• Thailand (TH) language switcher
  • English (UK) language switcher

White Style normal-style white-yellow

decrease-font normal-font increase-font

Calendar  Youtube Youtube Facebook    
  • HOME
  • About Us
    • Company Profile
    • Vision / Mission / Value / Duty
    • Organization Structure
    • Contact US
    • Sitemap
  • Policy and Plan
    • Government Policy Statement
    • Thai Integrated Energy Blueprint TIEB
      • Thailand Power Development Plan
      • Thailand Energy Efficiency Development Plan
      • Alternative Energy Development Plan
      • Oil Plan
  • Related Laws
    • Acts / Royal ordinance
  • Energy Information Services
    • Energy Situation
      • Energy Situation in year 2015 and trend in year 2016
      • The energy situation in the first tenth months of 2015 and outlook for 2015
      • The energy situation in the first nine months of 2015 and outlook for 2015
      • The energy situation in the first eight months of 2015 and outlook for 2015
    • Xayaburi Hydroelectric Power Project
    • Thailand – Myanmar’s Energy Cooperation Projects
    • Electricity Trade between Thailand and Malaysia.
    • Power Purchased from Laos PDR.
    • Economic and Power Trading in the Greater Mekong Sub-region
    • Thailand energy report 2015
  • Energy Statistics
    • Summary Statistic
    • Petroleum Statistic
    • NGV Statistic
    • Coal and Lignite Statistic
    • Electricity Statistic
    • Energy Economy Statistic
    • Value Energy Statistic
    • Petroleum Price Statistic
    • CO2 Statistic
    • Indicators Statistic
Tuesday, 27 November 2018 14:49

 

eppo s

มติการประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน

ครั้งที่ 20/2561 (ครั้งที่ 67)

วันศุกร์ที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2561 เวลา 15.30 น. น.

 


1. การปรับอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง

2. รายงานสถานการณ์ก๊าซ LPG ในรอบเดือนกันยายน - ตุลาคม 2561


ผู้มาประชุม

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน                                               ประธานกรรมการ

(นายศิริ จิระพงษ์พันธ์)

รองผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน                             กรรมการและเลขานุการ

(นายเพทาย หมุดธรรม)

แทนผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผน


เรื่องที่ 1 การปรับอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง

สรุปสาระสำคัญ

        1. เมื่อวันที่ 28 กันยายน 2561 คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) เห็นชอบแนวทางการปรับอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงของน้ำมันดีเซลหมุนเร็วโดยให้ฝ่ายเลขานุการฯ ใช้กลไกกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงในการรักษาเสถียรภาพราคาน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว ในอัตราไม่เกิน 1.00 บาทต่อลิตร ในวงเงินไม่เกิน 6,000 ล้านบาท และหากเกินวงเงินที่กำหนดให้นำเสนอ กบง.พิจารณาความเหมาะสมอีกครั้ง รวมทั้งมอบหมายให้สถาบันบริหารกองทุนพลังงาน (สบพน.) จัดทำรายงาน รายรับ/รายจ่าย และฐานะกองทุนน้ำมันฯ ของบัญชีน้ำมัน เพื่อรายงาน กบง. ทราบทุกเดือน

