• Thailand (TH) language switcher
  • English (UK) language switcher

White Style normal-style white-yellow

decrease-font normal-font increase-font

Calendar  Youtube Youtube Facebook    
  • HOME
  • About Us
    • Company Profile
    • Vision / Mission / Value / Duty
    • Organization Structure
    • Contact US
    • Sitemap
  • Policy and Plan
    • Government Policy Statement
    • Thai Integrated Energy Blueprint TIEB
      • Thailand Power Development Plan
      • Thailand Energy Efficiency Development Plan
      • Alternative Energy Development Plan
      • Oil Plan
  • Related Laws
    • Acts / Royal ordinance
  • Energy Information Services
    • Energy Situation
      • Energy Situation in year 2015 and trend in year 2016
      • The energy situation in the first tenth months of 2015 and outlook for 2015
      • The energy situation in the first nine months of 2015 and outlook for 2015
      • The energy situation in the first eight months of 2015 and outlook for 2015
    • Xayaburi Hydroelectric Power Project
    • Thailand – Myanmar’s Energy Cooperation Projects
    • Electricity Trade between Thailand and Malaysia.
    • Power Purchased from Laos PDR.
    • Economic and Power Trading in the Greater Mekong Sub-region
    • Thailand energy report 2015
  • Energy Statistics
    • Summary Statistic
    • Petroleum Statistic
    • NGV Statistic
    • Coal and Lignite Statistic
    • Electricity Statistic
    • Energy Economy Statistic
    • Value Energy Statistic
    • Petroleum Price Statistic
    • CO2 Statistic
    • Indicators Statistic
Monday, 04 July 2016 16:26

encon fund

มติคณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน
ครั้งที่ 3/2550 (ครั้งที่ 47)
วันจันทร์ที่ 5 พฤศจิกายน 2550 เวลา 11.00 น.
ณ ห้องประชุม 301 ตึกบัญชาการ ทำเนียบรัฐบาล


1. รายงานความคืบหน้าโครงการส่งเสริมการจัดการด้านการใช้พลังงาน "โดยวิธีประกวดราคา"

2. แนวทาง หลักเกณฑ์ เงื่อนไขและลำดับความสำคัญของการใช้จ่ายพลังงานในการสนับสนุนการลงทุนโครงการพัฒนาระบบการขนส่งเงินกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์

3. ขออนุมัติจัดสรรเงินกองทุนฯ สำหรับการดำเนินงานตามแผนโครงสร้างพื้นฐานเพื่อการผลิตไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์

4. ขอความเห็นชอบปรับรายละเอียดโครงการที่คณะกรรมการกองทุนฯ อนุมัติไว้แล้ว


ปลัดกระทรวงพลังงาน (นายพรชัย รุจิประภา) กรรมการ เป็นประธานในที่ประชุม
รองผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (นายอดุลย์ ฉายอรุณ) แทนผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน กรรมการและเลขานุการ


เรื่องที่ 1 รายงานความคืบหน้าโครงการส่งเสริมการจัดการด้านการใช้พลังงาน "โดยวิธีประกวดราคา"

1. ฝ่ายเลขานุการฯ ได้รายงานให้ที่ประชุมรับทราบว่า คณะกรรมการกองทุนฯ ในการประชุมเมื่อวันที่ 21 กันยายน 2550 ได้อนุมัติจัดสรรเงินกองทุนฯ ให้ สนพ. ในวงเงินรวม 1,137,500,000 บาท สำหรับใช้ตามแผน "โครงการส่งเสริมการจัดการด้านการใช้พลังงานโดยวิธีประกวดราคา" ที่จะจูงใจผู้ประกอบการให้ตัดสินใจลงทุนดำเนินการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานในกิจการได้เร็วขึ้น โดยใช้เงินจากกองทุนฯ สนับสนุนอัตราต่อหน่วยพลังงานที่ประหยัดได้ ด้วยการเชิญชวนผู้ประกอบการยื่นข้อเสนอวิธีการที่จะปรับปรุงการใช้พลังงาน และเสนอขอรับเงินสนับสนุนต่อค่าพลังงานที่ประหยัดได้ ตามอัตราที่ต้องการและไม่เกินวงเงินที่ สนพ. กำหนด โดยโครงการดังกล่าว มีความคืบหน้าในการดำเนินงาน ดังนี้

1.1 สนพ. ได้จัดตั้งคณะทำงานโครงการฯ ประกอบด้วยผู้ทรงคุณวุฒิด้านพลังงานทั้งด้านไฟฟ้าและความร้อน มีบทบาทหน้าที่ในการกำกับ ดูแล ให้ข้อเสนอแนะในการดำเนินงาน รวมถึงให้ข้อคิดเห็นเกี่ยวกับเอกสารเชิญชวน การกำหนดรายละเอียด หลักเกณฑ์ และวิธีการประเมินเพื่อคัดเลือกข้อเสนอ ตลอดจนประเมินและคัดเลือกข้อเสนอ พร้อมทั้งติดตามผล

1.2 สนพ. ได้จัดทำร่างเอกสารเชิญชวนยื่นข้อเสนอ "โครงการส่งเสริมการจัดการด้านการใช้พลังงาน โดยวิธีประกวดราคา" ในส่วนงานที่ 1 คือประกาศเชิญชวนผู้ใช้พลังงาน (end use) ผู้ประกอบการเอกชน โรงงานอุตสาหกรรม โรงพยาบาล ศูนย์การค้า อาคารสำนักงาน เรียบร้อยแล้ว และ สนพ. ได้จัดสัมมนาเมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 2550 แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับผู้ประกอบกิจการและผู้ที่เกี่ยวข้อง เช่น ESCO เจ้าของอุปกรณ์ ที่ปรึกษาด้านพลังงาน โดยที่ประชุมเห็นว่าแนวทางของโครงการฯ มีความชัดเจนดีและมีลักษณะจูงใจ พร้อมทั้งมีคำแนะนำที่เป็นประโยชน์กับโครงการหลายประเด็น ซึ่ง สนพ. ได้นำคำแนะนำดังกล่าวมาปรับปรุงในเอกสารเชิญชวนยื่นข้อเสนอโครงการฯ เรียบร้อยแล้ว

