- การกำกับดูแลองค์กร
- การพัฒนาระบบบริหาร
- การบริหารและพัฒนาทรัพยากรบุคคล
- แผนบริหารความต่อเนื่อง
- แผนปฏิบัติการดิจิทัล ของ สนพ.
- ศูนย์ประสานราชการใสสะอาด
- ศูนย์ประสานงานด้านความเสมอภาค ระหว่างหญิงชาย
- ศูนย์บริการร่วม
- ศูนย์ข้อมูลข่าวสาร
- รายงานของกองทุนพลังงาน
- คู่มือ/แบบฟอร์ม ของกองทุนพลังงาน
- ข้อมูลเชิงสถิติการให้บริการ
- กลุ่มงานจริยธรรม
- การคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
- สวัสดิการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน
อุปกรณ์ที่มีผลต่อการใช้ H2 และ NG

การใช้งานไฮโดรเจนต้องอาศัยอุปกรณ์ที่ออกแบบมาเฉพาะ เพื่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพสูงสุด เนื่องจากไฮโดรเจนต้องเก็บที่แรงดันสูง (350–700 bar) หรืออุณหภูมิต่ำมาก (-253 °C) หากอยู่ในของเหลว จึงมีความเสี่ยงต่อการรั่วไหลและการกร่อนของวัสดุ
ถังบรรจุไฮโดรเจน: จำเป็นต้องใช้วัสดุที่ทนต่อ H₂ เช่น Stainless Steel (304/316), Composite หรือ Alloy พิเศษ พร้อมตรวจสอบรอยเชื่อมและมีการเคลือบผิวเพื่อป้องกันการกร่อนด้วย
ระบบท่อ: มีความเสี่ยงต่อการแตกร้าวและเปราะจาก Hydrogen Embrittlement โดยเฉพาะเหล็กกล้าคาร์บอน จึงต้องเลือกใช้วัสดุที่เหมาะสมและตรวจสอบสม่ำเสมอ
อุปกรณ์ตรวจจับ H₂: มีความสำคัญเพราะไฮโดรเจนไม่มีสี ไม่มีกลิ่น และเบากว่าอากาศ หากรั่วไหลจะสะสมที่เพดานและยากต่อการตรวจจับด้วยประสาทสัมผัส จำเป็นต้องติดตั้ง Hydrogen Detector พร้อมระบบสัญญาณเตือนและการระบายอากาศ
เครื่องมือวัด: เช่น Pressure Gauge, Flowmeter หรือ Sensor ต้องเลือกชนิดที่รองรับ H₂ และสอบเทียบอย่างสม่ำเสมอ เพื่อความถูกต้องและความปลอดภัย
หัวเผา: ต้องออกแบบให้เหมาะสมกับการใช้ไฮโดรเจน เนื่องจาก H₂ มีความเร็วการเผาไหม้สูงกว่า NG และมีช่วงการติดไฟกว้าง หากใช้อุปกรณ์ที่ไม่ได้มาตรฐานอาจเกิด Flame instability หรือการเผาไหม้ย้อนกลับได้
ดังนั้น การเลือกใช้วัสดุและอุปกรณ์ที่เหมาะสมกับไฮโดรเจน รวมถึงการบำรุงรักษาอย่างต่อเนื่อง จึงเป็นสิ่งสำคัญต่อการใช้งาน H₂ + NG อย่างปลอดภัยและยั่งยืน
***************************









