• Thailand (TH) language switcher
  • English (UK) language switcher

White Style normal-style white-yellow

decrease-font normal-font increase-font

Calendar  Youtube Youtube Facebook    
  • HOME
  • About Us
    • Company Profile
    • Vision / Mission / Value / Duty
    • Organization Structure
    • Contact US
    • Sitemap
  • Policy and Plan
    • Government Policy Statement
    • Thai Integrated Energy Blueprint TIEB
      • Thailand Power Development Plan
      • Thailand Energy Efficiency Development Plan
      • Alternative Energy Development Plan
      • Oil Plan
  • Related Laws
    • Acts / Royal ordinance
  • Energy Information Services
    • Energy Situation
      • Energy Situation in year 2015 and trend in year 2016
      • The energy situation in the first tenth months of 2015 and outlook for 2015
      • The energy situation in the first nine months of 2015 and outlook for 2015
      • The energy situation in the first eight months of 2015 and outlook for 2015
    • Xayaburi Hydroelectric Power Project
    • Thailand – Myanmar’s Energy Cooperation Projects
    • Electricity Trade between Thailand and Malaysia.
    • Power Purchased from Laos PDR.
    • Economic and Power Trading in the Greater Mekong Sub-region
    • Thailand energy report 2015
  • Energy Statistics
    • Summary Statistic
    • Petroleum Statistic
    • NGV Statistic
    • Coal and Lignite Statistic
    • Electricity Statistic
    • Energy Economy Statistic
    • Value Energy Statistic
    • Petroleum Price Statistic
    • CO2 Statistic
    • Indicators Statistic
Tuesday, 05 July 2016 13:52

มติคณะอนุกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน
ครั้งที่ 1/2552 (ครั้งที่ 16)
วันพฤหัสบดีที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2552 เวลา 13.30 น.
ณ ห้องประชุมบุญรอด-นิธิพัฒน์ ชั้น 11 อาคาร 7 กระทรวงพลังงาน


1. รายงานฐานะการเงินกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน สิ้นสุด ณ วันที่ 20 มีนาคม 2552
2. รายงานผลการตรวจสอบงบการเงินของกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2550 และ 2549 ของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน
3. การบริหารงานตามพระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2550
4. ขอความเห็นชอบงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ.2552 กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน 
5. แผนจัดตั้งโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อการผลิตไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ ปีที่ 2
6. เกณฑ์การประเมินผลการดำเนินงานของกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ประจำปีบัญชี 2552
7. โครงการค่าใช้จ่ายในการจ่ายเงินเพื่อชดเชยค่าผ่านทางในส่วนต่างให้แก่บริษัททางยกระดับดอนเมือง จำกัด (มหาชน)
8. การขอปรับรายละเอียดโครงการที่คณะกรรมการกองทุนฯ อนุมัติไว้แล้ว
9. การขอขยายระยะเวลาการผูกพันและการใช้จ่ายเงินกองทุนฯ ปีงบประมาณ 2551 สำหรับโครงการของ พพ.


รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน (นายวรรณรัตน์ ชาญนุกูล) ประธานอนุกรรมการ
ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (นายวีระพล จิรประดิษฐกุล) อนุกรรมการและเลขานุการ


ประธานได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบว่า นายปิยะวัติ บุญ-หลง อนุกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ได้ขอลาออกจากตำแหน่งอนุกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ตามหนังสือที่ นร 6809/0146/2552 ลงวันที่ 31 มีนาคม 2552 และ กรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ตามหนังสือที่ นร 6809/0143/2552 ลงวันที่ 31 มีนาคม 2552 โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2552 เป็นต้นไป เนื่องจากจะครบกำหนดวาระการดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย


เรื่องที่ 1 รายงานฐานะการเงินกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน สิ้นสุด ณ วันที่ 20 มีนาคม 2552

ฝ่ายเลขานุการฯ ได้รายงานฐานะการเงินกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน สิ้นสุด ณ วันที่ 20 มีนาคม 2552 ให้ที่ประชุมทราบว่า มีเงินคงเหลือ จำนวน 10,347,785,551.73 บาท โดยแบ่งเป็น 2 ส่วน ดังนี้

1. เงินกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน 5,281,138,838.67 บาท

2. เงินโครงการพัฒนาระบบการขนส่ง 5,066,646,713.06 บาท

รวมเป็นเงิน 10,347,785,551.73 บาท

ประกอบด้วย

1) เงินฝากธนาคารกรุงไทย - ออมทรัพย์ 10,271,891,211.73 บาท

2) เงินฝากธนาคารกสิกรไทย - ออมทรัพย์ 75,894,340.00 บาท

มติที่ประชุม

ที่ประชุมรับทราบฐานะการเงินกองทุนฯ สิ้นสุด ณ วันที่ 20 มีนาคม 2552 ตามที่ฝ่ายเลขานุการฯ เสนอ


เรื่องที่ 2 รายงานผลการตรวจสอบงบการเงินของกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2550 และ 2549 ของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน

1. ระเบียบคณะกรรมการกองทุนฯ ว่าด้วยการเก็บรักษาเงินและทรัพย์สิน และการเบิกจ่ายเงินกองทุน พ.ศ. 2537 ข้อ 30 กำหนดให้กรมบัญชีกลางจัดทำรายงานการรับจ่ายเงินกองทุนฯ และเงินคงเหลือบัญชีเงินฝากกองทุนฯ เพื่อเสนอคณะกรรมการกองทุนฯ เป็นรายไตรมาส และส่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) เพื่อทราบ และให้จัดทำงบการเงินประจำปีให้ สตง.ตรวจสอบรับรอง แล้วรายงานให้คณะกรรมการกองทุนฯ ทราบต่อไป

2. กรมบัญชีกลางได้รายงานผลการตรวจสอบงบการเงินของกองทุนฯ สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2550 และ 2549 โดย สตง. ซึ่งมีข้อเสนอแนะให้กองทุนฯ ดำเนินการ ดังนี้

2.1 ให้ สนพ. นำเงินสนับสนุนทุนการศึกษา ทุนวิจัย ทุนฝึกอบรม และเงินพัฒนาหลักสูตร สื่อการเรียนการสอน ที่เบิกจากกองทุนฯ ตั้งแต่ปีงบประมาณ 2543-2549 ที่ค้างอยู่ที่ สนพ. จำนวน 14,083,873.77 บาท ส่งคืนกองทุนฯ ในการนี้ สนพ. ได้ดำเนินการตามข้อเสนอแนะดังกล่าวแล้ว โดยจ่ายเงินให้แก่ผู้ได้รับสนับสนุนทุนไปแล้ว จำนวน 459,158.33 บาท และได้นำเงินส่งคืนกองทุนฯ ในเดือนกุมภาพันธ์ 2552 จำนวน 13,624,715.44 บาท เรียบร้อยแล้ว

2.2 ให้ตรวจสอบหาสาเหตุที่ทำให้โครงการที่ได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการกองทุนฯ ไม่สามารถดำเนินการตามแผนงานหรือการดำเนินงานไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์ และหาแนวทางแก้ไข เพื่อให้การใช้จ่ายเงินกองทุนฯ บรรลุวัตถุประสงค์ตาม พรบ.การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535 ข้อ 25 ในการนี้ สนพ. ได้ดำเนินการตามข้อเสนอแนะแล้ว โดยตรวจสอบและติดตามผู้ได้รับเงินทุนสนับสนุนในโครงการต่างๆ โดยให้เร่งเบิกจ่ายเงินให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่ได้รับการสนับสนุน และหากดำเนินการตามโครงการเสร็จสิ้น หรือมิได้ดำเนินการตามแผนงานที่กำหนดไว้ ให้นำเงินที่เหลือและดอกผลทั้งหมดส่งคืนกองทุนฯ

2.3 ให้เรียกเงินคืนจาก กทม. ในส่วนที่ได้รับจัดสรรเงินจากกองทุนฯ และมิได้ดำเนินการตามแผนงานที่กำหนด ตามโครงการจัดซื้อรถเก็บขนมูลฝอยชนิดใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิง จำนวน 45,500,000 บาท พร้อมดอกผลนำส่งคืนกองทุนฯ โดยเร็ว ในการนี้ สนพ. ได้เรียกเงินคืนพร้อมดอกผลจาก กทม. แล้ว ซึ่งขณะนี้อยู่ในระหว่างขั้นตอนดำเนินการส่งเงินคืนกองทุนฯ

2.4 ให้ พพ. นำเงินค่าปรับจำนวน 1,149,457.80 บาท และเงินหมุนเวียนเพื่อการอนุรักษ์พลังงาน ปีงบประมาณ 2545-2549 ที่สถาบันการเงินส่งคืนรวมทั้งดอกเบี้ย ส่งคืนกองทุนฯ จำนวน 1,283,204,374.89 บาท ในการนี้ พพ. ได้ดำเนินการส่งคืนเงินรวมทั้งดอกเบี้ยจำนวนดังกล่าว เรียบร้อยแล้ว