1.3 สนพ. ได้เสนอร่างเอกสารเชิญชวน "โครงการส่งเสริมการจัดการด้านการใช้พลังงาน โดยวิธีประกวดราคา" ในส่วนเชิญชวนผู้ใช้พลังงาน (end use) ผู้ประกอบการเอกชน โรงงานอุตสาหกรรม โรงพยาบาล ศูนย์การค้า อาคารสำนักงาน ให้คณะทำงานโครงการฯ พิจารณา แล้ว เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2550 โดยที่ประชุมได้สอบถามถึงประเด็นเงินสนับสนุนที่ได้รับจากกองทุนฯ กับการคำนวณภาษี ซึ่ง สนพ. ชี้แจงว่าจะเพิ่มข้อความดังกล่าวในประกาศเชิญชวนฯ เพื่อให้ผู้ประกอบการทราบว่า เงินสนับสนุนต่อหน่วยค่าพลังงานที่จะลดการใช้ลงตามที่กำหนดอัตราสูงสุดไว้ 1.00 บาท/kWh สำหรับพลังงานไฟฟ้า และ 75 บาท/MMBTU สำหรับพลังงานความร้อนที่ใช้เชื้อเพลิงเหลวและก๊าซ และ 15 บาท/MMBTU สำหรับพลังงานความร้อนที่ใช้เชื้อเพลิงแข็ง นั้นได้รวมถึงค่าใช้จ่ายด้านภาษีต่างๆ ด้วยแล้ว คณะทำงานโครงการฯ จึงได้มีมติเห็นชอบ เอกสารเชิญชวนยื่นข้อเสนอ "โครงการส่งเสริมการจัดการด้านการใช้พลังงาน โดยวิธีประกวดราคา" ตามที่ สนพ. เสนอ และเห็นชอบให้ดำเนินการตามแผนงานประกาศเชิญชวนต่อไป

2. การดำเนินงานในช่วงต่อไป : เมื่อครบกำหนดยื่นให้ สนพ. ในวันที่ 17 ธันวาคม 2550 สนพ. จะดำเนินการตรวจสอบความครบถ้วนและความถูกต้องสมบูรณ์ของข้อเสนอแล้วเสร็จเสนอคณะทำงานโครงการฯ พิจารณาตัดสินคัดเลือกผู้ได้รับจัดสรรรอบที่ 1 ประมาณเดือนกุมภาพันธ์ 2551 และจักรายงานคณะอนุกรรมการฯ และคณะกรรมการกองทุนฯ ได้ทราบผลต่อไป โดยมีตารางแสดงขั้นตอนและกำหนดเวลาโครงการฯ รอบที่ 1 ดังนี้

ka1

มติที่ประชุม

รับทราบความคืบหน้าของการดำเนินงาน "โครงการส่งเสริมการจัดการด้านการใช้พลังงานโดยวิธีประกวดราคา" ตามที่ สนพ. เสนอ


เรื่องที่ 2 แนวทาง หลักเกณฑ์ เงื่อนไขและลำดับความสำคัญของการใช้จ่ายเงินกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานในการสนับสนุนการลงทุนโครงการพัฒนาระบบการขนส่ง

1. ฝ่ายเลขานุการฯ ได้แจ้งให้ที่ประชุมรับทราบว่า กพช. ในการประชุมครั้งที่ 6/2550 (ครั้งที่ 115) เมื่อวันที่ 28 กันยายน 2550 ได้พิจารณาเรื่องแนวทางในการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอแล้ว ที่ประชุมได้มีมติในเรื่องดังกล่าว ดังนี้

1.1 เห็นชอบให้ปรับโอนอัตราเงิน "กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง" ให้แก่ "กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน" ดังนี้

           โอนให้กองทุนอนุรักษ์พลังงาน     เพื่อลดราคาขายปลีกน้ำมัน
  สำหรับแผนงานปกติ   สำหรับโครงการขนส่งฯ
1) เบนซิน 95 0.1800 0.5000 0.5000
2) เบนซิน 91 0.1800 0.5000 0.5000
3) แก๊สโซฮอล์ 95 0.1870 0 - 0.5000 0.5000
4) แก๊สโซฮอล์ 91 0.1870 0 - 0.5000 0.5000
5) ดีเซลหมุนเร็ว 0.1800 0.5000 0.5000
6) ไบโอดีเซล บี 5 0.1835 0 - 0.5000 0.5000
  • โดยในระยะแรกให้โอนอัตรากองทุนน้ำมันฯ ของน้ำมันแก๊สโซฮอล์ และไบโอดีเซล ไปยังกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานสำหรับโครงการพัฒนาระบบขนส่งในระดับ 0 บาท/ลิตร และมอบอำนาจให้ประธาน กพช. เป็นผู้พิจารณาปรับเพิ่มการโอนอัตรากองทุนน้ำมันฯ ของน้ำมันแก๊สโซฮอล์ และไบโอดีเซล ในอนาคตสูงขึ้นได้ถึง 0.50 บาท/ลิตร ตามภาวการณ์ที่เห็นว่าเหมาะสม
  • ทั้งนี้ ให้ปรับเพิ่มการโอนอัตรากองทุนน้ำมันฯ ไปยังกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานสำหรับโครงการพัฒนาระบบขนส่งเป็น 0.70 บาท/ลิตร เมื่อกองทุนน้ำมันฯ ได้สะสมเงินไว้สำหรับเป็นค่าใช้จ่ายในภาวะฉุกเฉินและเพื่อแก้ไขและป้องกันภาวะขาดแคลนน้ำมันเชื้อเพลิงได้เพียงพอแล้ว โดยมอบหมายให้กระทรวงพลังงานรับไปพิจารณาปริมาณเงินกองทุนน้ำมันฯ ที่เหมาะสมต่อไป

1.2 มอบหมายให้ ฝ่ายเลขานุการฯ ดำเนินการออกประกาศ กพช. และนำเสนอ กบง. เพื่อพิจารณาปรับลดอัตราเงินกองทุนน้ำมันฯ ให้สอดคล้องกับมติ กพช. ตามข้อ 1.1 โดยให้กระทำในวันเดียวกัน ดังนี้

1.2.1 ประกาศ กพช. เพื่อกำหนดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานของน้ำมันเบนซิน น้ำมันแก๊สโซฮอล์ น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว และไบโอดีเซล บี 5 เป็น 0.75, 0.25, 0.75 และ 0.25 บาท/ลิตร ตามลำดับ

1.2.2 ประกาศ กบง. เพื่อปรับลดอัตราเงินกองทุนน้ำมันฯ ของน้ำมันเบนซิน 95 เบนซิน 91 น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 91 น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว และไบโอดีเซล บี 5

1.3 มอบหมายให้คณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานรับไปจัดทำแนวทาง หลักเกณฑ์ เงื่อนไขและลำดับความสำคัญของการใช้จ่ายเงินกองทุนในการสนับสนุนโครงการด้านระบบขนส่ง เพื่อเสนอ กพช. พิจารณาให้ความเห็นชอบต่อไป

2. การดำเนินการตามมติ กพช.