        2. เมื่อวันที่ 28 กันยายน 2561 สนพ. ได้ดำเนินการออกประกาศ ดังนี้ (1) ประกาศ กบง. ฉบับที่ 62 ปรับเพิ่มอัตราเงินชดเชยสำหรับน้ำมันดีเซลเป็น 0.60 บาทต่อลิตร เพื่อให้ราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลยังคงเดิมที่ 29.89 บาทต่อลิตร โดยมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 29 กันยายน 2561 (2) ประกาศ กบง. ฉบับที่ 63 ปรับเพิ่มอัตราเงินชดเชยสำหรับน้ำมันดีเซลเป็น 0.90 บาทต่อลิตร เพื่อให้ราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลยังคงเดิมที่ 29.89 บาทต่อลิตร โดยมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 2561 และ (3) ประกาศ กบง. ฉบับที่ 64 ปรับเพิ่มอัตราเงินชดเชยสำหรับน้ำมันดีเซลเป็น 1.00 บาทต่อลิตร เพื่อให้ราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลยังคงเดิมที่ 29.89 บาทต่อลิตร โดยมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2561 แต่อย่างไรก็ตามสถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลกยังมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยราคาน้ำมันตลาดโลกปิดตลาด ณ วันที่ 4 ตุลาคม 2561 มีดังนี้ (1) น้ำมันดิบดูไบอยู่ที่ 84.40 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล (2) น้ำมันเบนซิน 95 อยู่ที่ 93.71 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล (3) น้ำมันดีเซลอยู่ที่ 100.63 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล (4) อัตราแลกเปลี่ยน ณ วันที่ 4 ตุลาคม 2561 อยู่ที่ 32.7834 บาทต่อเหรียญสหรัฐฯ (5) ราคาไบโอดีเซลประเภทเมทิลเอสเตอร์ของกรดไขมันวันที่ 1-7 ตุลาคม 2561 ลิตรละ 22.97 บาท และ (6) ราคาเอทานอล ณ เดือน ตุลาคม 2561 ลิตรละ 23.31 บาท โดยฐานะกองทุนน้ำมันฯ ของน้ำมันฯ ณ วันที่ 30 กันยายน 2561 มีสินทรัพย์รวม 25,142 ล้านบาท หนี้สินรวม 4,071 ล้านบาท โดยกองทุนน้ำมันฯ มีฐานะสุทธิ 25,142 ล้านบาท แยกเป็นบัญชีน้ำมัน 29,213 บาท และบัญชีก๊าซ LPG ติดลบ 4,071 ล้านบาท

        3. ผลของสถานการณ์ราคาดังกล่าวข้างต้น ส่งผลทำให้โครงสร้างราคาน้ำมัน ณ วันที่ 5 ตุลาคม 2561 เป็นดังนี้ (1) ค่าการตลาดน้ำมันเบนซิน น้ำมันแก๊สโซฮอล 95 E10 น้ำมันแก๊สโซฮอล 91 E10 น้ำมันแก๊สโซฮอล E20 น้ำมันแก๊สโซฮอล E85 น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว และน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว B20 อยู่ที่ 2.9181 2.3812 2.5441 2.8440 5.0239 1.2013 และ 1.1523 บาทต่อลิตร ตามลำดับ ส่วนราคาขายปลีกน้ำมันเบนซิน น้ำมันแก๊สโซฮอล 95 E10 น้ำมันแก๊สโซฮอล 91 E10 น้ำมันแก๊สโซฮอล E20 น้ำมันแก๊สโซฮอล E85 น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว และน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว B20 อยู่ที่ 39.34 31.95 31.68 28.94 22.34 29.89 และ 26.89 บาทต่อลิตร ตามลำดับ โดยสภาพคล่องกองทุนน้ำมันฯ ปัจจุบันน้ำมันแก๊สโซฮอล 95 E20 และน้ำมันแก๊สโซฮอล 95 E85 รัฐยังคงชดเชยราคา แต่เข้าใกล้ ศูนย์-สุทธิ ในกลุ่มของน้ำมันเบนซินและแก๊สโซฮอลแล้ว ดังนั้น ประมาณการฐานะกองทุนน้ำมันฯ ประจำเดือนตุลาคม 2561 มีรายรับในกลุ่มเบนซินและแก๊สโซฮอลประมาณ 37 ล้านบาทต่อเดือน ในขณะที่กองทุนน้ำมันฯ มีรายจ่ายจากกลุ่มน้ำมันดีเซลหมุนเร็วประมาณ 1,809 ล้านบาทต่อเดือน โดยภาพรวมกองทุนมีสภาพคล่องติดลบ 1,761 ล้านบาทต่อเดือน