2.5 ให้นำเสนอผลการตรวจสอบของ สตง. ให้คณะกรรมการกองทุนฯ รับทราบปัญหา อุปสรรค ผลการดำเนินงานในปีที่ผ่านมา เพื่อพิจารณาสั่งการให้มีการปฏิบัติตามแผนงานที่กำหนด และให้การดำเนินงานโครงการบรรลุวัตถุประสงค์ โดยถือปฏิบัติตามระเบียบคณะกรรมการกองทุนฯ ว่าด้วยการเก็บรักษาเงินและทรัพย์สินและการเบิกจ่ายเงินกองทุน พ.ศ. 2537 ข้อ 30 โดยเคร่งครัด

มติที่ประชุม

ที่ประชุมรับทราบผลการตรวจสอบงบการเงินของกองทุนฯ สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2550 และ 2549 ของ สตง. และมีข้อสังเกตเพื่อเป็นแนวทางในการปฏิบัติสำหรับโครงการที่ไม่สามารถดำเนินการให้เป็นไปตามแผนงาน และไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์ ควรนำโครงการมาพิจารณาและทบทวนแผนการดำเนินงานและความเหมาะสมในการสนับสนุนทุนโครงการต่อไปหรือไม่ ทั้งนี้เพื่อมิให้มีจำนวนเงินค้างจ่ายในบัญชีผู้เบิกเงินกองทุนฯ มากเกินความจำเป็น


เรื่องที่ 3 การบริหารงานตามพระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2550

1. พรบ. การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2550 ได้มีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน 2551 โดยมีมาตราที่เกี่ยวข้องกับงานบริหารกองทุนฯ ดังนี้

1.1 จัดตั้ง "กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน" ในกระทรวงพลังงาน เพื่อใช้เป็นทุนหมุนเวียนและใช้จ่ายช่วยเหลือหรืออุดหนุนการดำเนินงานเกี่ยวกับการอนุรักษ์พลังงาน และให้กระทรวงพลังงานเก็บรักษาเงินและทรัพย์สินของกองทุนและดำเนินการเบิกจ่ายเงินกองทุนตาม พรบ.นี้

1.2 ให้โอนบรรดากิจการ ทรัพย์สิน สิทธิ หนี้สิน และเงินจากกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานในกระทรวงการคลัง ไปเป็นของกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน

1.3 กำหนดให้มีคณะกรรมการกองทุนฯ ขึ้น 1 คณะ ประกอบด้วย รองนายกรัฐมนตรีคนหนึ่งที่นายกรัฐมนตรีมอบหมายให้เป็นประธานกรรมการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ปลัดกระทรวงการคลัง ปลัดกระทรวงพลังงาน เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม อธิบดีกรมบัญชีกลาง อธิบดีกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน อธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย นายกสภาวิศวกร นายกสภาสถาปนิก และผู้ทรงคุณวุฒิ 7 ท่าน ซึ่งคณะรัฐมนตรีแต่งตั้งเป็นกรรมการ และผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน เป็นกรรมการและเลขานุการ โดยมีอำนาจหน้าที่กำกับดูแลการใช้จ่ายเงินกองทุนฯ ให้เป็นไปตามมาตรา 28 ใน พรบ.การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535

1.4 ให้คณะกรรมการกองทุนมีอำนาจแต่งตั้งคณะอนุกรรมการเพื่อพิจารณาหรือปฏิบัติการตามที่คณะกรรมการกองทุนมอบหมาย

ในการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการเพื่อพิจารณาหรือปฏิบัติการตามมาตรา 28 (2) คณะกรรมการกองทุนอาจมอบอำนาจให้คณะอนุกรรมการมีอำนาจในการอนุมัติการขอเปลี่ยนแปลงการจัดสรรเงินกองทุนให้แก่กิจการ แผนงาน หรือโครงการได้เท่าที่ไม่เกินจากวงเงินที่คณะกรรมการกองทุนจัดสรรให้ ทั้งนี้ให้เป็นไปตามระเบียบที่คณะกรรมการกองทุนกำหนด

2. ปัจจุบันการบริหารงานกองทุนฯ ประธานกรรมการได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะอนุกรรมการภายใต้คณะกรรมการกองทุนฯ 2 คณะ คือ (1) คณะอนุกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ตามคำสั่ง ที่ 1/2548 ลงวันที่ 7 กันยายน 2548 ทำหน้าที่พิจารณากลั่นกรองให้ความเห็นต่อแผนอนุรักษ์พลังงาน หลักเกณฑ์ เงื่อนไข ลำดับความสำคัญของการใช้จ่ายเงินกองทุนฯ และ (2) คณะอนุกรรมการประเมินผลแผนอนุรักษ์พลังงาน ตามคำสั่งที่ 1/2550 ลงวันที่ 16 มกราคม 2550 ทำหน้าที่ประเมินผลการดำเนินงานของโครงการที่ได้รับการจัดสรรเงินจากกองทุนฯ

3. เพื่อให้การบริหารงานกองทุนฯ ของคณะอนุกรรมการ สอดคล้องกับมาตรา 34 แห่ง พรบ. การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535 และ พรบ. การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2550 จึงควรเพิ่มเติมอำนาจหน้าที่ของคณะอนุกรรมการฯ ในการพิจารณาอนุมัติการขอเปลี่ยนแปลงการจัดสรรเงินกองทุนให้แก่กิจการ แผนงาน หรือโครงการได้เท่าที่ไม่เกินจากวงเงินที่คณะกรรมการกองทุนฯ ได้เห็นชอบ/อนุมัติไว้แล้ว

มติที่ประชุม

ที่ประชุมรับทราบอำนาจหน้าที่ของคณะอนุกรรมการฯ ตาม พรบ. การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2550 ในการพิจารณาอนุมัติการขอเปลี่ยนแปลงการจัดสรรเงินกองทุนให้แก่กิจการ แผนงาน หรือโครงการได้เท่าที่ไม่เกินจากวงเงินที่คณะกรรมการกองทุนฯ ได้เห็นชอบ/อนุมัติไว้แล้ว โดยให้ฝ่ายเลขานุการฯ ดำเนินการปรับปรุงระเบียบคณะกรรมการกองทุนฯ และร่างคำสั่งคณะกรรมการฯ เสนอคณะอนุกรรมการฯ เพื่อพิจารณาในการประชุมครั้งต่อไป


เรื่องที่ 4 ขอความเห็นชอบงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ.2552 กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน

1. คณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2550 ได้รับทราบแผนอนุรักษ์พลังงานและเป้าหมาย ในช่วงปีงบประมาณ พ.ศ. 2551-2554 ตามที่ กพช. เสนอ โดยมีเป้าหมายและการดำเนินการจะลดปริมาณการใช้พลังงานลง 7,820 พันตันเทียบเท่าน้ำมันดิบ หรือคิดเป็นร้อยละ 10.8 ของความต้องการใช้พลังงานทั้งหมดของประเทศในปี 2554 และกำหนดเป้าหมายการนำพลังงานหมุนเวียนมาใช้แทนพลังงานเชิงพาณิชย์ 8,858 พันตันเทียบเท่าน้ำมันดิบ หรือคิดเป็นร้อยละ 12.2 ของความต้องการใช้พลังงาน ในปี 2554

2. คณะกรรมการกองทุนฯ ได้จัดสรรเงินกองทุนฯ จำนวน 89,848,165,183 บาท เพื่อนำไปช่วยเหลือ อุดหนุน หรือเป็นเงินทุนหมุนเวียน สนับสนุนการดำเนินงานตามแผนดังกล่าว เป็นรายจ่ายสำหรับแผนอนุรักษ์พลังงาน จำนวน 18,881 ล้านบาท และงบประมาณรอจ่ายสำหรับ โครงการลงทุนพัฒนาระบบการขนส่ง จำนวน 70,967 ล้านบาท โดยอนุมัติจำนวนเงินจำแนกตามแผนงานรายปี ดังนี้

ปีงบประมาณ 2551 2552 2553 2554 2555 รวม 5 ปี
1. แผนพลังงานทดแทน 4,838 1,190 1,315 880 1,110 9,332
2. แผนเพิ่มประสิทธิภาพฯ 12,549 15,927 17,940 17,116 16,736 80,267
- ดำเนินการตามแผนอนุรักษ์ฯ 5,838 2,356 428 351 328 9,300
- ลงทุนพัฒนาระบบการขนส่ง 6,711 13,571 17,512 16,765 16,408 70,967
3. แผนงานบริหารทางกลยุทธ์ 249 249
รวม (ล้านบาท) 17,635 17,116 19,255 17,996 17,846 89,848
รวม (ล้านบาท) ไม่รวมขนส่ง 10,924 3,545 1,743 1,231 1,438 18,881

3. ความคืบหน้าของการดำเนินงานและการเบิกจ่ายเงินกองทุนฯ ในงาน/โครงการต่างๆ เป็นไปตามแผนฯ โดยงบประมาณปี 2551 จำนวน 10,924 ล้านบาท มีการเบิกจ่าย ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2551 จำนวน 2,393 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 22 และเป็นเงินส่งคืนกองทุนฯ จำนวน 924 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 8 โดยรายจ่ายผูกพันของงบประมาณปี 2551 จำนวน 7,607 ล้านบาท โดยสรุปผลการดำเนินงานได้ ดังนี้