ฝ่ายเลขานุการฯ ได้จัดทำร่างแนวทาง หลักเกณฑ์ เงื่อนไขและลำดับความสำคัญของการใช้จ่ายเงินกองทุนฯ และเมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2550 ได้มีการประชุมหารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในระดับรัฐมนตรี ประกอบด้วย กระทรวงการคลัง กระทรวงคมนาคม และกระทรวงพลังงาน และเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2550 ได้เสนอคณะอนุกรรมการกองทุนฯ พิจารณา โดยได้รับคำแนะนำที่เป็นประโยชน์กับการปรับปรุงร่างแนวทางการใช้จ่ายเงินกองทุนฯ ในการสนับสนุนโครงการด้านระบบขนส่ง มีความชัดเจน ครบถ้วนสมบูรณ์ขึ้นมาก

3. แนวทาง หลักเกณฑ์ เงื่อนไข และลำดับความสำคัญของการใช้จ่ายเงินกองทุนฯ ในการสนับสนุนโครงการด้านระบบขนส่ง

เพื่อให้การจัดสรรเงินกองทุนฯ สำหรับโครงการพัฒนาระบบการขนส่งมีความชัดเจน จึงเสนอให้เพิ่มเป็นภารกิจพิเศษภายใต้แผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน โดยกำหนดเป็นงานที่ 5) โครงการลงทุนพัฒนาระบบการขนส่ง และกำหนดแนวทาง หลักเกณฑ์ เงื่อนไข และลำดับความสำคัญของการใช้จ่ายเงินกองทุนฯ ดังต่อไปนี้

3.1 แนวทางในการให้การสนับสนุน : เป็นเงินหมุนเวียน เงินช่วยเหลือ หรือเงินอุดหนุน หน่วยงานราชการ รัฐวิสาหกิจ สำหรับการลงทุนในโครงการที่เกี่ยวกับการพัฒนาระบบการขนส่งเฉพาะที่ก่อให้เกิดผลลดการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของประเทศ และประชาชนได้รับประโยชน์จากโครงการนั้น เช่น การสร้างระบบขนส่งมวลชนในเมืองใหญ่ การพัฒนาระบบการขนส่งทางรถไฟ รวมถึงรถไฟรางคู่ และการพัฒนาระบบสนับสนุนการขนส่งสินค้า (Logistics) เช่น การปรับปรุงท่าเรือ และคลังสินค้า เป็นต้น

3.2 ผู้ที่จะได้รับการสนับสนุน : เป็นหน่วยงานราชการ รัฐวิสาหกิจ

3.3 ประเภทของค่าใช้จ่ายที่จะได้รับการสนับสนุน ประกอบด้วย ค่าใช้จ่ายในการบริหารโครงการ ในลักษณะเงินช่วยเหลือให้เปล่า และค่าใช้จ่ายในการลงทุน ในลักษณะเงินช่วยเหลือ หรือเงินอุดหนุน หรือเงินหมุนเวียน ซึ่งรวมถึงค่าใช้จ่ายในการควบคุมงานก่อสร้างหรือติดตั้ง เครื่องจักร อุปกรณ์ ทั้งนี้ผู้ได้รับจัดสรรเงินกองทุนฯ จะคืนเงินช่วยเหลืออุดหนุนดังกล่าวให้กองทุนฯ ตามเงื่อนไขและภายในเวลาที่จะได้มีการตกลงกัน

3.4 แนวทางจัดทำข้อเสนอโครงการฯ : "เจ้าของโครงการ" จะต้องจัดทำข้อเสนอโครงการ โดยมีแผนงานและงบลงทุนเต็มโครงการฯ รายจ่ายทั้งแผนงาน และต้องจำแนกส่วนที่ดำเนินงานไปแล้ว กำลังดำเนินงาน และจะต้องระบุแหล่งเงินทุนที่จะใช้ในการดำเนินโครงการในแต่ละแหล่งให้ชัดเจน รวมทั้งจะต้องระบุ รายละเอียดความคุ้มค่าของการลงทุน ผลตอบแทนทางด้านเศรษฐกิจสังคม และผลตอบแทนด้านการเงิน รวมถึงผลตอบแทนด้านการลดใช้พลังงานของประเทศด้วย

3.5 เงื่อนไขในการพิจารณาโครงการ : ต้องเป็นโครงการที่จะได้รับการจัดสรรเงินจากกองทุนฯ ต้องผ่านการพิจารณาจากสํานักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) คณะกรรมการกองทุนฯ และคณะรัฐมนตรีเห็นชอบแล้ว และหากจะมีการเปลี่ยนแปลงในสาระสำคัญของโครงการฯ ก็ให้ สศช. พิจารณาก่อน

3.6 วิธีการและขั้นตอนในการให้การสนับสนุน

ขั้นตอนที่ 1 "เจ้าของโครงการ" จัดทำข้อเสนอยื่นกับ สศช. และ กระทรวงการคลัง เพื่อขอความเห็นชอบในการดำเนินโครงการฯ และเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณา พร้อมนี้กระทรวงการคลังอาจถามความเห็นจากคณะกรรมการกองทุนฯ ในส่วนของการจัดสรรเงินกองทุนฯ อุดหนุนโครงการดังกล่าวไปในคราวเดียว

ขั้นตอนที่ 2 โครงการที่คณะรัฐมนตรีเห็นชอบแล้ว สนพ. จะเสนอคณะกรรมการกองทุนฯ พิจารณาจัดสรรเงินกองทุนฯ ให้เจ้าของโครงการฯ นั้น ตามจำนวนที่ได้รับแจ้งจากกระทรวงการคลัง

สำหรับโครงการที่คณะกรรมการกองทุนฯ ได้ให้ความเห็นชอบไปตามขั้นตอนที่ 1 แล้ว ไม่ต้องเสนอคณะกรรมการกองทุนฯ พิจารณาอีก

ขั้นตอนที่ 3 สนพ. จะแจ้งมติให้ "เจ้าของโครงการ" ทราบและลงนามในหนังสือยืนยัน โดยการเบิกจ่ายเงินงวดแรกให้ "เจ้าของโครงการ" เป็นไปตามที่ระบุไว้ในหนังสือยืนยัน

ขั้นตอนที่ 4 "เจ้าของโครงการ" ดำเนินโครงการตามแผนงาน และรายงานผลการให้ สนพ. ทราบทุกระยะ

ขั้นตอนที่ 5 เมื่อต้องมีการจ่ายเงินตามงวดในหนังสือยืนยัน สนพ. จะเบิกเงินจากที่เก็บรักษาเงินกองทุนฯ เพื่อนำมารอจ่ายให้แก่ "เจ้าของโครงการ" ในการจ่ายเงินนี้ สนพ. ต้องพิจารณาตรวจสอบให้ "เจ้าของโครงการ" ดำเนินการตามหนังสือยืนยันก่อนจึงจ่ายเงินได้

ขั้นตอนที่ 6 สนพ. รายงานความก้าวหน้าและผลการดำเนินงานให้คณะกรรมการกองทุนฯ ทราบเป็นระยะๆ รวมถึงติดตามประเมินผลโครงการด้วย

