มติคณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน
ครั้งที่ 2/2547 (ครั้งที่ 39)
วันอังคารที่ 7 ธันวาคม 2547 เวลา 14.00 น.
ณ ห้อง 603 อาคาร 7 กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน
4. รายงานผลการดำเนินงานตามแผนอนุรักษ์พลังงาน ในช่วงปี 2538-2547
5. สรุปประเมินผลการดำเนินงานตามแผนอนุรักษ์พลังงาน
10. ขอรับการสนับสนุนโครงการปรับปรุงเครื่องปรับอากาศเก่าในอาคารของรัฐเพื่อการอนุรักษ์พลังงาน
รองนายกรัฐมนตรี (นายสมศักดิ์ เทพสุทิน) ประธานกรรมการ
ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (นายเมตตา บันเทิงสุข) กรรมการและเลขานุการ
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน (นายพรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช) ผู้เข้าร่วมประชุม
ฝ่ายเลขานุการฯ ได้รายงานการรับ-จ่ายเงินกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานประจำไตรมาสที่ 4 ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2547 ถึง 30 กันยายน 2547 ว่ามีเงินคงเหลือ ณ วันที่ 30 กันยายน 2547 เป็นจำนวนเงิน 9,856.20 ล้านบาท
มติที่ประชุม
ที่ประชุมรับทราบ
ฝ่ายเลขานุการฯ ได้รายงานงบการเงินกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ที่สำนักงานตรวจเงินแผ่นดินตรวจสอบรับรองเสร็จเรียบร้อยแล้ว มาเพื่อโปรดทราบ รวม 2 ฉบับ คือ รายงานงบการเงินประจำปีสิ้นสุด ณ วันที่ 30 กันยายน 2545 และ 2544 และ รายงานงบการเงินประจำปีสิ้นสุด ณ วันที่ 30 กันยายน 2546 และ 2545
มติที่ประชุม
ที่ประชุมรับทราบ
1. ฝ่ายเลขานุการได้รายงานให้ที่ประชุมรับทราบว่า ตามที่คณะกรรมการกองทุนฯ ในการประชุม ครั้งที่ 1/2547 (ครั้งที่ 38) เมื่อวันที่ 19 เมษายน 2547 ได้มีมติอนุมัติในหลักการให้แก้ไขระเบียบคณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ว่าด้วยการเก็บรักษาเงินและทรัพย์สินและการเบิกจ่ายเงินกองทุน พ.ศ. 2537 ในหมวด 1 เรื่อง การรับเงินกองทุน เพื่อให้กองทุนฯ สามารถนำเงินจำนวนหนึ่งให้ "สถาบันบริหารกองทุนพลังงาน (องค์กรมหาชน)" กู้ในอัตราดอกเบี้ยไม่ต่ำกว่าผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาล ซึ่งจะทำให้กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงสามารถลดภาระค่าใช้จ่ายด้านดอกเบี้ยลงได้ และขณะเดียวกันกองทุนฯ ก็จะได้รับผลตอบแทนจากอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น ทั้งนี้ในการแก้ไขระเบียบดังกล่าว จะต้องขอความเห็นชอบจากกระทรวงการคลังด้วย
2. กรมบัญชีกลาง ได้นำเรื่องดังกล่าวหารือไปยังสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และได้รับแจ้งผลการพิจารณาสรุปได้ว่า กระทรวงการคลังในฐานะผู้เก็บรักษาเงินหรือทรัพย์สินของกองทุนฯ ไม่มีอำนาจนำเงินกองทุนฯ ออกให้ "สถาบันบริหารกองทุนพลังงาน" กู้ยืม เนื่องจากการใช้จ่ายเงินดังกล่าวไม่ได้อยู่ในขอบเขตตามที่กำหนดไว้ในมาตรา 25 แห่งพระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน 2535 ด้วยเหตุผลดังกล่าว กระทรวงการคลังจึงไม่สามารถให้ความเห็นชอบระเบียบดังกล่าวได้
มติที่ประชุม
ที่ประชุมรับทราบ
เรื่องที่ 4 รายงานผลการดำเนินงานตามแผนอนุรักษ์พลังงาน ในช่วงปี 2538-2547
ฝ่ายเลขานุการฯ ได้รายงานการดำเนินตามแผนอนุรักษ์พลังงานในช่วงปี 2538-2547 ว่าได้ใช้จ่ายเงินกองทุนฯ ไปรวมทั้งสิ้น 23,776 บาท แบ่งเป็นงบลงทุน 16,778 ล้านบาท ค่าพัฒนาบุคลากร 2,054 ล้านบาท ค่าประชาสัมพันธ์ 1,701 ล้านบาท และค่าบริหารจัดการฯ 3,243 ล้านบาท ผลงานโดยรวมเป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ โดยเกิดผลลดความต้องการพลังไฟฟ้าลง 883 MW ทดแทนพลังงานไฟฟ้าได้ 5,447 ล้านหน่วยต่อปี ทดแทนพลังงานเชื้อเพลิง 430 ล้านลิตรน้ำมันดิบต่อปี คิดเป็นความสามารถในการอนุรักษ์พลังงาน 20,891 ล้านบาท/ปี สรุปได้ดังนี้
1. ผลการดำเนินงานตามแผนงานภาคบังคับ
1.1 กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) มีแผนงานที่จะดำเนินการให้โรงงานและอาคารที่เข้าข่ายควบคุม มีการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพและต่อเนื่อง โดยในช่วงปี 2538-2547 พพ. ได้ประมาณการงบลงทุนในอาคารของรัฐ อาคารควบคุม โรงงานควบคุม และโรงงาน/อาคารที่อยู่ระหว่างการออกแบบหรือก่อสร้าง ในวงเงินรวม 34,033 ล้านบาท เพื่อก่อให้เกิดการอนุรักษ์พลังงาน โดยมีเป้าหมายที่จะลดความต้องการพลังไฟฟ้าลง 626 MW ทดแทนพลังงานไฟฟ้าได้ 2,540 ล้านหน่วยต่อปี ทดแทนพลังงานเชื้อเพลิง 391 ล้านลิตรน้ำมันดิบต่อปี หรือคิดเป็นความสามารถในการอนุรักษ์พลังงาน 7,719 ล้านบาท/ปี โดย พพ. มีค่าบริหารจัดการตามแผนงานฯ ตลอดระยะเวลา 10 ปี ในวงเงิน 3,432 ล้านบาท
1.2 เมื่อสิ้นสุดแผนฯ ในปี 2547 พพ. ได้ใช้จ่ายเงินกองทุนฯ ไปรวมทั้งสิ้น 10,541 ล้านบาท แบ่งเป็นงบลงทุนให้กับอาคาร/โรงงาน 8,476 ล้านบาท และค่าบริหารจัดการฯ 2,064 ล้านบาท มีผลงานไม่ถึงเป้าหมาย ที่กำหนดไว้ โดยเกิดผลลดความต้องการพลังไฟฟ้าลง 232 MW ทดแทนพลังงานไฟฟ้าได้ 656.11 ล้านหน่วยต่อปี ทดแทนพลังงานเชื้อเพลิง 48.48 ล้านลิตรน้ำมันดิบต่อปี คิดเป็นความสามารถในการอนุรักษ์พลังงาน 1,809.46 ล้านบาท/ปี
2. ผลการดำเนินงานตามแผนงานภาคความร่วมมือ
2.1 สนพ. มีแผนงานที่จะส่งเสริมและร่วมมือกับหน่วยงานของรัฐและเอกชน ที่จะมีผลทำให้มีการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพและมีการนำพลังงานหมุนเวียนที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อย มาใช้อย่างแพร่หลาย โดยในช่วงปี 2538-2547 สนพ. ได้ประมาณการงบลงทุนในส่วนแผนงานภาคความร่วมมือไว้ในวงเงินรวม 9,203 ล้านบาท โดยมีเป้าหมายจะลดความต้องการพลังไฟฟ้าลง 29 MW ทดแทนพลังงานไฟฟ้าได้ 4,482 ล้านหน่วยต่อปี ทดแทนพลังงานเชื้อเพลิง 93 ล้านลิตรน้ำมันดิบต่อปี คิดเป็นความสามารถในการอนุรักษ์พลังงาน 5,151 ล้านบาท/ปี โดย สนพ. มีค่าบริหารจัดการตามแผนงานภาคความร่วมมือ (รวมถึงการบริหารแผนงานสนับสนุนภายใต้โครงการพัฒนาบุคลากร และโครงการประชาสัมพันธ์ด้วย) ตลอดระยะเวลา 10 ปี ในวงเงินรวม 1,285 ล้านบาท
2.2 เมื่อสิ้นสุดแผนฯ ในปี 2547 สนพ. ได้ใช้จ่ายเงินกองทุนฯ ไปรวมทั้งสิ้น 9,474 ล้านบาท แบ่งเป็นงบส่งเสริมและร่วมมือกับหน่วยงานของรัฐและเอกชน รวม 304 โครงการ (เฉพาะเจ้าของโครงการไม่รวมเอกชนผู้เข้าร่วมโครงการ) รวมเป็นเงิน 8,302 ล้านบาท และค่าบริหารจัดการฯ 1,172 ล้านบาท โดยก่อให้เกิดผลงานลดใช้พลังงานเชิงพาณิชย์ โดยสามารถทดแทนพลังงานไฟฟ้าได้ 4,791 ล้านหน่วย/ปี คิดเป็นเงิน 13,945 ล้านบาท/ปี และทดแทนเชื้อเพลิงชนิดต่างๆ คิดเป็นเงิน 5,137 ล้านบาท/ปี นอกจากนี้ยังสามารถลดความต้องการพลังไฟฟ้าได้ 651 MW โดยผลจากการดำเนินงานตามแผนดังกล่าวก่อให้เกิดผลงานลดใช้พลังงานเชิงพาณิชย์คิดเป็นเงินทั้งสิ้น 19,082 ล้านบาท/ปี