(1) เป้าหมายและผลลดการใช้พลังงานภาคอุตสาหกรรม

แผนและเป้าหมาย 2549 2550 2551 2552 2553 2554
1. การดำเนินการตาม พรบ. * - - 25 50 100 211
2. การให้สิทธิประโยชน์ทางภาษี 52 134 232 341 454 570
3. การให้เงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ 75 200 300 400 500 600
4. ส่งเสริมและพัฒนาธุรกิจ ESCO 12 49 97 153 224 300
5. การอนุรักษ์พลังงานแบบมีส่วนร่วม 47 100 200 300 400 551
6. การสาธิตเทคโนโลยีระดับสูง - 9 25 50 100 200
7. DSM Bidding+โรงแรม 75 149 149 149 149
8. นโยบาย CoGen 311 358 406 500 608
เป้าหมายผลประหยัด ktoe (สะสม) 186 878 1,387 1,849 2,427 3,190
ผลประหยัด ktoe (สะสม) ณ ปี 2551 1,345

(2) เป้าหมายและผลลดการใช้พลังงาน ด้านการจัดการ

แผนและเป้าหมาย 2549 2550 2551 2552 2553 2554
1. มาตรฐานเครื่องจักรอุปกรณ์ไฟฟ้า
กำหนดมาตรฐานขั้นต่ำ (MEPs) 7 36 63 93 134 179
กำหนดมาตรฐานขั้นสูง (Labeling) 70 77 81 100 120 158
2. มาตรฐานเครื่องจักรอุปกรณ์ความร้อน
กำหนดมาตรฐานขั้นสูง เตา LPG 3 6 8 11 14
3. มาตรฐานสำหรับยานยนต์ 4 8 40 100 140
4. มาตรฐานสำหรับอาคาร 1 1 1
5. ส่งเสริมการใช้งานอุปกรณ์ 1 10 19 28
6. ส่งเสริมการใช้เตาถ่านประสิทธิภาพสูง 6 17 28 46 68
7. ส่งเสริม CFL 2 17 31 46 46
8. ส่งเสริม T5 18 56 148 260 408
แผนและเป้าหมาย 2549 2550 2551 2552 2553 2554
9. รณรงค์สร้างจิตสำนึก/ราชการ 49 79 111 140 172 176
เป้าหมายผลประหยัด ktoe (สะสม) 126 225 360 599 908 1,217
ผลประหยัด ktoe (สะสม) ณ ปี 2551 223

(3) เป้าหมายและผลลดการใช้พลังงาน ภาคขนส่ง

แผนและเป้าหมาย 2549 2550 2551 2552 2553 2554
1. ส่งเสริมการใช้ระบบขนส่งมวลชน 127 136 144 153 1,441 1,554
2. ปรับปรุงระบบจัดการจราจร 25 34 45 60 80 106
3. ส่งเสริมธุรกิจ LOGISTIC DEPOTและ ICD 100 100 450 800 1,150 1,450
4. สร้างเครือข่ายระบบขนส่งที่มีประสิทธิภาพ 155 167 180 180 180 180
5. นโยบาย ECO CAR 0 0 0 26 66 123
เป้าหมายผลประหยัด ktoe (สะสม) 407 437 819 1,219 2,917 3,413
ผลประหยัด ktoe (สะสม) ณ ปี 2551 445

(4) เป้าหมายและผลลดการส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทน

ประเภท ผล เป้าหมาย ผล เป้าหมาย ตามแผน 15 ปี หน่วย
ปี 2550 ปี 2551 ปี 2551 ปี 2554 ปี 2554*
1. การผลิตไฟฟ้า
(1) พลังงานแสงอาทิตย์ 32 34 36 45 55 MW
(2) พลังงานลม 0.96 16 3.1 115 150 MW
(3) พลังงานน้ำ 50 59 66 156 165 MW
(4) พลังงานชีวมวล 1,507 1,807 1,655 2,800 2,800 MW
(5) ขยะ 4.25 14.3 4.25 100 60 MW
(6) ก๊าซชีวภาพ 29.2 34.2 68.8 60 100 MW
2. การใช้ความร้อน
(7) พลังงานชีวมวล 2,345 2,645 2,406 3,660 3,544 ktoe/ปี
( 8)ก๊าซชีวภาพ 79 140 144 370 540 ktoe/ปี
(9) พลังงานแสงอาทิตย์ 0.3 0.9 0.3 5 17 ktoe/ปี
3. การใช้เชื้อเพลิงชีวภาพ
(8) เอทานอล 0.55 1.3 0.8 2.4 3 ล้านลิตร/วัน
(9) ไบโอดีเซล 0.07 1.2 1.3 3 3 ล้านลิตร/วัน

4. กระทรวงพลังงาน มีการพิจารณาจัดสรรเงิน กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ.2552 เพื่อให้หน่วยงานต่างๆ ได้มีงบประมาณสำหรับใช้จ่ายเป็นเงินหมุนเวียน เงินช่วยเหลือ หรือเงินอุดหนุนสำหรับการลงทุน และดำเนินงานเกี่ยวกับการอนุรักษ์พลังงานตาม มาตรา 25 แห่ง "พรบ.การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน" โดยมี "คณะทำงานพิจารณากลั่นกรองงบประมาณประจำปี 2552 ของกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน" ที่ประธานคณะอนุกรรมการกองทุนฯ แต่งตั้ง ทำหน้าที่กลั่นกรองงบประมาณและแผนการปฏิบัติงานของหน่วยงานต่างๆ ที่จะขอจัดสรรจากกองทุนฯ ประจำปีงบประมาณ 2552 ซึ่งคณะทำงานฯ ได้ยึดตามภารกิจสำคัญ 3 ด้าน ดังนี้

(1) ภารกิจตามข้อกำหนดและกฎหมาย พ.ร.บ.ส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน

(2) ภารกิจตามยุทธศาสตร์ระดับชาติ นโยบายรัฐบาล และกระทรวงพลังงาน

(3) ภารกิจตามเจตนารมณ์ของกองทุนฯ ตามมาตรา 25 แห่ง พ.ร.บ.ส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน และตามแผนและเป้าหมายอนุรักษ์พลังงาน ในช่วงปี 2551-2554

คณะทำงานฯ ได้ดำเนินการตามที่ได้รับมอบหมายเรียบร้อยแล้ว สรุปผลงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 ของกองทุนฯ เป็นจำนวนไม่เกิน 2,405,004,804 บาท โดยแบ่งรายจ่ายออกเป็น 2 หน่วยงานผู้เบิกเงินกองทุนฯ คือ พพ. จำนวน 1,549,388,680 บาท และ สนพ. จำนวน 855,616,124 บาท ซึ่งสรุปงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2552 (จำแนกตามแผนอนุรักษ์พลังงาน) ได้ดังนี้

จำแนกตามแผนอนุรักษ์พลังงาน รวม ร้อยละ จำแนกตามหน่วยผู้เบิก (บาท)
พพ. สนพ.
1. แผนพลังงานทดแทน 959,012,560.00 39.88% 421,388,680.00 537,623,880.00
1.1 งานศึกษาวิจัยพัฒนา 221,540,000.00 9% 71,540,000.00 150,000,000.00
1.2 งานส่งเสริมและสาธิต 275,895,680.00 11% 275,895,680.00 -
1.3 งานพัฒนาบุคลากรและประชาสัมพันธ์ 435,276,880.00 18% 47,653,000.00 387,623,880.00
1.4 งานบริหารแผนงาน 26,300,000.00 1% 26,300,000.00 -
2. แผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน 1,329,700,000.00 55.29% 1,128,000,000.00 201,700,000.00
2.1 งานศึกษาวิจัยพัฒนา 93,500,000.00 4% 58,500,000.00 35,000,000.00
2.2 งานส่งเสริมและสาธิต 1,011,500,000.00 42% 1,011,500,000.00 -
2.3 งานพัฒนาบุคลากรและประชาสัมพันธ์ 202,200,000.00 8% 35,500,000.00 166,700,000.00
2.4 งานบริหารแผนงาน 22,500,000.00 1% 22,500,000.00
3. แผนบริหารเชิงกลยุทธ์ 116,292,244.00 5.22% - 116,292,244.00
3.1 งานศึกษาวิจัยเชิงนโยบาย 15,000,000.00 1% - 15,000,000.00
3.2 งานบริหารแผนงาน 101,292,244.00 4% - 101,292,244.00
รวมงบประมาณ กทอ. ปี 2552 2,405,004,804.00 100% 1,549,388,680.00 855,616,124.00

เนื่องด้วย พพ. และ สนพ. มีงานบริหารเกี่ยวกับการอนุรักษ์พลังงานที่ต้องดำเนินงานต่อเนื่อง เช่น การเบิกจ่ายเงินให้หน่วยงาน โครงการ ตามข้อผูกพันสัญญาฯ การประสานหน่วยงาน โรงงาน อาคาร เพื่อดำเนินการตามกฎหมายอนุรักษ์พลังงาน การให้คำแนะนำกับประชาชนในเรื่องวิธีประหยัดพลังงาน ฯลฯ จึงมีรายจ่ายประจำที่จำเป็นเพื่อการบริหารงานที่เกิดขึ้นแล้ว เช่น ค่าจ้างพนักงานราชการ ค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปให้ความรู้ ความเข้าใจ การร่วมประชุมให้ความเห็น ค่าสาธารณูปโภค เป็นต้น ฝ่ายเลขานุการฯ จึงเห็นควรเสนอคณะกรรมการกองทุนฯ พิจารณาเห็นชอบให้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 ของกองทุนฯ งานบริหารของทั้ง 3 แผนงาน มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2551

