• Thailand (TH) language switcher
  • English (UK) language switcher

White Style normal-style white-yellow

decrease-font normal-font increase-font

Calendar  Youtube Youtube Facebook    
  • HOME
  • About Us
    • Company Profile
    • Vision / Mission / Value / Duty
    • Organization Structure
    • Contact US
    • Sitemap
  • Policy and Plan
    • Government Policy Statement
    • Thai Integrated Energy Blueprint TIEB
      • Thailand Power Development Plan
      • Thailand Energy Efficiency Development Plan
      • Alternative Energy Development Plan
      • Oil Plan
  • Related Laws
    • Acts / Royal ordinance
  • Energy Information Services
    • Energy Situation
      • Energy Situation in year 2015 and trend in year 2016
      • The energy situation in the first tenth months of 2015 and outlook for 2015
      • The energy situation in the first nine months of 2015 and outlook for 2015
      • The energy situation in the first eight months of 2015 and outlook for 2015
    • Xayaburi Hydroelectric Power Project
    • Thailand – Myanmar’s Energy Cooperation Projects
    • Electricity Trade between Thailand and Malaysia.
    • Power Purchased from Laos PDR.
    • Economic and Power Trading in the Greater Mekong Sub-region
    • Thailand energy report 2015
  • Energy Statistics
    • Summary Statistic
    • Petroleum Statistic
    • NGV Statistic
    • Coal and Lignite Statistic
    • Electricity Statistic
    • Energy Economy Statistic
    • Value Energy Statistic
    • Petroleum Price Statistic
    • CO2 Statistic
    • Indicators Statistic
Thursday, 07 July 2016 09:51

encon fund

มติคณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน
ครั้งที่ 2/2542 (ครั้งที่ 17)
วันศุกร์ที่ 9 กรกฎาคม 2542 เวลา 10.00 น.
ณ ห้องประชุม 301 ตึกบัญชาการ ทำเนียบรัฐบาล


1. รายงานการใช้จ่ายเงินกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน

2. หนังสือเวียนขอความเห็นชอบจากคณะกรรมการกองทุนฯ

3. รายงานความก้าวหน้าของการดำเนินงานของโครงการภายใต้แผนงานอนุรักษ์พลังงาน

4. การแต่งตั้งคณะอนุกรรมการประเมินผลแผนงานอนุรักษ์พลังงาน

5. โครงการศึกษาการกำหนดมาตรฐานประสิทธิภาพการใช้พลังงานขั้นต่ำ

6. ขอความเห็นชอบให้อธิบดีกรมพัฒนาและส่งเสริมพลังงาน มีอำนาจอนุมัติเงินกองทุนฯ เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในส่วนของการตรวจวิเคราะห์การใช้พลังงาน ค่าควบคุมงาน ค่าติดตามประเมินผล และค่าใช้จ่ายในการบริหารโครงการ

7. ขออนุมัติเงินกองทุนฯ เพื่อสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการจัดทำเป้าหมาย และแผนอนุรักษ์พลังงานให้กับกองทัพอากาศ

8. โครงการระบบสูบน้ำด้วยเซลล์แสงอาทิตย์สำหรับน้ำใช้ในหมู่บ้านขององค์การบริหารส่วนตำบล

9. โครงการจัดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าด้วยเซลล์แสงอาทิตย์สำหรับโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนที่ไม่มีระบบจำหน่ายไฟฟ้าเข้าถึง และฐานปฏิบัติการกองร้อยตำรวจตระเวนชายแดนที่ 336 และ 337


รองนายกรัฐมนตรี (นายศุภชัย พานิชภักดิ์) ประธานกรรมการ
เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์) กรรมการและเลขานุการ


เรื่องที่ 1 รายงานการใช้จ่ายเงินกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน

เลขานุการฯ ได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบเกี่ยวกับกรมบัญชีกลางได้ส่งงบการเงินกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานประจำปี สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2541 ให้สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ตรวจสอบแล้วพร้อมทั้งรายงานการรับจ่ายเงินกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ณ วันที่ 31 พฤษภาคม 2542 ซึ่งมีเงินคงเหลือในบัญชีธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) จำนวน 14,682,267,561.57 บาท และรายงานเกี่ยวกับการเบิกจ่ายเงินกองทุนฯ ของ สพช. บก. และ พพ. ตามแผนงานภาคบังคับ แผนงานภาคความร่วมมือ และแผนงานสนับสนุน สิ้นสุดวันที่ 31 พฤษภาคม 2542 ซึ่งได้เบิกเงินเพื่อดำเนินงานตามแผนงานไปแล้วเป็นเงินทั้งสิ้น 2,720,841,085.06 บาท

ผู้แทนจากกรมบัญชีกลาง (บก.) ได้แจ้งต่อที่ประชุมว่า สำหรับงบดุลของเงินกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานนั้น ยังมีบัญชีเงินรับรอการตรวจสอบค้างอยู่ในงบดุล ซึ่งบัญชีดังกล่าวเป็นเงินที่กรมสรรพสามิตและกรมศุลกากรได้จัดเก็บจากผู้ค้าน้ำมัน และนำฝากเข้าบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ของกองทุนแล้ว แต่ไม่มีเอกสารการนำเงินเข้าบัญชีส่งให้ บก. เพื่อประกอบการบันทึกบัญชี โดยมียอดเงินรับรอการตรวจสอบค้างมาตั้งแต่ปี 2536 ซึ่ง บก. ได้ประสานกับทั้ง 2 หน่วยงานให้ดำเนินการส่งเอกสารการจัดเก็บเงินจากผู้ค้าน้ำมันให้ บก. แต่ทั้ง 2 หน่วยงาน ไม่สามารถจัดส่งให้ได้ บก. จึงไม่สามารถบันทึกบัญชีรายรับรอการตรวจสอบเป็นรายได้ของกองทุน เมื่อ สตง. ได้ตรวจสอบบัญชีของกองทุนแล้วมีข้อสังเกตว่าบัญชีเงินรับรอการตรวจสอบค้างอยู่เป็นจำนวนมากควรดำเนินการหาข้อยุติ บก. จึงขออนุมัติตัดยอดจากบัญชีเงินรับรอการตรวจสอบที่กรมสรรพสามิตและกรมศุลกากรจัดเก็บจากผู้ค้าน้ำมันแล้วไม่สามารถส่งเอกสารประกอบการบันทึกบัญชีให้ บก. ได้ ภายในระยะเวลา 3 ปี เป็นรายได้ของกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานต่อไป