3. ผลการดำเนินงานตามแผนงานสนับสนุน
3.1 โครงการพัฒนาบุคลากร
สนพ. มีแผนงานที่จะสนับสนุนบุคลากรของหน่วยงานราชการและรัฐวิสาหกิจ รวมถึงบุคคลทั่วไป ให้มีความรู้ มีความเข้าใจ ด้านพลังงาน มีการพัฒนาทักษะเพิ่มขีดความสามารถ ก่อเกิดประโยชน์ต่อการพัฒนาพลังงานของประเทศ โดยในช่วงปี 2538-2547 สนพ. ได้ประมาณการงบพัฒนา บุคลากรของประเทศไว้ ในวงเงินรวม 3,012 ล้านบาท แบ่งเป็นส่วนที่ พพ. จะนำไปจัดทำคู่มือและฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ของโรงงาน/อาคาร 440 ล้านบาท และ สนพ. จะนำงบส่วนที่เหลือ 2,572 ล้านบาท ไปสนับสนุนหน่วยงานต่างๆ เพื่อพัฒนาหลักสูตร สื่อการเรียนการสอน โดยครอบคลุมตั้งแต่ระดับประถมศึกษาจนถึงอุดมศึกษา รวม 3 หลักสูตร และช่วยสนับสนุนเพิ่มพูนความรู้และประสบการณ์ให้กับบุคลากรในหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนด้านอนุรักษ์พลังงานและพลังงานหมุนเวียน ด้วยการฝึกอบรม สัมมนาและการดูงานทั้งในและต่างประเทศ และยังมีเป้าหมายในการช่วยส่งเสริมการสร้างทรัพยากรบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการทำงานด้านพลังงานให้มีวุฒิการศึกษาทั้งระดับปริญญาตรี โท และ เอก ประมาณ 45 ทุนต่อปี โดยเมื่อสิ้นสุดแผนฯ ในปี 2547 สนพ. ได้ใช้จ่ายเงินกองทุนฯ ภายใต้โครงการพัฒนาบุคลากร ไปรวมทั้งสิ้น 2,054 ล้านบาท
3.2 โครงการประชาสัมพันธ์
(1) สนพ. มีแผนงานที่จะประชาสัมพันธ์ไปที่สาธารณชนทั่วไป ให้เกิดความรู้สึกมีส่วนร่วมในแผนอนุรักษ์พลังงาน ด้วยการรณรงค์ ปลูกจิตสำนึก ถ่ายทอดความรู้ สร้างความเข้าใจเกี่ยวกับพลังงาน ผ่านสื่อต่างๆ เพื่อให้ทราบถึงประโยชน์ที่จะได้รับจากการอนุรักษ์พลังงานเกิดการใช้อย่างรู้คุณค่า และเห็นถึงความสำคัญที่รัฐพยายามที่จะส่งเสริมให้มีการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ โดยในช่วงปี 2538-2547 สนพ. ได้ประมาณการที่จะใช้เงินกองทุนฯ สำหรับการทำประชาสัมพันธ์ไว้ 1,431 ล้านบาท โดยกำหนดเป็นปีแห่งบ้านประหยัดพลังงาน ปีสนับสนุนการใช้อุปกรณ์ประสิทธิภาพสูง ปีแห่งการรณรงค์ประหยัดพลังงานในภาคขนส่ง ปีแห่ง Reuse และ Recycle และปีแห่งการเลือกใช้อุปกรณ์ที่ติดฉลากประหยัดพลังงาน
โดยเมื่อสิ้นสุดแผนฯ ในปี 2547 สนพ. ได้ใช้จ่ายเงินกองทุนฯ ภายใต้โครงการประชาสัมพันธ์ รวมทั้งสิ้น 1,409 ล้านบาท
(2) พพ. มีแผนงานที่จะประชาสัมพันธ์ไปที่กลุ่มผู้ที่เกี่ยวข้องกับแผนอนุรักษ์พลังงานโดยตรง ได้แก่ เจ้าของและผู้รับผิดชอบด้านพลังงานของโรงงานควบคุมและอาคารควบคุม ผู้ผลิตอุปกรณ์ เครื่องจักรและวัสดุที่ใช้ในการอนุรักษ์พลังงาน จัดประกวดองค์กรดีเด่นด้านการอนุรักษ์พลังงาน และการจัดสัมมนาต่างๆ เพื่อให้เกิดจิตสำนึกในการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพในโรงงานและอาคาร โดยในช่วงปี 2538-2547 พพ. ได้ประมาณการที่จะใช้เงินกองทุนฯ สำหรับการทำประชาสัมพันธ์ไว้ 840 ล้านบาท
โดยเมื่อสิ้นสุดแผนฯ ในปี 2547 พพ. ได้ใช้จ่ายเงินกองทุนฯ ภายใต้โครงการประชาสัมพันธ์ รวมทั้งสิ้น 257 ล้านบาท นอกจากนี้ สำนักงานปลัดกระทรวงพลังงาน ได้เข้ามามีส่วนร่วมในการประชาสัมพันธ์ด้วย โดยใช้เงินจากกองทุนฯ 35 ล้านบาท
มติที่ประชุม
ที่ประชุมรับทราบ และเห็นชอบผลการดำเนินงานตามแผนอนุรักษ์พลังงาน ในช่วงปี 2538-2547
เรื่องที่ 5 สรุปประเมินผลการดำเนินงานตามแผนอนุรักษ์พลังงาน
1. ฝ่ายเลขานุการฯ ได้รายงานให้ที่ประชุมรับทราบว่า สนพ. ได้ว่าจ้าง "บริษัท คอนซัลแทนท์ ออฟ เทคโนโลยี จำกัด" ทำการประเมินผลแผนอนุรักษ์พลังงานในช่วงปีงบประมาณ 2545-2547 สำหรับผลการประเมินแผนอนุรักษ์พลังงานครั้งล่าสุด คือในช่วงปีงบประมาณ 2543-2544 ที่คณะอนุกรรมการประเมินผลฯ ได้มอบหมายให้กลุ่มบริษัทที่ปรึกษา คือ บริษัท คอนซัลแทนท์ ออฟ เทคโนโลยี จำกัด และบริษัท แม็กซิม ยูนิกรุ๊ป จำกัด เป็นผู้ดำเนินการนั้น โดยใช้วิธีวิเคราะห์เชิงระบบตามรูปแบบของ CIPPA MODEL และเป็นแบบ Bottom-up Evaluation with Objective Benchmarking มีผลสรุปที่เป็นประเด็นสำคัญและนำไปสู่การปรับกระบวนทัศน์ของแผนอนุรักษ์พลังงาน ในช่วงปีงบประมาณ 2538-2554 ดังนี้
(1) อาคาร/โรงงาน และอาคารของรัฐ ควรเกิดผล โดยมีข้อมูลมาตรฐานในการวิเคราะห์ความคุ้มค่าการลงทุน
(2) พลังงานหมุนเวียน ควรได้รับการสนับสนุนการวิจัยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตพลังงาน
(3) ขนส่ง อุตสาหกรรม ควรเป็นกลุ่มที่มีความสำคัญ
(4) ฐานข้อมูล ควรจัดทำขึ้น เพื่อพัฒนาพลังงานแต่ละสาขา
(5) การพัฒนาพลังงาน เลือกที่มีศักยภาพสูงและพร้อมใช้งานจริง เป็นลำดับแรก
(5) มาตรฐานประสิทธิภาพขั้นต่ำสำหรับอุปกรณ์ที่ใช้งาน เป็นเรื่องสำคัญที่ต้องเร่งกำหนด
(6) มาตรฐานการประหยัดพลังงาน ควรเร่งศึกษาและมีห้องทดสอบ และเร่งรัดการใช้ฉลากประหยัดพลังงานเป็นมาตรฐานเดียว
(7) เร่งรัดงานวิจัยสนับสนุนการผลิตเครื่องมือ/อุปกรณ์ภายในประเทศ โดยรัฐอุดหนุนบางส่วนเพื่อลดต้นทุนการผลิต สร้างแรงจูงใจทั้งด้านการผลิตและการใช้พลังงาน
(8) จัดทำดัชนี Energy Intensity ทั้งระดับภาพรวมของประเทศและระดับรายภาคเศรษฐกิจ
2. กระบวนการดำเนินงานโดยรวม ประสิทธิภาพ ประสิทธิผล และผลกระทบค่อนข้างดี แต่ประสิทธิผลด้านการทดแทนเชื้อเพลิงและลดใช้พลังงานค่อนข้างต่ำ โดยมีแนวทางการปรับปรุงแผนอนุรักษ์พลังงาน ดังนี้
(1) ปรับแนวทางดำเนินงานโดยเน้นผลลัพธ์มากกว่าขั้นตอนกระบวนการ
(2) ให้ภาคเอกชนมีส่วนร่วมทั้งด้านปฏิบัติงาน สนับสนุน ส่งเสริมโดยรัฐเป็นผู้ชี้นำผลักดัน
(3) กำหนดประเภทโครงการที่จะให้การสนับสนุนเป็นพิเศษ
(4) ผลักดันให้เกิดธุรกิจด้านอนุรักษ์พลังงานอย่างครบวงจร
(5) พัฒนาบุคลากรในทุกระดับให้พอกับความต้องการของแผนงาน
มติที่ประชุม
ที่ประชุมรับทราบและเห็นชอบผลการประเมินผลแผนอนุรักษ์พลังงานในช่วงปีงบประมาณ 2545-2547
ฝ่ายเลขานุการฯ ได้เสนอคณะกรรมการกองทุนฯ เพื่อโปรดพิจารณา กรอบแผนอนุรักษ์พลังงาน ระยะที่ 3 เนื่องจากแผนอนุรักษ์พลังงาน ระยะที่ 2 ซึ่งดำเนินการมาในช่วงปีงบประมาณ 2543-2547 ตามที่ กพช. ได้เห็นชอบไว้เมื่อเดือนกันยายน 2542 ได้สิ้นสุดลงเมื่อวันที่ 30 กันยายน 2547 โดยสรุปได้ดังนี้
1. หลักการและเหตุผล : การจัดทำเป้าหมายและกรอบแผนอนุรักษ์พลังงาน ระยะที่ 3 มีหลักการดังนี้
1.1 กำหนดเป้าหมายและกลยุทธ์ที่สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล (ด้านพลังงาน) ที่ต้องการให้การใช้พลังงานของประเทศได้มีการพัฒนาการใช้โดยมีประสิทธิภาพ สมดุลกับสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติ และลดการพึ่งพาแหล่งพลังงานจากต่างประเทศ ซึ่งคณะรัฐมนตรีในการประชุมเมื่อวันที่ 2 กันยายน 2546 ได้มีมติเห็นชอบเป้าหมายและยุทธศาสตร์การพัฒนาพลังงานของประเทศตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ โดยในปี 2550 กำหนดเป้าหมายที่จะควบคุมสัดส่วนความต้องการใช้พลังงานต่อรายได้ประชาชาติ (GDP) ให้ลดลง จาก 1.4 : 1 เหลือ 1 : 1 และในปี 2554 จะพัฒนาพลังงานทดแทนให้มีสัดส่วนการใช้เพิ่มขึ้น จากร้อยละ 0.5 เป็นร้อยละ 8