มติที่ประชุม

เห็นชอบงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2552 จำนวน 2,405,004,804 บาท (สองพันสี่ร้อยห้าล้าน สี่พันแปดร้อยสี่บาทถ้วน) โดยแบ่งรายจ่ายออกเป็น 2 หน่วยงานผู้เบิกเงินกองทุนฯ ดังนี้

(1) พพ. จำนวน 1,549,388,680 บาท (หนึ่งพันห้าร้อยสี่สิบเก้าล้านสามแสนแปดหมื่นแปดพันหกร้อยแปดสิบบาทถ้วน)

(2) สนพ. จำนวน 855,616,124 บาท (แปดร้อยห้าสิบห้าล้านหกแสนหนึ่งหมื่นหกพันหนึ่งร้อยยี่สิบสี่บาทถ้วน)

นอกจากนี้ ที่ประชุมเห็นชอบให้เสนอคณะกรรมการกองทุนฯ พิจารณาให้ค่าใช้จ่ายในงานบริหารของทั้ง 3 แผนงาน มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2551 โดยให้แต่ละหน่วยงานสามารถถัวจ่ายและเปลี่ยนแปลงรายการในหมวดต่างๆ ได้ตามความจำเป็นและเหมาะสม


เรื่องที่ 5 แผนจัดตั้งโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อการผลิตไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ ปีที่ 2

1. คณะอนุกรรมการกองทุนฯ ในการประชุมเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2550 ได้พิจารณากรอบ แนวทางและขั้นตอนการจัดสรรเงินกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน สำหรับดำเนินการตามแผนจัดตั้งโครงสร้างพื้นฐานเพื่อการผลิตไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ ในช่วง 3 ปีแรก พร้อมทั้งจัดสรรเงินกองทุนฯ ให้ สนพ. จำนวน 250 ล้านบาท/ปี รวม 750 ล้านบาท เพื่อไว้ใช้จ่ายสำหรับการดำเนินการตามแผนดังกล่าว และคณะกรรมการกองทุนฯ และ กพช. ได้รับทราบประมาณการรายจ่ายสำหรับกิจกรรมโครงสร้างพื้นฐานเพื่อการผลิตไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ ซึ่งคาดว่าจะใช้จ่ายเงินประมาณ 450 ล้านบาท/ปี หรือจำนวนรวม 1,350 ล้านบาท ประกอบด้วย 7 แผนงานดังนี้

แผนงาน งบประมาณ (ล้านบาท)
ปี 2551 ปี 2552 ปี 2553
1. แผนงานด้านกฎหมาย ระบบกำกับ และข้อผูกพันระหว่างประเทศ 30.0 30.0 30.0
2. แผนงานด้านโครงสร้างพื้นฐานอุตสาหกรรมและพาณิชย์ 10.0 10.0 10.0
3. แผนงานด้านการถ่ายทอด พัฒนาเทคโนโลยี และพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ 65.0 65.0 65.0
4. แผนงานด้านความปลอดภัย และการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม 30.0 30.0 30.0
5. แผนงานด้านการสื่อสารสาธารณะ และการยอมรับของประชาชน 205.0 205.0 205.0
6. แผนงานด้านการการวางแผนการดำเนินการโครงการไฟฟ้านิวเคลียร์ 85.0 85.0 85.0
7. การจัดตั้งสำนักพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ (NPPDO) 25.0 25.0 25.0
รวมค่าใช้จ่ายรายปี 450.0 450.0 450.0
รวมค่าใช้จ่ายรวม 3 ปี 1,350.00

คณะกรรมการกองทุนฯ และ กพช. ได้เห็นชอบให้ สนพ. เพิ่มเติมโครงสร้างพื้นฐานเพื่อการผลิตไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ ในกรอบแผนอนุรักษ์พลังงาน ระยะที่ 3 (ในช่วงปี 2551-2554) ที่คณะกรรมการกองทุนฯ ได้อนุมัติไว้แล้ว ในการประชุมเมื่อวันที่ 21 กันยายน 2550 และอนุมัติจัดสรรเงินกองทุนฯ แผนพลังงานทดแทน งานศึกษาวิจัยและพัฒนาด้านเทคนิค ให้ สนพ. ในวงเงินประมาณ 250 ล้านบาท/ปี ไว้ใช้สำหรับช่วยเหลืออุดหนุนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสำหรับกิจกรรมตามแผนงานที่ 1-7 ที่มีความเร่งด่วนต้องเริ่มดำเนินการและมีกรอบระยะเวลาที่กำหนดไว้แล้วตามมติคณะรัฐมนตรี

2. กพช. ในการประชุมเมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2550 ได้มีมติเห็นชอบให้แต่งตั้ง "คณะกรรมการประสานงานเพื่อเตรียมการจัดตั้งโครงสร้างพื้นฐานพลังงานนิวเคลียร์" ขึ้น เพื่อกำหนดทิศทางและ ให้ความเห็นชอบโครงการตามแผนจัดตั้งโครงสร้างพื้นฐานพลังงานนิวเคลียร์รวมถึงกำกับดูแล ติดตามประเมินผลการดำเนินงานตามแผนจัดตั้งโครงสร้างพื้นฐานพลังงานนิวเคลียร์ให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อยและมีประสิทธิภาพ

3. สำนักพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ (สพน.) ได้ขอรับจัดสรรเงินจากกองทุนฯ รวม 14 โครงการ ในวงเงินรวม 122,000,000 บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับการดำเนินงานตามแผนงานปีที่ 2 โดยได้นำเสนอขอความเห็นชอบต่อคณะกรรมการประสานงานเพื่อเตรียมการจัดตั้งโครงสร้างพื้นฐานพลังงานนิวเคลียร์แล้ว ในการประชุมเมื่อวันที่ 3 เมษายน 2552 ประกอบด้วย

โครงการ งบประมาณ
แผนงานด้านกฎหมาย ระบบกำกับ และข้อผูกพันระหว่างประเทศ 10,000,000
1. โครงการศึกษา และปรับปรุงกฎหมายด้านความปลอดภัยทางนิวเคลียร์ระดับสากล พันธกรณีทางนิวเคลียร์ต่างๆ เปรียบเทียบ กับกฎหมายไทยในปัจจุบัน 10,000,000
แผนงานด้านโครงสร้างพื้นฐานอุตสาหกรรมและพาณิชย์ 5,000,000
1. โครงการศึกษาและจัดทำแผนงาน ด้านโครงสร้างอุตสาหกรรม และการพาณิชย์ 5,000,000
แผนงานด้านการถ่ายทอด พัฒนาเทคโนโลยี และพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ 21,000,000
1. โครงการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ กลุ่มกฎหมายและการกำกับดูแล 10,000,000
2. โครงการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ กลุ่มสื่อสารสาธารณะและการยอมรับของประชาชน 11,000,000
แผนงานด้านความปลอดภัย และการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม 15,000,000
1. โครงการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมและผลกระทบเชิงพื้นที่ในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ 5,000,000
2. โครงการจัดหาที่ปรึกษาเพื่อศึกษาแผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเพื่อรองรับการจัดตั้งโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ 10,000,000
แผนงานด้านการสื่อสารสาธารณะ และการยอมรับของประชาชน 46,000,000
1. โครงการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนต่อโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ 5,000,000
2. โครงการพัฒนาเว็ปไซด์เพื่อส่งเสริมการให้ความรู้ด้านพลังงานนิวเคลียร์ 1,000,000
3. โครงการผลิตข่าวสารนิวเคลียร์ 4,000,000
4. โครงการส่งเสริมและสนับสนุนกิจกรรมสื่อมวลชนสัมพันธ์ กลุ่มรัฐกิจ ธุรกิจสัมพันธ์ และกลุ่มสตรี แม่บ้าน เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจด้านพลังงานนิวเคลียร์ 8,000,000
5. โครงการจัดทำสื่อเพื่อการรณรงค์และเผยแพร่องค์ความรู้ความเข้าใจด้านพลังงานนิวเคลียร์ 15,000,000
6. โครงการสร้างความรู้ความเข้าใจ และการมีส่วนร่วมประชาชน โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ ปีที่ 2 3,000,000
7. โครงการส่งเสริมและสนับสนุน การเผยแพร่ความรู้ด้านพลังงาน นิวเคลียร์ร่วมกับองค์กรเอกชน และองค์กรสาธารณะต่างๆ 10,000,000
การจัดตั้งสำนักพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ (NPPDO) 25,000,000
1 โครงการจัดตั้งสำนักพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ ปีที่ 2 25,000,000