มติที่ประชุม

1. รับทราบงบการเงินกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานประจำปี สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2541 และรายงานการรับ-จ่ายเงินกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ณ วันที่ 31 พฤษภาคม 2542

2. อนุมัติให้ บก. ตัดยอดจากบัญชีเงินรับรอการตรวจสอบที่กรมสรรพสามิตและกรมศุลกากรจัดเก็บจากผู้ค้าน้ำมัน แล้วไม่สามารถส่งเอกสารประกอบการบันทึกบัญชีให้ บก. ได้ หลังจากระยะเวลา 3 ปี เป็นรายได้ของกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานได้


เรื่องที่ 2 หนังสือเวียนขอความเห็นชอบจากคณะกรรมการกองทุนฯ

เลขานุการฯ ได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบว่ากรมพัฒนาและส่งเสริมพลังงาน (พพ.) ได้มีหนังสือ ด่วนที่สุด ที่ วว 0406/6188 ลงวันที่ 12 พฤษภาคม 2542 แจ้งให้ฝ่ายเลขานุการฯ ทราบว่า คณะอนุกรรมการกำกับดูแลแผนงานภาคบังคับ ในการประชุมครั้งที่ 3/2542 (ครั้งที่ 3) ได้พิจารณาแก้ไขปัญหาในเรื่องค่าใช้จ่ายในการตรวจวิเคราะห์การใช้พลังงานเบื้องต้นของอาคารควบคุมที่กำลังใช้งาน ที่ พพ. ได้ดำเนินการระหว่างปีงบประมาณ 2540-2541 จำนวนทั้งสิ้น 347 ราย แต่ไม่สามารถทำหนังสือยืนยันจากเจ้าของอาคารควบคุมได้ทันในปีงบประมาณ 2541 จึงส่งผลทำให้ไม่เกิดข้อผูกพันที่ พพ. จะนำมาเบิกจ่ายเงินในปีงบประมาณถัดไปได้ โดยคณะอนุกรรมการฯ ได้มีมติให้ฝ่ายเลขานุการฯ ทำหนังสือเวียนขอความเห็นชอบจากคณะกรรมการกองทุนฯ ซึ่งฝ่ายเลขานุการฯ ได้มีหนังสือที่ นร 0905/ว 1321 ลงวันที่ 27 พฤษภาคม 2542 เวียนขอความเห็นชอบจากคณะกรรมการกองทุนฯ และคณะกรรมการกองทุนพิจารณาแล้วมีมติ ดังนี้

1. ให้ผู้ขอรับการสนับสนุนที่เป็นเอกชนใช้หนังสือยืนยันตามแบบที่ พพ. กำหนด แทนการจัดทำสัญญาตามระเบียบคณะกรรมการกองทุนฯ ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการขอจัดสรรเงินช่วยเหลือหรือขอเงินอุดหนุนจากกองทุนฯ ฉบับที่ 1 พ.ศ. 2537 ข้อ 16 สำหรับการขอรับการสนับสนุน เฉพาะในส่วนที่ได้ดำเนินการมาแล้ว และในการดำเนินการครั้งต่อไป

2. เห็นชอบกับการจ่ายเงินค่าตรวจวิเคราะห์การใช้พลังงานเบื้องต้น สำหรับอาคารควบคุมจำนวน 118 ราย ในวงเงิน 21,031,626 บาท (ยี่สิบเอ็ดล้านสามหมื่นหนึ่งพันหกร้อยยี่สิบหกบาทถ้วน) ซึ่ง พพ. ได้จ่ายเงินไปแล้วโดยใช้เงินตามปีงบประมาณซึ่งได้รับอนุมัติค่าใช้จ่ายจากคณะกรรมการกองทุนฯ แล้ว

3. ให้ พพ. จ่ายเงินสนับสนุนการวิตรวจเคราะห์การใช้พลังงานเบื้องต้น สำหรับอาคารควบคุมที่ยังค้างจ่าย จำนวน 229 ราย ในวงเงินประมาณ 80,691,306 บาท (แปดสิบล้านหกแสนเก้าหมื่นหนึ่งพันสามร้อยหกบาทถ้วน) โดยเบิกจ่ายเงินจากวงเงินของปีงบประมาณ 2542 ซึ่งได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการกองทุนฯ แล้ว ทั้งนี้โดยใช้เอกสารหลักฐานการขอรับการสนับสนุนเดิมเป็นหลักฐานในการเบิกจ่าย และให้ พพ. นำเงิน ซึ่งเบิกจากกรมบัญชีกลางในปีงบประมาณ 2540-2541 (จำนวน 229 ราย) มาแล้วส่งคืนกองทุนฯ ต่อไป

4. ในกรณีที่มีการตรวจสอบแล้วพบในภายหลังว่ามีเจ้าของอาคารควบคุมบางรายทำหนังสือยืนยันขอรับการสนับสนุนการตรวจสอบและวิเคราะห์การใช้พลังงานเบื้องต้นกับ พพ. ไม่ทันในปีที่ได้รับอนุมัติไปแล้วในปีงบประมาณ 2540 - 2541 ให้ พพ. เบิกจ่ายเงินกองทุนฯ ให้แก่เจ้าของอาคารควบคุมจากวงเงินของปีงบประมาณ 2542 ที่คณะกรรมการกองทุนฯ อนุมัติไว้แล้วโดยใช้เอกสารหลักฐานการขอรับการสนับสนุนเดิมเป็นหลักฐานในการเบิกจ่าย

มติที่ประชุม

ที่ประชุมรับทราบ


เรื่องที่ 3 รายงานความก้าวหน้าของการดำเนินงานของโครงการภายใต้แผนงานอนุรักษ์พลังงาน