1.2 การจัดทำกรอบแผนอนุรักษ์พลังงาน ระยะที่ 3 เป็นการประมาณการภาพรวมของภาระงานที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ระยะ 3-7 ปี มีลักษณะเป็น Rolling Plan ปรับแผนงาน/โครงการและประมาณการรายจ่ายทุกปี เนื่องจากอาจมีการเปลี่ยนแปลงในปัจจัยต่างๆ เช่น นโยบาย/ยุทธศาสตร์ใหม่ที่รัฐบาลกำหนด สภาพการณ์ทาง เศรษฐกิจและสังคม ผลการดำเนินงาน เป็นต้น แผนอนุรักษ์พลังงาน ระยะที่ 3 ประกอบด้วย 3 แผนงาน และมีลำดับความสำคัญดังนี้
แผนงาน | งาน |
1. แผนพลังงานทดแทน 50% | 1.1 งานศึกษาวิจัยและพัฒนาด้านเทคนิค 70% 1.2 งานส่งเสริมและสาธิต 20% 1.3 งานพัฒนาบุคลากรและประชาสัมพันธ์ 10% |
2. แผนเพิ่มประสิทธิภาพ 35% การใช้พลังงาน |
2.1 งานศึกษาวิจัยและพัฒนาด้านเทคนิค 30% 2.2 งานส่งเสริมและสาธิต 50% 2.3 งานพัฒนาบุคลากรและประชาสัมพันธ์ 20% |
3. แผนงานบริหาร 15% ทางกลยุทธ์ |
3.1 งานศึกษาเชิงนโยบายและวิชาการ 33% 3.2 งานบริหารจัดการ 33% 3.3 งานอื่นๆ 34% |
1.3 เนื่องจาก ได้มีการจัดตั้ง "กระทรวงพลังงาน" ขึ้น ในเดือนตุลาคม 2545 ดังนั้น เพื่อให้ "กระทรวงพลังงาน" ได้มีบทบาทในการบริหารงานกองทุนฯ จึงเสนอขอยกเลิก "คณะอนุกรรมการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน" และขอตั้ง "คณะกรรมการบริหารกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน" โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานเป็นประธาน มีบทบาทในการตัดสินใจระดับนโยบายและให้คำแนะนำที่จะช่วยให้การบริหารจัดการแผนอนุรักษ์พลังงานเป็นไปตามทิศทางที่สอดคล้องกับนโยบายและแผนพัฒนาประเทศ เพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารงานให้ดียิ่งขึ้น มีการวางแผนและการจัดลำดับความสำคัญของงาน/โครงการภายใต้เป้าหมายยุทธศาสตร์ของประเทศ โดยรายงานผลเสนอคณะกรรมการกองทุนฯ ทราบเป็นรายไตรมาส
2. เป้าหมายและแผนอนุรักษ์พลังงาน ในช่วงปีงบประมาณ 2548-2554
2.1 เป้าหมาย
(1) เพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน โดยลดใช้พลังงานเชิงพาณิชย์ ณ ปี 2554 จาก 91,877 พันตันเทียบเท่าน้ำมันดิบ เหลือ 81,523 พันตันเทียบเท่าน้ำมันดิบ หรือลดการใช้พลังงานโดยไม่เกิดประโยชน์ได้ประมาณ 12.7 เปอร์เซ็นต์ หรือประมาณ 10,354 พันตันเทียบเท่าน้ำมันดิบ
(2) พัฒนาพลังงานทดแทนให้มีสัดส่วนการใช้เพิ่มขึ้น โดย ณ ปี 2554 จะมีการใช้พลังงานอื่นๆ ในสัดส่วน 9.2% ของความต้องการใช้พลังงานขั้นสุดท้าย หรือทดแทนการใช้พลังงานเชิงพาณิชย์ประมาณ 7,530 พันตันเทียบเท่าน้ำมันดิบ
2.2 องค์ประกอบของแผนอนุรักษ์พลังงาน ประกอบด้วย 3 แผนงาน
(1) แผนพลังงานทดแทน เป็นแผนงานเกี่ยวกับ
งานศึกษา วิจัยพัฒนา และส่งเสริมเพื่อก่อให้เกิดการใช้พลังงานทดแทนมากขึ้นในการผลิตไฟฟ้า ความร้อน และเชื้อเพลิงชีวภาพ เพื่อใช้ในภาคคมนาคมขนส่ง ภาคอุตสาหกรรม บ้านอยู่อาศัย ได้แก่ แสงอาทิตย์ น้ำ ลม ชีวมวล ชีวภาพ เอทานอล ไบโอดีเซล เซลล์เชื้อเพลิง ฯลฯ
งานสร้างและพัฒนาศักยภาพของบุคคลที่เกี่ยวข้องกับงานด้านพลังงานทดแทน ได้แก่ การประชุมเชิงวิชาการ สัมมนา ฝึกอบรม ดูงาน ทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงการให้ทุนการศึกษาระดับปริญญาตรี โท เอก
งานเผยแพร่ข้อมูล สร้างความรู้ความเข้าใจให้กับประชาชนทั่วไป เพื่อรู้จักพลังงานทดแทนและสนับสนุนการดำเนินงานของรัฐ
(2) แผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน เป็นแผนงานเกี่ยวกับ
งานศึกษา วิจัยพัฒนา และส่งเสริมเพื่อก่อให้เกิดการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ ในภาคคมนาคมขนส่ง ภาคอุตสาหกรรม ธุรกิจ บริการ เกษตรกรรม และภาคบ้านอยู่อาศัย
งานสร้างและพัฒนาศักยภาพของบุคคลที่เกี่ยวข้องกับงานเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน ได้แก่ การประชุมเชิงวิชาการ สัมมนา ฝึกอบรม ดูงาน ทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงการให้ทุนการศึกษาระดับปริญญาตรี โท เอก
งานสร้างความรู้ความเข้าใจเพื่อให้มีการใช้พลังงานอย่างรู้คุณค่า
(3) แผนงานบริหารทางกลยุทธ์ เป็นแผนงานเกี่ยวกับ
งานศึกษาวิจัยเชิงนโยบายเพื่อเป็นข้อเสนอแนะ ทางเลือก หรือภาพรวมของสถานการณ์ที่ผสมผสานทั้งมิติด้าน การผลิตและการใช้พลังงาน ผลกระทบต่อเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม สำหรับใช้ประกอบการตัดสินใจพัฒนาแผนพลังงานทดแทน หรือแผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน ให้เหมาะสม ทันต่อสถานการณ์ เป็นเครื่องมือนำทางสำหรับจัดลำดับความสำคัญของงานและการจัดสรรงบประมาณ
งานด้านบริหารเพื่อจัดการให้แผนอนุรักษ์พลังงานดำเนินไปอย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด
งานช่วยเหลือส่งเสริมการดำเนินงานอื่นๆ เป็นเรื่องเฉพาะกิจ ที่สำคัญหรือมีความเร่งด่วน
2.3 หลักเกณฑ์ แนวทาง เงื่อนไข และการจัดลำดับความสำคัญของแผนอนุรักษ์พลังงาน
(1) หลักเกณฑ์สนับสนุน
ผู้มีสิทธิที่จะได้รับการสนับสนุน เป็นส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ สถาบันการศึกษาหรือองค์กรเอกชนที่ไม่มุ่งค้ากำไร ตามเจตนาของ พรบ.ฯ มาตรา 25 และ 26
การสนับสนุนค่าใช้จ่าย
เป็นเงินช่วยเหลือให้เปล่าเพื่อการศึกษา วิจัย พัฒนา หรือการสาธิตขนาดเล็ก
เป็นเงินสนับสนุนงานวิจัยพัฒนาให้กับหน่วยงานรัฐ สถาบันการศึกษา และภาคเอกชน ในลักษณะร่วมทุน (Co-Funding หรือ Venture Funding) ในสัดส่วนที่เหมาะสม โดยคณะกรรมการบริหารกองทุนฯ จะกำหนดข้อตกลงในสิทธิการแบ่งผลประโยชน์ที่เกิดจากผลงานวิจัย
เป็นเงินอุดหนุนภาระดอกเบี้ยจากการลงทุน สำหรับ "ผู้ร่วมโครงการ" เพื่อให้ผลตอบแทนทางการเงิน (Financial Internal Rate of Return, FIRR) ของแต่ละมาตรการเพิ่มขึ้นจนเท่ากับอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ต่ำสุดสำหรับลูกค้ารายย่อยของธนาคารกรุงไทย (Minimum Retail Rate, MRR ของธนาคารกรุงไทย เฉลี่ยในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา) + 5%
(2) แนวทางและเงื่อนไข
สนพ. ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการกองทุนฯ ร่วมกับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องจะจัดทำเป้าหมายและรายละเอียดแผนอนุรักษ์พลังงาน เพื่อแสดงภาพให้เห็นถึงภาระงานในอนาคต 3-7 ปีข้างหน้า ทั้งแผนพลังงานทดแทน แผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน และแผนงานบริหารทางกลยุทธ์ พร้อมแสดงตัวเลขประมาณการรายจ่ายล่วงหน้าของแต่ละแผนงาน ภายใต้งบประมาณที่มีจำกัดในวงเงินที่คณะกรรมการบริหารฯ (กบอ.) เห็นสมควร