มติที่ประชุม

เห็นชอบจัดสรรเงินกองทุนฯ แผนพลังงานทดแทน งานศึกษาวิจัยและพัฒนาด้านเทคนิค ปีงบประมาณ 2552 ให้ สำนักพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ สำนักงานปลัดกระทรวงพลังงาน ในวงเงิน 122,000,000 บาท (หนึ่งร้อยยี่สิบสองล้านบาทถ้วน) เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการภายใต้แผนงาน "โครงสร้างพื้นฐานเพื่อการผลิตไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์" โดยใช้เงินส่วนที่ สนพ. ได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการกองทุนฯ ในการประชุมเมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2550


เรื่องที่ 6 เกณฑ์การประเมินผลการดำเนินงานของกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ประจำปีบัญชี 2552

1. คณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 30 กันยายน 2546 มีมติอนุมัติให้หน่วยงานต่างๆ ที่มีเงินนอกงบประมาณ ถือปฏิบัติตามมาตรการกำกับดูแลเงินนอกงบประมาณ ที่กระทรวงการคลังเสนออย่างเคร่งครัด โดยให้กระทรวงการคลังร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติติดตามผลการดำเนินการ และกรมบัญชีกลางเริ่มใช้ระบบประเมินผลทุนหมุนเวียนตั้งแต่ปีบัญชี 2547 โดยกองทุนฯ เป็นทุนหมุนเวียนที่เข้าสู่ระบบประเมินผลการดำเนินงานตั้งแต่ ปีบัญชี 2549

2. ฝ่ายเลขานุการฯ ได้ประชุมเพื่อหารือระหว่างผู้ถูกประเมิน (กองทุนฯ) กับผู้ประเมิน คือ บริษัท ทริส คอร์ปอเรชั่น จำกัด (ทริส) เพื่อจัดทำร่างเกณฑ์การประเมินผลการดำเนินงานของกองทุนฯ ประจำปีบัญชี 2552 และตัวชี้วัดที่จะต้องทำการประเมินที่เหมาะสม ถูกต้อง ตามสภาพความเป็นจริงของการดำเนินงานตามแผนการอนุรักษ์พลังงาน

3. กรมบัญชีกลาง ได้มีหนังสือเรื่อง "การลงนามในบันทึกข้อตกลงการประเมินผลการดำเนินงานทุนหมุนเวียน ประจำปีบัญชี 2552" เพื่อให้ฝ่ายเลขานุการฯ นำเสนอต่อคณะกรรมการกองทุนฯ ให้ความเห็นชอบ ก่อนเสนอประธานกรรมการกองทุนฯ ลงนามบันทึกข้อตกลงการประเมินผลการดำเนินงานฯ และส่งคืนกรมบัญชีกลางภายในวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2552 ซึ่งฝ่ายเลขานุการฯ ได้มีหนังสือเวียนถึง "คณะทำงานเตรียมการเพื่อดำเนินการตามระบบประเมินผล การดำเนินงานทุนหมุนเวียน (กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน)" โดยมีปลัดกระทรวงพลังงานเป็นประธาน เพื่อขอความเห็นชอบร่างเกณฑ์การประเมินผลฯ แล้ว และมีมติเห็นชอบร่างเกณฑ์การประเมินผลฯ ตามบันทึกข้อตกลงการประเมินผลการดำเนินงานทุนหมุนเวียน ประจำปีบัญชี 2552 โดยจะประเมินผลการดำเนินงานของกองทุน 4 ด้าน 10 ตัวชี้วัด สรุปได้ ดังนี้

1) ผลการดำเนินงานด้านการเงิน (ร้อยละ 15)

ตัวชี้วัดที่ 1.1 ร้อยละของงบประมาณที่มีการผูกพันสัญญาต่องบประมาณที่ได้รับการจัดสรรจากกองทุนฯ (ร้อยละ 10)

ตัวชี้วัดที่ 1.2 ค่าใช้จ่ายบริหารที่เกิดขึ้นจริงและผูกพันเทียบกับงบประมาณ (ร้อยละ 5)

2) ผลการดำเนินงานด้านปฏิบัติการ (ร้อยละ 33)

ตัวชี้วัดที่ 2.1 ร้อยละของจำนวนโครงการที่มีการทำสัญญาของแต่ละแผนงานต่อจำนวนโครงการที่ได้รับอนุมัติทั้งหมดของแต่ละแผนงาน (ร้อยละ 16)

- แผนพลังงานทดแทน

- แผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน

- แผนบริหารทางกลยุทธ์

ตัวชี้วัดที่ 2.2 ร้อยละความสำเร็จของจำนวนโครงการที่ผูกพันและดำเนินงานได้ตามแผนภายในปีบัญชี 2552 ต่อจำนวนโครงการที่ผูกพันและมีแผนดำเนินงานภายในปีบัญชี 2552 (ร้อยละ 17)

- แผนพลังงานทดแทน

- แผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน

- แผนบริหารทางกลยุทธ์

3) การสนองประโยชน์ต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย (ร้อยละ 15)

ตัวชี้วัดที่ 3.1 การจัดทำแผนการปรับปรุงการให้บริการจากผลสำรวจความพึงพอใจและการดำเนินงานตามแผนการปรับปรุงฯ ประจำปีบัญชี 2552 (ร้อยละ 15)

4) การบริหารพัฒนาทุนหมุนเวียน (ร้อยละ 37)

ตัวชี้วัดที่ 4.1 การทบทวนแผนกลยุทธ์กองทุนฯ (ร้อยละ10)

ตัวชี้วัดที่ 4.2 การจัดทำแผนปฏิบัติการประจำปีบัญชี 2553 (ร้อยละ 7)

ตัวชี้วัดที่ 4.3 การดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการ ประจำปีบัญชี 2552 (ร้อยละ 8)

- การศึกษาและปรับปรุงระบบฐานข้อมูลสารสนเทศและโปรแกรมสำเร็จรูปของกองทุนฯ

- การพัฒนาบุคลากรกองทุนฯ ประจำปีบัญชี 2552

ตัวชี้วัดที่ 4.4 การติดตามประเมินผลลัพธ์ตามวัตถุประสงค์ของกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน (ร้อยละ 7)

ตัวชี้วัดที่ 4.5 บทบาทของผู้บริหารกองทุนฯ (ร้อยละ 5)

มติที่ประชุม

เห็นชอบให้นำเกณฑ์การประเมินผลการดำเนินงานของกองทุนฯ ประจำปีบัญชี 2552 เสนอต่อคณะกรรมการกองทุนฯ พิจารณาให้ความเห็นชอบ ก่อนนำเสนอต่อประธานกรรมการกองทุนฯ เพื่อลงนามในบันทึกข้อตกลงการประเมินกับกระทรวงการคลังต่อไป


เรื่องที่ 7 โครงการค่าใช้จ่ายในการจ่ายเงินเพื่อชดเชยค่าผ่านทางในส่วนต่างให้แก่บริษัททางยกระดับดอนเมือง จำกัด (มหาชน)

1. คณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2547 เห็นชอบในการแก้ไขปัญหาการจราจรบนถนนวิภาวดีรังสิต ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ โดยให้บริษัททางยกระดับดอนเมือง จำกัด (มหาชน) ปรับลดราคาค่าผ่านทางของทางยกระดับตลอดสาย เป็นระยะเวลา 3 เดือน (ตั้งแต่วันที่ 22 ธันวาคม 2547 ถึง 21 มีนาคม 2548) ในอัตราค่าผ่านทาง 20 บาทต่อคัน สำหรับรถยนต์ไม่เกิน 4 ล้อ และไม่เกิน 50 บาทต่อคัน สำหรับรถยนต์ ที่เกินกว่า 4 ล้อ ทั้งนี้ กรณีที่รายได้จากค่าผ่านทางของบริษัททางยกระดับฯ ลดลงต่ำกว่าวันละ 3.3 ล้านบาท รัฐจะต้องชดเชยในส่วนต่างให้กับบริษัททางยกระดับฯ ร้อยละ 80 ของส่วนต่าง โดยให้กองทุนฯ สนพ. กระทรวงพลังงาน จัดสรรเงินชดเชยให้ ส่วนกรณีรายได้สูงกว่าที่คาดหมายไว้ ก็เห็นควรแบ่งรายได้กันคนละครึ่ง อย่างไรก็ตามการจัดสรรเงินกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานเป็นอำนาจของคณะกรรมการกองทุนฯ จึงให้ขออนุมัติจากคณะกรรมการกองทุนฯ ด้วย

2. กรมทางหลวง ได้มีหนังสือขอให้ สนพ. ดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีในส่วนที่รัฐต้องชดเชย ค่าผ่านทางยกระดับอุตราภิมุขตลอดสาย เนื่องจากรายได้จากค่าผ่านทางของบริษัททางยกระดับฯ ลดลงต่ำกว่าวันละ 3.3 ล้านบาท รัฐต้องชดเชยในส่วนต่างให้กับบริษัททางยกระดับฯ ร้อยละ 80 ของส่วนต่าง โดยขอรับการสนับสนุนเงินกองทุนฯ ในวงเงิน 30,603,845 บาท