เลขานุการฯ ได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบถึงผลการดำเนินงานของคณะอนุกรรมการกำกับดูแลแผนงานภาคบังคับ คณะอนุกรรมการกำกับดูแลแผนงานภาคความร่วมมือ และคณะอนุกรรมการกำกับดูแลแผนงานสนับสนุน ซึ่งสรุปได้ดังนี้

1. แผนงานภาคบังคับ

1.1 โครงการโรงงานควบคุมและอาคารควบคุมที่กำลังใช้งาน

1) โครงการอาคารควบคุม

กิจกรรม แผนการดำเนินงาน ผลการดำเนินงาน
ปี 2540-2543 ปี 2540-2542
แห่ง ล้านบาท แห่ง ล้านบาท
การตรวจสอบฯ เบื้องต้น 1,225 409.65 925 294.08
การจัดทำเป้าหมายและแผนฯ 1,234 977.9 76 24.67
การสนับสนุนการลงทุนฯ 864 5,004 - -
รวม 6,391.55 318.75

เมื่อดำเนินการตามแผนงาน/โครงการครบถ้วน พพ. คาดว่าจะประหยัดพลังงานไฟฟ้าได้ประมาณ 1,881 ล้านหน่วยต่อปี คิดเป็นเงินที่ประหยัดได้ 4,702 ล้านบาทต่อปี และจะสามารถลดความต้องการพลังไฟฟ้าลงได้ประมาณ 650 เมกะวัตต์ ซึ่งจะช่วยชะลอการลงทุนก่อสร้างโรงไฟฟ้าได้ประมาณ 39,000 ล้านบาท

2) โครงการโรงงานควบคุมที่กำลังใช้งาน

กิจกรรม แผนการดำเนินงาน ผลการดำเนินงาน
ปี 2541-2546 ปี 2541-2542
แห่ง ล้านบาท แห่ง ล้านบาท
การตรวจสอบฯ เบื้องต้น 3,626 362.6 311 31.1
การจัดทำเป้าหมายและแผนฯ 3,176 1,588 - -
การสนับสนุนการลงทุนฯ 1,791 8,955 - -
รวม 10,905.62 31.1

เมื่อดำเนินการตามแผนงาน/โครงการครบถ้วน พพ. คาดว่าจะประหยัดพลังงานไฟฟ้าได้ประมาณ 3,832 ล้านหน่วยต่อปี คิดเป็นเงินที่ประหยัดได้ 7,664 ล้านบาทต่อปี และจะสามารถลดความต้องการพลังไฟฟ้าลงได้ประมาณ 547 เมกะวัตต์ ซึ่งจะช่วยชะลอการลงทุนก่อสร้างโรงไฟฟ้าได้ประมาณ 24,615 ล้านบาท

1.2 โครงการโรงงานและอาคารที่อยู่ระหว่างการออกแบบหรือก่อสร้าง

กิจกรรม แผนการดำเนินงาน ผลการดำเนินงาน
ปี 2542 ปี 2542
แห่ง ล้านบาท แห่ง ล้านบาท
การปรับปรุงแบบก่อสร้างฯ 20 40 - -
การลงทุนตามแบบที่ปรับปรุง 20 140 1 1.3
รวม 180 1.3

เมื่อดำเนินการตามแผนงาน/โครงการครบถ้วน พพ. คาดว่าจะประหยัดพลังงานไฟฟ้าได้ประมาณ 14 ล้านหน่วยต่อปี คิดเป็นเงินที่ประหยัดได้ 35 ล้านบาทต่อปี

1.3 โครงการอาคารของรัฐ

ระยะที่ 1

กิจกรรม แผนการดำเนินงาน ผลการดำเนินงาน
ปี 2538-2541 ปี 2538-2541
แห่ง ล้านบาท แห่ง ล้านบาท
ตรวจวิเคราะห์การใช้พลังงาน 415 29.05 415 51.64
การดำเนินการปรับปรุง 415 1,245 415 1,110.87
อาคารที่อยู่ระหว่างการออกแบบก่อสร้าง 40 212 - -
ค่าใช้จ่ายการบริหารโครงการ - 91.08 415 16.51
การติดตามประเมินผล 415 6.225 415 1.05
การควบคุมงานติดตั้งอุปกรณ์อนุรักษ์พลังงาน 415 18.647 415 34.88
รวม 1,602 1,214.95

เมื่อดำเนินการตามแผนงาน/โครงการครบถ้วน พพ. คาดว่าจะประหยัดพลังงานไฟฟ้าได้ประมาณ 159 ล้านหน่วยต่อปี คิดเป็นเงินที่ประหยัดได้ 273.5 ล้านบาทต่อปี และจะสามารถลดความต้องการพลังไฟฟ้าลงได้ประมาณ 60 เมกะวัตต์ ซึ่งจะช่วยชะลอการลงทุนก่อสร้างโรงไฟฟ้าได้ประมาณ 1,800 ล้านบาท

ระยะที่ 2

กิจกรรม แผนการดำเนินงาน ผลการดำเนินงาน
ปี 2542-2545 ปี 2542
แห่ง ล้านบาท แห่ง ล้านบาท
ตรวจวิเคราะห์การใช้พลังงาน 800 83.6 200 19.665
การดำเนินการปรับปรุง 800 2,416 - -
อาคารที่อยู่ระหว่างการออกแบบก่อสร้าง 10 275 - -
ค่าใช้จ่ายการบริหารโครงการ - 115.4 200 14.113
การติดตามประเมินผล 800 6.4 - -
การควบคุมงานติดตั้งอุปกรณ์อนุรักษ์พลังงาน - 39.6 - -
รวม 2,936 33.778

เมื่อดำเนินการตามแผนงาน/โครงการครบถ้วน พพ. คาดว่าจะประหยัดพลังงานไฟฟ้าได้ประมาณ 138 ล้านหน่วยต่อปี คิดเป็นเงินที่ประหยัดได้ 346 ล้านบาทต่อปี และจะลดความต้องการพลังไฟฟ้าลงได้ประมาณ 52 เมกะวัตต์ ซึ่งจะช่วยชะลอการลงทุนก่อสร้างโรงไฟฟ้าได้ประมาณ 2,340 ล้านบาท