กบอ. จะพิจารณาความเหมาะสม ความสำคัญ และอนุมัติงบประมาณสำหรับปีเดียว ซึ่งจะต้องมีการปรับประมาณการรายจ่ายล่วงหน้าทุกปี เมื่อเริ่มต้นจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีของปีถัดไป โดยสามารถตัดสินใจเพิ่มหรือลดวงเงินงบประมาณในแต่ละปีให้สอดคล้องกับเป้าหมาย
หน่วยงานที่รับจัดสรรเงินไปจากกองทุนฯ จะทำสัญญาหรือหนังสือยืนยันกับ สนพ. เพื่อเป็นข้อผูกพันที่จะดำเนินงานให้ได้ผลตามเป้าหมายที่ กบอ. กำหนด และ สนพ. มีสิทธิบอกเลิกสัญญาหากหน่วยงานนั้นไม่สามารถดำเนินงานได้ตามเป้าหมาย
กรณีที่แผนงานใดเปิดโอกาสให้ผู้มีสิทธิรับเงินช่วยเหลือ หรืออุดหนุน ตามมาตรา 25 ที่ พรบ. กำหนดไว้ สามารถยื่นคำร้องขอการสนับสนุนได้ และอยู่ในกรอบแผนงานที่ กบอ. กำหนด มอบให้หัวหน้าหน่วยงานที่รับจัดสรรเงินนั้นเป็นผู้พิจารณาในวงเงินไม่เกิน 10 ล้านบาท และมอบให้คณะอนุกรรมการบริหารกองทุนฯ เป็นผู้พิจารณาในวงเงินเกิน 10 ล้านบาท แต่ไม่เกิน 50 ล้านบาท และมอบให้ กบอ. เป็นผู้พิจารณาในวงเงินเกิน 50 ล้านบาท ขึ้นไป รวมถึงงาน/โครงการที่ไม่อยู่ในกรอบแผนงานที่กำหนดไว้ด้วย
กรณีที่ผู้มีสิทธิรับเงินช่วยเหลือ หรืออุดหนุน ตามมาตรา 25 ยื่นคำร้องขอสนับสนุนซึ่งไม่อยู่ในกรอบที่ กบอ. กำหนดไว้ ให้ สนพ. พิจารณาให้ความเห็นและเสนอ กบอ. พิจารณาเป็นรายๆ
สนพ. ติดตามผลการดำเนินงานของโครงการ และรายงาน กพช. กทอ. และ กบอ. เป็นประจำทุกไตรมาส
2.4 ประมาณการค่าใช้จ่ายสำหรับแผนงานอนุรักษ์พลังงาน
การดำเนินงานให้สำเร็จลงตามเป้าหมายและกรอบแผนอนุรักษ์พลังงาน ระยะที่ 3 คาดว่าอาจต้องใช้เงินลงทุนเกือบ 133,488 ล้านบาท (ร้อยละ 98 เป็นการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานด้านขนส่งมวลชน) โดยกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานอาจต้องช่วยเหลือสนับสนุนด้วยส่วนหนึ่ง ซึ่งจากการประมาณการรายรับของกองทุนฯ ในอนาคต คาดว่าจะมีรายรับประมาณ 2,000-2,800 ล้านบาท/ปี และจากสถิติการใช้จ่ายเงินกองทุนฯ ที่ผ่านมา อยู่ในวงเงินเฉลี่ยประมาณ 1,300-1,700 ล้านบาท/ปี เมื่อนำมาเป็นพื้นฐานการจัดทำงบประมาณรายจ่ายของกองทุนฯ ล่วงหน้าแต่ละปี ในระยะเวลา 7 ปี โดยพิจารณาจากประมาณการรายได้ ประมาณการภาระหนี้ และด้วยนโยบายงบประมาณเกินดุล จึงสรุปแนวทางจัดสรรเงินกองทุนฯ และกรอบการใช้เงินจากกองทุนฯ ตามลำดับความสำคัญดังนี้
หน่วย : ล้านบาท
ปีงบประมาณ | 2548 | 2549 | 2550 | 2551 | 2552 | 2553 | 2554 | รวม |
1. เงินคงเหลือยกมาต้นปี | 9,856 | 7,064 | 6,536 | 6,261 | 6,774 | 9,467 | 10,818 | 9,856 |
2. ประมาณการรายรับล่วงหน้า | 2,089 | 2,293 | 2,269 | 2,354 | 2,501 | 2,652 | 2,811 | 16,970 |
3. เงินทุนหมุนเวียนรอรับคืนจาก พพ. | - | - | - | - | 2,000 | - | - | 2,000 |
รวมรับ | 11,945 | 9,357 | 8,805 | 8,615 | 11,275 | 12,119 | 13,629 | 28,826 |
4. รายจ่าย ประกอบด้วย | ||||||||
4.1 รายจ่ายผูกพัน ปี 2538-2547 | 3,581 | 1,521 | 1,244 | 541 | 509 | - | - | 7,397 |
4.2 ประมาณการรายจ่ายล่วงหน้า | 1,300 | 1,300 | 1,300 | 1,300 | 1,300 | 1,300 | 1,300 | 9,100 |
รวมจ่าย | 4,881 | 2,821 | 2,544 | 1,841 | 1,809 | 1,300 | 1,300 | 16,497 |
5. เงินคงเหลือปลายปี ยกไป | 7,064 | 6,536 | 6,261 | 6,774 | 9,467 | 10,818 | 12,329 | 12,329 |
ประมาณการรายจ่าย 1,300 ล้านบาทต่อปี ตามข้อ 2.4 ประกอบด้วย (: ล้านบาท) | |
(1) แผนพลังงานทดแทน 50% | 650 |
1) งานศึกษาวิจัยเชิงเทคนิคและวิชาการ 70% | |
(เชื้อเพลิงชีวภาพ แสงอาทิตย์ ลม น้ำ ชีวมวล ก๊าซชีวภาพ และอื่นๆ) | |
2) งานพัฒนาและสาธิตเทคโนโลยี 20% | |
3) งานพัฒนาบุคลากรและประชาสัมพันธ์ 10% | |
(2) แผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน 35% | 455 |
1) งานศึกษาวิจัยเชิงเทคนิคและวิชาการ 30% | |
(ขนส่ง อุตสาหกรรม บ้านอยู่อาศัย และอื่นๆ) | |
2) งานพัฒนาและสาธิตเทคโนโลยี 50% | |
3) งานพัฒนาบุคลากรและประชาสัมพันธ์ 20% | |
(3) แผนงานบริหารทางกลยุทธ์ 15% | 195 |
1) งานศึกษาเชิงนโยบายและกลยุทธ์ 33% | |
2) งานบริหารจัดการ 33% | |
3) งานอื่นๆ 33% |
2.5 สรุปผลที่คาดว่าจะได้รับ
(1) เพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน โดยลดใช้พลังงานเชิงพาณิชย์ ณ ปี 2554 จาก 91,877 พันตันเทียบเท่าน้ำมันดิบ เหลือ 81,523 พันตันเทียบเท่าน้ำมันดิบ หรือลดการใช้พลังงานโดยไม่เกิดประโยชน์ได้ประมาณ 12.7 เปอร์เซ็นต์ หรือประมาณ 10,354 พันตันเทียบเท่าน้ำมันดิบ จำแนกเป็นภาคคมนาคมขนส่ง 21% ภาคอุตสาหกรรม 9% ภาคบ้านอยู่อาศัย 4%
(2) พัฒนาพลังงานทดแทนให้มีสัดส่วนการใช้เพิ่มขึ้น โดย ณ ปี 2554 จะมีการใช้พลังงานอื่นๆ เพิ่มขึ้น 9.2% ของความต้องการใช้พลังงานขั้นสุดท้าย หรือทดแทนการใช้พลังงานเชิงพาณิชย์ประมาณ 7,530 พันตันเทียบเท่าน้ำมันดิบ จำแนกเป็น ภาคคมนาคมขนส่ง ภาคอุตสาหกรรมและบ้านอยู่อาศัย มีการใช้พลังงานทดแทน 8% 14% และ 2% ตามลำดับ โดยใช้ Biodiesel แทนน้ำมันดีเซล ใช้ Ethanol แทน Gasoline ใช้ชีวมวล น้ำท้ายเขื่อนชลประทาน แสงอาทิตย์ แรงลม และพลังงานทดแทนอื่นๆ ในการผลิตไฟฟ้า และทำความร้อน
(3) มีผู้จบการศึกษาระดับอุดมศึกษาทั้งในและต่างประเทศเพิ่มขึ้น 400 คน ช่วยเสริมการทำงานด้านพลังงาน มีการพัฒนาหลักสูตรการเรียนการสอนด้านพลังงานในโรงเรียนระดับประถมและมัธยมทั่วประเทศ อย่างน้อย 30,000 โรงเรียน มีการพัฒนาหลักสูตรอุดมศึกษาที่ตรงกับความต้องการของภาคอุตสาหกรรมโดยมีเป้าหมายในการผลิตบุคลากรที่มีทักษะด้านพลังงานในภาคอุตสาหกรรม จำนวน 1,400 คน ผู้ชำนาญการด้านพลังงานสาขาต่างๆ ในระดับท้องถิ่นได้รับการพัฒนาทักษะ 500 คน
มติที่ประชุม
1. เห็นชอบผลการดำเนินงานที่ผ่านมาของโครงการภายใต้แผนอนุรักษ์พลังงานในช่วงปี 2538-2547 และผลประเมินการดำเนินงานภายใต้แผนอนุรักษ์พลังงานตามที่ฝ่ายเลขานุการฯ เสนอ และรับทราบวงเงินของกองทุนฯ ที่เป็นภาระผูกพันต้องดำเนินการเบิกจ่ายเงินกับโครงการฯ ตามสัญญาหรือหนังสือยืนยัน ในวงเงินรวมประมาณ 7,397 ล้านบาท ซึ่งส่วนหนึ่งจะได้รับคืนเนื่องจากเป็นทุนหมุนเวียน 2,000 ล้านบาท โดยในส่วนเงินผูกพันภายใต้แผนงานภาคบังคับ ที่เป็นเงินลงทุนกับหน่วยงานภาครัฐและยังไม่ได้มีการลงทุนภายในระยะเวลาที่ พพ. กำหนด ที่ประชุมมีมติให้ยกเลิกการสนับสนุน
2. เห็นชอบกรอบแผนอนุรักษ์พลังงาน แนวทาง หลักเกณฑ์ เงื่อนไขและลำดับความสำคัญของการใช้จ่ายเงินกองทุนฯ ระยะที่ 3 (ในช่วงปี 2548-2554) ตามที่ฝ่ายเลขานุการฯ เสนอตามข้อ 1 และ ข้อ 2 โดยให้มีผู้แทนภาคเอกชนร่วมอยู่ในคณะกรรมการบริหารกองทุนฯ ด้วย เพื่อเพิ่มบทบาทภาคเอกชนในการเสนอแนะแนวทางดำเนินงานอนุรักษ์พลังงาน
