์และผลการวิจัย และขอขยายระยะเวลาวิจัย จากเดิมสิ้นสุดเดือน เม.ย. 2553 เป็นเดือน ต.ค. 2553 เนื่องจากในช่วงเดือน มี.ค.- พ.ค. ที่ผ่านมาอากาศร้อนจัด ส่งผลให้ต้นไม้ที่ใช้ในการทดลองไม่เจริญเติบโตตามแผนที่วางไว้
2) มก. ขอเปลี่ยนผู้ดำเนินการวิจัยเป็น นางสาวณัฏฐนียา พงษ์พิทักษ์ เนื่องจากนางสาวสุภาวรรณ ดีบุดชา ผู้วิจัย สำเร็จการศึกษา และขอขยายระยะเวลาวิจัยจากเดิมสิ้นสุดเดือน ก.พ. 2553 เป็นวันที่ 31 พ.ค. 2554 เนื่องจากต้องใช้เวลาในการเริ่มต้นระบบของถังปฏิกรณ์มากทำให้มีเวลาในการดำเนินการศึกษาสภาวะต่างๆ น้อย จึงต้องการเวลาในการศึกษาเพิ่มเติม |
7. โครงการประชาสัมพันธ์ผลสำเร็จด้านอนุรักษ์พลังงานและพลังงานทดแทน (Success Story) | |
1. ขอขยายเวลา จากเดิมสิ้นสุดในวันที่ 24 ก.ค. 2554 เป็นวันที่ 26 ธ.ค. 2554
2. ขอเปลี่ยนแปลงรายการจากเดิม เป็นดังนี้ - ผลิตและเผยแพร่สารคดีสั้นทางโทรทัศน์จำนวนไม่น้อยกว่า 30 ตอน ความยาวตอนละ 2 นาที ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ Free TV 1 สถานี ในช่วงเวลา Primetime ออกอากาศเป็นช่วงเวลาประจำไม่น้อยกว่า 2 เดือน และนำสารคดีที่ผลิตแล้วไปออกอากาศเพิ่มเติม (Re-run) ทางเคเบิลทีวีท้องถิ่นและหรือสถานีโทรทัศน์การศึกษาทางไกลอีกไม่น้อยกว่า2 สถานี - ผลิตและเผยแพร่บทความหรือ Advertorial ขนาด Junior Page ขาว-ดำ โดยเลือกนำเนื้อหา หรือจากสารคดีโทรทัศน์มาขยายผล จำนวนไม่น้อยกว่า 30 ครั้ง เผยแพร่ผ่านสื่อสิ่งพิมพ์ ราย 3 วัน และรายสัปดาห์ - ดำเนินการจัดทำแผนงานประชาสัมพันธ์เชิญชวนให้กลุ่มเป้าหมายติดตามชมสารคดีสั้นทางโทศน์ดังกล่าว ผ่านช่องทางต่างๆ ตลอดระยะเวลาดำเนินงาน รวมถึงแผนงานประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อสารมวลชลให้เกิดกระแสการติดตามชมสารคดีอย่างกว้างขวาง |
กลุ่มที่ 5 ขอยุติการดำเนินโครงการ จำนวน 3 โครงการ
มีสาเหตุจากคู่สัญญาหรือผู้ได้รับเงินจัดสรรไม่สามารถดำเนินการตามแผนงานที่เสนอไว้กับกองทุนฯ ได้ จึงขอยุติการดำเนินงาน ทั้งนี้ในกรณีที่โครงการที่ได้มีการดำเนินงานไปแล้ว และเกิดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานขึ้น อาจพิจารณาจ่ายเงินค่าใช้จ่ายตามสัญญาจ้างหรือหนังสือยืนยันการรับทุนตามความเหมาะสม
โครงการ |
สาเหตุการขอยุติโครงการ |
1. โครงการรณรงค์เพื่อปลูกจิตสำนึก"อนุรักษ์พลังงาน เพื่อพลังงานไทยที่ยั่งยืน" งบประมาณ : 45 ล้านบาท หน่วยงาน : สป.พน. |
เนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงคณะกรรมการ ร่าง TOR (2 ครั้ง) ทำให้การดำเนินงานเกิดความล่าช้า ไม่สอดคล้องกับแผนงานที่กำหนดไว้ อีกทั้งมีลักษณะของโครงการในช่วงปี 2553 ที่ใกล้เคียงกัน จึงต้องยุติโครงการ เพื่อมิให้เกิดความซ้ำซ้อนและการใช้งบประมาณเกิดประสิทธิภาพสูงสุด |
2. โครงการศึกษาเทคโนโลยีที่เหมาะสม สำหรับควบคุมการปล่อยมลพิษทางอากาศและน้ำเสียจากโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนถ่านหิน ชีวมวล และก๊าซธรรมชาติ งบประมาณ : 7 ล้านบาท หน่วยงาน : สผ. |
1) ขอยุติโครงการฯ โดยปรับวงเงินจาก 7,000,000 บาท เป็น 3,677,633 บาท เพื่อให้สอดคล้องกับปริมาณงาน และขอเบิกเงินงวดสุดท้ายจำนวนเงินทั้งสิ้น 1,177,633 บาท 2) ขอปรับรายละเอียดการส่งรายงานความก้าวหน้าโครงการและการเบิกเงิน เพื่อให้สอดคล้องกับการดำเนินงานจริง เนื่องจากผู้ประกอบการโรงไฟฟ้าแต่ละรายไม่ให้ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับด้านเทคนิคและการลงทุนของโรงไฟฟ้า ทำให้ สผ. ไม่สามารถรวบรวมข้อมูล เพื่อวิเคราะห์และประเมินผลได้ ส่งผลให้การดำเนินงานไม่สามารถบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ |
3. โครงการสนับสนุนทุนวิจัยแก่นักศึกษาระดับอุดมศึกษา จำนวน 1 ทุน งบประมาณ : 0.20 ล้านบาท หน่วยงาน : สนพ. |
มจธ. ขอยุติโครงการ "การศึกษาสมบัติและการเผาไหม้ของเขม่าจากดีเซลและไบโอดีเซล" เนื่องจากการแก้ปัญหาเครื่องยนต์ที่ผลิตเขม่าและการหาวิธีการจัดเก็บเขม่าต้องใช้เวลามาก และขาดเครื่องมือที่ใช้ในการวิเคราะห์ตัวอย่าง เช่น การวิเคราะห์ Transmission Electron Microscope ทำให้งานวิจัยไม่ก้าวหน้าและไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ |
การพิจารณาของที่ประชุม
ที่ประชุมได้พิจารณาเรื่องดังกล่าวแล้ว มีข้อสังเกตและข้อเสนอแนะ ดังนี้
1. ปลัดกระทรวงพลังงาน เห็นว่า การขอขยายระยะเวลาโครงการพัฒนาโครงการไฟฟ้าพลังงานน้ำระดับหมู่บ้านอย่างยั่งยืนจากเดิมสิ้นสุดในเดือนกันยายน 2553 เป็นสิ้นสุดเดือนมีนาคม 2555 นั้น ไม่ควรจะให้ขยายเวลาข้ามปีงบประมาณ จึงให้ พพ. เร่งดำเนินงานโครงการฯ ให้แล้วเสร็จภายในปีงบประมาณ 2554 โดยควรให้ขยายระยะเวลาโครงการฯ จนถึงเดือนกันยายน 2554 เพื่อจะได้ทราบถึงผลการประหยัดพลังงานที่ได้รับจากโครงการว่าส่งผลต่อเป้าหมายมากน้อยเพียงใด นอกจากนี้ ยังเห็นว่าการขอขยายระยะเวลาโครงการในครั้งต่อไป ควรให้ฝ่ายเลขานุการฯ ตรวจสอบรายละเอียดการขอเปลี่ยนแปลงในแต่ละโครงการว่าเป็นไปตามระเบียบกองทุนฯ ในข้อใด เพื่อการพิจารณาการขอเปลี่ยนแปลงโครงการฯ เป็นไปอย่างรอบคอบมากขึ้น พร้อมทั้งให้ปรับแก้ไขระยะเวลาที่เสนอขอขยายจากที่กำหนดเดือนและปี ให้เป็นจำนวนของระยะเวลาที่ขอขยายว่าจากเดิมมีกรอบระยะเวลาการดำเนินงานของโครงการกี่เดือน และจะขอขยายเวลาเพิ่มเป็นกี่เดือน
2. การขอขยายระยะเวลาโครงการในลำดับที่ 29-43 ซึ่งเป็นกลุ่มของโครงการที่สิ้นสุดระยะเวลานานแล้ว แต่ยังไม่ได้ปรับแผนขอขยายในช่วงที่ผ่านมา ให้ฝ่ายเลขานุการฯ นำไปพิจารณาทบทวนและหารือร่วมกับปลัดกระทรวงพลังงาน และผู้แทนกรมบัญชีกลาง เพื่อให้เป็นไปตามข้อกำหนดในระเบียบ และให้ฝ่ายเลขานุการฯ นำเรื่องดังกล่าวเสนอคณะอนุกรรมการฯ ในการประชุมครั้งต่อไป
3. การขอขยายระยะเวลาสิ้นสุดของโครงการย้อนหลัง ควรจะเพิ่มเติมรายละเอียดเกี่ยวกับสาเหตุให้ชัดเจน และไม่ควรจะให้มีการขอขยายระยะเวลาสิ้นสุดโครงการย้อนหลังอีก
4. การขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการ และขอขยายระยะเวลาดำเนินงาน จำนวน 7 โครงการ เห็นควรให้เปลี่ยนแปลงรายละเอียดและขยายเวลาดำเนินงานได้ ยกเว้นโครงการ ต่อไปนี้
- โครงการ Energy Mobile Unit ระยะที่ 2 อนุมัติให้ขยายระยะเวลาดำเนินงานได้จนถึงเดือนพฤษภาคม 2554 แต่ไม่อนุมัติให้นำเงินเหลือจ่าย จำนวน 2,325,000 บาท ไปจัดซื้อรถบรรทุก คอมพิวเตอร์ และผลิตสปอตวิทยุ
- โครงการการพัฒนากระบวนการเรียนรู้แบบบูรณาการด้านพลังงานเพื่อเสริมในหลักสูตรประถมและมัธยมศึกษา (ปีที่ 1) อนุมัติให้ขยายระยะเวลาดำเนินงานได้จนถึงวันที่ 22 ธันวาคม 2554 แต่ไม่อนุมัติให้โอนเปลี่ยนแปลงหมวดรายจ่าย จากหมวดค่าใช้สอยเป็นหมวดค่าครุภัณฑ์ ในวงเงิน 100,000 บาท เพื่อจัดซื้อวัสดุคงทนถาวรและครุภัณฑ์
5. โครงการสนับสนุนทุนการศึกษา อนุมัติการขยายระยะเวลาการศึกษาให้กับนายสุขแก้ว คำเมืองสา ได้จนถึงเดือนมิถุนายน 2554 แต่ไม่อนุมัติให้ใช้เงินเหลือจ่าย จำนวน 8,230 บาท ในช่วงขยายระยะเวลาการศึกษา
6. ให้ฝ่ายเลขานุการฯ เพิ่มเติมรายละเอียดที่เกี่ยวข้องกับการขอเปลี่ยนแปลงสาขาวิชาของผู้ได้รับทุนจากสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) ในโครงการสนับสนุนทุนการศึกษา และนำมาเสนออนุกรรมการฯ ในการประชุมครั้งต่อไป
มติที่ประชุม
1. อนุมัติการขยายระยะเวลาการเบิกจ่ายเงินกองทุนฯ เกิน 3 เดือน นับจากวันสิ้นสุดเงื่อนไขแห่งสัญญา/หนังสือยืนยัน (กลุ่มที่ 1) จำนวน 1 โครงการ คือ โครงการการพัฒนาโครงการไฟฟ้าพลังน้ำระดับหมู่บ้านอย่างยั่งยืน (ว่าจ้างปรับปรุงระบบส่งน้ำ โครงการไฟฟ้าพลังน้ำระดับหมู่บ้าน โครงการห้วยน้ำขุ่น อำเภอแม่สรวย จังหวัดเชียงราย)
2. อนุมัติการขยายระยะเวลาโครงการในส่วนของโครงการที่สิ้นสุดระยะเวลาโครงการฯ แล้ว และขอขยายระยะเวลาเพิ่มเติมเพื่อดำเนินโครงการฯ ให้แล้วเสร็จตามวัตถุประสงค์ (กลุ่มที่ 2.1) จำนวน 26 โครงการ (โครงการที่ 1-26)
3. อนุมัติการขยายระยะเวลาโครงการในส่วนของโครงการยังไม่สิ้นสุดระยะเวลาโครงการ แต่มีการดำเนินการผูกพันสัญญาการขอรับทุนกับผู้ร่วมโครงการเกินระยะเวลาสิ้นสุดโครงการฯ (กลุ่มที่ 2.2) จำนวน 2 โครงการ (โครงการที่ 27-28)
4. อนุมัติการขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการ ในส่วนของการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดกิจกรรมให้เหมาะสมกับสถานการณ์ในปัจจุบันเพื่อให้โครงการบรรลุวัตถุประสงค์ (กลุ่มที่ 3) จำนวน 4 โครงการ
5. อนุมัติการขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการและขอขยายระยะเวลาดำเนินงาน (กลุ่มที่ 4) ยกเว้น
- โครงการ Energy Mobile Unit ระยะที่ 2 อนุมัติให้ขยายระยะเวลาดำเนินงานได้จนถึงเดือนพฤษภาคม 2554 แต่ไม่อนุมัติให้นำเงินเหลือจ่าย จำนวน 2,325,000 บาท ไปจัดซื้อรถบรรทุก คอมพิวเตอร์ และผลิตสปอตวิทยุ
- โครงการการพัฒนากระบวนการเรียนรู้แบบบูรณาการด้านพลังงานเพื่อเสริมในหลักสูตรประถมและมัธยมศึกษา (ปีที่ 1) อนุมัติให้ขยายระยะเวลาดำเนินงานได้จนถึงวันที่ 22 ธันวาคม 2554 แต่ไม่อนุมัติให้โอนเปลี่ยนแปลงหมวดรายจ่าย จากหมวดค่าใช้สอยเป็นหมวดค่าครุภัณฑ์ ในวงเงิน 100,000 บาท เพื่อจัดซื้อวัสดุคงทนถาวรและครุภัณฑ์
- โครงการสนับสนุนทุนการศึกษา อนุมัติการขยายระยะเวลาการศึกษาให้กับนายสุขแก้ว คำเมืองสา ได้จนถึงเดือนมิถุนายน 2554 แต่ไม่อนุมัติให้ใช้เงินเหลือจ่าย จำนวน 8,230 บาท ในช่วงขยายระยะเวลาการศึกษา
- โครงการสนับสนุนทุนการศึกษาในประเทศในส่วนของการขอขยายระยะเวลาและขอเปลี่ยนแปลงสาขาวิชาของ สนข.
6. อนุมัติการขอยุติการดำเนินโครงการ (กลุ่มที่ 5) จำนวน 3 โครงการ
กองทุนส่งเสริมเพื่อการอนุรักษ์พลังงาน พฤศจิกายน 2553
- กองทุนส่งเสริมเพื่อการอนุรักษ์พลังงาน พฤศจิกายน 2553 (1642 Downloads)
กองทุนส่งเสริมเพื่อการอนุรักษ์พลังงาน ตุลาคม 2553
- กองทุนส่งเสริมเพื่อการอนุรักษ์พลังงาน ตุลาคม 2553 (1778 Downloads)
กองทุนส่งเสริมเพื่อการอนุรักษ์พลังงาน กันยายน 2553
- กองทุนส่งเสริมเพื่อการอนุรักษ์พลังงาน กันยายน 2553 (1849 Downloads)
กองทุนส่งเสริมเพื่อการอนุรักษ์พลังงาน สิงหาคม 2553
- กองทุนส่งเสริมเพื่อการอนุรักษ์พลังงาน สิงหาคม 2553 (1888 Downloads)
อนุ กอ. ครั้งที่ 23 - วันพุธที่ 25 สิงหาคม 2553
มติคณะอนุกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน
ครั้งที่ 6/2553 (ครั้งที่ 23)
วันพุธที่ 25 สิงหาคม 2553 เวลา 08.30 น.
ณ ห้องประชุม 306 ชั้น 3 อาคารรัฐสภา 2
1. รายงานการประเมินผลการดำเนินงานกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานประจำปีบัญชี 2552
2. ระเบียบคณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ว่าด้วยการเก็บรักษาเงินและทรัพย์สิน และการเบิกจ่ายเงินกองทุน พ.ศ. 2553
3. โครงการประชาสัมพันธ์เพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน และส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทน
4. โครงการพลังงานทดแทน สำหรับการใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E85 จากพืชเศรษฐกิจ
นายวรรณรัตน์ ชาญนุกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ประธานอนุกรรมการ
นายวีระพล จิรประดิษฐกุล ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน อนุกรรมการและเลขานุการ
เรื่องที่ 1 รายงานการประเมินผลการดำเนินงานกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานประจำปีบัญชี 2552
1. กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ได้เข้าสู่ระบบประเมินผลการดำเนินงานทุนหมุนเวียนของกรมบัญชีกลาง โดยมีประธานกรรมการกองทุนฯ เป็นผู้ลงนามในบันทึกข้อตกลงการประเมินทุนหมุนเวียน (กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน) กับกระทรวงการคลัง โดยกรมบัญชีกลางได้มอบหมายให้บริษัท ทริส คอร์ปอเรชั่น จำกัด เป็นผู้ดำเนินการประเมิน
2. กรมบัญชีกลางได้มีหนังสือแจ้งผลการประเมินผลการดำเนินงานทุนหมุนเวียน ประจำปีบัญชี 2552 ของกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ใน 4 ด้าน รวม 10 ตัวชี้วัด โดยมีผลการดำเนินงานอยู่ที่ระดับ 3.3129 ซึ่งอยู่ในระดับดี (สูงกว่าค่าปกติ/สูงกว่า 3 คะแนน) สรุปได้ดังนี้
(1) ผลการดำเนินงานด้านการเงิน (15%)
ตัวชี้วัดที่ 1.1 ร้อยละของงบประมาณที่มีการผูกพันสัญญาต่องบประมาณที่ได้รับการจัดสรรจากกองทุนฯ ผลการดำเนินงานสิ้นปี 2552 อยู่ในระดับร้อยละ 79.57 ส่งผลให้ได้รับคะแนน 1.000
ตัวชี้วัดที่ 1.2 ค่าใช้จ่ายเพื่อการบริหารกองทุนฯ ที่เกิดขึ้นจริงและผูกพันเทียบกับงบประมาณ ผลการดำเนินงานสิ้นปี 2552 อยู่ในระดับร้อยละ 70.72 ส่งผลให้ได้รับคะแนน 3.6639
(2) ผลการดำเนินงานด้านปฏิบัติการ (33%)
ตัวชี้วัดที่ 2.1 ร้อยละของโครงการที่มีการทำสัญญาของแต่ละแผนงาน ต่อจำนวนโครงการที่ได้รับอนุมัติทั้งหมดของแต่ละแผนงาน ตามผลการดำเนินงานสิ้นปี 2552
- แผนพลังงานทดแทน อยู่ในระดับร้อยละ 73.08 ส่งผลให้ได้คะแนน 1.000
- แผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน อยู่ในระดับร้อยละ 82.19 ส่งผลให้ได้คะแนน 1.0274
- แผนงานบริหารทางกลยุทธ์ อยู่ในระดับร้อยละ 100.00 ส่งผลให้ได้รับคะแนน 5.0000
ตัวชี้วัดที่ 2.2 ร้อยละของจำนวนโครงการที่สามารถดำเนินงานได้ตามแผนภายในระยะเวลาที่กำหนดต่อจำนวนโครงการทั้งหมด
- แผนพลังงานทดแทน อยู่ในระดับร้อยละ 93.33 ส่งผลให้ได้คะแนน 3.1110
- แผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน อยู่ในระดับร้อยละ 70.37 ส่งผลให้ได้คะแนน 1.0000
- แผนงานบริหารทางกลยุทธ์ อยู่ในระดับร้อยละ 100.00 ส่งผลให้ได้รับคะแนน 5.0000
(3) การสนองประโยชน์ต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย (15%)
ตัวชี้วัดที่ 3.1 การสำรวจความพึงพอใจของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ประจำปีบัญชี 2552 โดยภายในปีบัญชี 2552 ได้ดำเนินการครบถ้วนตามขั้นตอนที่ 5 ส่งผลให้มีระดับคะแนน 5.0000
(4) การบริหารพัฒนาทุนหมุนเวียน (37%)
ตัวชี้วัดที่ 4.1 กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ได้ดำเนินการนำเสนอแผนกลยุทธ์ของกองทุนฯ ครบถ้วนทุกขั้นตอนและได้รับการเห็นชอบต่อประธานคณะทำงานเตรียมการฯ (ปลัดกระทรวงพลังงาน) ส่งผลให้มีระดับคะแนน 5.0000 ทำให้ผลการดำเนินงานดีกว่าเป้าหมาย
ตัวชี้วัดที่ 4.2 ผลการดำเนินงานในปีบัญชี 2552 ได้จัดทำแผนปฏิบัติการประจำปีบัญชี 2553 แล้วเสร็จ และได้รับความเห็นชอบจากประธานเพื่อดำเนินการตามระบบประเมินผลการดำเนินงานทุนหมุนเวียน (กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน) ส่งผลให้มีระดับคะแนน 5.0000 ทำให้ผลการดำเนินงานดีกว่าเป้าหมาย
ตัวชี้วัดที่ 4.3 การดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการ ประจำปีบัญชี 2552 น้ำหนักร้อยละ 8 ประเมินผลเฉลี่ยจากแผนงานหลัก 2 แผนงาน ส่งผลให้มีระดับคะแนน 4.9805 ตามรายละเอียดต่อไปนี้
- การศึกษาและปรับปรุงระบบฐานข้อมูลสารสนเทศและโปรแกรมสำเร็จรูปของกองทุนฯ (ร้อยละ 50) ประเมินจากการศึกษาและปรับปรุง ทั้งสามารถจัดทำรายงานสรุปผลการศึกษา และนำเสนอต่อประธานคณะทำงานเตรียมการฯ เพื่อทราบภายใน 30 กันยายน 2552 ส่งผลให้มีระดับคะแนน 5.0000 ทำให้ ผลการดำเนินงานดีกว่าเป้าหมาย
- การพัฒนาบุคลากรของกองทุนฯ ประจำปีบัญชี 2552 (ร้อยละ 50) ประเมินเฉลี่ยจากการส่งเสริมการพัฒนาบุคลากรประจำปีบัญชี 2552 ประกอบด้วย แผนงานหลัก 2 กิจกรรม ส่งผลให้มีระดับคะแนน 4.9610 ตามรายละเอียดต่อไปนี้
- จัดประชุม/สัมมนา เกี่ยวกับปัญหาและอุปสรรคระหว่างหน่วยงานในกองทุนฯ การดำเนินงาน (ร้อยละ 50) ประเมินจากจำนวนครั้งการจัดประชุม/สัมมนา ซึ่งการดำเนินงานในปีบัญชี 2552 สามารถจัดประชุมได้ 3 ครั้ง ในรอบปีบัญชี ส่งผลให้มีระดับคะแนน 5.0000 ทำให้ผลการดำเนินงานดีกว่าเป้าหมาย
- การสัมมนา/อบรมเพื่อส่งเสริมประสิทธิภาพการเบิกจ่ายเงินกองทุนฯ สำหรับหน่วยงานที่ได้รับจัดสรรเงินกองทุนฯ (ร้อยละ 50) ประเมินจากร้อยละของจำนวนคนที่ได้รับการสัมมนา/อบรมเพื่อส่งเสริมประสิทธิภาพการเบิกจ่ายเงินกองทุนฯ ที่เกิดขึ้นจริงและสามารถสอบผ่านเกณฑ์ในปีบัญชี 2552 เทียบกับจำนวนคนที่ได้รับการสัมมนา/อบรมเพื่อส่งเสริมประสิทธิภาพการเบิกจ่ายเงินกองทุนฯ ตามแผนงานในปีบัญชี 2552 คิดเป็นร้อยละ 89.61 จึงเทียบเท่ากับระดับคะแนน 4.9220 ทำให้ผลการดำเนินงานดีกว่าเป้าหมาย