2. แผนงานภาคความร่วมมือ

มีโครงการได้รับการสนับสนุนจากเงินกองทุนฯ แล้ว 73 โครงการ รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 1,413 ล้านบาท ประกอบด้วย

โครงการ แผนการดำเนินงาน ผลการดำเนินงาน
ระหว่างปี 2538-2542 ระหว่างปี 2538-2542
ล้านบาท โครงการ ล้านบาท
2.1 โครงการพลังงานหมุนเวียนและกิจกรรมการผลิตในชนบท 1,311 8 526
2.2 โครงการส่งเสริมธุรกิจด้านการอนุรักษ์พลังงาน 860 11 389
2.3 โครงการศึกษา วิจัย และพัฒนา 610 54 498
รวม 2,781 73 1,413

โครงการพลังงานหมุนเวียนฯ และโครงการส่งเสริมธุรกิจฯ ที่ได้รับจัดสรรเงินให้ดำเนินการ รวม 19 โครงการ เป็นเงินทั้งสิ้น 915 ล้านบาท นั้น เมื่อโครงการดำเนินงานไปจนครบอายุการใช้งานของอุปกรณ์ หรือเทคโนโลยีแล้ว ในการใช้งานตั้งแต่ 5 ปี 15 ปี และ 25 ปี ประมาณความสามารถในการประหยัดพลังงานได้ 2,319 ล้านบาท นอกจากนั้นยังมีประโยชน์ในด้านอื่นๆ เช่น ลดการก่อมลพิษให้กับสิ่งแวดล้อม สามารถนำผลพลอยได้ไปทำเป็นปุ๋ยอินทรีย์ ก่อให้เกิดการจ้างงาน และได้รับความร่วมมือจากทั้งภาครัฐและเอกชน ในการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพเริ่มตั้งแต่กระบวนการผลิตจนถึงการนำไปใช้

ปัจจุบัน มีโครงการที่ยื่นขอรับการสนับสนุนไว้กับ สพช. และอยู่ระหว่างการพิจารณาให้การสนับสนุนอีก จำนวน 15 โครงการ คิดเป็นจำนวนเงินประมาณ 8,026 ล้านบาท

โครงการที่ได้ดำเนินการจนเห็นผลแล้วและประสบผลสำเร็จเป็นอย่างดี มีผู้ประกอบการที่ประสงค์จะขอเข้าร่วมโครงการอีกหลายราย คณะกรรมการกองทุนฯ จึงได้อนุมัติให้ขยายโครงการฯ เป็นระยะที่ 2 แล้ว 3 โครงการ คือ

โครงการส่งเสริมแก๊สชีวภาพเพื่อเป็นพลังงานทดแทนและปรับปรุงสิ่งแวดล้อม ส่วนที่ 1: ฟาร์มเลี้ยงสัตว์ขนาดกลางและใหญ่

โครงการส่งเสริมก๊าซชีวภาพจากมูลสัตว์เพื่อเป็นพลังงานทดแทนและปรับปรุงสิ่งแวดล้อม ส่วนที่ 2 : เกษตรกรย่อย (คณะกรรมการกองทุนฯ ได้อนุมัติให้การสนับสนุนโครงการฯ ระยะที่ 2 แล้ว)

โครงการประหยัดพลังงานในการบ่มใบยาสูบ

สำหรับปี 2542 การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ได้มีหนังสือขอยกเลิกโครงการจัดการด้านการใช้พลังงานไฟฟ้า (Load Management) ระบบปรับอากาศแบบกักเก็บความเย็น ที่คณะกรรมการกองทุนฯ ได้อนุมัติไว้แล้ว ทั้งนี้เนื่องจาก กทม. ไม่สามารถจัดสรรงบประมาณมาสมทบการก่อสร้างอาคารดังกล่าว

3. คณะอนุกรรมการกำกับดูแลแผนงานสนับสนุน

3.1 โครงการพัฒนาบุคลากร

มีโครงการได้รับการสนับสนุนจากเงินกองทุนฯ แล้ว 6 โครงการ เป็นเงินทั้งสิ้น 329.6 ล้านบาท

หน่วย:ล้านบาท

โครงการ แผนดำเนินงาน
ปี 2538-2541
ผลการดำเนินงาน
ปี 2538-2541
1) การพัฒนาหลักสูตรและคู่มือการฝึกอบรม 442.60 213.38
2) การฝึกอบรมบุคลากรระยะสั้นในประเทศ 233.30 40.50
3) การส่งบุคลากรเข้ารับการฝึกอบรมและดูงานระยะสั้นในต่างประเทศ 50.00 15.92
4) การส่งบุคลากรเข้ารับการศึกษาระดับอุดมศึกษาทั้งในและต่างประเทศ 142.15 51.65
5) การให้ทุนวิจัยและพัฒนาแก่นักศึกษาระดับอุดมศึกษา 9.00 5.73
6) อื่นๆ 54.35 2.42
รวม 931.40 329.60

3.2 โครงการประชาสัมพันธ์เพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน

มีโครงการได้รับการสนับสนุนจากเงินกองทุนฯ แล้ว รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 655.56 ล้านบาท ดังนี้

โครงการประชาสัมพันธ์ แผนที่ได้รับการอนุมัติระหว่างปี 2538-2542 ผลการดำเนินงานระหว่างปี 2538-2542
โครงการ ล้านบาท
สำหรับประชาชนทั่วไป (โดย สพช.) 661.5 116 591.4
สำหรับโรงงานควบคุม อาคารควบคุม อาคารของรัฐ และผู้ที่เกี่ยวข้อง (โดย พพ.) 387.9 49 193.2
รวม 1,049.4 165 784.6

สำหรับปี 2542 พพ. ยังไม่มีการดำเนินกิจกรรมประชาสัมพันธ์ เนื่องจากอยู่ระหว่างการประเมินผลงานประชาสัมพันธ์ที่ผ่านมาว่าได้รับประสิทธิผลเพียงไรก่อนที่จะจัดทำแผนประชาสัมพันธ์ในระยะต่อไป และจากการประเมินผลการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทั่วไปได้ตระหนักถึงการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ ในส่วนที่ สพช. รับผิดชอบ ปรากฏว่ามีผู้รับทราบข่าวสารจากโครงการฯ ถึง 78% มีการนำความรู้ความเข้าใจที่ได้รับไปปฏิบัติในชีวิตประจำวัน และสามารถลดภาระค่าใช้จ่ายด้านพลังงานลงได้