3.7 หลักเกณฑ์การจัดสรรเงินสนับสนุน : เนื่องจากรายรับของกองทุนฯ มาจากสัดส่วนการส่งเงินเข้ากองทุนฯ ของประชาชนในภูมิภาคต่างๆ จึงนำปริมาณน้ำมันเชื้อเพลิงที่ได้จำหน่ายไปของแต่ละจังหวัดคิดค่าเฉลี่ยตั้งแต่ ปี 2547-ปัจจุบัน และจัดกลุ่มแบ่งออกเป็น 5 ภาค เพื่อใช้เป็นกรอบแนวทางกำหนดสัดส่วนการจัดสรรค่าใช้จ่ายสำหรับการลงทุนในโครงการพัฒนาระบบการขนส่ง เป็น ร้อยละ 70 สำหรับกรุงเทพฯ ปริมณฑล ภาคกลาง ภาคตะวันออก ภาคตะวันตก และร้อยละ 30 สำหรับภาคอื่นๆ ทั้งนี้ การจัดสรรค่าใช้จ่ายสำหรับการลงทุนในโครงการพัฒนาระบบการขนส่ง อาจมีวงเงินสูงกว่าสัดส่วนข้างต้น โดยคณะรัฐมนตรีเป็นผู้ให้ความเห็นชอบ

4. ฐานะการเงินของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง และกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน

4.1 สนพ. ได้จัดทำประมาณการรับและรายจ่ายของกองทุนน้ำมันฯ ให้สอดคล้องตามมติ กพช. โดยไม่ได้โอนเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงฯ จำนวน 3,000 ล้านบาท ไปเพิ่มสภาพคล่องให้กับกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน โดยเริ่มโอนอัตราการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯ ให้กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานจัดเก็บแทน ในอัตรา 0.50 บาทต่อลิตร ในวันจันทร์ที่ 17 ธันวาคม 2550 จะทำให้กองทุนน้ำมันฯ จะมีเงินสะสม 10,179 ล้านบาท ในเดือนมิถุนายน 2551 แต่ด้วย กบง. ในการประชุมเมื่อ 12 ตุลาคม 2550 มีมติให้กองทุนน้ำมันฯ โอนเงิน 3,500 ล้านบาท ฝากที่ ธกส. เพื่อเป็นทุนให้กับเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการปลูกปาล์มน้ำมันเพื่อใช้ในการผลิตไบโอดีเซล เงินกองทุนน้ำมันฯ จึงลดลงและจะสะสมได้ถึง 10,000 ล้านบาท ในปลายเดือนกันยายน 2551 การโอนอัตรากองทุนน้ำมันฯ ไปยังกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานสำหรับโครงการพัฒนาระบบขนส่งเป็น 0.70 บาท/ลิตร จึงเริ่มในวันพุธที่ 1 ตุลาคม 2551 และฐานะการเงินของกองทุนน้ำมันฯ เป็นดังนี้

ka2

4.2 จากแนวทางตามข้อ 4.1 ฐานะการเงินของกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน จะเป็นดังนี้

ka3

4.3 จากข้อ 4.2 กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานจะมีวงเงินสำหรับโครงการลงทุนพัฒนาระบบขนส่งขนาดใหญ่ ตั้งแต่วันที่ 17 ธันวาคม 2550 ถึงกันยายน 2555 รวมทั้งสิ้น 71,424 ล้านบาท ดังนี้

ปี 2550 2551 2552 2553 2554 2555
รายได้กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน (ล้านบาท) สำหรับโครงการลงทุนพัฒนาระบบขนส่ง
ประมาณการรายรับล่วงหน้า
- รายได้ 50 ส.ต. (เริ่ม 17 ธ.ค. 50) 0 8,575 11,071 11,068 11,082 11,541
- รายได้ 20 ส.ต. (เริ่ม 1 ต.ค. 51) 0 0 4,428 4,427 4,433 4,617
ประมาณการรับรับ (รายปี) 0 8,757 15,499 15,495 15,515 16,158
ประมาณการรายรับ (รวม 5ปี) 71,424

5. การปรับเป้าหมายแผนอนุรักษ์ฯ ในช่วงปี 2551-2554 : กพช. ในการประชุมเมื่อ 28 กันยายน 2550 มีข้อสังเกตว่าแผนอนุรักษ์พลังงานในช่วงปี 2551-2554 ที่ได้ปรับลดเป้าหมายการประหยัดพลังงานในภาคอุตสาหกรรม จาก 3,832 ktoe เป็น 2,581 ktoe เนื่องจากเห็นว่างานปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมยังอยู่ในระหว่างการศึกษา คาดว่าเกิดผลลดการใช้พลังงานหลังปี 2554 นั้น ที่ประชุมเห็นว่าบางกลุ่มอุตสาหกรรมดำเนินการเสร็จไปแล้ว ซึ่งน่าจะมีผลต่อการลดการใช้พลังงานเกิดขึ้นบางส่วนแล้ว จึงให้ สนพ. พิจารณาเรื่องการปรับเป้าหมายแผนอนุรักษ์พลังงานอีกครั้ง

สนพ. ได้ศึกษาจากรายงานผลการศึกษาโครงการปรับโครงสร้างอุตสาหกรรม ที่ พพ. ได้ว่าจ้าง TDRI ดำเนินการศึกษาแล้ว พบว่าประมาณการผลการประหยัดพลังงาน 1,400 ktoe ที่คาดว่าจะได้รับจากการปรับโครงสร้างการผลิตสินค้าประหยัดพลังงานให้ได้ 5% ได้แก่ การผลิต/ประกอบรถประหยัดเชื้อเพลิง ประหยัด 26,000 ล้านบาท/ปี (1,300 ktoe) การผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าประหยัดพลังงาน (>เบอร์ 5) ประหยัด 3,000 ล้านบาท/ปี (150 ktoe) ลดส่วนแบ่งสาขาที่มีการใช้พลังงานสูงและเพิ่มส่วนแบ่งสาขาที่มีมูลค่าเพิ่มสูง เช่น ลดสาขาโลหะลง เพิ่มอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์ยาง/พลาสติก หรืออุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าอิเลคทรอนิคส์ เป็นต้น ประหยัด 4,000 ล้านบาท (200 ktoe) ดังนั้น เป้าหมายแผนอนุรักษ์พลังงานในช่วงปี 2551-2554 ได้รวมผลการประหยัดพลังงานในเรื่องการผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าประหยัดพลังงาน และการก่อสร้างระบบรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดงไว้แล้ว ในการนี้ได้ปรับเพิ่มผลการประหยัดพลังงานที่ได้จากการผลิตรถประหยัดเชื้อเพลิง (ECO Car) 123 ktoe และการผลิตไฟฟ้าระบบ Cogeneration 576 ktoe สำหรับการลงทุนในโครงการพัฒนาระบบขนส่งขนาดใหญ่ จะเกิดผลการประหยัดพลังงานหลังปี 2554 จึงสรุปเป้าหมายของแผนอนุรักษ์พลังงานฯ เป็นดังนี้