ตัวชี้วัดที่ 4.4 ผลการดำเนินการติดตามประเมินผลลัพธ์ตามวัตถุประสงค์ของกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานในปีบัญชี 2552 ได้ทำการเสนอรายงานและได้รับความเห็นชอบจากคณะอนุกรรมการประเมินผลฯ วันที่ 29 กันยายน 2552 ส่งผลให้มีระดับคะแนน 5.0000 ทำให้ผลการดำเนินงานดีกว่าเป้าหมาย
ตัวชี้วัดที่ 4.5 ประเมินผลบทบาทของผู้บริหารกองทุนฯ ปีบัญชี 2552 น้ำหนักร้อยละ 5 ที่ระดับคะแนนเฉลี่ย 2.8500 จากแผนงานหลัก 2 แผนงาน
- บทบาทของคณะกรรมการฯ (ร้อยละ 40) ประกอบด้วย 3 กิจกรรม ได้แก่
- คณะกรรมการบริหารเข้าร่วมประชุมและมีมติที่เป็นประโยชน์ในการบริหารจัดการกองทุน ร้อยละ 90 เมื่อเทียบกับจำนวนครั้งการประชุมทั้งหมดในปีบัญชี 2552 ส่งผลให้มีระดับคะแนน 3.0000
- คณะกรรมการฯ มีการติดตามดูแลให้มีการรายงานผลการดำเนินงานของกองทุนฯ ภายในปีบัญชี 2552 ทุกไตรมาสฯ ซึ่งกองทุนฯ มีการติดตามดูแลให้มีการรายงานผลเพียง 1 ไตรมาส ในปีบัญชี 2552 ส่งผลให้มีระดับคะแนน 2.0000
- การรายงานผลการดำเนินงานตามข้อสังเกต/ข้อเสนอแนะของคณะกรรมการฯ ภายในปีบัญชี 2552 ซึ่งมีการติดตามให้มีการรายงานผลการดำเนินงานร้อยละ 90 เมื่อเทียบกับจำนวนครั้งการประชุมทั้งหมดในปีบัญชี 2552 ส่งผลให้มีระดับคะแนน 3.0000
- บทบาทของ สนพ. ในฐานะเลขานุการฯ (ร้อยละ 60) พิจารณาจากร้อยละของการดำเนินงานตามมติของที่ประชุมของคณะกรรมการฯ ประกอบด้วย คณะอนุกรรมการกองทุนฯ ซึ่งไม่มีการติดตามดูแลรายงานผลการดำเนินงาน แต่คณะทำงานเตรียมการฯ มีการติดตามดูแลให้มีการรายงานผลการดำเนินงานของกองทุนฯ 25 มติ จากทั้งหมด 25 มติ เท่ากับร้อยละ 100 ส่งผลให้มีระดับคะแนน 5.0000
มติที่ประชุม
รับทราบรายงานการประเมินผลการดำเนินงานกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ประจำปีบัญชี 2552
เลขานุการฯ ได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบว่าคณะกรรมการกองทุนฯ ในการประชุมเมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2553 ได้เห็นชอบร่างระเบียบคณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ว่าด้วยการเก็บรักษาเงินและทรัพย์สิน และการเบิกจ่ายเงินกองทุน พ.ศ. ... ที่ฝ่ายเลขานุการฯ ได้ปรับปรุงให้สอดคล้องกับ พ.ร.บ. การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2550 และกระทรวงการคลัง ได้พิจารณาและเห็นชอบในร่างระเบียบคณะกรรมการกองทุนฯ ดังกล่าวแล้ว ซึ่งฝ่ายเลขานุการฯ ได้เสนอรองนายกรัฐมนตรี (นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี) ประธานคณะกรรมการกองทุนฯ ลงนามในระเบียบคณะกรรมการกองทุนฯ ว่าด้วยการเก็บรักษาเงินและทรัพย์สิน และการเบิกจ่ายเงินกองทุน พ.ศ. 2553 แล้ว เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม 2553
มติที่ประชุม
รับทราบระเบียบคณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ว่าด้วยการเก็บรักษาเงินและทรัพย์สิน และการเบิกจ่ายเงินกองทุน พ.ศ. 2553
เรื่องที่ 3 โครงการประชาสัมพันธ์เพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน และส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทน
1. คณะกรรมการกองทุนฯ ในการประชุมเมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2553 ได้เห็นชอบให้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 ที่เกี่ยวกับโครงการประชาสัมพันธ์ ในแผนพลังงานทดแทน 250 ล้านบาท และแผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน 250 ล้านบาท ผ่านการพิจารณาและเห็นชอบจาก "คณะกรรมการประชาสัมพันธ์และการสื่อสารของกระทรวงพลังงาน" ที่ปลัดกระทรวงพลังงานเป็นประธาน โดยให้สามารถถัวจ่ายและเปลี่ยนแปลงรายการในแผน/งานเดียวกันได้ ทั้งนี้ เมื่อคณะกรรมการประชาสัมพันธ์ฯ เห็นชอบแล้ว ให้เสนอต่อคณะอนุกรรมการกองทุนฯ เพื่อพิจารณาอนุมัติก่อนดำเนินโครงการต่อไป
2. คณะอนุกรรมการกองทุนฯ ได้เห็นชอบจัดสรรเงินกองทุนฯ ปีงบประมาณ 2553 ที่คณะกรรมการกองทุนฯ ในการประชุมเมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2553 ได้อนุมัติให้ สนพ. ไว้แล้ว เพื่อดำเนินโครงการประชาสัมพันธ์ในแผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน จำนวน 7 โครงการ เป็นเงิน 160 ล้านบาท และแผนพลังงานทดแทน จำนวน 6 โครงการ เป็นเงิน 225 ล้านบาท ดังนี้
รายชื่อโครงการ | หน่วยงาน | งบประมาณ (ล้านบาท) | |
แผนพลังงานทดแทน | แผนเพิ่มประสิทธิภาพฯ | ||
1. โครงการประชาสัมพันธ์พระราชกรณียกิจด้านพลังงานผ่านบทเพลงสรรเสริญพระบารมีในโรงภาพยนตร์ | สป.พน. | - | 35 |
2. โครงการเผยแพร่ผลการดำเนินงานของกระทรวงพลังงานตามนโยบายรัฐบาล | สป.พน. | - | 2 |
3. โครงการผลิตสื่อประชาสัมพันธ์เพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน | สนพ. | - | 20 |
4. โครงการบริหารศูนย์ประชาสัมพันธ์รวมพลังหารสอง | สนพ. | 15 | - |
5. การประเมินผลโครงการประชาสัมพันธ์เพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ปี 2553 | สนพ. | - | 3 |
6. โครงการประชาสัมพันธ์ลดโลกร้อน ถวายพ่อ | สป.พน. | 80 | - |
7. โครงการว่าจ้างที่ปรึกษาเพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจด้านพลังงานร่วมกับสื่อมวลชน | สป.พน. | 30 | - |
8. โครงการว่าจ้างที่ปรึกษารณรงค์สร้างความรู้ ความเข้าใจเรื่อง การใช้น้ำมันคุณภาพ E85 | พพ. | 50 | - |
9. โครงการว่าจ้างที่ปรึกษาสร้างความเข้าใจการกำหนดคุณภาพน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว B5 | พพ. | 20 | - |
10. โครงการว่าจ้างที่ปรึกษาจัดทำแผนกลยุทธ์การประชาสัมพันธ์ด้านการอนุรักษ์พลังงานและพลังงานทดแทน และนำแผนไปสู่การปฏิบัติ | สป.พน. | - | 15 |
11. โครงการประชาสัมพันธ์เพื่อเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจด้านการอนุรักษ์พลังงานและพลังงานทดแทน | สป.พน. | - | 50 |
12. โครงการสื่อสารเพื่อสร้างความเชื่อมั่นต่อนโยบายด้านการอนุรักษ์พลังงานและพลังงานทดแทน | สป.พน. | - | 35 |
13. โครงการรณรงค์ส่งเสริมเพื่อการอนุรักษ์พลังงานและพัฒนาพลังงานทดแทนในชุมชน | สป.พน. | 30 | - |
รวมงบประมาณ | 225 | 160 | |
คงเหลืองบประมาณ | 25 | 90 |
3. คณะกรรมการประชาสัมพันธ์ฯ ในการประชุมครั้งที่ 7/2553 เมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2553 และตามหนังสือกระทรวงพลังงาน ที่ พน 0202/1568 ลงวันที่ 16 สิงหาคม 2553 ได้มีมติเห็นชอบโครงการประชาสัมพันธ์จากงบประมาณกองทุนฯ ภายใต้แผนพลังงานทดแทน จำนวน 2 โครงการ ในวงเงิน 25 ล้านบาท และแผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน จำนวน 9 โครงการ ในวงเงิน 82.052 ล้านบาท ดังนี้
3.1 โครงการประชาสัมพันธ์ผลสำเร็จด้านอนุรักษ์พลังงานและพลังงานทดแทน (Success Story) โดยมีวัตถุประสงค์ ดังนี้
(1) ให้ความรู้ และบอกถึงความสำเร็จของโครงการพลังงานต่างๆ โดยเฉพาะโครงการที่ได้รับการสนับสนุนจากกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน เพื่อเป็นตัวอย่างและเกิดความตระหนัก โดยนำไปใช้ในการดำเนินชีวิตด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ และตระหนักถึงการใช้พลังงานที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม
(2) เพื่อประชาสัมพันธ์ผลงาน กิจกรรม หรือความสำเร็จ และความคืบหน้าการดำเนินงานด้านนโยบายพลังงาน นโยบายการส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทนและพลังงานหมุนเวียน ในพื้นที่ที่ประสบความสำเร็จ เช่น Biogas Biomass เป็นต้น รวมทั้งเชื่อมโยงประชาสัมพันธ์โครงการต่างๆ ที่ได้การสนับสนุนจากกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ที่ สนพ. รับผิดชอบดำเนินการ
(3) เพื่อประชาสัมพันธ์ผลงาน กิจกรรม หรือความสำเร็จ และความคืบหน้าการดำเนินงานของหน่วยงานที่ได้ดำเนินการโครงการประหยัดพลังงานในอาคาร การปรับเปลี่ยนอุปกรณ์ประหยัดพลังงาน อาทิ ผู้เข้าร่วมโครงการ DSM Bidding อาคารควบคุม องค์กรที่ส่งเสริม สนับสนุนการประหยัดและอนุรักษ์พลังงาน
(4) สร้างกระแสการรับรู้ ส่งผลให้เกิดทัศนคติที่ดี เกิดการยอมรับ และให้การสนับสนุนนโยบายรัฐบาลด้านการใช้พลังงานทดแทน พลังงานหมุนเวียน พลังงานทางเลือก ตลอดจนกิจกรรมการของ พน. รูปแบบต่างๆ
ระยะเวลา 10 เดือน
งบประมาณ ในวงเงิน 15,000,000 บาท
หน่วยงานดำเนินโครงการ สนพ.