3. สนพ. ได้เสนอต่อคณะกรรมการกองทุนฯ ในการประชุมเมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2549 เพื่อพิจารณา ซึ่งที่ประชุมเห็นว่าโครงการนี้สามารถจัดอยู่ในแผนอนุรักษ์พลังงาน ระยะที่ 3 ในช่วงปี 2548-2554 แผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานในสาขาขนส่ง ที่กำหนดเป้าหมายการลดใช้พลังงานเชิงพาณิชย์ในสาขาขนส่งในปี 2554 จาก 36,203 ktoe เหลือ 29,934 ktoe โดยกำหนดมาตรการดำเนินการไว้หลายด้าน และแนวทางหนึ่ง คือการจัดระบบจราจรอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อลดการสิ้นเปลืองพลังงานอันเนื่องจากการจราจรติดขัด

แต่การจ่ายเงินชดเชยค่าผ่านทางให้กับบริษัททางยกระดับฯ ไม่สามารถบรรเทาปัญหาการขาดรายได้ของบริษัททางยกระดับฯ ในระยะยาวได้ ดังนั้นแนวทางการให้ความช่วยเหลือบริษัททางยกระดับฯ ในระยะต่อไป กระทรวงคมนาคมควรเร่งดำเนินตามที่เสนอต่อคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2547 คือ ภายหลังจากการทดลองศึกษา จะพิจารณาปรับค่าผ่านทางในราคาที่เหมาะสมและจะพิจารณาช่วยเหลือในรูปแบบอื่น เช่น การขยายระยะเวลาสัมปทานให้กับบริษัท การช่วยเหลือในการปรับโครงสร้างหนี้ เป็นต้น ซึ่งจะเป็นการช่วยเหลือบริษัท และเป็นการแก้ปัญหาจราจรได้ในระยะยาว ในการนี้คณะกรรมการกองทุนฯ ในการประชุมครั้งที่ 1/2549 (ครั้งที่ 42) จึงมีมติ

(1) อนุมัติเงินกองทุนฯ แผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน งานส่งเสริมและสาธิต ปีงบประมาณ 2549 ในวงเงิน 30,603,845 บาท ให้แก่กรมทางหลวง เพื่อนำไปเป็นค่าใช้จ่ายในการจ่ายเงินเพื่อชดเชยค่าผ่านทางในส่วนต่างให้แก่ บริษัท ทางยกระดับดอนเมือง จำกัด (มหาชน)

(2) ให้กรมทางหลวงรวบรวมเอกสารหลักฐานการเบิกจ่ายเงินให้ครบถ้วนตามจำนวนเงิน 30,603,845 บาท พร้อมรับรองความถูกต้องในเอกสารที่ขอเบิกทุกฉบับ แล้วส่งให้ สนพ. เพื่อใช้เบิกจ่ายเงินจากกองทุนฯ

(3) ให้กรมทางหลวงคำนวณผลประหยัดพลังงานและประเมินความคุ้มค่าของการดำเนินโครงการฯ ในช่วงดังกล่าวส่งให้ สนพ. ด้วย

4. กรมทางหลวง ได้ลงนามในหนังสือยืนยันการขอรับทุนสนับสนุน จากกองทุนฯ แผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน "โครงการค่าใช้จ่ายในการจ่ายเงินเพื่อชดเชยค่าผ่านทางในส่วนต่างให้แก่บริษัท ทางยกระดับดอนเมือง จำกัด (มหาชน)" ไว้กับ สนพ. เมื่อวันที่ 29 กันยายน 2549 ในวงเงิน 30,603,845 บาท โดยมีเงื่อนไขให้ กรมทางหลวง ต้องรายงานผลประหยัดและการประเมินความคุ้มค่าของโครงการ ภายใน 4 เดือน นับตั้งแต่ลงนามในหนังสือยืนยันการขอรับทุนฯ ซึ่งกรมทางหลวงได้แจ้งให้ สนพ. ทราบว่าการคำนวณผลประหยัดพลังงานและประเมินความคุ้มค่าของการดำเนินโครงการฯ ต้องตรวจสอบจากข้อมูลที่มีอยู่เป็นจำนวนมาก และต้องใช้เวลาในการดำเนินงานมากกว่าแผนงานที่กำหนดไว้ จึงขอขยายระยะเวลาโครงการฯ ออกไป 1 เดือน เป็นสิ้นสุดในเดือน กุมภาพันธ์ 2550

5. คณะอนุกรรมการกองทุนฯ ในการประชุมเมื่อวันที่ 25 เมษายน 2550 ไม่มีข้อขัดข้องในประเด็นการขอขยายระยะเวลาโครงการฯ เพราะกรมทางหลวงมีเหตุผลที่จำเป็นในการรวบรวมข้อมูลย้อนหลัง ตั้งแต่ 22 ธันวาคม 2547 ถึง 21 มีนาคม 2548 และกระบวนการตรวจสอบรับรองความถูกต้องของข้อมูลก่อนนำมาประเมินความคุ้มค่าของการดำเนินโครงการฯ และเพื่อความรอบคอบในการพิจารณา ที่ประชุมมีมติให้กรมทางหลวงจัดส่งสัญญาที่กรมทางหลวงได้จัดทำกับบริษัททางยกระดับดอนเมือง จำกัด (มหาชน) ให้ฝ่ายเลขานุการฯ เพื่อนำเสนอให้คณะอนุกรรมการฯ พิจารณาในรายละเอียด ก่อนเห็นชอบให้ขยายระยะเวลาโครงการฯ

6. กรมทางหลวงแจ้งว่า ไม่มีสัญญาเรื่องการจ่ายเงินเพื่อชดเชยค่าผ่านทางกับบริษัททางยกระดับฯ มีเพียงรายงานการประชุมร่วมกันระหว่างกรมทางหลวงและบริษัททางยกระดับฯ และยืนยันว่ากรมทางหลวง ได้ปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2547 แล้ว โดยมิได้ดำเนินการจัดส่งสัญญาที่กรมทางหลวงได้จัดทำกับบริษัททางยกระดับฯ ให้ฝ่ายเลขานุการฯ ซึ่งคณะอนุกรรมการกองทุนฯ ในการประชุมเมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2550 มีมติให้ฝ่ายเลขานุการฯ หารือไปยังกรมบัญชีกลาง เกี่ยวกับระเบียบพัสดุฯ เรื่องการเบิกจ่ายเงินระหว่างกรมทางหลวงและบริษัททางยกระดับฯ ในกรณีที่ไม่มีการทำสัญญาเรื่องการจ่ายเงินเพื่อชดเชยค่าผ่านทางยกระดับ ระหว่างกรมทางหลวงกับบริษัททางยกระดับฯ นั้น กรมทางหลวงสามารถจ่ายเงินที่ได้รับการสนับสนุนจากกองทุนฯ ให้กับบริษัททางยกระดับฯ ตามมติคณะรัฐมนตรีได้หรือไม่

7. กรมบัญชีกลาง ได้แจ้งความเห็นในเรื่องดังกล่าว ดังนี้

(1) เนื่องจากสัญญาระหว่างกรมทางหลวงกับบริษัท ทางยกระดับดอนเมือง จำกัด (มหาชน) เป็นการทำสัญญาสัมปทานทางหลวง ซึ่งเป็นการจัดหาหรือดำเนินการตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินการในกิจการของรัฐ พ.ศ. 2535 ตามสัญญาสัมปทาน ดังนั้น คณะกรรมการว่าด้วยการพัสดุ กรมบัญชีกลาง จึงไม่มีอำนาจวินิจฉัยเกี่ยวกับการจ่ายเงินตามสัญญาสัมปทานในกรณีดังกล่าวได้

(2) การเบิกจ่ายเงินกองทุนฯ ให้กับกรมทางหลวงนั้น ต้องดำเนินการตามระเบียบคณะกรรมการกองทุนฯ ว่าด้วยการเก็บรักษาเงินและทรัพย์สิน และการเบิกจ่ายเงินกองทุน พ.ศ. 2537 ข้อ 26 ซึ่งกำหนดให้นำวิธีปฏิบัติเกี่ยวกับการใช้จ่ายเงินหรือก่อหนี้ผูกพันตามข้อ 17 และวิธีการเก็บรักษาเงิน การเบิกจ่ายเงินและการพัสดุ ของส่วนราชการผู้เบิกเงินกองทุน ให้ถือปฏิบัติตามระเบียบนี้ตามข้อ 21 มาใช้บังคับโดยอนุโลมกับผู้ได้รับจัดสรรเงินกองทุนฯ ด้วย แต่เนื่องจากระเบียบดังกล่าวมิได้มีข้อกำหนดเกี่ยวกับหลักเกณฑ์และวิธีการจ่ายเงินไว้ กรณีจึงเป็นไปตามนัยข้อ 4 ของระเบียบฯ ซึ่งต้องพิจารณาตามระเบียบของทางราชการโดยอนุโลม และตามระเบียบการเบิกจ่ายเงินจากคลัง การเก็บรักษาเงินและการนำเงินส่งคลัง พ.ศ. 2551 ข้อ 31 กำหนดให้การจ่ายเงินให้กระทำเฉพาะที่มีกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ คำสั่ง กำหนดไว้ หรือมติคณะรัฐมนตรี อนุญาตให้จ่ายได้ ดังนั้น การที่กรมทางหลวงจะจ่ายเงินให้กับบริษัทฯ ตามมติคณะรัฐมนตรีจึงสามารถกระทำได้ตามนัยระเบียบดังกล่าวข้างต้น