มติที่ประชุม

ที่ประชุมรับทราบ


เรื่องที่ 4 การแต่งตั้งคณะอนุกรรมการประเมินผลแผนงานอนุรักษ์พลังงาน

เลขานุการฯ ได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบถึงคำสั่งคณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ที่ 1/2542 เรื่อง แต่งตั้งคณะอนุกรรมการประเมินผลแผนงานอนุรักษ์พลังงาน กำหนดให้ ศ.ดร.สิปปนนท์ เกตุทัต เป็นประธานอนุกรรมการฯ และผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติเป็นเลขานุการฯ ซึ่งเลขานุการฯ ได้แจ้งให้อนุกรรมการฯ ทราบถึงคำสั่งดังกล่าวแล้ว

มติที่ประชุม

ที่ประชุมรับทราบ


เรื่องที่ 5 โครงการศึกษาการกำหนดมาตรฐานประสิทธิภาพการใช้พลังงานขั้นต่ำ

เลขานุการฯ ได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบว่าการกำหนดมาตรฐานขั้นต่ำของประสิทธิภาพการใช้พลังงานสำหรับเครื่องใช้ไฟฟ้า เป็นมาตรการหนึ่งในแผนงานอนุรักษ์พลังงานที่จะจูงใจให้ประชาชนทั่วไปใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าประสิทธิภาพสูง โดยกำหนดเป็นมาตรฐานบังคับภายใต้กฎหมายของสำนักงานมาตรฐานอุตสาหกรรม (สมอ.) หรือกำหนดเป็นมาตรฐานเครื่องจักร อุปกรณ์และวัสดุ ภายใต้ พรบ. การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535 ซึ่งเป็นมาตรฐานไม่บังคับ และ/หรืออาจพิจารณาใช้กฎหมายของสำนักงานคุ้มครองผู้บริโภคบังคับให้มีการติดฉลากแสดงประสิทธิภาพ

สำนักงานคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (สพช.) ได้จ้าง ERM-Siam Co.,ltd ให้ทำการศึกษาเพื่อเสนอแนะนโยบายกำหนดมาตรฐานประสิทธิภาพการใช้พลังงานและการติดฉลากอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า 6 ประเภท คือ ตู้เย็น เครื่องปรับอากาศ มอเตอร์ บาลาสต์สำหรับหลอดฟลูออเรสเซนต์ หลอดฟลูออเรสเซนต์ หลอดคอมแพ็คฟลูออเรสเซนต์ โดย ERM-Siam ได้เสนอผลการศึกษาในเบื้องต้นต่อ สพช. แล้ว ซึ่งขณะนี้ สพช. กำลังปรึกษาหารือกับสภาอุตสาหกรรมเกี่ยวกับวิธีการและขั้นตอนในการกำหนดมาตรฐานประสิทธิภาพพลังงานขั้นต่ำ พร้อมทั้งสำรวจความพร้อมและความร่วมมือของกลุ่มผู้ผลิตและผู้จำหน่ายอุปกรณ์มาตรฐานต่างๆ ทั้ง 6 ประเภทดังกล่าวด้วย โดยคาดว่าการศึกษาจะเสร็จสมบูรณ์ประมาณเดือนสิงหาคม 2542

มติที่ประชุม

ที่ประชุมรับทราบ


เรื่องที่ 6 ขอความเห็นชอบให้อธิบดีกรมพัฒนาและส่งเสริมพลังงาน มีอำนาจอนุมัติเงินกองทุนฯ เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในส่วนของการตรวจวิเคราะห์การใช้พลังงาน ค่าควบคุมงาน ค่าติดตามประเมินผล และค่าใช้จ่ายในการบริหารโครงการ

เลขานุการฯ ได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบว่าตามที่คณะกรรมการกองทุนฯ ในการประชุมครั้งที่ 3/2541 (ครั้งที่ 15) เมื่อวันพุธที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2541 ได้มีมติเห็นชอบให้ปรับปรุงองค์ประกอบและอำนาจหน้าที่ของคณะอนุกรรมการกำกับดูแลแผนงานภาคบังคับ และคณะอนุกรรมการกำกับดูแลโครงการอาคารของรัฐ ยุบรวมเป็นคณะอนุกรรมการกำกับดูแลแผนงานภาคบังคับ โดยมีรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม (นายพรเทพ เตชะไพบูลย์) เป็นประธานอนุกรรมการฯ ซึ่งเป็นผลให้องค์ประกอบและอำนาจหน้าที่ของคณะอนุกรรมการกำกับดูแลโครงการอาคารของรัฐ เป็นอันสิ้นสุดมีผลให้อธิบดีกรมพัฒนาและส่งเสริมพลังงาน ไม่สามารถพิจาณาอนุมัติการใช้เงินจากกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายเฉพาะในส่วนของการตรวจวิเคราะห์การใช้พลังงาน อาคารควบคุมงาน ค่าติดตามประเมินผล และค่าใช้จ่ายในการบริหารโครงการครั้งละไม่เกิน 5 ล้านบาท โดยไม่ต้องนำเสนอคณะอนุกรรมการฯ พิจารณาได้

เพื่อเป็นการแบ่งเบาภาระหน้าที่ความรับผิดชอบของประธานอนุกรรมการฯ และให้การปฏิบัติงานโครงการอาคารของรัฐเป็นไปอย่างต่อเนื่อง คณะอนุกรรมการฯ ในการประชุมครั้งที่ 1/2542 (ครั้งที่ 1)เมื่อวันจันทร์ที่ 15 กุมภาพันธ์ 2542 ได้มีมติเห็นชอบให้ พพ. นำเสนอคณะกรรมการกองทุนฯ เพื่อพิจารณาอนุมัติให้อธิบดีกรมพัฒนาและส่งเสริมพลังงาน มีอำนาจพิจารณาอนุมัติการใช้เงินกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานในโครงการอาคารของรัฐ เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการบริหารโครงการ ในวงเงินโครงการละไม่เกิน 5 ล้านบาท โดยไม่ต้องนำเสนอคณะอนุกรรมการฯ พิจารณา และเมื่ออนุมัติแล้วให้รายงานให้คณะอนุกรรมการฯ ทราบเป็นคราวๆ ไป และให้ฝ่ายเลขานุการฯ เสนอคณะกรรมการกองทุนฯ เพื่อพิจารณา