        4. ฝ่ายเลขานุการฯ ขอเสนอแนวทางการปรับอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงในหลักการ Half – Half Concept โดยปรับเพิ่มอัตราการชดเชยราคาน้ำมันดีเซล จากเดิมชดเชย 1.00 บาทต่อลิตร เป็นชดเชยไม่เกิน 2.00 บาทต่อลิตร ในวงเงินไม่เกิน 6,000 ล้านบาท โดยมีรายละเอียด ดังนี้ (1) แบบที่ 1 กองทุนช่วยก่อนในครั้งแรก ต่อไปหากราคายังสูงขึ้นให้ปรับราคาขายปลีกขึ้นสลับกันไป โดยปรับเพิ่มอัตราเงินชดเชย 0.40 บาทต่อลิตร จากชดเชย 1.00 บาทต่อลิตร เป็นชดเชย 1.40 บาทต่อลิตร ราคาขายปลีกคงเดิมที่ 29.89 บาทต่อลิตร และปรับเพิ่มอัตราเงินชดเชยกองทุนน้ำมันฯ สำหรับน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี20 จาก 3.10 บาทต่อลิตร เป็น 3.55 บาทต่อลิตร เพื่อรักษาส่วนต่างราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี20 ให้ต่ำกว่าน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว 3 บาทต่อลิตร ซึ่งจากการปรับอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ส่งผลให้กองทุนน้ำมันฯมีรายจ่ายเพิ่มขึ้น 723 ล้านบาทต่อเดือน จากติดลบ 1,761 ล้านบาทต่อเดือน เป็นติดลบ 2,484 ล้านบาทต่อเดือน (2) แบบที่ 2 กองทุนช่วยครึ่งหนึ่ง และราคาขายปลีกปรับขึ้นครึ่งหนึ่งทุกครั้ง โดยปรับเพิ่มอัตราเงินชดเชย 0.20 บาทต่อลิตร จากชดเชย 1.00 บาทต่อลิตร เป็นชดเชย 1.20 บาทต่อลิตร และราคาขายปลีกเพิ่มขึ้น 0.20 บาทต่อลิตร จาก 29.89 บาทต่อลิตร เป็น 30.09 บาทต่อลิตร และปรับเพิ่มอัตราเงินชดเชยกองทุนน้ำมันฯ สำหรับน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี20 จาก 3.10 บาทต่อลิตร เป็น 3.35 บาทต่อลิตร ซึ่งจากการปรับอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ส่งผลให้กองทุนน้ำมันฯมีรายจ่ายเพิ่มขึ้น 361 ล้านบาทต่อเดือน จากติดลบ 1,761 ล้านบาทต่อเดือน เป็นติดลบ 2,123 ล้านบาทต่อเดือน

มติของที่ประชุม

     มอบหมายให้ฝ่ายเลขานุการฯ จัดทำข้อเสนอแนวทางบรรเทาผลกระทบของราคาน้ำมันดิบต่อราคา ขายปลีกน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว และนำเสนอต่อคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงานในการประชุมครั้งต่อไป

เรื่องที่ 2 รายงานสถานการณ์ก๊าซ LPG ในรอบเดือนกันยายน - ตุลาคม 2561

สรุปสาระสำคัญ

        1. จากแนวโน้มสถานการณ์ราคาก๊าซ LPG Cargo และค่าใช้จ่ายนำเข้า (X) ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นส่งผลให้ราคานำเข้าก๊าซ LPG ที่ใช้คำนวณราคา ณ โรงกลั่น ช่วงวันที่ 25 กันยายน – 8 ตุลาคม 2561 ปรับตัวเพิ่มขึ้น 21.8774 เหรียญสหรัฐฯต่อตัน ส่งผลให้ราคา ณ โรงกลั่นที่อ้างอิงราคานำเข้า ซึ่งเป็นราคาซื้อตั้งต้นของก๊าซ LPG (Import Parity) ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.6663 บาทต่อกิโลกรัม จากเดิม 21.7078 บาทต่อกิโลกรัม (660.0887 เหรียญสหรัฐฯ ต่อตัน) เป็น 22.3741 บาทต่อกิโลกรัม (681.9661 เหรียญสหรัฐฯ ต่อตัน) ทั้งนี้ จากสถานการณ์ราคาก๊าซ LPG ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น กองทุนน้ำมันฯ ได้มีการปรับเพิ่มการชดเชยจาก 6.9153 บาทต่อกิโลกรัม เป็นชดเชย 7.5816 บาทต่อกิโลกรัม ส่งผลให้ราคาขายปลีกก๊าซ LPG (ก๊าซหุงต้ม) ขนาดถัง 15 กิโลกรัม อยู่ที่ 363 บาท โดยกองทุนน้ำมันฯ มีรายจ่ายที่ 36.38 ล้านบาทต่อวัน