3. เห็นชอบการจัดสรรเงินกองทุนฯ สำหรับใช้จ่ายตามแผนอนุรักษ์พลังงาน ระยะที่ 3 (ในช่วงปี 2548-2554) ภายในวงเงินรวม 28,826 ล้านบาท และให้คณะกรรมการบริหารกองทุนฯ มีอำนาจปรับปรุงแนวทาง หลักเกณฑ์ เงื่อนไขและลำดับความสำคัญของการใช้จ่ายเงินกองทุนฯ และการจัดสรรเงินตามแผนงานต่างๆ ได้ตามความจำเป็นและเหมาะสม ภายในวงเงินรวมดังกล่าว
4. เพื่อให้การเบิกจ่ายเงินกองทุนฯ ให้กับผู้ได้รับจัดสรรเงินไปแล้วภายใต้ แผนงานภาคบังคับ แผนงานภาคความร่วมมือ และแผนงานสนับสนุน และยังมีภาระผูกพันตามสัญญาหรือหนังสือยืนยันที่กองทุนฯ ต้องดำเนินการเบิกจ่ายเงินกับโครงการฯ อยู่เป็นจำนวนมาก จึงให้ความเห็นชอบดังต่อไปนี้
ค. การเปลี่ยนแปลงกิจกรรมหรือแผนงานของโครงการใดๆ ภายใต้แผนงานภาคบังคับ แผนงานภาคความร่วมมือและแผนงานสนับสนุน กรณีเกิน 10 ล้านบาท และมีผลกระทบต่อวงเงินที่ได้รับอนุมัติแล้วและ/หรือทำให้ผลที่คาดว่าจะได้รับจากโครงการฯ ลดลง ให้ "คณะอนุกรรมการบริหารกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน" เป็นผู้พิจารณาให้ความเห็นชอบ สำหรับกรณีวงเงินต่ำกว่า 10 ล้านบาท ให้อยู่ในความเห็นชอบของผู้อำนวยการ สนพ. หรือ อธิบดี พพ. ตามประเภทโครงการ
ข. ให้อธิบดี พพ. เป็นผู้พิจารณาเห็นชอบการปรับปรุงข้อเสนอ รวมถึงสามารถอนุมัติการขอเปลี่ยนแปลงกิจกรรมหรือแผนงานของโครงการใดๆ ภายใต้แผนงานภาคบังคับ ได้ตามที่มีผู้ได้รับจัดสรรเงินขอเปลี่ยนแปลง โดยไม่มีผลกระทบต่อวงเงินที่ได้รับอนุมัติแล้วและ/หรือทำให้ผลที่คาดว่าจะได้รับจากโครงการฯ ลดลง ทั้งนี้ จนกว่าโครงการนั้นจะเสร็จสมบูรณ์
ก. ให้ผู้อำนวยการ สนพ. เป็นผู้พิจารณาเห็นชอบการปรับปรุงข้อเสนอ รวมถึงอนุมัติการขอเปลี่ยนแปลงกิจกรรมหรือแผนงานของโครงการใดๆ ภายใต้แผนงานภาคความร่วมมือหรือแผนงานสนับสนุน ตามที่มีผู้ได้รับจัดสรรเงินขอเปลี่ยนแปลง โดยไม่มีผลกระทบต่อวงเงินที่ได้รับอนุมัติแล้วและ/หรือทำให้ผลที่คาดว่าจะได้รับจากโครงการฯ ลดลง ทั้งนี้ จนกว่าโครงการนั้นจะเสร็จสมบูรณ์
- 5. ให้ฝ่ายเลขานุการฯ นำเสนอแผนอนุรักษ์พลังงาน แนวทาง หลักเกณฑ์ เงื่อนไขและและลำดับความสำคัญของการใช้จ่ายเงินกองทุนฯ ระยะที่ 3 (ในช่วงปี 2548-2554) เสนอ กพช. เพื่อพิจารณา
1. ฝ่ายเลขานุการฯ ได้รายงานที่ประชุมว่า คณะกรรมการกองทุนฯ ได้มีมติอนุมัติเงินกองทุนฯ แผนงานสนับสนุน โครงการบริหารงานตามกฎหมาย ให้ 3 หน่วยงาน ประกอบด้วย สนพ. พพ. และกรมบัญชีกลาง (บก.) เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการบริหารงานตามพระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ในระหว่างปีงบประมาณ 2543-2547 ในวงเงินรวม 3,024.15 ล้านบาท ดังนี้
หน่วย : ล้านบาท
หมวดรายจ่าย | 2543 | 2544 | 2545 | 2546 | 2547 | รวม |
สนพ. | ||||||
- ค่าจ้างชั่วคราว | 2.63 | 3.54 | 4.09 | 4.01 | 4.48 | 18.75 |
- ตอบแทนใช้สอย วัสดุ | 10.54 | 8.64 | 13.34 | 10.82 | 18.14 | 61.48 |
- ค่าสาธารณูปโภค | 2.42 | 2.07 | 2.98 | 2.50 | 2.00 | 11.97 |
- ค่าครุภัณฑ์ | 6.13 | 7.42 | 5.10 | 3.10 | 2.44 | 24.19 |
- รายจ่ายอื่น | 90.33 | 121.74 | 124.30 | 78.43 | 126.88 | 541.68 |
รวมงบจัดสรร-สนพ. | 112.05 | 143.41 | 149.81 | 98.86 | 153.94 | 658.07 |
รวมรายจ่ายจริง-สนพ. | 101.57 | 123.89 | 83.81 | 69.13 | 81.80 | 460.20 |
พพ. | ||||||
- ค่าจ้างชั่วคราว | 21.04 | 23.86 | 24.62 | 25.55 | 25.44 | 120.51 |
- ตอบแทนใช้สอย วัสดุ | 23.85 | 29.15 | 25.71 | 28.93 | 35.51 | 143.15 |
- ค่าสาธารณูปโภค | 5.24 | 5.37 | 5.90 | 7.75 | 8.10 | 32.36 |
- ค่าครุภัณฑ์ | 20.80 | 18.40 | 16.45 | 24.61 | 22.53 | 102.79 |
- รายจ่ายอื่น | 413.18 | 481.85 | 332.85 | 324.20 | 411.52 | 1,963.60 |
รวมงบจัดสรร-พพ. | 484.11 | 558.63 | 405.53 | 411.04 | 503.10 | 2,362.41 |
รวมรายจ่ายจริง-พพ. | 409.08 | 369.51 | 257.95 | 271.77 | 343.52 | 1,651.83 |
บก. | ||||||
- ค่าจ้างชั่วคราว | 0.46 | 0.46 | 0.41 | 0.49 | 0.33 | 2.15 |
- ตอบแทนใช้สอย วัสดุ | 0.16 | 0.18 | 0.42 | 0.15 | 0.14 | 1.05 |
- ค่าครุภัณฑ์ | 0.12 | - | 0.14 | - | 0.21 | 0.47 |
รวมงบจัดสรร-บก. | 0.74 | 0.64 | 0.97 | 0.64 | 0.68 | 3.67 |
รวมรายจ่ายจริง-บก. | 0.61 | 0.51 | 0.67 | 0.61 | 0.57 | 2.97 |
รวมงบจัดสรรทั้งสิ้น | 596.90 | 702.68 | 556.31 | 510.54 | 657.72 | 3,024.15 |
รวมรายจ่ายจริงทั้งสิ้น | 511.26 | 493.91 | 342.43 | 341.51 | 425.89 | 2,115.00 |
2. สนพ. และ บก. ได้จัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2548 เรียบร้อยแล้ว รวมเป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 62,568,020 บาท สรุปได้ดังนี้
หน่วย : บาท
หมวดรายจ่าย | สนพ. | บก. | รวม | ร้อยละ |
1. ค่าจ้างชั่วคราว | 4,481,400 | 552,600 | 5,034,000 | 8% |
2. ค่าตอบแทนใช้สอยและวัสดุ | 11,581,390 | 340,630 | 11,922,020 | 19% |
3. ค่าสาธารณูปโภค | 920,000 | - | 920,000 | 1% |
4. ค่าครุภัณฑ์ | 1,754,000 | 300,000 | 2,054,000 | 3% |
5. รายจ่ายอื่น | 40,638,000 | 2,000,000 | 42,638,000 | 68% |
รวม | 59,374,790 | 3,193,230 | 62,568,020 | 100% |
ร้อยละ | 95% | 5% | 100% |
3. พพ. ได้จัดทำงบค่าใช้จ่ายในการบริหารงานปีงบประมาณ 2548 ทั้งในส่วนกลางและสำนักงานเขต 12 เขตในภูมิภาค เรียบร้อยแล้ว รวมเป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 55 ล้านบาท
หมายเหตุ
(1) ให้ สนพ. บก. สามารถถัวจ่ายรายการต่างๆ ภายในหมวดเดียวกันได้
(2) รายการที่ต้องการถัวจ่ายระหว่างหมวด
ไม่เกินรายการละ 10 ล้านบาท
ส่วนของ สนพ. และ บก. ให้เสนอผู้อำนวยการ สนพ. พิจารณาอนุมัติ
ส่วนของ พพ. ให้เสนออธิบดี พพ. พิจารณาอนุมัติ
เกินรายการละ 10 ล้านบาท แต่ไม่เกินรายการละ 50 ล้านบาท ให้เสนอคณะอนุกรรมการบริหารฯ พิจารณาอนุมัติ
เกินรายการละ 50 ล้านบาท ขึ้นไป ให้เสนอคณะกรรมการบริหารกองทุนฯ พิจารณาอนุมัติ
มติที่ประชุม
1. อนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2548 เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการ แผนงานบริหารทางกลยุทธ์ ของ สนพ. ในวงเงิน 59,374,790 บาท (ห้าสิบเก้าล้านสามแสนเจ็ดหมื่นสี่พันเจ็ดร้อยเก้าสิบบาทถ้วน) โดยเบิกจ่ายจาก งานบริหารกองทุน แผนงานบริหารทางกลยุทธ์
2. อนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2548 เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการแผนงานบริหารทางกลยุทธ์ ของ บก. ในวงเงิน 3,193,230 บาท (สามล้านหนึ่งแสนเก้าหมื่นสามพันสองร้อยสามสิบบาทถ้วน) โดยเบิกจ่ายจาก งานบริหารกองทุน แผนงานบริหารทางกลยุทธ์