มติที่ประชุม

อนุมัติให้อธิบดีกรมพัฒนาและส่งเสริมพลังงาน มีอำนาจพิจารณาอนุมัติการใช้เงินกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานในโครงการอาคารของรัฐ เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายเฉพาะในส่วนของการตรวจวิเคราะห์การใช้พลังงาน ค่าควบคุม ค่าติดตามประเมินผล และค่าใช้จ่ายในการบริหารโครงการในวงเงินโครงการละไม่เกิน 5 ล้านบาท โดยไม่ต้องนำเสนอคณะอนุกรรมการฯ พิจารณา และเมื่ออนุมัติแล้วให้รายงานให้คณะอนุกรรมการฯ ทราบเป็นคราวๆ ตามมติคณะอนุกรรมการกำกับดูแลแผนงานภาคบังคับ


เรื่องที่ 7 ขออนุมัติเงินกองทุนฯ เพื่อสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการจัดทำเป้าหมาย และแผนอนุรักษ์พลังงานให้กับกองทัพอากาศ

เลขานุการฯ ได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบว่าตามระเบียบคณะกรรมการกองทุนฯ ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการขอจัดสรรฯ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2539 ได้กำหนดหลักเกณฑ์การให้การสนับสนุนแก่อาคารควบคุมที่เป็นส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจในรูปของเงินช่วยเหลือให้เปล่าทั้งหมดสำหรับเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานอนุรักษ์พลังงาน และคณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ในการประชุมครั้งที่ 3/2541 (ครั้งที่ 15) เมื่อวันพุธที่ 14 ตุลาคม 2541 ได้มีมติมอบอำนาจให้คณะอนุกรรมการกำกับดูแลแผนงานภาคบังคับสามารถอนุมัติเงินกองทุนฯ สนับสนุนให้แก่โครงการที่มีวงเงินไม่เกิน 10 ล้านบาท และพิจารณากลั่นกรองโครงการที่มีวงเงินตั้งแต่ 10 ล้านบาท ขึ้นไป เพื่อเสนอคณะกรรมการกองทุนฯ พิจารณาต่อไป

กองทัพอากาศเป็นอาคารควบคุมส่วนราชการ มีอาคารจำนวน 505 อาคาร คิดเป็นพื้นที่ใช้สอย 846,165 ตารางเมตร ได้ยื่นขอรับการสนับสนุนจากกองทุนฯ สำหรับเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดทำเป้าหมาย และแผนอนุรักษ์พลังงาน โดยคณะอนุกรรมการกำกับดูแลแผนงานภาคบังคับ ในการประชุมครั้งที่ 2/2542 (ครั้งที่ 2) เมื่อวันจันทร์ที่ 29 มีนาคม 2542 ได้มีมติเห็นชอบวงเงินสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการจัดทำเป้าหมายและแผนอนุรักษ์พลังงานให้กับกองทัพอากาศ เป็นเงิน 16,544,977 บาท (สิบหกล้านห้าแสนสี่หมื่นสี่พันเก้าร้อยเจ็ดสิบเจ็ดบาทถ้วน) และให้นำเสนอคณะกรรมการกองทุนฯ เพื่อพิจารณาต่อไป

มติที่ประชุม

อนุมัติเงินกองทุนฯ แผนงานภาคบังคับ โครงการโรงงานควบคุมและอาคารควบคุมที่กำลังใช้งาน (ในส่วนของอาคารควบคุม) เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดทำเป้าหมายและแผนอนุรักษ์พลังงานให้กองทัพอากาศ ในวงเงิน 16,544,977 บาท (สิบหกล้านห้าแสนสี่หมื่นสี่พันเก้าร้อยเจ็ดสิบเจ็ดบาทถ้วน)


เรื่องที่ 8 โครงการระบบสูบน้ำด้วยเซลล์แสงอาทิตย์สำหรับน้ำใช้ในหมู่บ้านขององค์การบริหารส่วนตำบล

เลขานุการฯ ได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบว่าศูนย์วิจัยและฝึกอบรมพลังงานแสงอาทิตย์ มหาวิทยาลัยนเรศวร (มน.) ได้เสนอโครงการระบบสูบน้ำด้วยเซลล์แสงอาทิตย์สำหรับน้ำใช้ในหมู่บ้านขององค์การบริหารส่วนตำบล ซึ่งฝ่ายเลขานุการฯ เพื่อขอรับการสนับสนุนจากกองทุนฯ ให้คณะอนุกรรมการกำกับดูแลแผนงานภาคความร่วมมือ ในการประชุมครั้งที่ 6/2542 (ครั้งที่ 31) เมื่อวันพุธที่ 23 มิถุนายน 2542 ซึ่งที่ประชุมได้พิจารณาโครงการฯ นี้แล้วมีมติให้การสนับสนุนโครงการฯ และให้นำเสนอคณะกรรมการกองทุนฯ เพื่อพิจารณาต่อไป

มน. จะดำเนินโครงการติดตั้งระบบสูบน้ำพลังงานแสงอาทิตย์ในชนบท และเพื่อให้ระบบสูบน้ำฯ ในโครงการฯ สามารถใช้งานได้อย่างยั่งยืน มน. จะร่วมมือกับองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ที่มีความประสงค์ที่จะดำเนินโครงการฯ ติดตั้งระบบสูบน้ำพลังงานแสงอาทิตย์ให้แก่ อบต. ที่เข้าร่วมโครงการฯ จำนวน 200 ระบบ โดยจะติดตั้งระบบสูบน้ำฯ โดยมีกิจกรรมที่จะดำเนินการตามเป้าหมายของโครงการดังนี้