เป้าหมายแผนอนุรักษ์พลังงาน ณ ปี 2554
กพช. 23 ธ.ค.47 กพช. 26 ธ.ค.49 ปรับปรุง พ.ย. 50
(ktoe) (ktoe) (ktoe)
เป้าหมายรวม 17,884 19,005 18,993
แผนงานเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน 10,354 7,694 7,787
สาขาอุตสาหกรรม 3,411 3,832 3,157
สาขาขนส่ง 6,270 3,290 3,413
การจัดการด้านการใช้พลังงาน 673 572 1,217
แผนงานด้านพลังงานทดแทน 7,530 11,311 11,206
ส่งเสริม NGV - 4,348 4,518
พลังงานหมุนเวียน* 7,530 6,963 6,688

มติที่ประชุม

1. เห็นชอบแนวทาง หลักเกณฑ์ เงื่อนไขและลำดับความสำคัญของการใช้จ่ายเงินกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานสำหรับโครงการลงทุนพัฒนาระบบการขนส่ง ตามที่ สนพ. เสนอ และให้ฝ่ายเลขานุการฯ เสนอคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) พิจารณาต่อไป

2. เห็นชอบให้ฝ่ายเลขานุการฯ เสนอ กพช. พิจารณาการเริ่มโอนอัตราการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯ ให้กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานจัดเก็บแทน ในอัตรา 0.50 บาทต่อลิตร ในวันจันทร์ที่ 17 ธันวาคม 2550 และปรับเพิ่มเป็น 0.70 บาท/ลิตร ในวันพุธที่ 1 ตุลาคม 2551 เพื่อใช้สำหรับโครงการลงทุนพัฒนาระบบการขนส่ง โดยกองทุนน้ำมันฯ ไม่ต้องโอนเงินจำนวน 3,000 ล้านบาท ให้กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานเพื่อเพิ่มสภาพคล่องตามที่คณะกรรมการกองทุนฯ เคยมีมติไว้แล้ว

3. เห็นชอบกรอบวงเงินที่ขออนุมัติจัดสรรเงินกองทุนฯ สำหรับแผนงานโครงการลงทุนพัฒนาระบบขนส่ง ในช่วงปี 2551-2555 วงเงินประมาณ 71,424 ล้านบาท และให้ฝ่ายเลขานุการฯ จัดสรรเงินดังกล่าวตามแนวทาง หลักเกณฑ์ เงื่อนไขและลำดับความสำคัญของการใช้จ่ายเงินกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานสำหรับโครงการลงทุนพัฒนาระบบการขนส่ง

4. เห็นชอบเป้าหมายแผนอนุรักษ์พลังงานในช่วงปี 2551-2554 ที่ปรับปรุงตามข้อ 5 และให้เสนอคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ พิจารณาต่อไป


เรื่องที่ 3 ขออนุมัติจัดสรรเงินกองทุนฯ สำหรับการดำเนินงานตามแผนโครงสร้างพื้นฐานเพื่อการผลิตไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์

1. ฝ่ายเลขานุการฯ ได้แจ้งให้ที่ประชุมรับทราบว่า คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ในการประชุมครั้งที่ 2/2550 เมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2550 ได้มีมติเห็นชอบให้แต่งตั้งคณะกรรมการเพื่อเตรียมการศึกษาความเหมาะสมการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานนิวเคลียร์ (Nuclear Power Infrastructure Preparation Committee: NPIPC) โดยมี ดร. กอปร กฤตยากีรณ เป็นประธาน ผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นคณะกรรมการ และผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงานเป็นกรรมการและเลขานุการ เพื่อจัดทำและเสนอแนะแผนงาน มาตรการ แนวทางในการดำเนินงานด้านการเตรียมความพร้อมด้านต่างๆ เพื่อใช้ประโยชน์จากนิวเคลียร์เพื่อผลิตไฟฟ้า รวมทั้งการสื่อสารสาธารณะเพื่อสร้างความรู้ ความเข้าใจที่ถูกต้องต่อโรงไฟฟ้านิวเคลียร์และนำไปสู่การยอมรับของประชาชน และคณะกรรมการเพื่อเตรียมการศึกษาความเหมาะสมฯ (NPIPC) ได้จัดตั้งคณะอนุกรรมการ 7 คณะ เพื่อช่วยเหลือคณะกรรมการในการศึกษาประเด็นหลัก (Key Issues) ประกอบด้วย

1) คณะอนุกรรมการด้านระบบกฎหมาย ระบบกำกับ และข้อผูกพันระหว่างประเทศ

2) คณะอนุกรรมการด้านโครงสร้างพื้นฐานอุตสาหกรรมและการพาณิชย์

3) คณะอนุกรรมการด้านการถ่ายทอด พัฒนาเทคโนโลยี และพัฒนาทรัพยากรมนุษย์

4) คณะอนุกรรมการความปลอดภัยนิวเคลียร์ และการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม

5) คณะอนุกรรมการด้านสื่อสารสาธารณะและการยอมรับของประชาชน

6) คณะอนุกรรมการด้านการวางแผนด้านการเตรียมจัดตั้งโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์

7) คณะอนุกรรมการยกร่างแผนจัดตั้งโครงสร้างพื้นฐานพลังงานนิวเคลียร์

2. คณะกรรมการเพื่อเตรียมการศึกษาความเหมาะสมฯ และคณะอนุกรรมการฯ ได้จัดทำร่างแผนจัดตั้งโครงสร้างพื้นฐานเพื่อการผลิตไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ แล้วเสร็จในเดือนกันยายน 2550 และได้เชิญผู้เชี่ยวชาญจากทบวงพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ (IAEA) มาให้ความเห็นต่อร่างดังกล่าว พร้อมทั้งได้จัดประชุมรับฟังความคิดเห็นจากผู้เกี่ยวข้องทุกภาคฝ่าย เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2550 และนำข้อคิดเห็นที่ได้รับมาปรับปรุงร่างแผนงานฯ ที่สมบูรณ์ ประกอบด้วย 6 แผน ดังนี้

1) แผนงานด้านระบบกฎหมาย ระบบกำกับ และข้อผูกพันระหว่างประเทศ

2) แผนงานโครงสร้างพื้นฐานอุตสาหกรรมและการพาณิชย์

3) แผนการถ่ายทอดพัฒนาเทคโนโลยี และพัฒนาทรัพยากรมนุษย์

4) แผนด้านความปลอดภัยและการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม

5) แผนการสื่อสารและการยอมรับของสาธารณะ

6) การวางแผนการดำเนินการโครงสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์

3. คณะกรรมการเพื่อเตรียมการศึกษาความเหมาะสมฯ ได้เสนอร่างแผนจัดตั้งโครงสร้างพื้นฐานเพื่อการผลิตไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ ต่อ กพช. ในการประชุมครั้งที่ 7/2550 (ครั้งที่ 116) เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2550 และที่ประชุมได้มีมติดังนี้