        2. ฐานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ณ วันที่ 30 กันยายน 2561 มีฐานะสุทธิ 25,142 ล้านบาท แยกเป็นบัญชีน้ำมัน 29,213 ล้านบาท บัญชีก๊าซ LPG ติดลบ 4,071 ล้านบาท ทั้งนี้ ในส่วนการผลิตและจัดหา (กองทุนน้ำมันฯ#1) มีรายรับ 48.36 ล้านบาทต่อวัน และในส่วนการจำหน่ายภาคเชื้อเพลิง (กองทุนน้ำมันฯ #2) มีรายจ่าย 84.74 ล้านบาทต่อวัน ส่งผลให้กองทุนน้ำมันฯ มีรายจ่าย 36.38 ล้านบาทต่อวัน

        3. ราคาขายปลีกก๊าซ LPG ที่ผู้ค้ามาตรา 7 แจ้งต่อ สนพ. โดยบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ได้เปลี่ยนแปลงราคาจำหน่ายปลีกก๊าซปิโตรเลียมเหลวบรรจุถัง (ก๊าซหุงต้ม) ขนาด 15 กิโลกรัม ดังนี้ (1) เมื่อวันที่ 4 - 10 พฤษภาคม 2561 ราคาขายปลีกก๊าซ LPG อยู่ที่ 353 บาทต่อถัง 15 กิโลกรัม ปรับเพิ่มขึ้น 3 บาทต่อถัง ในขณะที่ราคาก๊าซ LPG Cargo อยู่ที่ 490.85 เหรียญสหรัฐฯ ต่อตัน (2) เมื่อวันที่ 11 – 15 พฤษภาคม 2561 ราคาขายปลีกก๊าซ LPG อยู่ที่ 364 บาทต่อถัง 15 กิโลกรัม ปรับเพิ่มขึ้น 11 บาทต่อถัง ในขณะที่ราคาก๊าซ LPG Cargo อยู่ที่ 507.88 เหรียญสหรัฐฯ ต่อตัน (3) เมื่อวันที่ 16 - 21 พฤษภาคม 2561 ราคาขายปลีกก๊าซ LPG อยู่ที่ 372 บาทต่อถัง 15 กิโลกรัม ปรับเพิ่มขึ้น 8 บาทต่อถัง ในขณะที่ราคาก๊าซ LPG Cargo อยู่ที่ 519.40 เหรียญสหรัฐฯ ต่อตัน (4) เมื่อวันที่ 22 - 24 พฤษภาคม 2561 ราคาขายปลีกก๊าซ LPG อยู่ที่ 395 บาทต่อถัง 15 กิโลกรัม ปรับเพิ่มขึ้น 23 บาทต่อถัง ในขณะที่ราคาก๊าซ LPG Cargo อยู่ที่ 563.60 เหรียญสหรัฐฯ ต่อตัน (5) เมื่อวันที่ 25 -27 พฤษภาคม 2561 ราคาขายปลีกก๊าซ LPG อยู่ที่ 365 บาทต่อถัง 15 กิโลกรัม ปรับลดลง 30 บาทต่อถัง ในขณะที่ราคาก๊าซ LPG Cargo อยู่ที่ 563.60 เหรียญสหรัฐฯ ต่อตัน และ (6) ตั้งแต่วันที่ 28 พฤษภาคม - 8 ตุลาคม 2561 ราคาขายปลีกก๊าซ LPG คงระดับอยู่ที่ 363 บาทต่อถัง 15 กิโลกรัม ปรับลดลง 2 บาทต่อถัง ในขณะที่ราคาก๊าซ LPG Cargo ณ วันที่ 28 พฤษภาคม 2561 อยู่ที่ 559.00 เหรียญสหรัฐฯ ต่อตัน และ ณ วันที่ 8 ตุลาคม 2561 อยู่ที่ 645.15 เหรียญสหรัฐฯ ต่อตัน

มติของที่ประชุม

     ที่ประชุมรับทราบ


Read 3721 times Last modified on Tuesday, 27 November 2018 15:04
Tweet
back to top
สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.)
กระทรวงพลังงาน
121/1-2 ถนนเพชรบุรี แขวงทุ่งพญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพฯ 10400
โทร 0 2612 1555, โทรสาร 0 2612 1364
จากต่างประเทศ โทร +66 2612 1555, โทรสาร +66 2612 1364
Official Website : www.eppo.go.th

การปฎิเสธความรับผิดชอบ | นโยบายเว็บไซต์ | นโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล | นโยบายการรักษาความมั่นคงปลอดภัยเว็บไซต์