นอกจากนี้ กรมบัญชีกลางได้ให้ข้อสังเกตเพิ่มเติมว่า เนื่องจากสัญญาระหว่างกรมทางหลวงกับบริษัท ทางยกระดับฯ เป็นสัญญาสัมปทานที่ดำเนินการตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินการในกิจการของรัฐ พ.ศ. 2535 ดังนั้น หากเงื่อนไขข้อตกลงตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2547 ที่เห็นชอบในการแก้ไขปัญหาการจราจรบนถนนวิภาวดีรังสิต ตามที่กรมทางหลวง กระทรวงคมนาคมเสนอ โดยให้บริษัท ทางยกระดับฯ ปรับลดค่าผ่านทางของทางยกระดับตลอดสายเป็นระยะเวลา 3 เดือน (ตั้งแต่วันที่ 22 ธันวาคม 2547 ถึงวันที่ 21 มีนาคม 2548) กรณีที่รายได้จากค่าผ่านทางของบริษัทฯ ลดลงต่ำกว่าวันละ 3.3 ล้านบาท รัฐจะต้องชดเชยในส่วนต่างให้กับบริษัทฯ ร้อยละ 80 ของส่วนต่าง โดยให้กองทุนฯ กระทรวงพลังงาน จัดสรรเงินชดเชยให้ ส่วนกรณีรายได้สูงกว่าที่คาดหมายไว้ ก็ให้แบ่งรายได้กันคนละครึ่งดังกล่าว ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงสาระสำคัญของสัญญาสัมปทานระหว่างกรมทางหลวงและบริษัทฯ กรมทางหลวงควรดำเนินการแก้ไขเพิ่มเติมสัญญาตามนัยมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าวด้วย

มติที่ประชุม

เห็นชอบให้กรมทางหลวงขยายระยะเวลาโครงการค่าใช้จ่ายในการจ่ายเงินเพื่อชดเชยค่าผ่านทาง ในส่วนต่างให้แก่บริษัททางยกระดับดอนเมือง จำกัด (มหาชน) ตามที่กรมทางหลวงเสนอมา โดยให้สามารถเบิกจ่ายเงินได้ภายใน 3 เดือนนับจากวันที่ได้รับอนุมัติ


เรื่องที่ 8 การขอปรับรายละเอียดโครงการที่คณะกรรมการกองทุนฯ อนุมัติไว้แล้ว

1. ฝ่ายเลขานุการฯ ได้แจ้งต่อที่ประชุมว่า มีหน่วยงานที่ได้รับจัดสรรเงินจากกองทุนฯ ไปแล้ว ได้ยื่นเรื่องเพื่อขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียดของโครงการจากที่คณะกรรมการกองทุนฯ ได้พิจารณาและอนุมัติไว้ รวมจำนวน 51 โครงการ โดยตามระเบียบคณะกรรมการกองทุนฯ ว่าด้วยการเก็บรักษาเงินและทรัพย์สินฯ ตามข้อ 1.3 (2) หมวด 3 ข้อ 24 กำหนดว่า การเปลี่ยนแปลงรายการ ระยะเวลาดำเนินการ ไปจากรายละเอียดโครงการที่คณะกรรมการกองทุนได้อนุมัติไว้แล้ว จะต้องได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการกองทุนฯ ก่อน จึงจะเปลี่ยนแปลงได้

2. ฝ่ายเลขานุการฯ ได้พิจารณาเหตุผลและรายละเอียดที่เจ้าของโครงการฯ ทั้ง 51 โครงการ ได้แจ้งขอเปลี่ยนแปลงแล้ว โดยจำแนกเรื่องที่ขอเปลี่ยนแปลงออกเป็น 3 กลุ่ม ดังนี้

2.1 ขอเปลี่ยนแปลง เพื่ออนุมัติขยายระยะเวลาการเบิกจ่ายเงินกองทุนฯ เกิน 3 เดือนนับจากวันสิ้นสุดเงื่อนไขแห่งสัญญา จำนวน 17 โครงการ

มีสาเหตุจาก คู่สัญญาหรือผู้ได้รับเงินจัดสรรที่ได้ทำสัญญาจ้างหรือหนังสือยืนยันการรับทุน ไว้กับ พพ. จำนวน 10 ข้อเสนอ และ สนพ. จำนวน 7 ข้อเสนอ โดยคู่สัญญาหรือผู้ได้รับเงินจัดสรรได้ส่งงาน/รายงานตามเวลาที่กำหนดไว้แล้ว แต่การตรวจรับงานของ พพ. และ สนพ. พบว่าผลงานยังไม่สมบูรณ์ตามข้อตกลง เช่น ขาดรายละเอียด ขาดข้อมูลหรือเอกสารอ้างอิง ขาดประเด็นสำคัญ ฯลฯ และให้คู่สัญญาหรือผู้ได้รับจัดสรรเงินนั้น ดำเนินการให้รายงานฉบับนั้นๆ เสร็จสมบูรณ์ ซึ่งการปรับปรุงรายงานได้ใช้เวลาระยะหนึ่ง ที่ส่งผลให้เลยกำหนดระยะเวลา 3 เดือน นับจากเวลาสิ้นสุดเงื่อนไขแห่งสัญญาหรือหนังสือยืนยันการรับทุน พพ. และ สนพ. จึงได้เสนอขอขยายระยะเวลาการเบิกจ่ายรายการนั้นๆ

การปฏิบัติข้างต้น เป็นการดำเนินการตามระเบียบคณะกรรมการกองทุนฯ ว่าด้วยการเก็บรักษาเงินและทรัพย์สินและการเบิกจ่ายเงินกองทุน พ.ศ. 2537 ข้อ 16 ที่ได้กำหนดหลักเกณฑ์ในการเบิกจ่ายเงินกองทุนไว้ "ให้ผู้เบิกเงินกองทุนใช้จ่ายหรือก่อหนี้ผูกพันตามประมาณการรายจ่ายประจำปีได้ ภายในวงเงินและปีงบประมาณที่ได้รับอนุมัติ กรณีผู้เบิกเงินกองทุนก่อหนี้ผูกพันภายในปีงบประมาณแต่ไม่สามารถเบิกจ่ายได้ทันภายในปีงบประมาณนั้นๆ ให้ขยายเวลาการเบิกจ่ายรายการนั้นๆ ต่อไปได้ ภายในสาม (3) เดือนนับจากเวลาสิ้นสุดเงื่อนไขแห่งสัญญา"

ฝ่ายเลขานุการฯ เห็นว่า การขยายเวลาของทั้ง 17 ข้อเสนอดังกล่าว ไม่มีผลกระทบต่อวงเงินที่ได้รับแล้ว และไม่ได้ทำให้ผลที่คาดว่าจะได้รับจากโครงการลดลง จึงเห็นควรให้ทั้ง 17 ข้อเสนอดังกล่าว ขยายระยะเวลาการเบิกจ่ายแต่ละรายการ ได้ตามที่เสนอมา โดยให้ขยายระยะเวลาการเบิกจ่ายออกไปได้อีก 3 เดือน นับจากวันที่คณะกรรมการกองทุนฯ มีมติอนุมัติ

2.2 ขอเปลี่ยนแปลง เพื่ออนุมัติขยายระยะเวลาโครงการฯ จำนวน 25 โครงการ

มีสาเหตุจาก คู่สัญญาหรือผู้ได้รับเงินจัดสรรที่ได้ทำสัญญาจ้างหรือหนังสือยืนยันการรับทุนไว้กับ พพ. และ สนพ. จำนวน 25 โครงการ แต่ละหน่วยงานได้ดำเนินการตามแผนงานที่เสนอไว้กับกองทุนฯ แล้ว แต่มีข้อจำกัดระหว่างการดำเนินงาน เช่น ต้องใช้เวลาในการเก็บข้อมูลสำหรับการทำวิทยานิพนธ์ การรอเวลาเพื่อนำผลงานวิจัยไปตีพิมพ์ทั้งในและต่างประเทศ การปรับรายละเอียดการดำเนินกิจกรรมเพื่อให้สอดคล้องกับบริบทในพื้นที่เป้าหมาย การทำงานวิจัยแล้วผลการทดลองมีความคลาดเคลื่อนไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ จำเป็นต้องใช้เวลาในการวิเคราะห์ผลการทดลองเพิ่มเติม เป็นต้น

ฝ่ายเลขานุการฯ ได้พิจารณาการขยายเวลาของทั้ง 25 โครงการดังกล่าวแล้ว เห็นว่าเหตุที่เกิดขึ้นไม่ได้เกิดจากเจตนาของผู้ได้รับทุน และการเปลี่ยนแปลงแต่ละรายการไม่มีผลกระทบต่อวงเงินที่ได้รับแล้ว และไม่ได้ทำให้ผลที่คาดว่าจะได้รับจากโครงการลดลง จึงเห็นควรให้ทั้ง 25 โครงการดังกล่าว ขยายระยะเวลาโครงการออกไปได้