3.1 เห็นชอบในหลักการ แผนจัดตั้งโครงสร้างพื้นฐานฯ โดยมอบหมายให้คณะกรรมการเพื่อเตรียมการศึกษาความเหมาะสมฯ รับไปศึกษาในรายละเอียดเพื่อจัดทำแผนให้สมบูรณ์ และเสนอ กพช. ต่อไป

3.2 เห็นชอบให้มีการจัดตั้งสำนักพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ เป็นหน่วยงานภายในกระทรวงพลังงาน

3.3 เห็นชอบในการดำเนินโครงการสร้างความรู้ ความเข้าใจ และการมีส่วนร่วมของประชาชน โดยจัดประชุมสัมมนาอย่างน้อย 8 ครั้ง ในระยะเวลา 6 เดือน

3.4 เห็นชอบแผนการดำเนินงานในช่วง 3 ปีแรก (พ.ศ. 2551 - 2553) โดยมอบหมายให้คณะกรรมการเพื่อเตรียมการศึกษาความเหมาะสมการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานนิวเคลียร์ รับไปกำหนดแผนการดำเนินงานในรายละเอียดต่อไป

3.5 เห็นชอบกรอบวงเงินงบประมาณในช่วง 3 ปีแรก (พ.ศ. 2551 - 2553) จำนวน 1,800 ล้านบาท เพื่อใช้ในการจัดตั้งสำนักพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ การดำเนินงานแผนงานด้านกฎหมาย ระบบกำกับและข้อผูกพันระหว่างประเทศ แผนงานด้านโครงสร้างพื้นฐานอุตสาหกรรมและการพาณิชย์ แผนงานด้านพัฒนา ถ่ายทอดเทคโนโลยีและพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ แผนงานด้านความปลอดภัยนิวเคลียร์และการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม แผนงานด้านสื่อสารสาธารณะและการยอมรับของประชาชน และแผนงานด้านการเตรียมการจัดตั้งโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ โดยให้ตั้งงบประมาณรวมอยู่ในกระทรวงพลังงาน และให้กระทรวงพลังงานรับไปพิจารณาจัดหางบประมาณต่อไป

3.6 เห็นชอบให้การกำกับดูแลในระยะเริ่มแรกให้ใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับพลังงานปรมาณูเพื่อสันติ ซึ่งปัจจุบันมีอยู่หลายฉบับไปพลางก่อน หลังจากนั้นมอบหมายให้กระทรวงพลังงานและกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รับไปยกร่างกฎหมายเฉพาะในการกำกับดูแล มาตรฐานและความปลอดภัยด้านนิวเคลียร์ โดยครอบคลุมถึงประเด็นที่เกี่ยวข้องทั้งหมด

4. ข้อเสนอของกระทรวงพลังงาน

4.1 คณะอนุกรรมการยกร่างแผนจัดตั้งโครงสร้างพื้นฐานพลังงานนิวเคลียร์ ได้มีการประชุมครั้งที่ 4/2550 (ครั้งที่ 4) เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2550 เพื่อรับทราบมติของ กพช. และให้คณะอนุกรรมการทั้ง 6 ชุด จัดทำรายละเอียดแผนการดำเนินงานและแผนงบประมาณในช่วง 3 ปีแรก (พ.ศ. 2551-2553) ซึ่งคาดว่าจะใช้จ่ายเงินประมาณ 450 ล้านบาท/ปี หรือจำนวนรวม 1,350 ล้านบาท โดยจำแนกตามแผนงานในเบื้องต้นได้ดังนี้

(1) แผนงานด้านกฎหมาย ระบบกำกับและข้อผูกพันระหว่างประเทศ งบประมาณ 30 ล้านบาท/ปี หน่วยงานหลักคือกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

(2) แผนงานด้านโครงสร้างพื้นฐานอุตสาหกรรมและการพาณิชย์ งบประมาณ 10 ล้านบาท/ปี หน่วยงานหลักคือ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงอุตสาหกรรม และกระทรวงพลังงาน

(3) แผนงานด้านพัฒนา ถ่ายทอดเทคโนโลยีและพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ งบประมาณ 65 ล้านบาท/ปี หน่วยงานหลักคือ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และกระทรวงศึกษาธิการ

(4) แผนงานด้านความปลอดภัยนิวเคลียร์และการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม งบประมาณ 30 ล้านบาท/ปี หน่วยงานหลักคือ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม

(5) แผนงานด้านสื่อสารสาธารณะและการยอมรับของประชาชน งบประมาณ 205 ล้านบาท/ปี หน่วยงานหลักคือ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และกระทรวงพลังงาน

(6) แผนงานด้านการเตรียมการจัดตั้งโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ งบประมาณ 85 ล้านบาท/ปี หน่วยงานหลักคือ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย

(7) การจัดตั้งสำนักพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ (NPPDO) งบประมาณ 25 ล้านบาท/ปี หน่วยงานหลักคือ กระทรวงพลังงาน

4.2 เนื่องจากของบประมาณแผ่นดินไม่ทันและเพื่อให้การดำเนินงานตามแผนฯ มีความต่อเนื่องทันตามกำหนดเวลาที่ กพช. เห็นชอบไว้ กระทรวงพลังงานจึงเสนอขอใช้เงินจากกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ให้ สนพ. ไว้สำหรับจัดสรรเป็นเงินช่วยเหลืออุดหนุนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จำนวน 250 ล้านบาท/ปี หรือจำนวนรวม 750 ล้านบาท โดยมีแนวทางและขั้นตอนการจัดสรรเงินกองทุนฯ ดังนี้

ขั้นตอนที่ 1 คณะกรรมการเพื่อเตรียมการศึกษาความเหมาะสมฯ จัดทำแผนการดำเนินงานในรายละเอียดของแต่ละโครงการและหน่วยงานที่รับผิดชอบพร้อมกำหนดแหล่งทุนที่จะใช้สำหรับโครงการนั้น

ขั้นตอนที่ 2 โครงการที่คณะกรรมการเพื่อเตรียมการศึกษาความเหมาะสมฯ กำหนดให้ใช้เงินจากกองทุนฯ ให้หน่วยงานเจ้าของโครงการฯ ยื่นข้อเสนอต่อ สนพ. เพื่อให้ความเห็นเสนอคณะอนุกรรมการกองทุนฯ

ขั้นตอนที่ 3 ข้อเสนอที่คณะอนุกรรมการกองทุนฯ เห็นชอบแล้ว สนพ. จะแจ้งมติให้เจ้าของโครงการทราบ และลงนามในหนังสือยืนยันหรือสัญญากับเจ้าของโครงการ การเบิกจ่ายเงินงวดแรกให้ "เจ้าของโครงการ" เป็นไปตามที่ระบุไว้ในหนังสือยืนยันหรือสัญญา