ผลที่คาดว่าจะได้รับ
(1) กลุ่มเป้าหมายได้รับความรู้ และรับทราบความสำเร็จของโครงการพลังงานต่างๆ โดยเฉพาะโครงการที่ได้รับการสนับสนุนจากกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน เพื่อเป็นตัวอย่างและเกิดความตระหนัก โดยนำไปใช้ในการดำเนินชีวิตด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
(2) กลุ่มเป้าหมายทราบถึงผลงาน กิจกรรม หรือความสำเร็จ และความคืบหน้าการดำเนินงานด้านนโยบายพลังงาน และการดำเนินงานด้านนโยบายพลังงาน นโยบายการส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทนและพลังงานหมุนเวียน ในพื้นที่ที่ประสบความสำเร็จ เช่น Biogas Biomass เป็นต้น รวมทั้งเชื่อมโยงประชาสัมพันธ์โครงการต่างๆ ที่ได้การสนับสนุนจากกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน
(3) กลุ่มเป้าหมายทราบถึงผลงาน กิจกรรม หรือความสำเร็จ และความคืบหน้าการดำเนินงานของหน่วยงานที่ได้ดำเนินการโครงการประหยัดพลังงานในอาคาร การปรับเปลี่ยนอุปกรณ์ประหยัดพลังงาน อาทิ ผู้เข้าร่วมโครงการ DSM Bidding อาคารควบคุม องค์กรที่ส่งเสริม สนับสนุนการประหยัดและอนุรักษ์พลังงาน
(4) กลุ่มเป้าหมายเกิดกระแสการรับรู้ ซึ่งส่งผลให้เกิดทัศนคติที่ดี เกิดการยอมรับ และให้การสนับสนุนนโยบายรัฐบาลด้านการใช้พลังงานทดแทน พลังงานหมุนเวียน พลังงานทางเลือก ตลอดจนกิจกรรมการของ พน. รูปแบบต่างๆ
3.2 โครงการ Thailand Energy Awards โดยมีวัตถุประสงค์ ดังนี้
(1) เพื่อเป็นการยกย่องและแสดงความชื่นชมแก่ผู้ที่มีผลงานดีเด่นด้านการอนุรักษ์พลังงานและการพัฒนาพลังงานทดแทน
(2) เผยแพร่ผลสำเร็จของการดำเนินงานด้านการอนุรักษ์พลังงานและการพัฒนาพลังงานทดแทนให้แก่ผู้ที่เกี่ยวข้องและสนใจได้นำไปปฏิบัติและประยุกต์ใช้ให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม
(3) เพื่อส่งเสริมให้โรงงานและอาคารดำเนินการอนุรักษ์พลังงานและพัฒนาพลังงานทดแทนอย่างต่อเนื่อง ขยายผลสู่กลุ่มเป้าหมายอื่นๆ ให้มีส่วนร่วมในการอนุรักษ์พลังงานและการพัฒนาพลังงานทดแทนมากขึ้น
ระยะเวลา 12 เดือน
งบประมาณ ในวงเงิน 15,000,000 บาท
หน่วยงานดำเนินโครงการ พพ.
ผลที่คาดว่าจะได้รับ ผู้ประกอบการในโรงงงาน/อาคาร และองค์กรต่างๆ เกิดการตระหนักและดำเนินการอนุรักษ์พลังงานและพัฒนาพลังงานทดแทนมากยิ่งขึ้น ส่งผลให้เกิดการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ ลดการนำเข้าพลังงานฟอสซิล
3.3 โครงการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารอนุรักษ์พลังงานและพลังงานทดแทน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้บริการข้อมูล ข่าวสาร เทคโนโลยีด้านพลังงาน แก่ผู้ประกอบกิจการและผู้สนใจ
ระยะเวลา 12 เดือน
งบประมาณ ในวงเงิน 15,000,000 บาท
หน่วยงานดำเนินโครงการ พพ.
ผลที่คาดว่าจะได้รับ กลุ่มเป้าหมายได้รับทราบถึงความเคลื่อนไหวการดำเนินงานด้านการอนุรักษ์พลังงาน และการพัฒนาพลังงานทดแทนของประเทศ เกิดความเชื่อมั่นในเทคโนโลยีพลังงานที่ พพ. ส่งเสริมและเผยแพร่ ส่งผลต่อการใช้พลังงานในรูปแบบที่เหมาะสมและมีการลงทุนที่คุ้มค่ายิ่งขึ้น
3.4 โครงการส่งเสริมธุรกิจบริษัทจัดการพลังงาน โดยมีวัตถุประสงค์ ดังนี้
(1) เพื่อส่งเสริม สนับสนุนและเผยแพร่เกี่ยวกับธุรกิจบริษัทจัดการพลังงาน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและกระตุ้นให้เกิดการดำเนินธุรกิจและการลงทุนด้านการอนุรักษ์พลังงานพลังงาน โดยใช้ระบบ ESCO
(2) เพื่อขยายเครือข่ายระหว่างบริษัทจัดการพลังงาน ผู้ประกอบการและสถาบันการเงิน และพัฒนา ESCO Information Center อย่างเป็นระบบ เพื่อพัฒนาและนำไปสู่การจัดตั้งสมาคมบริษัทจัดการพลังงาน
(3) เพื่อส่งเสริมให้ผู้บริหารโรงงานอุตสาหกรรม/อาคาร ที่มีความพร้อมและมีศักยภาพในการอนุรักษ์พลังงาน สามารถเลือกลงทุนเพื่อการอนุรักษ์พลังงานได้อย่างเหมาะสม
ระยะเวลา 12 เดือน
งบประมาณ ในวงเงิน 5,000,000 บาท
หน่วยงานดำเนินโครงการ พพ.
ผลที่คาดว่าจะได้รับ
(1) มีแหล่งข้อมูลของธุรกิจบริษัทจัดการพลังงาน
(2) มีการเผยแพร่ผลงานของบริษัทจัดการพลังงาน และสร้างความเชื่อมั่นให้กลุ่มเป้าหมายในการลงทุน
(3) มีการติดตามความก้าวหน้าของธุรกิจบริษัทจัดการพลังงานในประเทศ
3.5 โครงการรณรงค์และส่งเสริมความเข้าใจการใช้หลอดประหยัดพลังงาน โดยมีวัตถุประสงค์ ดังนี้
(1) เพื่อส่งเสริมการใช้อุปกรณ์แสงสว่างประสิทธิภาพสูง ด้วยการรณรงค์ให้มีการเปลี่ยนมาใช้หลอดผอมเบอร์ 5 แทนหลอดผอมเดิม อันส่งผลให้เกิดการประหยัดพลังงานไฟฟ้าของประเทศ
(2) เพื่อสร้างความต้องการหลอดผอมเบอร์ 5 ให้ขยายตัวมากขึ้น อันจะเป็นแนวทางที่จะทำให้ต้นทุนการผลิตและราคาตลาดต่ำลงจนกระทั่งผู้บริโภคยอมรับในความคุ้มค่าและเปลี่ยนมาใช้หลอดผอมเบอร์ 5 ตลอดไป
(3) เพื่อเป็นการสร้างจิตสำนึกให้ภาคธุรกิจ อุตสาหกรรมและประชาชนทั่วไปได้เห็นถึงประโยชน์ในการเปลี่ยนหลอดไฟประหยัดพลังงาน อันจะนำไปสู่การประหยัดพลังงานไฟฟ้าจากอุปกรณ์ไฟฟ้าอื่นๆ ด้วย
ระยะเวลา 12 เดือน
งบประมาณ ในวงเงิน 10,000,000 บาท
หน่วยงานดำเนินโครงการ พพ.
ผลที่คาดว่าจะได้รับ
(1) ธุรกิจ โรงงานอุตสาหกรรมและประชาชนทั่วไปมีการปรับเปลี่ยนมาใช้หลอดผอมประหยัดพลังงานกันมากขึ้นซึ่งจะสามารถช่วยลดการใช้พลังงานของประเทศได้
(2) สามารถประหยัดพลังงานไฟฟ้าสำหรับแสงสว่างลดลงจากเดิมได้ประมาณ 30%
(3) สามารถลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ซึ่งเป็นสาเหตุของภาวะโลกร้อนได้
3.6 โครงการประชาสัมพันธ์และรณรงค์ "โครงการภูเก็ตสีเขียว" โดยมีวัตถุประสงค์ ดังนี้
(1) เพื่อประชาสัมพันธ์และรณรงค์โครงการภูเก็ตเขียวในกลุ่มเป้าหมายให้ได้รับความรู้ด้านการประหยัดพลังงาน ส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทน ลดการใช้พลังงานฟอสซิลและรักษาสิ่งแวดล้อม
(2) เพื่อจัดกิจกรรมรณรงค์ในรูปแบบ อส.พน.เคลื่อนที่ เพื่อสร้าง อส.พน.เป็นตัวกลางในการดำเนินกิจกรรมด้านพลังงานกับชุมชน
(3) เพื่อประชาสัมพันธ์และรณรงค์โครงการภูเก็ตเขียวให้มีความต่อเนื่องเชื่อมโยงกับโครงการ "ภูเก็ตปลอดถุงพลาสติก" ที่ได้ดำเนินการไปแล้ว
ระยะเวลา 4 เดือน
งบประมาณ ในวงเงิน 1,052,000 บาท
หน่วยงานดำเนินโครงการ สป.พน.