3. อนุมัติงบค่าใช้จ่ายในการบริหารงานปีงบประมาณ 2548 เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการบริหารงานจัดการของ พพ. ในวงเงิน 55,000,000 บาท (ห้าสิบห้าล้านบาทถ้วน) โดยเบิกจ่ายจาก งานบริหารแผนงาน แผนพลังงานทดแทน ในวงเงิน 32,500,000 บาท (สามสิบสองล้านห้าแสนบาทถ้วน) และเบิกจ่ายจาก งานบริหารแผนงาน แผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน ในวงเงิน 22,500,000 บาท (ยี่สิบสองล้านห้าแสนบาทถ้วน)
โดยให้ทั้ง 3 หน่วยงาน สามารถถัวจ่ายรายการต่างๆ ได้ตามที่เสนอมาในข้อ 2 และข้อ 3 ให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2547 โดยให้เบิกจ่ายเงินจากกองทุนฯ ได้ ภายหลังที่คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติเห็นชอบแผนอนุรักษ์พลังงาน ในช่วงปี 2548-2554 แล้ว
1. ฝ่ายเลขานุการฯ ได้รายงานให้ที่ประชุมทราบว่า พพ. ได้ยื่นข้อเสนอ "โครงการต้นแบบการประยุกต์ใช้งานเทคโนโลยี Vanadium Redox Flow สำหรับการลดภาระกำลังไฟฟ้าสูงสุด การผลิตไฟฟ้าผสมผสานขนาดเล็ก รถประจำทางไฟฟ้า และเซลล์เชื้อเพลิงคาร์โบไฮเดรท" เพื่อขอรับสนับสนุนทุนวิจัยจากกองทุนฯ ในวงเงิน 200 ล้านบาท เพื่อการวิจัยเชิงประยุกต์ของเทคโนโลยีแบตเตอรี่ Vanadium Redox Flow เทคโนโลยีการเก็บสำรองพลังงานไฟฟ้าด้วยเซลล์ไฟฟ้าเคมี ที่บริษัท เซลเลนเนียม (ประเทศไทย) จำกัด บริษัทเอกชนของไทยเป็นเจ้าของทรัพย์สินทางปัญญา เพื่อให้ทราบถึงปัญหาอุปสรรคด้านเทคนิคและต้นทุน การยอมรับจากผู้ใช้ และแนวทางพัฒนาในเชิงพาณิชย์และการผลิตในระบบอุตสาหกรรมต่อไป โดยทำงานวิจัยภายในเวลา 1 ปี 2 เดือน และแบ่งออก เป็น 4 โครงการย่อย ได้แก่
(1) งานวิจัยพัฒนาการสร้างแบตเตอรี่ขนาด 1-3 kW 3-10 kW 30 kW และ 100 kW และสร้างระบบลดกำลังไฟฟ้าสูงสุดขนาด 100 kw ที่จัดเก็บและจ่ายไฟฟ้าจากระบบสายส่งได้ 100 kw-1 ชม. พร้อมทั้งทดสอบติดตั้งใช้งานจริงในอาคารมหานครยิปซั่ม ที่ตั้งของบริษัทเซลเลนเนียม กทม. (ขอรับการสนับสนุน 100% ในวงเงิน 60 ล้านบาท)
(2) งานวิจัยพัฒนาและสร้างเซลล์เชื้อเพลิงคาร์โบไฮเดรท ที่ทำงานร่วมกับ Vanadium Electrolyte ขนาด 100 W ที่เปลี่ยนน้ำตาลสำเร็จรูป (refined suger) เป็นไฟฟ้าโดยตรง โดยประสิทธิภาพที่ 40% เพื่อศึกษาขบวนการทำงาน ปัญหาอุปสรรค สำหรับการพัฒนาขั้นต่อไป (ขอรับการสนับสนุน 100% ในวงเงิน 65 ล้านบาท)
(3) งานวิจัยพัฒนาและสร้างแบตเตอรี่ขนาด 10 kW พร้อมระบบ Inductionless inverter ที่เป็นนวัตกรรมที่มีประสิทธิภาพสูงกว่า inverter มาตรฐาน รับไฟฟ้าเข้าแบตเตอรี่ที่ความถี่ที่แตกต่างกันได้ และจ่ายไฟฟ้าออกจากแบตเตอรี่ที่ความถี่คงที่ 50 Hz นำระบบดังกล่าวติดตั้งทดสอบใช้งานกับเครื่องยนต์ดีเซลผลิตไฟฟ้าขนาดเล็ก (5 kW) เพื่อแสดงการปรับปรุงประสิทธิภาพและทดสอบการใช้งานที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี วิทยาเขตบางขุนเทียน (ขอรับการสนับสนุน 50% ในวงเงิน 20 ล้านบาท) เริ่มโครงการหลังจากพัฒนาแบตเตอรี่ขนาด 30 kW ในโครงการ (1) เรียบร้อยแล้ว
(4) งานวิจัยพัฒนาและสร้างแบตเตอรี่ขนาด 30 kW ทดสอบใช้งานกับรถประจำทางไฟฟ้าผสมผสานที่พัฒนาไว้เดิมแล้ว โดยกรมควบคุมมลพิษ ใช้ในเขต กทม. คาดว่าสามารถวิ่งได้ที่ความเร็วสูงถึง 60 กม./ชม. และระยะทางที่วิ่งได้ต่อครั้งของการประจุไฟฟ้าให้เป็นแบตเตอรี่คือ 100 กม. (ขอรับการสนับสนุน 50% ในวงเงิน 30 ล้านบาท) เริ่มโครงการหลังจากพัฒนาแบตเตอรี่ ขนาด 30 kW ในโครงการ (1) เรียบร้อยแล้ว
โดย พพ. จะร่วมกับศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ (MTEC) และผู้ชำนาญการจากสถาบันการศึกษาในประเทศไทยที่เกี่ยวข้อง ทำหน้าที่ติดตาม ตรวจสอบและประเมินผลการวิจัย (โดยมีค่าใช้จ่ายในการติดตามผลที่จะขอสนับสนุนจากกองทุนฯ ในวงเงิน 30 ล้านบาท) ทั้งนี้ ผลประโยชน์ที่เกิดจากการพัฒนาการวิจัยภายใต้โครงการดังกล่าวที่ได้รับเงินสนับสนุนจากกองทุนฯ จะได้สิทธิประโยชน์ จากบริษัทเซลเลนเนียม (ประเทศไทย) จำกัด ในรูปของสัดส่วนหุ้นคืนกลับสู่กองทุนฯ เพื่อนำไปใช้ประโยชน์สำหรับการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีอื่นๆ ต่อไป ดังนี้
ได้รับหุ้น 4.7% ของบริษัท เซลเลนเนียม (ประเทศไทย) จำกัด
ได้รับหุ้น 5% ของบริษัท เซลเลนเนียม USA
ได้รับหุ้น 3% ของบริษัท สคเวอเร็ล โฮลดิ้งส์
2. ผู้ทรงคุณวุฒิที่ร่วมวิเคราะห์โครงการฯ เพื่อให้ข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะอันเป็นประโยชน์สำหรับใช้ประกอบการพิจารณาให้การสนับสนุนโครงการนี้ ประกอบด้วย ศ.ดร.นักสิทธิ์ คูวัฒนาชัย จากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย ศ.ดร.ถิรพัฒน์ วิลัยทอง จากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ รศ.ดร.พรายพล คุ้มทรัพย์ จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และ ดร.วเรศ วีระสัย จากมหาวิทยาลัยมหิดล ได้มีการประชุมพิจารณาโครงการฯ รวม 2 ครั้ง คือ เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2547 และวันที่ 15 กันยายน 2547 สรุปว่า เห็นควรสนับสนุนโครงการ โดย พพ. ควรปรับรายละเอียดข้อเสนอโครงการฯ ให้ชัดเจนดังนี้
(1) ปรับปรุงโครงการย่อยที่ (2) จากงานวิจัยพื้นฐานการสร้างเซลล์เชื้อเพลิงที่ทำงานร่วมกับ Vanadium Electrolyte ขนาด 100 W ให้เป็นงานวิจัยต่อเนื่องไปจนถึงงานวิจัยเชิงประยุกต์ และนำไปสู่การใช้งานเชิงพาณิชย์ รวมทั้งเพิ่ม Literature Review State of Arts Propose Design ผู้ทำการวิจัย และ Track Record ของ ผู้ทำการวิจัยด้วย
(2) ควรให้มีการใช้บุคลากรภายในประเทศให้มากที่สุด เพื่อให้เกิดองค์ความรู้และพัฒนาบุคลากรในเทคโนโลยีดังกล่าวในประเทศ
(3) ควรเพิ่มส่วนการประเมินผลภาพรวมของโครงการแยกจากส่วนการติดตามตรวจสอบและประเมินผลเดิม โดยให้ สนพ. จ้างผู้ประเมินภาพรวมดังกล่าว ในวงเงิน 5 ล้านบาท
3. คณะอนุกรรมการฯ ได้ประชุมพิจารณาโครงการฯ รวม 2 ครั้ง คือ เมื่อวันที่ 20 กันยายน 2547 และเมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2547 และมีมติเห็นชอบให้การสนับสนุน "โครงการต้นแบบการประยุกต์ใช้งานเทคโนโลยี Vanadium Redox Flow สำหรับการลดภาระกำลังไฟฟ้าสูงสุด การผลิตไฟฟ้าผสมผสานขนาดเล็ก รถประจำทางไฟฟ้า และเซลล์เชื้อเพลิงคาร์โบไฮเดรท" ตามที่ พพ. เสนอในวงเงินรวม 200,000,000 บาท และ เห็นชอบให้ สนพ. จ้างผู้ประเมินภาพรวมโครงการฯ ในวงเงิน 5 ล้านบาท รวมถึงรับทราบแนวทางการจัดการผลประโยชน์ที่ได้จากบริษัทฯ ตามที่ฝ่ายเลขานุการฯ รายงาน ดังนี้
(1) กองทุนฯ สามารถรับผลประโยชน์/ทรัพย์สินจากเอกชนได้ ตามพระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ.2535 มาตรา 24 (5)