ขั้นตอนที่ 4 เจ้าของโครงการดำเนินการตามแผนงาน และรายงานผลให้ สนพ. ทราบทุกระยะ โดยมีคณะกรรมการเพื่อเตรียมการศึกษาความเหมาะสมฯ รับรองรายงานแต่ละฉบับ

ขั้นตอนที่ 5 เมื่อต้องมีการจ่ายเงินตามงวดในหนังสือยืนยัน สนพ. จะดำเนินการเบิกเงินจากที่เก็บรักษาเงินกองทุนฯ เพื่อนำมารอจ่ายให้แก่เจ้าของโครงการ โดย สนพ. ต้องตรวจสอบให้เจ้าของโครงการดำเนินการตามหนังสือยืนยันหรือสัญญาก่อนจึงจ่ายเงินได้

ขั้นตอนที่ 6 สนพ. รายงานความก้าวหน้าและผลการดำเนินงานให้คณะกรรมการกองทุนฯ ทราบเป็นระยะๆ รวมถึงติดตามประเมินผลโครงการด้วย

มติที่ประชุม

เห็นชอบจัดสรรเงินจากกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน แผนพลังงานทดแทน งานศึกษาวิจัยและพัฒนาด้านเทคนิค ให้ สนพ. สำหรับดำเนินการตามแผนจัดตั้งโครงสร้างพื้นฐานเพื่อการผลิตไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ ในช่วง 3 ปีแรก (พ.ศ.2551 - 2553) จำนวน 250 ล้านบาท/ปี หรือจำนวนรวม 750 ล้านบาท โดยมีกรอบ แนวทาง และขั้นตอนการจัดสรรเงินกองทุนฯ ตามที่ สนพ.เสนอ โดยในปี 2552-2553 ให้จัดทำคำขอตั้งงบประมาณก่อน และขอรับการสนับสนุนเพิ่มเติมจากคณะกรรมการกองทุนฯ ในส่วนที่งบประมาณจัดสรรให้ไม่เพียงพอ


เรื่องที่ 4 ขอความเห็นชอบปรับรายละเอียดโครงการที่คณะกรรมการกองทุนฯ อนุมัติไว้แล้ว

1. ฝ่ายเลขานุการฯ ได้แจ้งให้ที่ประชุมรับทราบว่ามีหน่วยงานที่ได้รับจัดสรรเงินจากกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานไปแล้ว ได้ยื่นเรื่องเพื่อขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการไปจากที่คณะกรรมการกองทุนฯ ได้อนุมัติไว้ รวม 22 โครงการ ดังนี้

1.1 ขอขยายระยะเวลาดำเนินงาน รวม 12 โครงการ คือ

โครงการ หน่วยงาน เดิม ขยายถึง
(1) โครงการปรับปรุงประสิทธิภาพกระบวนการอบแห้งกุนเชียง ม.พระจอมเกล้าธนบุรี กันยายน 2550 ธันวาคม 2550
(2) โครงการบูรณาการงานด้านพลังงานกับแผนยุทธศาสตร์จังหวัด สำนักงานพลังงานภูมิภาค 3 พฤษภาคม 2550 สิงหาคม 2550
(3) โครงการศึกษาดัชนีการใช้พลังงานสำหรับหน่วยงานราชการ ม.เชียงใหม่ กันยายน 2550 ธันวาคม 2550
(4) โครงการออกแบบประตูบานเกล็ดเพื่ออนุรักษ์พลังงาน ม.พระจอมเกล้าธนบุรี ธันวาคม 2548 ธันวาคม 2550
(5) โครงการกรุงเทพฯ ฟ้าใส ด้วยไบโอดีเซล กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน พฤศจิกายน 2550 พฤศจิกายน 2551
(6) โครงการส่งเสริมการใช้ก๊าซชีวภาพจากระบบจัดการน้ำเสียโรงฆ่าสัตว์ มูลนิธิพลังงานเพื่อสิ่งแวดล้อม กันยายน 2550 สิงหาคม 2552
(7) โครงการการส่งเสริมการผลิตการใช้ ไบโอดีเซลในระดับชุมชน
(ทดสอบการใช้ไบโอดีเซลกับเครื่องยนต์การเกษตรเอนกประสงค์)
กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน สิงหาคม 2550 กุมภาพันธ์ 2551
(8) โครงการการศึกษาวิศวกรรมแบบบูรณาการเพื่อเพิ่มทักษะด้านการอนุรักษ์พลังงานสำหรับพนักงานปฏิบัติการในโรงงานอุตสาหกรรม ม.พระจอมเกล้าธนบุรี เมษายน 2550 ธันวาคม 2550
(9) โครงการอบรมบุคลากรเรื่องบูรณาการการเรียนการสอนด้านพลังงานระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษา มูลนิธิสิ่งแวดล้อมไทย กันยายน 2550 มีนาคม 2551
(10) โครงการสนับสนุนทุนวิจัยแก่นักศึกษาระดับอุดมศึกษา จำนวน 3 ทุน ม. พระจอมเกล้าธนบุรี - -
(11) โครงการสนับสนุนทุนการศึกษาในประเทศ จำนวน 2 ทุน ม.เชียงใหม่ - -
(12) ขอขยายระยะเวลาการเบิกจ่ายเงินเกิน 3 เดือนนับจากวันสิ้นสุดเงื่อนไขแห่งสัญญา จำนวน 5 ราย กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน - 3 เดือนนับจากวันที่ได้รับอนุมัติการขยายระยะเวลา