มน. จะดำเนินการโดยจัดสัมมนา อบต. ทั่วทุกภาคของประเทศ เพื่อให้ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับระบบสูบน้ำด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ ตลอดจนรายละเอียดของโครงการฯ เงื่อนไข หลักเกณฑ์ในการให้การสนับสนุนจากกองทุนฯ พร้อมทั้งเชิญชวนและรับสมัคร อบต. ที่มีคุณสมบัติครบถ้วนร่วมติดตั้งระบบสูบน้ำฯ ในโครงการฯ จากนั้น มน. จะฝึกอบรมผู้นำชุมชน ประธาน อบต. และช่างเทคนิคในท้องถิ่น ของ อบต. ที่สมัครเข้าร่วมในโครงการฯ ให้มีความเข้าใจพื้นฐานในเรื่องการใช้งานระบบสูบน้ำฯ

หลังจากติดตั้งระบบฯ เรียบร้อยแล้ว มน. จะฝึกอบรมช่างเทคนิคของหมู่บ้านนั้น เพื่อให้มีความรู้ความเข้าใจในระบบสูบน้ำฯ วิธีการติดตั้งและการใช้งานทั้งนี้เพื่อให้สามารถดูแล บำรุงรักษาและซ่อมแซมระบบสูบน้ำฯ ให้สามารถใช้งานได้อย่างยั่งยืน และ มน. จะทำการประเมินผลของการทำงานระบบสูบน้ำฯ และประเมินผลความพอใจผู้ใช้ระบบ ตลอดจนติดตามการบริการหลังการขายของบริษัทเอกชนที่ร่วมในโครงการฯ

สำหรับแนวทางในการคัดเลือกบริษัทเอกชนเพื่อติดตั้งระบบสูบน้ำฯ ของแต่ละชุมชน มน. จะขึ้นทะเบียนบริษัทผู้ประกอบการทางด้านพลังงานที่มีประสบการณ์การบริการที่เกี่ยวกับระบบสูบน้ำด้วยเซลล์แสงอาทิตย์ และให้ อบต. เป็นผู้ตัดสินใจเลือกบริษัทเอกชนดังกล่าวเอง

มติที่ประชุม

1. เห็นชอบให้การสนับสนุนโครงการระบบสูบน้ำด้วยเซลล์แสงอาทิตย์สำหรับใช้ในหมู่บ้านขององค์การบริหารส่วนตำบล ตามที่ มน. ได้เสนอมา โดยให้ มน. ดำเนินโครงการติดตั้งระบบสูบน้ำด้วยเซลล์แสงอาทิตย์ จำนวน 50 ระบบ ก่อน แล้วทำการประเมินผลสำเร็จของโครงการฯ พร้อมทั้งปรับปรุงแผนการดำเนินการและแผนการใช้จ่ายเงินสำหรับ 150 ระบบ ที่เหลือ และให้ฝ่ายเลขานุการฯ เสนอคณะกรรมการกองทุนฯ พิจารณาอนุมัติให้การสนับสนุนด้านการเงินในการดำเนินงานในระยะต่อไป

2. อนุมัติเงินกองทุนฯ แผนงานภาคความร่วมมือ โครงการส่งเสริมธุรกิจด้านการอนุรักษ์พลังงานให้ มน. เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการระบบสูบน้ำด้วยเซลล์แสงอาทิตย์สำหรับน้ำใช้ในหมู่บ้านขององค์การบริหารส่วนตำบล จำนวน 50 ระบบ ในวงเงิน 20,454,400 บาท (ยี่สิบล้านสี่แสนห้าหมื่นสีพันสี่ร้อยบาทถ้วน) ประกอบด้วย

2.1 เงินอุดหนุนให้ มน. ในการบริหารโครงการฯ ในวงเงิน 1,904,400 บาท (หนึ่งล้านเก้าแสนสี่พันสี่ร้อยบาทถ้วน)

2.2 เงินอุดหนุนให้กับผู้ร่วมโครงการ (อบต.) ผ่าน มน. ในวงเงิน 18,550,000 บาท (สิบแปดล้านห้าแสนห้าหมื่นบาทถ้วน)


เรื่องที่ 9 โครงการจัดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าด้วยเซลล์แสงอาทิตย์สำหรับโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนที่ไม่มีระบบจำหน่ายไฟฟ้าเข้าถึง และฐานปฏิบัติการกองร้อยตำรวจตระเวนชายแดนที่ 336 และ 337

เลขานุการฯ ได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบว่ากรมพัฒนาและส่งเสริมพลังงาน (พพ.) ได้ยื่นข้อเสนอโครงการจัดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าด้วยเซลล์แสงอาทิตย์สำหรับโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนที่ไม่มีระบบจำหน่ายไฟฟ้าเข้าถึง และฐานปฏิบัติการกองร้อยตำรวจตระเวนชายแดนที่ 336 และ 337 เพื่อขอรับการสนับสนุนเงินจากกองทุนฯ ซึ่งฝ่ายเลขานุการฯ ได้เสนอให้คณะอนุกรรมการกำกับดูแลแผนงานภาคความร่วมมือ ในการประชุมครั้งที่ 6/2542 (ครั้งที่ 31) เมื่อวันพุธที่ 23 มิถุนายน 2542 ได้พิจารณาโครงการฯ นี้แล้วมีมติเห็นชอบให้การสนับสนุนโครงการฯ และให้นำเสนอคณะกรรมการกองทุนฯ เพื่อพิจารณาต่อไป

เพื่อเป็นการสนองตามพระราชดำริฯ เกี่ยวกับการส่งเสริมคุณภาพการศึกษา พพ. จึงได้ทำการสำรวจโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน ที่ไม่มีระบบจำหน่ายไฟฟ้าเข้าถึง หรือมีปัญหาด้านพลังงานไฟฟ้าที่ใช้อยู่ในปัจจุบันไม่มั่นคง และพบว่ามีอยู่ 38 โรงเรียน ที่ส่วนใหญ่ใช้เครื่องกำเนิดไฟฟ้าเครื่องยนต์ดีเซลหรือแก๊สโซลีนสำหรับไฟฟ้าแสงสว่าง และอุปกรณ์การเรียนการสอนตลอดจนบ้านพักครู ซึ่งการใช้เครื่องยนต์ดังกล่าวก่อให้เกิดเสียงรบกวน และมลภาวะภายในบริเวณโรงเรียน ดังนั้นเพื่อแก้ไขหรือลดปัญหาดังกล่าว พพ. จึงเห็นควรจะติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าด้วยเซลล์แสงอาทิตย์ สำหรับโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนที่ไม่มีระบบจำหน่ายไฟฟ้าเข้าถึง จำนวน 38 โรงเรียน มีรายละเอียดโดยสรุป ดังนี้