ผลที่คาดว่าจะได้รับ
(1) เกิดวิทยากรตัวคูณประจำสถาบันการศึกษาและศาสนสถาน ประชาสัมพันธ์และถ่ายทอดความรู้ด้านการประหยัดพลังงานไปสู่ชุมชน ส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทนที่เหมาะสม
(2) สื่อมวลชนแขนงต่างๆ เข้าใจถึงความสำคัญการจัดทำโครงการภูเก็ตเขียวและแนวร่วมการประชาสัมพันธ์ที่หลากหลายมากขึ้น
(3) เพื่อสร้าง อส.พน.ที่เข้มแข็งและมีประสิทธิภาพในการถ่ายทอดองค์ความรู้ต่อสาธารณชน
(4) ประชาชนทั่วไป หน่วยงานภาครัฐและเอกชน ตลอดจนนักท่องเที่ยวได้รับทราบข้อมูลข่าวสาร ตามยุทธศาสตร์ 3 ด้าน และนำไปสู่การลดใช้พลังงานจากฟอสซิล และพลังงานทดแทนมาใช้ให้ได้ 15% ตามนโยบายพลังงาน
3.7 โครงการ "ลดใช้น้ำมัน ปั่นรถถีบ เชียงใหม่ 2553" โดยมีวัตถุประสงค์ ดังนี้
(1) จัดกิจกรรมโครงการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 82 พรรษา
(2) สร้างความตระหนักในการลดการใช้พลังงาน ลดการเผาผลาญน้ำมันเชื้อเพลิง ในการเดินทางตามวิถีชีวิตประจำวัน แก่คนเชียงใหม่ทุกภาคส่วน
(3) สร้างความตื่นตัว ให้ประชาชนทุกหมู่เหล่าในจังหวัดเชียงใหม่ในการลดปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากควันไอเสียของรถยนต์ในการเดินทาง และลดหมอกควันจากการเผา ซึ่งมีผลกระทบต่อภาวะโลกร้อน
(4) ให้คนเชียงใหม่ทุกภาคส่วน สัมผัสได้ถึงคุณภาพชีวิตที่ดี ลมหายใจที่สดใส ซึ่งเกิดขึ้นจากการร่วมกันลดการใช้รถยนต์ส่วนตัว และลดการใช้พลังงานจากยานพาหนะอื่น
(5) ร่วมกันสร้างและเรียนรู้ระบบจราจรที่จูงใจและเอื้อต่อความปลอดภัยต่อผู้ใช้จักรยาน เพื่อส่งเสริมการใช้จักรยานในชีวิตประจำวัน
(6) เกิดการปฏิบัติและยอมรับวิถีชีวิตเศรษฐกิจพอเพียงตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
(7) เผยแพร่ชื่อเสียงของจังหวัดเชียงใหม่และประเทศไทยต่อนานาชาติ
ระยะเวลา 3 เดือน
งบประมาณ ในวงเงิน 500,000 บาท
หน่วยงานดำเนินโครงการ สป.พน.
ผลที่คาดว่าจะได้รับ
(1) ประชาชนทุกหมู่เหล่าในจังหวัดเชียงใหม่และจังหวัดใกล้เคียงได้มีโอกาสเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในการลดใช้พลังงาน
(2) เกิดกระแสให้ประชาชนตระหนักถึงคุณค่าและคิดก่อนใช้พลังงานรวมถึงเกิดจิตสำนึกที่จะลงมือปฏิบัติในการประหยัดพลังงานอย่างจริงจัง และต่อเนื่องการทำความดีด้วยการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ
(3) ประชาชนเกิดความภาคภูมิใจที่ได้มีส่วนร่วมช่วยชาติประหยัดพลังงานโดยรวมและส่งผลดีที่ได้ประหยัดค่าใช้จ่าย เพิ่มรายได้ให้กับครอบครัวและประเทศชาติ
(4) เกิดกระแสการมีส่วนร่วมคิด ร่วมทำ ร่วมประชาสัมพันธ์การขยายผลการประหยัดงานที่เป็นตัวอย่างที่ดีไปสู่เยาวชน นักเรียน นิสิต นักศึกษา และทุกภาคส่วนอันจะทำให้เกิดกระแสการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการลดใช้พลังงานในทุกรูปแบบ
3.8 โครงการ "คนคอนร่วมใจ ลดใช้พลังงาน ลดโลกร้อน" โดยมีวัตถุประสงค์ ดังนี้
(1) เพื่อเสริมสร้างจิตสำนึกในการอนุรักษ์พลังงานของทุกภาคส่วนในจังหวัด
(2) เพื่อกระตุ้นให้เกิดความตะหนักถึงภาวะโลกร้อน ทั้งสาเหตุและผลที่ตามมา
(3) เพื่อให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมเห็นคุณค่าของพลังงาน และความจำเป็นของการลดใช้พลังงาน
(4) เพื่อให้ผู้ที่เข้าร่วมกิจกรรมสามารถสร้างเครือข่าย "ร่วมใจ ลดใช้พลังงาน ลดโลกร้อน"
ระยะเวลา 3 เดือน
งบประมาณ ในวงเงิน 500,000 บาท
หน่วยงานดำเนินโครงการ สป.พน.
ผลที่คาดว่าจะได้รับ
(1) ผู้เข้าร่วมกิจกรรมมีส่วนร่วม ลดใช้พลังงานโดยเฉพาะลดการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง และลดปัญหาภาวะโลกร้อน
(2) ผู้เข้าร่วมกิจกรรมมีทัศนคติที่ดีและถูกต้องในการ "ร่วมใจ ลดใช้พลังงาน ลดโลกร้อน"
(3) สร้างเครือข่ายบุคคลเข้าร่วมโครงการ "ร่วมใจ ลดใช้พลังงาน ลดโลกร้อน" ให้เกิดขึ้น
3.9 โครงการส่งเสริมและเผยแพร่เทคโนโลยีการอนุรักษ์พลังงาน (DISPLAY CENTER และบ้านประหยัดพลังงาน)โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่แนะนำเทคโนโลยีการอนุรักษ์พลังงาน กระบวนการและ แนวทางการอนุรักษ์พลังงาน ตลอดจนจัดแสดงอุปกรณ์ทางด้านการอนุรักษ์พลังงาน เพื่อให้ผู้ชมได้ทราบ และเรียนรู้เทคโนโลยีในการอนุรักษ์พลังงานต่างๆ ของ DISPLAY CENTER และบ้านประหยัดพลังงาน
ระยะเวลา 12 เดือน
งบประมาณ ในวงเงิน 15,000,000 บาท
หน่วยงานดำเนินโครงการ พพ.
ผลที่คาดว่าจะได้รับ ผู้เข้าชมประมาณ 10,000 คน จะได้ความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับอุปกรณ์อนุรักษ์พลังงาน รวมทั้งแนวความคิดที่จะนำไปประยุกต์ใช้งาน
3.10 โครงการรณรงค์และประชาสัมพันธ์กฎหมายด้านการอนุรักษ์พลังงาน โดยมีวัตถุประสงค์ ดังนี้
(1) เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจให้แก่เจ้าหน้าที่ภาครัฐที่ดำเนินโครงการด้านการอนุรักษ์พลังงาน ได้รู้ถึงกรอบแนวทางในการดำเนินการที่ถูกต้องตามหลักกฎหมายการอนุรักษ์พลังงาน
(2) เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจให้ภาคเอกชนได้เข้าใจถึงบทบัญญัติของกฎหมายด้านการอนุรักษ์พลังงานในประเทศไทย เช่น ผู้ผลิตอุปกรณ์ประหยัดไฟฟ้า ได้รู้ถึงสิทธิและกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องกับกฎหมายการอนุรักษ์พลังงาน รวมถึงแนวทางในการปฏิบัติหรือการดำเนินการที่ไม่ขัดต่อกฎหมายด้วย
(3) เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจให้ประชาชนและผู้ที่สนใจทั่วไปได้รู้ถึงสิทธิและกฎระเบียบที่จะได้รับจากการอนุรักษ์พลังงานตามกฎหมายที่กำหนด อีกทั้งยังทำให้ป้องกันการเอารัดเอาเปรียบจากผู้ที่จะมาแสวงหาผลประโยชน์จากการดำเนินการอนุรักษ์พลังงานของภาครัฐอีกด้วย
ระยะเวลา 12 เดือน
งบประมาณ ในวงเงิน 20,000,000 บาท
หน่วยงานดำเนินโครงการ สป.พน.
ผลที่คาดว่าจะได้รับ สามารถทำให้ผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งเจ้าหน้าที่ภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชนทราบถึงสิทธิและกฎระเบียบที่ได้รับจากกฎหมายการอนุรักษ์พลังงาน อันจะส่งผลทำให้การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ในประเทศไทยมีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งจะช่วยทำให้เกิดการประหยัดพลังงานจากการนำเข้าของประเทศได้
3.11 โครงการรณรงค์และประชาสัมพันธ์กฎหมายด้านพลังงานทดแทน โดยมีวัตถุประสงค์ ดังนี้
(1) เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจให้แก่ผู้ที่ปฏิบัติงานโครงการด้านการพัฒนาพลังงานทดแทน ได้รู้ถึงกรอบแนวทางในการดำเนินการที่ถูกต้องตามหลักกฎหมายพลังงานทดแทน
(2) เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจให้ภาคเอกชนได้เข้าใจในบทบัญญัติของกฎหมายพลังงานทดแทนในประเทศไทย เพื่อให้ได้รู้ถึงสิทธิและกฎระเบียบจากกฎหมายพลังงานทดแทน รวมถึงแนวทางในการปฏิบัติหรือการดำเนินการที่ไม่ขัดต่อกฎหมายด้วย
(3) เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจให้ประชาชนและผู้ที่สนใจทั่วไป ได้รู้ถึงสิทธิและข้อระเบียบของกฎหมายการพัฒนาพลังงานทดแทน อีกทั้งยังทำให้ป้องกันการเอารัดเอาเปรียบจากผู้ที่จะมาแสวงหาผลประโยชน์จากการพัฒนาพลังงานทดแทนอีกด้วย
ระยะเวลา 12 เดือน
งบประมาณ ในวงเงิน 10,000,000 บาท
หน่วยงานดำเนินโครงการ สป.พน.