(2) กองทุนฯ สามารถรับบริจาคทรัพย์สินในรูปหุ้นได้ในกรณีที่มีการชำระมูลค่าเต็มแล้ว (หุ้นบริจาคเป็นหุ้นที่มีการชำระมูลค่าหุ้นแล้ว) โดยการบริจาคทรัพย์สินดังกล่าวต้องบริจาคให้กับกระทรวงการคลัง (กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน) โดยแยกบัญชีไว้เป็นการเฉพาะ และควรมีการทำสัญญา Share holder agreement ด้วยว่าบริษัทฯ จะไม่เรียกร้องค่าเสียหายจากกระทรวงการคลัง (กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน) ในฐานะผู้ถือหุ้นส่วนที่บริจาคแต่อย่างใด ในกรณีที่บริษัทฯ เกิดความเสียหาย
(3) การบริหารจัดการผลประโยชน์ที่ได้จากบริษัทฯ ตามพระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535 มาตรา 28 ได้มีการกำหนดอำนาจหน้าที่ให้คณะกรรมการกองทุนฯ ตามข้อ (10) จะอนุโลมใช้เกี่ยวกับการบริหารจัดการผลประโยชน์/ทรัพย์สินที่กองทุนรับเข้ามาไว้ได้ ซึ่งคณะกรรมการกองทุนฯ สามารถเสนอมอบอำนาจให้มีผู้ดูแลบริหารจัดการได้โดยความเห็นชอบของกระทรวงการคลัง เช่น สถาบันบริหารกองทุนพลังงาน เป็นต้น อย่างไรก็ดีตามประเด็นดังกล่าวข้างต้นนี้ยังไม่ชัดเจน เห็นควรให้ พพ. หารือสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาให้ชัดเจน
(4) การมอบหุ้นให้กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน (กระทรวงการคลัง) นั้น ควรเป็นการบริจาคหุ้นโดยสมัครใจแบบไม่มีเงื่อนไข ไม่ใช่เป็นไปในลักษณะของการบริจาคตามเงื่อนไขของกองทุนที่ให้เงินสนับสนุนดำเนินโครงการ
มติที่ประชุม
1. อนุมัติเงินจากกองทุนฯ ให้ สนพ. เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายใน "โครงการติดตามประเมินโครงการต้นแบบการประยุกต์ใช้งานเทคโนโลยี Vanadium Redox Flow สำหรับการลดภาระกำลังไฟฟ้าสูงสุด การผลิตไฟฟ้าผสมผสานขนาดเล็ก รถประจำทางไฟฟ้า และเซลล์เชื้อเพลิงคาร์โบไฮเดรท" ในวงเงินรวม 5,000,000 บาท (ห้าล้านบาทถ้วน) ดังรายละเอียดและขอบเขตงานจ้างที่ปรึกษาที่เสนอมา โดย สนพ. สามารถปรับรายละเอียดและขอบเขตงานจ้างที่ปรึกษาให้เหมาะสมมากขึ้นได้ โดยเบิกจ่ายจาก "งานศึกษาวิจัยและพัฒนาด้านเทคนิค แผนพลังงานทดแทน"
2. อนุมัติเงินกองทุนฯ ให้ กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายใน "โครงการต้นแบบการประยุกต์ใช้งานเทคโนโลยี Vanadium Redox Flow สำหรับการลดภาระกำลังไฟฟ้าสูงสุด การผลิตไฟฟ้าผสมผสานขนาดเล็ก รถประจำทางไฟฟ้า และเซลล์เชื้อเพลิงคาร์โบไฮเดรท" ในวงเงินรวม 200,000,000 บาท (สองร้อยล้านบาทถ้วน) โดยเบิกจ่ายจาก "งานศึกษาวิจัยและพัฒนาด้านเทคนิค แผนพลังงานทดแทน" และมีเงื่อนไขให้ พพ. ดำเนินการตามที่ผู้ทรงคุณวุฒิ คณะอนุกรรมการฯ และคณะกรรมการกองทุนฯ ได้มีความเห็นไว้
3. ให้การอนุมัติตามข้อ 1 และ 2 มีผลบังคับใช้เมื่อคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติเห็นชอบแผนอนุรักษ์พลังงานในช่วงปีงบประมาณ 2548-2554 แล้ว
1. ฝ่ายเลขานุการฯ ได้รายงานว่า คณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานในการประชุม ครั้งที่ 5/2546 (ครั้งที่ 37) เมื่อวันอังคารที่ 2 ธันวาคม 2546 ได้พิจารณาเรื่องการขอรับการสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการดำเนินกิจกรรมปิดถนนสีลม ของบริษัท แอคทวิน เอเซีย จำกัด ในช่วงเดือนมกราคม - เมษายน 2545 เป็นจำนวนเงิน 12,329,978.04 บาท ซึ่งที่ประชุมได้มีมติดังนี้
(1) เห็นชอบให้ สนพ. ประสานงานกับบริษัท แอคทวิน เอเซีย จำกัด เพื่อขอหลักฐานและรายละเอียดการใช้จ่ายเงินเพิ่มเติม และเจรจาต่อรองกับบริษัทฯ ให้ปรับลดค่าใช้จ่ายที่จะขอรับจากกองทุนฯ ตามข้อเสนอแนะของกรรมการกองทุนฯ แล้วส่งให้กระทรวงการคลังพิจารณายกเว้นการดำเนินการตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุในการจ้างบริษัท แอคทวิน เอเซีย จำกัด เป็นกรณีพิเศษ
(2) เห็นชอบให้ สนพ. อาศัยข้อกำหนดแห่งระเบียบคณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานว่าด้วยการเก็บรักษาเงินและทรัพย์สิน และการเบิกจ่ายเงินกองทุน พ.ศ. 2537 ข้อ 4 "... ในกรณีที่ไม่สามารถปฏิบัติตามระเบียบของทางราชการได้ให้เป็นไปตามที่คณะกรรมการกองทุนกำหนดโดยความเห็นชอบของกระทรวงการคลัง" ในการดำเนินการจัดจ้าง และการจ่ายเงินค่าจัดจ้างให้บริษัท แอคทวิน เอเซีย จำกัด เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินกิจกรรมปิดถนนสีลม ของ บริษัท แอคทวิน เอเซีย จำกัด ในช่วงเดือนมกราคม - เมษายน 2545
2. สนพ. ได้มีหนังสือถึงบริษัทฯ เพื่อขอหลักฐานเอกสารเพิ่มเติมประกอบการพิจารณาเบิกจ่ายเงินในการจัดกิจกรรมต่างๆ บนถนนสีลมในช่วงเดือนมกราคม - เมษายน 2545 และมีหนังสือถึงการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เพื่อขอข้อมูลรายละเอียดกิจกรรมและค่าใช้จ่ายที่เบิกจ่ายให้กับบริษัทฯ ในการดำเนินกิจกรรมปิดถนนสีลมตั้งแต่เดือนพฤษภาคม - ธันวาคม 2545 เพื่อนำมาวิเคราะห์เปรียบเทียบ ดูความเหมาะสมกับค่าใช้จ่ายที่บริษัทฯ แจ้งขอรับการสนับสนุน ซึ่งผลการตรวจสอบพบว่า ค่าใช้จ่ายในการจัดกิจกรรมใกล้เคียงกัน ดังนี้
(1) กิจกรรมปกติ มีค่าใช้จ่ายตามใบแจ้งหนี้ของบริษัทฯ โดยเฉลี่ยสัปดาห์ละ 502,365 บาท สูงกว่า ค่าใช้จ่ายที่ ททท. จ่ายให้บริษัทเฉลี่ยสัปดาห์ละ 487,524 บาท คิดเป็นร้อยละ 2.95
(2) กิจกรรมพิเศษ มีค่าใช้จ่ายตามใบแจ้งหนี้ของบริษัทฯ เฉลี่ยสัปดาห์ละ 2,381,565 บาท ต่ำกว่า ค่าใช้จ่ายที่ ททท. จ่ายให้บริษัทเฉลี่ยสัปดาห์ละ 2,436,390 บาท คิดเป็นร้อยละ 2.25
สนพ. มีความเห็นว่า ค่าใช้จ่ายตามใบแจ้งหนี้ที่บริษัทฯ ขอรับการสนับสนุนจากกองทุนฯ อยู่ในระดับที่เหมาะสม จะมีความแตกต่างกันบ้างขึ้นอยู่กับรายละเอียดปลีกย่อยของการจัดกิจกรรมในแต่ละสัปดาห์ ซึ่งก็จะไม่แตกต่างกันมากนัก
3. สนพ. ได้มีหนังสือถึง นายประสาน หวังรัตนปราณี ที่ปรึกษาของอดีตรองนายกรัฐมนตรี (นายพิทักษ์ อินทรวิทยนันท์) เพื่อขอความเห็นและคำรับรองการดำเนินกิจกรรมของบริษัทฯ ในช่วงตั้งแต่วันที่ 6 มกราคม - 28 เมษายน 2545 เนื่องจากเป็นผู้มีบทบาทสำคัญในคณะทำงานบริหารจัดการโครงการปิดถนนสีลม และได้ตรวจสอบควบคุมดูแลการดำเนินกิจกรรมปิดถนนสีลมในทุกๆ สัปดาห์ ซึ่งได้ให้คำรับรองว่ามีการจัดกิจกรรมต่าง ๆ เป็นประจำทุกสัปดาห์จริง
4. สนพ. ได้มีหนังสือถึงกระทรวงการคลัง เพื่อขอความเห็นชอบยกเว้นการดำเนินการตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติมเป็นกรณีพิเศษในการจัดจ้างและจ่ายเงินให้บริษัท แอคทวิน เอเซีย จำกัด เป็นกรณีพิเศษ โดยไม่ต้องแต่งตั้งคณะกรรมการจัดจ้างและคณะกรรมการตรวจรับ และให้ใช้ใบแจ้งหนี้ของบริษัท เป็นหลักฐานในการจ่ายเงิน ซึ่งกระทรวงการคลังพิจารณาแล้ว เห็นชอบให้ สนพ. ดำเนินการได้ตามที่ขอ โดยให้ใช้หลักฐานการจ่ายเงินที่บริษัทฯ ได้ใช้จ่ายไปเพื่อการดำเนินกิจกรรมในช่วงตั้งแต่วันที่ 6 มกราคม - 28 เมษายน 2545 ที่คณะทำงานบริหารจัดการโครงการปิดถนนสีลมได้รับรองรายการค่าใช้จ่ายเป็นหลักฐานประกอบใบแจ้งหนี้ที่บริษัทฯ ขอรับเงินจากกองทุนฯ