1.2 ขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการ รวม 10 โครงการ คือ

โครงการ หน่วยงาน ขอเปลี่ยนแปลง
(1) โครงการบูรณาการงานด้านพลังงานกับแผนยุทธศาสตร์จังหวัด สำนักงานพลังงานภูมิภาค 9 ขอนำเงินค่าบริหารโครงการ ไปจัดซื้อเครื่องมือตรวจวัดการใช้พลังงาน จำนวน 6 ชุด ราคาชุดละ 29,799.50 บาท รวมเป็นเงิน 178,797 บาท
(2) โครงการการจัดการพลังงานพลังงานทั่วทั้งองค์กรสำหรับโรงแรมและการบริหารเปลี่ยนแปลง จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ขอขยายระยะเวลาดำเนินงาน จากเดิมสิ้นสุดเดือนกันยายน 2550 เป็นเดือนพฤษภาคม 2551 และขอปรับรายละเอียดการรายงานความก้าวหน้าและการเบิกจ่ายเงิน
(3) โครงการสนับสนุนทุนการศึกษาต่างประเทศ จำนวน 3 ทุน - ขอขยายระยะเวลาการศึกษาและเพิ่มวงเงินทุนการศึกษา จำนวน 2 หน่วยงาน และขอโอนการชดใช้ทุน จำนวน 1 หน่วยงาน *
(4) โครงการสนับสนุนทุนอุดหนุนการ วิจัยแก่นักศึกษาระดับอุดมศึกษา จำนวน 4 หน่วยงาน - ขอเปลี่ยนแปลงคณะผู้วิจัย จำนวน 3 หน่วยงาน และขอสละสิทธิ์การรับทุนอุดหนุนการวิจัย จำนวน 1 หน่วยงาน
(5) โครงการศึกษากำหนดคุณภาพและคุณสมบัติของน้ำมันแก๊สโซฮอล์ที่เหมาะสมหลังปี 2550 กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน ขอขยายระยะเวลาดำเนินงาน จากเดิมสิ้นสุดเดือนกุมภาพันธ์ 2551 เป็นเดือนพฤษภาคม 2551 และปรับลดวงเงินจากเดิม 6,400,000 บาท เป็น 5,340,000 บาท
(6) โครงการตรวจวัดมลพิษทางอากาศจากรถยนต์ที่ใช้แก๊สโซฮอล์ กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน ขอขยายระยะเวลาดำเนินงาน จากเดิมสิ้นสุดเดือนกุมภาพันธ์ 2550 เป็นเดือนพฤศจิกายน 2550 และปรับลดจำนวนรถยนต์ที่ใช้ทดสอบจาก 2 คัน เหลือ 1 คัน พร้อมปรับลดวงเงินจาก 11,762,000 บาท เหลือ 11,296,500 บาท
(7) โครงการผลิตเมทานอลจากชีวมวลเพื่อใช้เป็นเชื้อเพลิงในเซลล์เชื้อเพลิง กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน ขอยกเลิกการดำเนินงานโครงการผลิต เมทานอลจากชีวมวลเพื่อใช้เป็นเชื้อเพลิงในเซลล์เชื้อเพลิง เพื่อเปลี่ยนไปดำเนินโครงการพัฒนาสาธิตการผลิตไฮโดรเจนจากขบวนการความร้อนเคมีระยะที่ 2 แทน ในวงเงิน 6,000,000 บาท
(8) โครงการการส่งเสริมการผลิตการใช้ไบโอดีเซลในระดับชุมชน (ขนาด 2,000 ลิตรต่อวัน) กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน - ขอเปลี่ยนชุมชนต้นแบบการผลิตและใช้ไบโอดีเซล จากองค์การบริหารส่วนจังหวัดชลบุรี เป็นศูนย์ทดลองวิชาการพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน จังหวัดหนองคาย
- ขอโอนเงินกองทุนฯ หมวดค่าตอบแทนใช้สอยและวัสดุ งานบริหารแผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน จำนวน 4,733,500 บาท ไปก่อสร้างอาคารโรงคลุมระบบผลิตไบโอดีเซล ศูนย์ทดลองวิชาการฯ จ.หนองคาย
(9) โครงการส่งเสริมการวิจัยเชิงนโยบายเพื่อสนับสนุนการวิจัยและพัฒนาด้านการใช้พลังงานหมุนเวียนและการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย ขอขยายระยะเวลาโครงการฯ ออกไปจนถึงเดือนตุลาคม 2551 และขอปรับแผนการใช้จ่ายเงินของโครงการฯ ส่วนที่เหลืออยู่จำนวน 28.5 ล้านบาท เป็นค่าใช้จ่ายในการศึกษารายละเอียดเชิงลึกเพิ่มเติม
10) โครงการไฟฟ้าพลังน้ำขนาดเล็ก แควน้อย (อ.นครไทย จ.พิษณุโลก) กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน คณะกรรมการกองทุนฯ มีเงื่อนไขก่อนใช้เงินกองทุนฯ 64,780,000 บาท พพ. ต้องมีหนังสือจากกรมป่าไม้ เห็นชอบให้เข้าดำเนินการในพื้นที่ได้ แต่ พพ. จำเป็นต้องสำรวจแนวเขตพื้นที่ร่วมกับกรมป่าไม้ให้มีความชัดเจน จึงขอใช้เงินที่ได้รับอนุมัติไว้ จำนวน 3,307,800 บาท ก่อน เพื่อนำไปเป็นงบดำเนินงานบริหารโครงการ

* หมายเหตุ

(1) สำนักงานศาลปกครอง ขอขยายเวลาการศึกษาให้แก่ นางสาวรัชดาพร นิ่มพงษ์ศักดิ์ ออกไปอีก 1 ปี ตั้งแต่วันที่ 10 มกราคม 2551 ถึงวันที่ 9 มกราคม 2552 เพื่อปรับปรุงวิทยานิพนธ์ และขออนุมัติเพิ่มวงเงินทุนการศึกษา จำนวน 9,040 ปอนด์

(2) ม. อุบล ขอขยายเวลาการศึกษาให้แก่นางสาวบงกช สุขอนันต์ ออกไปอีก 10 เดือน ตั้งแต่วันที่ 10 มกราคม 2551 ถึงวันที่ 9 พฤศจิกายน 2551 เพื่อใช้เวลาในการเขียนวิทยานิพนธ์ และขออนุมัติเพิ่มวงเงินจำนวน 9,550 ปอนด์

(3) กรมควบคุมมลพิษ ขอให้นายสราวุธ เทพานนท์ โอนการชดใช้ทุนการศึกษา จากกรมควบคุมมลพิษ ไปปฏิบัติงานเป็นพนักงานของรัฐ ตำแหน่งอาจารย์ ในสาขาวิชาวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม คณะทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

มติที่ประชุม

1. อนุมัติให้โครงการตามข้อ 1.1 (1)-(12) และข้อ 1.2 (1)-(6) และ (8)-(10) รวม 21 โครงการ ขยายระยะเวลาดำเนินงานและปรับรายละเอียดได้ตามที่เสนอมา

2. ไม่อนุมัติให้ พพ. นำเงินกองทุนฯ ที่จัดสรรมาใช้สำหรับ โครงการผลิตเมทานอลจากชีวมวลเพื่อใช้เป็นเชื้อเพลิงในเซลล์เชื้อเพลิง ไปใช้ดำเนินโครงการพัฒนาสาธิตการผลิตไฮโดรเจนจากขบวนการความร้อนเคมี ระยะที่ 2 และหาก พพ. มีความจำเป็นต้องดำเนินโครงการพัฒนาสาธิตการผลิตไฮโดรเจนฯ ก็ควรจัดทำรายละเอียดเสนอขอจัดสรรเงินกองทุนฯ มาใช้ดำเนินการ

Read 9484 times Last modified on Monday, 04 July 2016 17:13
Tweet
back to top
สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.)
กระทรวงพลังงาน
121/1-2 ถนนเพชรบุรี แขวงทุ่งพญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพฯ 10400
โทร 0 2612 1555, โทรสาร 0 2612 1364
จากต่างประเทศ โทร +66 2612 1555, โทรสาร +66 2612 1364
Official Website : www.eppo.go.th

การปฎิเสธความรับผิดชอบ | นโยบายเว็บไซต์ | นโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล | นโยบายการรักษาความมั่นคงปลอดภัยเว็บไซต์