ผลที่คาดว่าจะได้รับ สามารถทำให้ผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งเจ้าหน้าที่ภาครัฐ ภาคเอกชน ประชาชน ทราบถึงสิทธิและกฎระเบียบจากกฎหมายพลังงานทดแทน อันจะส่งผลทำให้การพัฒนาพลังงานทดแทนในประเทศไทย มีประสิทธิภาพมากขึ้น และสามารถบรรลุได้ตามเป้าหมายพลังงานทดแทนที่วางไว้
4. เลขานุการฯ ได้แจ้งที่ประชุมทราบว่า สำนักงานปลัดกระทรวงพลังงาน มีความประสงค์ขอเสนอโครงการประชาสัมพันธ์ในแผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน ต่อที่ประชุมเพื่อพิจารณาเพิ่มเติมอีก 1 โครงการ คือ โครงการสื่อสารเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานและพลังงานทดแทนในส่วนภูมิภาค โดยมีสาระสำคัญของโครงการ สรุปได้ดังนี้
วัตถุประสงค์
(1) เพื่อให้ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่ของกระทรวงพลังงานในฐานะสื่อบุคคลที่เป็นผู้แทน พน. ได้รับรู้และเข้าใจถึงนโยบายด้านอนุรักษ์พลังงานและพลังงานทดแทน ตลอดจนสามารถนำนโยบายแนวคิดต่างๆ ไปพัฒนาเพื่อสื่อสารสู่ประชาชนอย่างถูกต้อง
(2) เพื่อระดมความคิดเห็นที่มีต่อแผนพัฒนาด้านพลังงานทดแทน และอนุรักษ์พลังงาน จากหน่วยงานในสังกัดกระทรวงพลังงาน และรับทราบถึงปัญหาและอุปสรรคในการดำเนินงานของหน่วยราชการในการผลักดันแผนการอนุรักษ์พลังงานและพลังงานทดแทนของประเทศ
(3) เพื่อสร้างภาพลักษณ์ ความนิยม เลื่อมใส ศรัทธา ให้กลุ่มเป้าหมายตระหนัก เชื่อมั่น รับทราบและเข้าใจ และรวมทั้งสามารถสร้างเครือข่ายยอมรับองค์กรด้วยการแสดงออกถึงความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม
ระยะเวลา 60 วัน นับจากลงนามในสัญญา
งบประมาณ ในวงเงิน1,900,000 บาท
หน่วยงานดำเนินโครงการ สป.พน.
ผลที่คาดว่าจะได้รับ
(1) ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่กระทรวงพลังงาน ในฐานะสื่อบุคคลของกระทรวงพลังงานได้รับรู้ และเข้าใจถึงนโยบายด้านอนุรักษ์พลังงานและพลังงานทดแทน ตลอดจนแนวคิดต่างๆ โดยสามารถนำหลักแนวคิดในการพัฒนาไปสู่การการปฏิบัติ และสื่อสารสู่ประชาชนอย่างถูกต้อง
(2) สามารถผลักดันแผนการอนุรักษ์พลังงานและพลังงานทดแทนของประเทศไปสู่ภาคปฏิบัติในส่วนภูมิภาคได้ในที่สุด รวมทั้งสามารถสร้างเครือข่ายการยอมรับองค์กรด้วยการแปสดงออกถึงความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม
(3) ผู้บริหารกระทรวงพลังงาน ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่กระทรงพลังงานมีความเข้าใจนโยบายไปในทิศทางเดียวกัน เพื่อนำไปสู่เป้าประสงค์ของแผนการอนุรักษ์พลังงานและพลังงานทดแทน
การพิจารณาของที่ประชุม
1. เห็นชอบให้ยกเลิกโครงการประชาสัมพันธ์ ที่คณะกรรมการกองทุนฯ ในการประชุมเมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2553 ได้อนุมัติให้ สนพ. ไว้แล้ว ในแผนพลังงานทดแทน จำนวน 1 โครงการ และแผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน จำนวน 3 โครงการ และเห็นควรให้นำงบประมาณของโครงการประชาสัมพันธ์ที่ขอยกเลิก พร้อมด้วยงบประมาณคงเหลือในแผนพลังงานทดแทน รวมเป็นจำนวนเงิน 25 ล้านบาท และในแผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน รวมเป็นจำนวนเงิน 90 ล้านบาท มาเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการประชาสัมพันธ์ ตามที่ฝ่ายเลขานุการฯ เสนอมาในระเบียบวาระข้อ 3.1 และ 3.2
2. ประธานอนุกรรมการฯ มีข้อสังเกตและข้อเสนอแนะในโครงการประชาสัมพันธ์ สรุปได้ดังนี้
2.1 โครงการ Thailand Energy Awards เห็นควรให้ พพ. จัดแบ่งประเภทของรางวัลให้ชัดเจน โดยระบุชื่อของประเภทรางวัลที่เฉพาะเจาะจงมากขึ้น เพื่อให้ประชาชนได้รับรู้และเข้าใจในชื่อเฉพาะของผลงานที่ดีเด่นของผู้ประกอบการนั้นๆ และผู้ได้รับรางวัลเกิดความภาคภูมิใจในชื่อผลงานนั้นด้วย นอกจากนี้ยังเห็นว่าในการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ของโครงการ Thailand Energy Awards และโครงการสร้างขุมกำลังบุคลากรด้านการอนุรักษ์พลังงานเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้พลังงานในอาคาร หรือ BEAT 2010 ควรมีเนื้อหาที่สัมพันธ์กัน เพื่อมิให้เกิดความสับสนของประชาชน ซึ่งในการดำเนินโครงการ BEAT 2010 อาจจะจัดทำตราสัญลักษณ์ของโครงการใช้ในการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทั่วไปได้รับรู้อย่างถาวร
2.2 โครงการรณรงค์และส่งเสริมความเข้าใจการใช้หลอดประหยัดพลังงาน ควรจะมีการบูรณาการร่วมกับ กฟผ. เพื่อให้เกิดความสอดคล้องในการดำเนินงานของโครงการ และการดำเนินกิจกรรมในสถานที่ต่างๆ ควรจะจัดทำและนำคู่มือไปเผยแพร่เพื่อให้ประชาชนมีความรู้และความเข้าใจมากขึ้น
2.3 โครงการประชาสัมพันธ์และรณรงค์ "โครงการภูเก็ตสีเขียว" เห็นควรให้ สนย. สป.พน.ทำการติดตามโครงการอย่างจริงจังและต่อเนื่อง เพื่อให้เกิดเป็นรูปธรรมที่ชัดเจนและเป็นต้นแบบที่ดีแก่จังหวัดอื่นๆ ต่อไป นอกจากนี้ยังเห็นว่า ควรจะมีกิจกรรมที่ให้ความรู้และกระตุ้นหน่วยงานและสถานประกอบการต่างๆ ภายในจังหวัด ให้เกิดความตระหนักในการอนุรักษ์พลังงานและการใช้พลังงานทดแทนมากยิ่งขึ้น โดยการเสริมกิจกรรมที่มีความสัมพันธ์กับโครงการและให้เกิดความต่อเนื่องต่อไปด้วย
2.4 โครงการ "ลดใช้น้ำมัน ปั่นรถถีบ เชียงใหม่ 2553" และโครงการ "คนคอนร่วมใจ ลดใช้พลังงาน ลดโลกร้อน" เห็นว่าควรจะจัดให้มีกิจกรรมที่เชื่อมโยงอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ประชาชนภายในจังหวัดมีวัฒนธรรมในการประหยัดพลังงานมากขึ้น และได้เป็นแบบอย่างของเมืองอนุรักษ์พลังงานหรือ Green City ต่อไป พร้อมทั้งควรให้ความรู้และกระตุ้นองค์กรต่างๆ ภายในจังหวัด เกิดความตระหนักในการอนุรักษ์พลังงานและการใช้พลังงานทดแทนมากขึ้น
2.5 โครงการส่งเสริมและเผยแพร่เทคโนโลยีการอนุรักษ์พลังงาน (Display Center และบ้านประหยัดพลังงาน) เห็นควรให้ พพ. เพิ่มการจัดทำ CD หรือ/และ คู่มือแนะนำศูนย์ฯ และข้อมูลด้านต่างๆ ภายในศูนย์ฯ เพื่อเผยแพร่และให้ความรู้แก่ผู้เข้ามาเยี่ยมชมด้วย นอกจากนี้ปลัดกระทรวงพลังงาน เห็นควรให้ พพ. ปรับปรุงอุปกรณ์สาธิตเทคโนโลยีการอนุรักษ์พลังงานให้ทันสมัยและน่าสนใจมากขึ้น รวมถึงการประชาสัมพันธ์ศูนย์ฯ ให้เป็นที่รับรู้ของประชาชนทั่วไป เพื่อให้เกิดการใช้ประโยชน์จากการก่อสร้างศูนย์ฯ ให้มากที่สุด พร้อมทั้งการจัดเตรียมและพัฒนาบุคลากรที่จะเป็นวิทยากรต่อไปด้วย
2.6 โครงการสื่อสารเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานและพลังงานทดแทนในส่วนภูมิภาค เห็นควรให้มีการพัฒนาขีดความสามารถของผู้เข้าร่วมสัมมนาในเรื่องการเขียนแผน และการนำแผนไปสู่การปฏิบัติด้วย และปลัดกระทรวงพลังงานเห็นว่า ควรปรับข้อเสนอโครงการให้สอดคล้องกับหมวดของเงินงบประมาณที่ขอรับทุนสนับสนุน โดยให้ครอบคลุมถึงบทบาทหน้าที่ของพลังงานจังหวัด ที่จะต้องมีส่วนสำคัญในการประชาสัมพันธ์และเผยแพร่นโยบายที่สำคัญต่างๆ ของกระทรวงพลังงาน รวมถึงเรื่องการประหยัดพลังงาน และการส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทนไปยังภูมิภาค
ผู้แทนกรมบัญชีกลาง เห็นควรให้หน่วยงานดำเนินโครงการเพิ่มรายละเอียดของเป้าหมาย และดัชนีชี้วัดความสำเร็จของโครงการในข้อเสนอแต่ละโครงการ เพื่อให้การติดตามผลการดำเนินงานของโครงการมีความชัดเจนมากขึ้น พร้อมทั้งให้มีการรายงานความก้าวหน้าการดำเนินโครงการต่อคณะอนุกรรมการฯ เป็นระยะๆ
มติที่ประชุม
เห็นชอบให้ยกเลิกโครงการประชาสัมพันธ์ ที่คณะกรรมการกองทุนฯ ในการประชุมเมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2553 ได้อนุมัติให้ สนพ. ไว้แล้ว ตามข้อ 3.1 ของระเบียบวาระ และให้นำงบประมาณของโครงการประชาสัมพันธ์ที่ขอยกเลิก พร้อมด้วยงบประมาณคงเหลือในแผนพลังงานทดแทน รวมเป็นจำนวนเงิน 25 ล้านบาท และในแผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน รวมเป็นจำนวนเงิน 90 ล้านบาท มาเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการประชาสัมพันธ์ตามข้อ 3.2 ของระเบียบวาระ
อนุมัติเงินกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน แผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน งานพัฒนาบุคลากรและประชาสัมพันธ์ โครงการประชาสัมพันธ์เพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ปีงบประมาณ 2553 ที่คณะกรรมการกองทุนฯ ในการประชุมเมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2553 ได้อนุมัติให้ สนพ. ไว้แล้ว มาใช้สำหรับดำเนินโครงการ
(1) โครงการ Thailand Energy Awards โดยให้ พพ. เป็นผู้ดำเนินโครงการ ในวงเงิน 15,000,000 บาท (สิบห้าล้านบาทถ้วน)
(2) โครงการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารอนุรักษ์พลังงานและพลังงานทดแทน โดยให้ พพ. เป็นผู้ดำเนินโครงการ ในวงเงิน 15,000,000 บาท (สิบห้าล้านบาทถ้วน)
(3) โครงการส่งเสริมธุรกิจบริษัทจัดการพลังงาน โดยให้ พพ. เป็นผู้ดำเนินโครงการ ในวงเงิน 5,000,000 บาท (ห้าล้านบาทถ้วน)
(4) โครงการรณรงค์และส่งเสริมความเข้าใจการใช้หลอดประหยัดพลังงาน โดยให้ พพ. เป็นผู้ดำเนินโครงการ ในวงเงิน 10,000,000 บาท (สิบล้านบาทถ้วน)
(5) โครงการประชาสัมพันธ์และรณรงค์ "โครงการภูเก็ตสีเขียว" โดยให้ สป.พน. เป็นผู้ดำเนินโครงการ ในวงเงิน 1,052,000 บาท (หนึ่งล้านห้าหมื่นสองพันบาทถ้วน)
(6) โครงการ "ลดใช้น้ำมัน ปั่นรถถีบ เชียงใหม่ 2553" โดยให้ สป.พน. เป็นผู้ดำเนินโครงการ ในวงเงิน 500,000 บาท (ห้าแสนบาทถ้วน)
(7) โครงการ "คนคอนร่วมใจ ลดใช้พลังงาน ลดโลกร้อน" โดยให้ สป.พน. เป็นผู้ดำเนินโครงการ ในวงเงิน 500,000 บาท (ห้าแสนบาทถ้วน)
(8) โครงการส่งเสริมและเผยแพร่เทคโนโลยีการอนุรักษ์พลังงาน (DISPLAY CENTER และบ้านประหยัดพลังงาน) โดยให้ พพ. เป็นผู้ดำเนินโครงการ ในวงเงิน 15,000,000 บาท (สิบห้าล้านบาทถ้วน)
(9) โครงการรณรงค์และประชาสัมพันธ์กฎหมายด้านการอนุรักษ์พลังงาน โดยให้ สป.พน. เป็นผู้ดำเนินโครงการ ในวงเงิน 20,000,000 บาท (ยี่สิบล้านบาทถ้วน)
(10) โครงการสื่อสารเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานและพลังงานทดแทนในส่วนภูมิภาค โดยให้ สป.พน. เป็นผู้ดำเนินโครงการ ในวงเงิน 1,900,000 บาท (หนึ่งล้านเก้าแสนบาทถ้วน)
1. อนุมัติเงินกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน แผนพลังงานทดแทน งานพัฒนาบุคลากรและประชาสัมพันธ์ โครงการประชาสัมพันธ์เพื่อส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทน ปีงบประมาณ 2553 ที่คณะกรรมการกองทุนฯ ในการประชุมเมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2553 ได้อนุมัติให้ สนพ. ไว้แล้ว มาใช้สำหรับดำเนินโครงการ
(1) โครงการประชาสัมพันธ์ผลสำเร็จด้านอนุรักษ์พลังงานและพลังงานทดแทน (Success Story) โดยให้ สนพ. เป็นผู้ดำเนินโครงการ ในวงเงิน 15,000,000 บาท (สิบห้าล้านบาทถ้วน)
(2) โครงการรณรงค์และประชาสัมพันธ์กฎหมายด้านพลังงานทดแทน โดยให้ สป.พน. เป็นผู้ดำเนินโครงการ ในวงเงิน 10,000,000 บาท (สิบล้านบาทถ้วน)
2. เห็นชอบให้ สนพ. พพ. และ สป.พน. สามารถเปลี่ยนแปลงรายละเอียดการดำเนินงานได้เพื่อความเหมาะสม โดยสามารถถัวจ่ายระหว่างรายการ และแยกรายการ และทำสัญญาหรือหนังสือยืนยันได้หลายรายการตามความเหมาะสม โดยแบ่งกระจายน้ำหนักตามงบประมาณและกิจกรรมต่างๆ ได้ ตามที่เสนอมา
1. มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี (มทส.) ได้ดำเนินโครงการพลังงานทดแทนโดยการใช้เอทานอลจากพืชเศรษฐกิจสำหรับรถจักรยานยนต์ E85-100 ใน มทส. และชุมชนเครือข่ายต้นแบบ โดยได้ทำการวิจัยและพัฒนารถจักรยานยนต์เพื่อใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E85 เป็นเชื้อเพลิง ในชุมชนเครือข่ายนำร่อง รวม 390 คัน พร้อมทั้งพัฒนาบุคคลากรสำหรับร้านช่างซ่อมและปรับแต่งรถจักรยานยนต์ในรูปแบบ "MoPro Service Shop" จำนวน 15 ร้าน ใน 7 อำเภอ และบริหารจัดการเครือข่ายโลจิสติกส์สำหรับคลังน้ำมันกระจายน้ำมัน ศูนย์จำหน่ายน้ำมันแก๊สโซฮอล์ E85 และเครือข่ายคลัสเตอร์รถจักรยานยนต์และชิ้นส่วน ทั้งนี้ มทส. เห็นว่ายังมีความจำเป็นการในศึกษาวิจัยและพัฒนารถจักรยานยนต์และชิ้นส่วนที่ใช้น้ำมันแก๊สโซฮอลล์ E85 เป็นเชื้อเพลิงอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เกิดการยอมรับ จึงได้ยื่นข้อเสนอ "โครงการพลังงานทดแทน สำหรับการใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E85 จากพืชเศรษฐกิจสำหรับรถจักรยานยนต์ ในมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี และชุมชนเครือข่ายนำร่องระดับจังหวัดนครราชสีมา ระยะที่ 2" ไว้กับ สนพ. เพื่อขอสนับสนุนทุนดำเนินโครงการจากกองทุนฯ โดยมีสาระสำคัญของโครงการ สรุปได้ดังนี้
วัตถุประสงค์
เพื่อส่งเสริมให้ทุกภาคส่วนมีความรู้ความเข้าใจเรื่องของน้ำมันแก๊สโซฮอล์ E85 กับการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง และหาแนวทางในการปรับแต่งเครื่องยนต์ที่เหมาะสมที่สุดสำหรับใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E85 โดยปรับแต่งรถจักรยานยนต์ให้กับผู้ร่วมโครงการ ให้ใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E85 เป็นน้ำมันเชื้อเพลิงจำนวน 15,000 คัน และสร้างสมาชิกเครือข่ายให้กับโครงการฯ อันเป็นโอกาสที่จะกระจายความต้องการใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E85 สำหรับรถจักรยานยนต์ในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา
การดำเนินโครงการ แบ่งเป็น 6 ขั้นตอน ดังนี้
ขั้นตอนที่ 1 ศึกษาข้อมูล และติดตามผลการใช้รถจักรยานยนต์ที่ใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E85 ต่อเนื่องจากโครงการระยะที่ 1 และระยะที่ 2 ในชุมชนเครือข่ายต้นแบบนำร่องครอบคลุมทั้ง 32 อำเภอในจังหวัดนครราชสีมา
ขั้นตอนที่ 2 ศึกษา วิจัยและพัฒนารถจักรยานยนต์ รุ่นต่างๆ ที่ใช้งานในชุมชน วิเคราะห์ระบบหัวฉีด ไอเสีย เปรียบเทียบกับการใช้น้ำมันเบนซิน 91 แก๊สโซฮอล์ 91 และ E85
ขั้นตอนที่ 3 การพัฒนาร้านซ่อมรถจักรยานยนต์ให้เป็นศูนย์บริการรถจักรยานยนต์ในรูปแบบ MoPro Service Shop จำนวน 420 แห่ง และการปรับแต่งรถจักรยานยนต์ให้กับผู้เข้าร่วมโครงการฯ เพื่อใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E85 เป็นน้ำมันเชื้อเพลิง จำนวน 15,000 คัน
ขั้นตอนที่ 4 การประชาสัมพันธ์ Brand Building ผ่านสื่อต่างๆ เช่น สื่อสิ่งพิมพ์ วิทยุ เคเบิ้ลทีวีท้องถิ่น รวมถึงการจัดทำคู่มือการซ่อม และการจัดกิจกรรมประลองฝีมือทดสอบรถจักรยานยนต์ที่ปรับใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E85
ขั้นตอนที่ 5 การพัฒนาระบบ Logistic และ Supply Chain สำหรับน้ำมันและชิ้นส่วนรถจักรยานยนต์ที่ปรับใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E85 รวมทั้งจัดทำฐานข้อมูล ผู้ค้าส่ง/ค้าปลีกน้ำมันและชิ้นส่วนต่างๆ
ขั้นตอนที่ 6 การติดตามประเมินผล และสรุปผลการดำเนินงาน
งบประมาณ รวมทั้งสิ้น 25,755,840 บาท ประกอบด้วย
(1) ค่าตอบแทน 2,640,000 บาท
(2) ค่าใช้จ่ายในกิจกรรมย่อย 20,774,400 บาท
(3) ค่าบริหารจัดการของมหาวิทยาลัย 2,341,440 บาท
ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ
(1) ลดการพึ่งพาการนำเข้าน้ำมันจากต่างประเทศคิดเป็น 1,530,000 ลิตร/ปี หรือคิดเป็น 56,732,400 บาท/ปี
(2) ผู้ใช้รถจักรยายนต์ที่เข้าร่วมโครงการฯ ประหยัดค่าใช้จ่ายค่าน้ำมันเชื้อเพลิง 10 บาท/ลิตร คิดเป็น 1,200 บาท/คัน/ปี มีระยะเวลาคืนทุน 5 เดือน รวมทั้ง 15,000 คัน สามารถประหยัดค่าใช้จ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงแก่ชุมชนได้ 18,000,000 บาท/ปี
(3) สร้างรายได้ให้แก่ผู้ประกอบการ และร้านซ่อมจักรยานยนต์ ในชุมชน