2.3 ขอเปลี่ยนแปลง รายละเอียดโครงการ จำนวน 9 โครงการ

มีสาเหตุจาก คู่สัญญาหรือผู้ได้รับเงินจัดสรรที่ได้ทำสัญญาจ้างหรือหนังสือยืนยันการรับทุนไว้แต่ละหน่วยงานได้ดำเนินการตามแผนงานที่เสนอไว้กับกองทุนฯ แล้ว แต่มีข้อจำกัดระหว่างการดำเนินงาน เช่น การเปลี่ยนแปลงรายละเอียดกิจกรรมย่อยให้มีความหลากหลายและสอดคล้องกับกลุ่มเป้าหมายมากยิ่งขึ้น หรือเพื่อให้เหมาะสมกับสถานการณ์พลังงานในปัจจุบัน การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการบริหารของโครงการ และการขอโอนย้ายหน่วยงานในการชดใช้ทุนของผู้ได้รับทุนการศึกษา เป็นต้น

ฝ่ายเลขานุการฯ เห็นว่าการขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียดของทั้ง 9 โครงการดังกล่าว ไม่ได้เกิดจากเจตนาของผู้ได้รับทุน และการเปลี่ยนแปลงแต่ละรายการไม่มีผลกระทบต่อวงเงินที่ได้รับแล้ว และไม่ได้ทำให้ผลที่คาดว่าจะได้รับจากโครงการลดลง จึงเห็นควรให้ทั้ง 9 โครงการดังกล่าว เปลี่ยนแปลงรายละเอียดการดำเนินงาน และขยายระยะเวลาโครงการออกไปได้

มติที่ประชุม

เห็นชอบให้โครงการตาม ข้อ 2.1 ข้อ 2.2 และ 2.3 รวม 51 โครงการ ขยายระยะเวลาดำเนินงาน และปรับรายละเอียดโครงการฯ ได้ตามที่ขอมา ด้วยไม่มีผลกระทบต่อวงเงินที่ได้รับแล้ว และไม่ได้ทำให้ผลที่คาดว่าจะได้รับจากโครงการลดลง และให้ฝ่ายเลขานุการฯ เสนอคณะกรรมการกองทุนฯ พิจารณาอนุมัติต่อไป


เรื่องที่ 9 การขอขยายระยะเวลาการผูกพันและการใช้จ่ายเงินกองทุนฯ ปีงบประมาณ 2551 สำหรับโครงการของ พพ.

1. พพ. ได้ขออนุมัติขยายระยะเวลาการผูกพันและการใช้จ่ายเงินกองทุนฯ สำหรับโครงการของ พพ. จำนวน 9 โครงการ ซึ่งฝ่ายเลขานุการฯ พบว่า การดำเนินงานโครงการตามแผนอนุรักษ์พลังงาน ปีงบประมาณ 2551 สำหรับโครงการของ พพ. 9 โครงการ ไม่เป็นไปตามข้อกำหนดของระเบียบคณะกรรมการกองทุนฯ ว่าด้วยการเก็บรักษาเงินและทรัพย์สินและการเบิกจ่ายเงินกองทุน พ.ศ. 2537 ในข้อ 16 ซึ่งระบุไว้ว่า "ให้ผู้เบิกเงินกองทุนใช้จ่ายหรือก่อหนี้ผูกพันตามประมาณการรายจ่ายประจำปีได้ภายในวงเงินและปีงบประมาณที่ได้รับอนุมัติ"

2. ฝ่ายเลขานุการฯ ได้เชิญผู้แทนจาก พพ. กรมบัญชีกลาง และนิติกรของกระทรวงพลังงาน ร่วมประชุมหารือเมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2551 ซึ่งที่ประชุมได้พิจารณาตามข้อกำหนดของระเบียบที่เกี่ยวข้องแล้ว พบว่า ไม่มีข้อกำหนดหรือวิธีปฏิบัติที่เกี่ยวข้องกับกรณีที่ผู้เบิกเงินกองทุนฯ ไม่สามารถก่อหนี้ผูกพันได้ทันภายในปีงบประมาณที่ได้รับอนุมัติ และจากข้อกำหนดของระเบียบคณะกรรมการกองทุนฯ ว่าด้วยการเก็บรักษาเงินและทรัพย์สินและการเบิกจ่ายเงินกองทุน พ.ศ. 2537 ในข้อ 4 ซึ่งระบุไว้ว่า "หลักเกณฑ์และวิธีปฏิบัติในเรื่องการเก็บรักษาเงิน การเบิกจ่ายเงินและการพัสดุ ที่มิได้กำหนดไว้ในระเบียบนี้ ให้ปฏิบัติตามระเบียบ ข้อบังคับหรือคำสั่งของทางราชการโดยอนุโลม ในกรณีที่ไม่สามารถปฏิบัติตามระเบียบของทางราชการได้ให้เป็นไปตามที่คณะกรรมการกองทุนกำหนดโดยความเห็นชอบของกระทรวงการคลัง" ที่ประชุมจึงเห็นควรให้นำเสนอคณะกรรมการกองทุนฯ เพื่อพิจารณา โดยให้ พพ. พิจารณาทบทวนถึงความจำเป็นในการขอขยายเวลาก่อหนี้ผูกพันของโครงการทั้ง 9 โครงการ พร้อมทั้งชี้แจงปัญหาอุปสรรคของโครงการ เสนอคณะอนุกรรมการฯ และคณะกรรมการกองทุนฯ

3. พพ. ได้ชี้แจงว่ามีโครงการที่จำเป็นต้องขอก่อหนี้ผูกพัน เนื่องจากเป็นโครงการที่ดำเนินการประกวดราคาเสร็จเรียบร้อยแล้ว จำนวน 5 โครงการ ดังนี้

3.1 โครงการปรับปรุงสถานีสำรวจศักยภาพพลังงานลม พพ. ได้รับการจัดสรรเงินกองทุนฯ ในวงเงิน 25,000,000 บาท โดยแยกการดำเนินงานเป็น 3 ส่วน ประกอบด้วย (1) ค่าบริหารโครงการ 850,000 บาท (2) ค่าปรับปรุงสถานีสำรวจศักยภาพพลังงานลม ส่วนการจัดทำโครงสร้างเสาวัดลมพร้อมติดตั้ง 15,000,000 บาท และ (3) ค่าปรับปรุงสถานีสำรวจศักยภาพลม ส่วนการจัดซื้อและติดตั้งเครื่องวัดลมและบันทึกข้อมูลพร้อมอุปกรณ์ประกอบ 9,150,000 บาท

3.2 โครงการสาธิตการผลิตไฟฟ้าจากกังหันลมขนาดใหญ่ จ.ปัตตานี พพ. ได้รับการจัดสรรเงินกองทุนฯ ในวงเงิน 125,000,000 บาท โดยแยกการดำเนินงานเป็น 3 ส่วน ประกอบด้วย (1) ค่าจ้างศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม 1,500,000 บาท (2) ค่าอำนวยการและบริหาร 3,500,000 บาท และ (3) ค่ากังหันลมพร้อมติดตั้งและทดสอบ 120,000,000 บาท

3.3 โครงการรณรงค์และประกวดด้านอนุรักษ์ พพ. ได้รับการจัดสรรเงินกองทุนฯ ในวงเงิน 77,000,000 บาท

3.4 โครงการพัฒนาเซลล์แสงแดดไทยสู่ความเป็นเลิศ ระยะที่ 2 ปีที่ 1 พพ. ได้รับการจัดสรรเงินกองทุนฯ ในวงเงิน 40,000,000 บาท

3.5 โครงการส่งเสริมการผลิต และการใช้พลังงานชีวมวล ตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียงศูนย์ภูฟ้าพัฒนา พพ. ได้รับการจัดสรรเงินกองทุนฯ ในวงเงิน 13,211,000 บาท

มติที่ประชุม

เห็นชอบให้ พพ. ดำเนินการผูกพันรายจ่ายและการใช้จ่ายเงินกองทุนฯ ปีงบประมาณ 2551 สำหรับโครงการสาธิตการผลิตไฟฟ้าจากกังหันลมขนาดใหญ่ จ.ปัตตานี โครงการรณรงค์และประกวดด้านอนุรักษ์พลังงาน สำหรับการจัดงาน "พลังงานก้าวไกล ประเทศไทยก้าวหน้า" และ โครงการพัฒนาเซลล์แสงแดดไทย สู่ความเป็นเลิศ ระยะที่ 2 ปีที่ 1 ให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลา 3 เดือน นับจากวันที่คณะกรรมการกองทุนฯ ได้อนุมัติ และให้ฝ่ายเลขานุการฯ เสนอคณะกรรมการกองทุนฯ พิจารณาอนุมัติต่อไป

Tweet
back to top
สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.)
กระทรวงพลังงาน
121/1-2 ถนนเพชรบุรี แขวงทุ่งพญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพฯ 10400
โทร 0 2612 1555, โทรสาร 0 2612 1364
จากต่างประเทศ โทร +66 2612 1555, โทรสาร +66 2612 1364
Official Website : www.eppo.go.th

การปฎิเสธความรับผิดชอบ | นโยบายเว็บไซต์ | นโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล | นโยบายการรักษาความมั่นคงปลอดภัยเว็บไซต์