เนื่องจากคณะทำงานบริหารจัดการโครงการปิดถนนสีลมได้ถูกยกเลิกไปแล้วตั้งแต่วันที่ 27 มิถุนายน 2545 จึงไม่สามารถรับรองค่าใช้จ่ายตามความเห็นของกระทรวงการคลังได้ สนพ. จึงได้มีหนังสือถึงกระทรวงการคลังขอความเห็นชอบสำหรับการจ่ายเงินให้บริษัทฯ ตามจำนวนเงินที่คณะกรรมการกองทุนฯ เห็นสมควรอนุมัติ และให้ใช้ใบแจ้งหนี้ของบริษัทฯ และมติคณะกรรมการกองทุนฯ เป็นหลักฐานในการจ่ายเงิน ซึ่งกระทรวงการคลังพิจารณาแล้วเห็นควรให้ สนพ. จัดให้มี การตรวจสอบรายการและหลักฐานการจ่ายเงินที่บริษัทฯ นำมาใช้ประกอบการขอรับเงิน ตามใบแจ้งหนี้บริษัทฯ ในวงเงินที่คณะกรรมการกองทุนฯ จะพิจารณาอนุมัติ
5. บริษัท แอคทวิน เอเซีย จำกัด ได้ร้องขอความเป็นธรรมต่อคณะกรรมาธิการการพลังงาน และนายแพทย์ สุรวิทย์ คนสมบูรณ์ ประธานคณะกรรมาธิการการพลังงาน สภาผู้แทนราษฎร ได้มีหนังสือคณะกรรมาธิการการพลังงาน ที่พิเศษ/2547 ลงวันที่ 24 พฤษภาคม 2547 ขอให้รองนายกรัฐมนตรี (นายสุชาติ เชาว์วิศิษฐ) พิจารณาเร่งรัดดำเนินการแก้ไขปัญหาการเบิกจ่ายเงินค่าดำเนินโครงการปิดถนนสีลมของบริษัท แอคทวิน เอเซีย จำกัด เพราะเป็นเรื่องภายในที่สามารถแก้ไขได้ไม่จำเป็นต้องนำเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมาธิการ เพราะจะทำให้มีปัญหาบานปลายตามมามากมาย อาจจะเป็นผลเสียต่อภาครัฐ
รองนายกรัฐมนตรี (นายสุชาติ เชาว์วิศิษฐ) ได้มอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ดำเนินการ ซึ่ง รมว.พน. ได้สั่งการให้ สนพ. นำเรื่องดังกล่าวบรรจุเข้าสู่วาระการประชุมคณะกรรมการกองทุนฯ เพื่อพิจารณาต่อไป
6. สนพ. ได้พิจารณาเปรียบเทียบค่าใช้จ่ายที่บริษัทฯ แจ้งขอรับการสนับสนุนกับค่าใช้จ่ายที่ ททท. จ่ายให้บริษัทฯ ในการดำเนินกิจกรรมปิดถนนสีลมแล้ว เห็นว่าค่าใช้จ่ายที่ขอรับการสนับสนุนมีความเหมาะสม และกระทรวงการคลังก็ได้เห็นชอบให้ยกเว้นการดำเนินการตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติมเป็นกรณีพิเศษ โดยไม่ต้องแต่งตั้งคณะกรรมการจัดจ้างและคณะกรรมการตรวจรับ โดยจำนวนเงินที่จะจ่ายให้บริษัทฯ ให้เป็นไปตามที่คณะกรรมการกองทุนฯ เห็นสมควรอนุมัติ และให้ใช้ใบแจ้งหนี้ของบริษัทและมติคณะกรรมการกองทุนฯ เป็นหลักฐานในการจ่ายเงินต่อไป
สนพ. จึงใคร่ขอเสนอคณะกรรมการกองทุนฯ พิจารณาอนุมัติให้ สนพ. เบิกจ่ายเงินจาก "หมวดพัฒนาบุคลากรระยะสั้นในประเทศ" ปีงบประมาณ 2548 เป็นจำนวนเงิน 12,329,978.04 บาท (สิบสองล้านสามแสนสองหมื่นเก้าพันเก้าร้อยเจ็ดสิบแปดบาทสี่สตางค์) เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายให้บริษัท แอคทวิน เอเซีย จำกัด สำหรับเป็นค่าดำเนินกิจกรรม "โครงการปิดถนนสีลมเพื่อประหยัดพลังงาน ลดมลพิษและส่งเสริมการท่องเที่ยว" ในช่วงตั้งแต่วันที่ 6 มกราคม - 28 เมษายน 2545
มติที่ประชุม
อนุมัติเงินกองทุนฯ แผนงานบริหารทางกลยุทธ์ หมวดงานอื่นๆ ปีงบประมาณ 2548 ให้ สนพ. เป็นจำนวนเงิน 12,329,978.04 บาท (สิบสองล้านสามแสนสองหมื่นเก้าพันเก้าร้อยเจ็ดสิบแปดบาทสี่สตางค์) เพื่อนำไปจ่ายให้กับบริษัท แอคทวิน เอเซีย จำกัด เป็นค่าดำเนินกิจกรรมปิดถนนสีลม ในช่วงเดือนมกราคม - เมษายน 2545 โดยยกเว้นการดำเนินการตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม เป็นกรณีพิเศษ ในการจัดจ้างและจ่ายเงินให้บริษัท แอคทวิน เอเซีย จำกัด โดยไม่ต้องแต่งตั้งคณะกรรมการจัดจ้างและคณะกรรมการตรวจรับ และให้ใช้หลักฐานการจ่ายเงินที่บริษัท แอคทวิน เอเซีย จำกัด ได้ใช้จ่ายไปเพื่อการดำเนินกิจกรรมในช่วงตั้งแต่วันที่ 6 มกราคม - 28 เมษายน 2545 เป็นหลักฐานประกอบใบแจ้งหนี้
เรื่องที่ 10 ขอรับการสนับสนุนโครงการปรับปรุงเครื่องปรับอากาศเก่าในอาคารของรัฐเพื่อการอนุรักษ์พลังงาน
ฝ่ายเลขานุการฯ ได้รายงานให้ที่ประชุมทราบว่าประธานกรรมการกองทุนฯ (นายสมศักดิ์ เทพสุทิน) ได้มีหนังสือ ที่ นร 0411/ลร6/16498 ลงวันที่ 7 ธันวาคม 2547 ถึง สนพ. เพื่อเสนอโครงการปรับปรุงเครื่องปรับอากาศเก่าในอาคารของรัฐเพื่อการอนุรักษ์พลังงาน โดยจะขอรับการสนับสนุนจากกองทุนฯ เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการฯ เป็นวงเงิน 25 ล้านบาท โดยโครงการดังกล่าวสามารถสรุปสาระสำคัญได้ดังนี้
1. ความเป็นมา
ปัจจุบันเครื่องปรับอากาศเป็นอุปกรณ์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าในหน่วยงานต่างๆ ที่มีอัตราส่วนมากถึง 70-80% ของค่าไฟฟ้าของแต่ละหน่วยงาน ซึ่งการใช้เครื่องปรับอากาศนับวันจะเพิ่มปริมาณขึ้นเนื่องจากภาวะอากาศของประเทศไทยที่ร้อนขึ้นเป็นลำดับ ปัจจุบันได้มีเทคโนโลยีของการควบคุมเครื่องปรับอากาศด้วยอินเวอร์เตอร์ที่สามารถประยุกต์ใช้กับเครื่องปรับอากาศที่ติดตั้งใช้งานอยู่แล้ว ซึ่งจะสามารถลดการใช้พลังงาน ไฟฟ้าลงได้ 30-40% จากการใช้งานปกติของเครื่องปรับอากาศ
2. เทคโนโลยีการควบคุมด้วยอินเวอร์เตอร์ของเครื่องปรับอากาศ
ระบบการควบคุมของเครื่องปรับอากาศที่ใช้ในปัจจุบันจะใช้การควบคุมแบบตัดต่อ (On-Off Control) ซึ่งจะต่อคอมเพรสเซอร์เมื่ออุณหภูมิห้องสูงกว่าอุณหภูมิที่ตั้งไว้ที่เทอร์โมสตัดและจะตัดการทำงานของคอมเพรสเซอร์เมื่ออุณหภูมิห้องต่ำกว่าอุณหภูมิที่ตั้งไว้ที่เทอร์โมสตัด การควบคุมโดยใช้เทคโนโลยีอินเวอร์เตอร์จะเป็นการปรับอัตราการไหลของสารทำความเย็นให้เหมาะสมกับการระบายความร้อนของห้องตลอดเวลา โดยการควบคุมความเร็วรอบของคอมเพรสเซอร์แทนการควบคุมแบบตัดต่อ ซึ่งวิธีการควบคุมความเร็วรอบของคอมเพรสเซอร์นี้จะสามารถปรับการใช้พลังงานไฟฟ้าลดลงเมื่อเทียบกับแบบเดิมที่ใช้การควบคุมแบบตัดต่อได้ถึง 30-40%
นอกจากนี้ระบบการควบคุมเครื่องปรับอากาศด้วยอินเวอร์เตอร์ยังสามารถควบคุมอุณหภูมิได้แม่นยำกว่าแบบใหม่นี้อยู่ในช่วงบวกลบ 0.2 องศา เมื่อเทียบกับระบบเดิมจะอยู่ในช่วงบวกลบ 2 องศา
3. การขอรับการสนับสนุนโครงการ
เพื่อให้เกิดการอนุรักษ์พลังงานไฟฟ้าในเครื่องปรับอากาศที่ติดตั้งแล้วอย่างเป็นธรรม ทางโครงการขอรับการสนับสนุนเป็นโครงการนำร่องในการปรับปรุงเครื่องปรับอากาศเก่าในอาคารของรัฐโดยจะขอติดตั้งกับอาคารของรัฐในส่วนราชการของศาลากลางจังหวัดทั้ง 4 ภาค จำนวน 7 จังหวัด และหน่วยงานกรมการพลังงานทหารกระทรวงกลาโหม เพื่อให้มีความหลากหลายกับสภาวะของอากาศในแต่ละภูมิภาคโดยแต่ละหน่วยงานมีเครื่องปรับอากาศ 200 เครื่อง อินเวอร์เตอร์ ราคาประมาณ 15,000 บาท/เครื่อง รวม 1,600 เครื่อง เป็นเงินทั้งสิ้น 24 ล้านบาท คาดว่าจะประหยัดพลังงานได้ 30% คิดเป็น 12,856,320 บาท/ปี
มติที่ประชุม
มอบหมายให้ พพ. ประสานงานกับบริษัทเพื่อทำการทดสอบเทคโนโลยีดังกล่าว และรายงานผลการประหยัดพลังงานให้กรรมการกองทุนฯ รับทราบ ต่อไป