2. สนพ. ได้ตั้งผู้ทรงคุณวุฒิโดยพิจารณาจากบุคคลที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญ มีผลงานและประสบการณ์เกี่ยวกับงานวิจัยด้านพลังงานทดแทน และด้านพลังงานเชื้อเพลิงชีวภาพ เพื่อร่วมวิเคราะห์ประเมินคุณภาพของข้อเสนอ รวมถึงการให้ข้อแนะนำกับเจ้าของโครงการฯ ประกอบด้วย
(1) ศ.ดร.นักสิทธิ์ คูวัฒนาชัย สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย
(2) นางสุนันทา สมพงษ์ สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ
(3) นายทวีป พลเสน กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน
(4) รศ.ดร.กล้าณรงค์ ศรีรอด ผู้แทนคณะอนุกรรมการประเมินผลฯ และสถาบันค้นคว้าและพัฒนาผลิตผลทางการเกษตรและอุตสาหกรรมการเกษตร
(5) รศ.ดร.พรชัย เหลืองอาภาพงศ์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
(6) รศ.ดร.อนุชา พรมวังขวา มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
(7) ดร.บุญรอด สัจจกุลนุกิจ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี
3. การพิจารณาของผู้ทรงคุณวุฒิเห็นว่า โครงการมีวัตถุประสงค์สอดคล้องกับนโยบายการส่งเสริมการใช้เอทานอล E85 จึงเห็นควรที่กองทุนฯ จะสนับสนุนให้ดำเนินการในส่วนของงานวิจัยพัฒนารถจักรยานยนต์และชิ้นส่วน โดยให้ มทส. ดำเนินการปรับปรุงข้อเสนอโครงการ ได้แก่ การจัดทำคู่มือการปรับเปลี่ยนซ่อมรถจักรยานยนต์ เพื่อให้สามารถใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E85 เผยแพร่สู่สาธารณชน เช่น ในรูปแบบ VDO Website เป็นต้น รวมถึงส่วนของงานการปรับแต่งรถจักรยานยนต์ 15,000 คัน และการพัฒนา MoPro Service Shop 420 แห่ง ซึ่งอยู่ในลักษณะส่งเสริมสาธิตเพื่อขยายผลในระยะที่ 2 และอยู่นอกเหนือขอบเขตงานวิจัยนั้น ควรพิจารณาให้สอดคล้องตามภารกิจและนโยบายของกระทรวงพลังงาน
การพิจารณาของที่ประชุม
ที่ประชุมได้พิจารณาข้อเสนอโครงการแล้ว มีข้อคิดเห็นสรุปได้ดังนี้
1. ประธานอนุกรรมการฯได้สอบถามผู้แทน มทส. ถึงที่มาของจำนวนรถจักรยานยนต์ จำนวน 15,000 คัน และความเป็นไปได้ที่จะให้ผู้เข้าร่วมโครงการเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการปรับแต่งเครื่องยนต์เอง ซึ่งผู้แทน มทส. ได้ชี้แจงที่ประชุมว่าจำนวนรถจักยานยนต์ที่เสนอมานั้น ได้มาจากกลุ่มแกนนำเกษตรกรซึ่งเป็นแกนนำของโครงการในการจัดหาลูกค้าเข้าร่วมโครงการ สำหรับการรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการปรับแต่งเครื่องยนต์โดยผู้เข้าร่วมโครงการเอง ในระยะเริ่มต้นอาจจะมีปัญหาด้านกระแสการยอมรับของประชาชน เนื่องจากยังไม่เกิดความเชื่อมั่นที่เพียงพอ นอกจากนี้ประธานอนุกรรมการฯ ยังเห็นว่าจังหวัดนครราชสีมา มีศักยภาพที่จะเป็นต้นแบบของเมืองพลังงานทดแทน ด้วยความพร้อมในด้านวัตถุดิบ ได้แก่ อ้อย มันสำปะหลัง พลังงานลม และพลังงานน้ำ ดังนั้นในการดำเนินงานของโครงการควรจัดให้มีการรณรงค์อย่างเข้มข้น เพื่อให้ประชาชนผู้ใช้รถจักรยานยนต์ มีความรู้ความเข้าใจน้ำมันแก๊สโซฮอล์ E85 มากขึ้น และสนใจหันมาปรับแต่งเครื่องยนต์สำหรับใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E85 โดยรับผิดชอบค่าใช้จ่ายเองในระยะต่อไป
2. ปลัดกระทรวงพลังงาน มีความเห็นว่าลักษณะการดำเนินโครงการควรจะยังคงไว้เป็นการศึกษาวิจัย เนื่องจากในการดำเนินงานของโครงการจะรวมถึงงานการซ่อมและแก้ไขปัญหาเครื่องยนต์ให้ผู้เข้าร่วมโครงการภายหลังที่ได้รับการปรับแต่งเครื่องยนต์ด้วย ซึ่งหากปรับเปลี่ยนโครงการเป็นการส่งเสริมและสาธิต และให้ผู้ใช้รถจักรยานยนต์รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการปรับแต่งเครื่องยนต์เองนั้น หากเครื่องยนต์เกิดปัญหาภายหลังจากการปรับแต่ง อาจจะไปเกี่ยวข้องกับเรื่องประกาศการกำหนดมาตรฐานน้ำมันเชื้อเพลิงของกรมธุรกิจพลังงาน นอกจากนี้ยังมีข้อสังเกตในประเด็นอื่นๆ ได้แก่ ควรกำหนดคุณสมบัติของรถจักรยานยนต์ที่จะเข้าร่วมโครงการให้ชัดเจน โดยไม่ควรเป็นรถที่มีภาระผูกพันกับบริษัทประกันไว้ และให้ มทส. ทำการจัดเก็บข้อมูลเชิงสถิติเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายต่างๆ จากการลงทุนปรับแต่งกับผลประโยชน์ที่จะได้รับด้วย เช่น การประหยัดน้ำมัน และได้สอบถามผู้แทน มทส. หากสิ้นสุดของโครงการ สามารถนำผลมาเผยแพร่เพื่อให้เกิดการใช้อย่างแพร่หลายได้เลยหรือไม่
3. ผู้แทนสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ได้สอบถามวิธีการและขั้นตอนการตรวจวัดการสึกหรอของเครื่องยนต์ ซึ่งผู้แทน มทส. ได้ชี้แจงว่าจะทำการเก็บข้อมูลในพื้นที่เป็นหลัก โดยร้านซ่อมเครื่องยนต์จะเป็นแหล่งข้อมูลที่สำคัญ ทั้งในช่วงก่อน ช่วงกลาง และภายหลังการปรับแต่งเครื่องยนต์
4. ผู้แทน พพ. เห็นว่าในการดำเนินโครงการ ควรให้ พพ. เข้าไปมีส่วนร่วมในการกำกับ ดูแล และติดตามการดำเนินของโครงการด้วย นอกจากนี้มีข้อเสนอแนะให้มีการตรวจสอบในด้านผลกระทบของมลภาวะหรือมลพิษที่เกิดขึ้นสำหรับรถที่เข้าร่วมในโครงการ และการกำหนดกลไกในการกำกับดูแล มาตฐาน/คุณภาพของน้ำมันในปั๊มหลอด รวมถึงวิธีการคัดเลือกรถจักรยานยนต์ จำนวน 15,000 คัน ให้มีการกระจายครอบคลุมในทุกกลุ่มเป้าหมาย อายุและยี่ห้อ/รุ่นของรถ เพื่อให้สามารถเป็นตัวแทนรถจักรยานยนต์ของทั้งหมด
5. เลขานุการ รมว.พน. ได้สอบถามถึงสาเหตุที่ผู้เข้าร่วมโครงการบางรายในระยะที่ 1 ปรับเปลี่ยนไปใช้น้ำมันเบนซิน 91 เหมือนเดิม ซึ่งผู้แทน มทส. ได้ชี้แจงว่าเกิดจากการสตาร์ทติดยาก รวมถึงข้อจำกัดของการกระจายตัวของปั๊มน้ำมัน และฝีมือช่างในการ tune up นอกจากนี้มีข้อเสนอแนะให้ มทส. เพิ่มเติมข้อมูลที่แท้จริงให้ชัดเจนทั้งในด้านปริมาณของน้ำมันที่ใช้เพิ่มขึ้น ค่าใช้จ่าย ประโยชน์ของการใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E85 และด้านเทคนิค เช่น การตรวจวัดความสึกหรอของเครื่องยนต์ ท่อยางและระบบอื่นๆ ปัญหา Vapor lock Cold Start เป็นต้น และการกระจายตัวอย่างของรถจักรยานยนต์ที่เข้าร่วมโครงการให้เป็นไปตามหลักการทางสถิติ เพื่อเป็นตัวแทนรถจักรยานยนต์ของทั้งหมด รวมถึงเพิ่มเติมการวิเคราะห์ข้อมูลตามหลักการและเหตุผลในเชิงวิชาการ เพื่อเปรียบเทียบกับข้อมูลในทางทฤษฎีต่อไป
6. รองปลัดกระทรวงพลังงาน (นายณอคุณ สุทธิพงศ์) ได้สอบถามถึงผลการพิจารณาของผู้ทรงคุณวุฒิที่มีข้อเสนอแนะว่าการปรับแต่งรถจักรยานยนต์ 15,000 คัน และการพัฒนา MoPro Service Shop 420 แห่ง ซึ่งอยู่ในลักษณะส่งเสริมสาธิตเพื่อขยายผลในระยะที่ 2 และอยู่นอกเหนือขอบเขตงานวิจัยนั้น เห็นควรพิจารณาให้สอดคล้องตามภารกิจและนโยบายของกระทรวงพลังงานนั้น จะมีผลต่อการวัด KPI งานวิจัย หรือไม่ อย่างไร ซึ่งผู้แทน มทส. ได้ชี้แจงว่าจากจำนวนตัวอย่างที่ดำเนินการในระยะที่ 1 จำนวน 390 คัน ไม่เพียงพอจะเป็นตัวแทนของการวิจัยที่จะนำไปสู่การขยายผลได้ และจำนวนรถจักรยานยนต์ 15,000 คัน ถือเป็นเพียงตัวอย่างที่ไม่ถึง 1% ของจำนวนประชากรรถจักรยานยนต์ที่ใช้กันอยู่ทั่วไป นอกจากนี้รองปลัดกระทรวงฯ เห็นควรให้มีการแยกค่าใช้จ่ายในการปรับเปลี่ยนและงบประมาณในการฝึกอบรมออกจากกันให้ชัดเจน
มติที่ประชุม
เห็นชอบจัดสรรเงินกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน แผนพลังงานทดแทน งานศึกษาวิจัยและพัฒนาด้านเทคนิค โครงการสนับสนุนการศึกษาวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีพลังงานทดแทน ปีงบประมาณ 2553 ที่คณะกรรมการกองทุนฯ ในการประชุมเมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2553 ได้จัดสรรให้ สนพ. ไว้แล้ว ให้ มทส. ในการดำเนิน "โครงการพลังงานทดแทนสำหรับการใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E85 จากพืชเศรษฐกิจสำหรับรถจักรยานยนต์ในมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี และชุมชนเครือข่ายนำร่องระดับจังหวัดนครราชสีมา ระยะที่ 2" ในวงเงิน 25,755,840 บาท โดยให้ มทส. ดำเนินการปรับปรุง รายละเอียดของข้อเสนอโครงการตามความเห็นของที่ประชุม ก่อนลงนามในหนังสือยืนยันการรับทุนสนับสนุนจากกองทุนฯ ต่อไป