ระบบผลิตไฟฟ้าด้วยเซลล์แสงอาทิตย์ จำนวน 38 โรงเรียน ซึ่งแต่ละระบบประกอบด้วยแผงเซลล์แสงอาทิตย์ ขนาด 3,000 วัตต์ เครื่องแปลงกระแสไฟฟ้ากระแสตรงเป็นกระแสสลับพร้อมระบบควบคุมฯ แบตเตอรี่ อาคารควบคุมระบบและชุดหลอดไฟฟ้าแสงสว่างชนิดกระแสสลับ ตลอดจนการปรับปรุงภาระไฟฟ้าเดิมที่มีอยู่ให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้นเพื่อการประหยัดพลังงาน

ระบบผลิตไฟฟ้าด้วยเซลล์แสงอาทิตย์เพื่อแสงสว่างภายในบ้านพักครู จำนวน 111 หลัง ซึ่งแต่ละระบบประกอบด้วย แผงเซลล์แสงอาทิตย์ขนาด 75 วัตต์ อุปกรณ์ควบคุมการประจุแบตเตอรี่และชุดหลอดไฟฟ้าแสงสว่างชนิดกระแสตรง

สำหรับฐานการปฏิบัติการกองร้อยตำรวจตระเวนชายแดนที่ 336 และ 337 เป็นหน่วยปฏิบัติการของกองร้อยตำรวจตระเวนชายแดน โดยแต่ละกองร้อยฯ มีฐานปฏิบัติการอยู่ 5 แห่ง ปฏิบัติภารกิจปกป้องอธิปไตยของชาติตามแนวชายแดนที่มีสภาพภูมิประเทศเป็นป่า เขา และถิ่นทุรกันดาร การคมนาคมยากลำบาก โดยใช้ตะเกียงน้ำมันก๊าดเพื่อให้แสงสว่างในยามค่ำคืน นอกจากนั้นในการปฏิบัติงานมีความจำเป็นต้องใช้วิทยุสื่อสารเพื่อติดต่อประสานงานระหว่างฐานฯ และกองร้อยฯ กับฐานฯ โดยอาศัยแหล่งพลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ โดยยังไม่มีเครื่องกำเนิดไฟฟ้าสำหรับใช้ประจุแบตเตอรี่ เมื่อพลังงานไฟฟ้าที่สะสมอยู่ในแบตเตอรี่หมด ตชด. ต้องนำกลับไปประจุฯ ณ กองร้อยต้นสังกัด ทำให้เกิดความสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงในการขนส่งแบตเตอรี่ และขาดเสถียรภาพในการใช้งาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีเร่งด่วน และจำเป็นที่ต้องขอรับการสนับสนุนด้านกำลังพลจากฐานฯ ข้างเคียงหรือหน่วยเหนือ ขณะมีการสู้รบกับฝ่ายตรงข้าม ทั้งยังเกิดความเสี่ยงจากการถูกโจมตีระหว่างทางและกับระเบิดขณะขนย้ายแบตเตอรี่กลับไปประจุฯ ใหม่อีกด้วย พพ. ได้พิจารณาแล้วเห็นว่า เพื่อความมั่นคงของประเทศ และความมีเสถียรภาพของแหล่งผลิตพลังงานไฟฟ้า ตลอดจนการแก้สภาพของปัญหาที่เกิดขึ้นดังกล่าว จึงเห็นควรดำเนินการจัดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าด้วยเซลล์แสงอาทิตย์สำหรับฐานปฏิบัติการกองร้อยตำรวจตระเวนชายแดนที่ 336 และ 337 จำนวน 10 ฐานฯ แต่ละระบบประกอบด้วยแผงเซลล์แสงอาทิตย์ขนาด 225 วัตต์ อุปกรณ์ควบคุมการประจุแบตเตอรี่ แบตเตอรี่และชุดหลอดไฟฟ้าแสงสว่างชนิดกระแสตรง สำหรับวิทยุสื่อสารเป็นของเดิมที่มีใช้อยู่แล้วในแต่ละฐานฯ

มติที่ประชุม

1. อนุมัติเงินกองทุนฯ แผนงานภาคความร่วมมือ โครงการพลังงานหมุนเวียนและกิจกรรม การผลิตในชนบท ให้ พพ. เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการศึกษาเรื่องการกำหนดโครงการจัดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าด้วยเซลล์แสงอาทิตย์สำหรับโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนที่ไม่มีระบบจำหน่ายไฟฟ้าเข้าถึง และฐานปฏิบัติการกองร้อยตำรวจตระเวนชายแดนที่ 336 และ 337 ในวงเงิน 70,000,000 บาท (เจ็ดสิบล้านบาทถ้วน)

2. ให้ พพ. ปรับแผนการใช้จ่ายเงินของโครงการฯ ให้เป็นไปตามผลการสำรวจออกแบบระบบเซลล์แสงอาทิตย์ที่เหมาะสมกับความต้องการใช้งานจริงของแต่ละแห่ง ก่อนการเบิกจ่ายเงินสนับสนุนจากกองทุนฯ งวดที่ 2

Read 4555 times Last modified on Thursday, 07 July 2016 11:27
Tweet
back to top
สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.)
กระทรวงพลังงาน
121/1-2 ถนนเพชรบุรี แขวงทุ่งพญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพฯ 10400
โทร 0 2612 1555, โทรสาร 0 2612 1364
จากต่างประเทศ โทร +66 2612 1555, โทรสาร +66 2612 1364
Official Website : www.eppo.go.th

การปฎิเสธความรับผิดชอบ | นโยบายเว็บไซต์ | นโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล | นโยบายการรักษาความมั่นคงปลอดภัยเว็บไซต์