งบประมาณกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ตุลาคม 2554
- งบประมาณกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ตุลาคม 2554 (971 Downloads)
กองทุนส่งเสริมเพื่อการอนุรักษ์พลังงาน กันยายน 2554
- กองทุนส่งเสริมเพื่อการอนุรักษ์พลังงาน กันยายน 2554 (2034 Downloads)
กองทุนส่งเสริมเพื่อการอนุรักษ์พลังงาน สิงหาคม 2554
- กองทุนส่งเสริมเพื่อการอนุรักษ์พลังงาน สิงหาคม 2554 (1911 Downloads)
กองทุนส่งเสริมเพื่อการอนุรักษ์พลังงาน กรกฏาคม 2554
- กองทุนส่งเสริมเพื่อการอนุรักษ์พลังงาน กรกฏาคม 2554 (1975 Downloads)
กองทุนส่งเสริมเพื่อการอนุรักษ์พลังงาน มิถุนายน 2554
- กองทุนส่งเสริมเพื่อการอนุรักษ์พลังงาน มิถุนายน 2554 (2058 Downloads)
กองทุนส่งเสริมเพื่อการอนุรักษ์พลังงาน พฤษภาคม 2554
- กองทุนส่งเสริมเพื่อการอนุรักษ์พลังงาน พฤษภาคม 2554 (1856 Downloads)
กอ. ครั้งที่ 54 - วันพุธที่ 4 พฤษภาคม 2554

มติคณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน
ครั้งที่ 2/2554 (ครั้งที่ 54)
วันพุธที่ 4 พฤษภาคม 2554 เวลา 14.00 น.
ณ ห้องประชุม 1 ชั้น 2 อาคารสำนักงานองค์การสวนสัตว์
1. การลาออกของอนุกรรมการประเมินผลโครงการภายใต้แผนอนุรักษ์พลังงาน
2. งบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2554 ของกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน (เพิ่มเติม)
3. การขอรับคืนหุ้นจำนวน 34,200 หุ้น ของบริษัท เซลเลนเนียม (ประเทศไทย) จำกัด ถือในนามกระทรวงการคลัง (กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน)
4. การตรวจสอบการดำเนินงานโครงการส่งเสริมการผลิตก๊าซชีวภาพในฟาร์มเลี้ยงสัตว์ขนาดกลางและขนาดใหญ่ ระยะที่ 1-4 ของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน
นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี รองนายกรัฐมนตรี ประธานกรรมการ
นายสุเทพ เหลี่ยมศิริเจริญ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน กรรมการและเลขานุการ
เรื่องที่ 1 การลาออกของอนุกรรมการประเมินผลโครงการภายใต้แผนอนุรักษ์พลังงาน
1. คณะกรรมการกองทุนฯ มีคำสั่งลงวันที่ 12 กรกฎาคม 2553 แต่งตั้งคณะอนุกรรมการประเมินผลโครงการภายใต้แผนอนุรักษ์พลังงาน โดยมี ศ.ดร. จุลละพงษ์ จุลละโพธิ เป็นประธานอนุกรรมการ ผู้ทรงคุณวุฒิ จำนวน 8 ท่าน เป็นอนุกรรมการ และผู้แทน สนพ. เป็นเลขานุการฯ เพื่อทำหน้าที่ประเมินผลการดำเนินงานของโครงการที่ได้รับการจัดสรรเงินจากกองทุนฯ และเสนอข้อพิจารณาประกอบรายงานการประเมินผลของโครงการที่ได้รับการจัดสรรเงินจากกองทุนฯ ต่อคณะกรรมการกองทุนฯ
2. ศ.ดร.วิวัฒน์ ตัณฑะพาณิชกุล อนุกรรมการประเมินผลฯ ได้มีหนังสือลงวันที่ 17 มีนาคม 2554 เพื่อขอลาออกจากการเป็นอนุกรรมการประเมินผลฯ ตั้งแต่วันที่ 25 มีนาคม 2554 เป็นต้นไป เนื่องจากได้รับการแต่งตั้งให้เป็นศาสตราจารย์ประจำสถาบันเทคโนโลยีแห่งโตเกียว ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งคณะอนุกรรมการประเมินผลฯ ในการประชุมเมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2554 ได้มีมติรับทราบการลาออกของอนุกรรมการดังกล่าวแล้ว
มติที่ประชุม
รับทราบการลาออกของ ศ.ดร. วิวัฒน์ ตัณฑะพาณิชกุล อนุกรรมการประเมินผลโครงการภายใต้แผนอนุรักษ์พลังงาน
เรื่องที่ 2 งบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2554 ของกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน (เพิ่มเติม)
1. คณะกรรมการกองทุนฯ ในการประชุมเมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2554 ได้อนุมัติจัดสรรเงินกองทุนฯ ให้กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) และสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการตามแผนอนุรักษ์พลังงาน ปีงบประมาณ 2554 ในวงเงินรวม 2,614,335,136 บาท ดังนี้

2. มีหน่วยงานยื่นความประสงค์ขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2554 จากกองทุนฯ เพิ่มเติม ในวงเงินรวม 90,025,790 บาท เพื่อดำเนินโครงการ ดังนี้
2.1 กองทัพบก ขอรับการสนับสนุนงบประมาณจากกองทุนฯ ในวงเงิน 39,654,200 บาท ดำเนิน "โครงการผลิตไฟฟ้าด้วยเซลล์แสงอาทิตย์ เพื่อใช้ในกองกำลังป้องกันชายแดน" เพื่อส่งเสริมการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนที่มีศักยภาพ โดยจะดำเนินการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าด้วยเซลล์แสงอาทิตย์ ขนาด 3 กิโลวัตต์ จำนวน 34 ชุด ให้กับฐานปฏิบัติการของกองกำลังป้องกันชายแดนที่ไม่มีกระแสไฟฟ้าใช้งานหรือมีกระแสไฟฟ้าใช้งานไม่เพียงพอ
2.2 พพ. ขอรับการสนับสนุนงบประมาณกองทุนฯ ในวงเงิน 44,685,590 บาท ดำเนิน "โครงการส่งเสริมการผลิตไฟฟ้าด้วยเซลล์แสงอาทิตย์สำหรับฐานปฏิบัติการทางทหาร" ให้กับกรมการพลังงานทหารและกองบัญชาการกองทัพเรือ ตามข้อตกลงในบันทึกความร่วมมือระหว่างกระทรวงพลังงานและกระทรวงกลาโหม เพื่อให้มีไฟฟ้าใช้ และเป็นการช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติภารกิจในด้านปกป้องอธิปไตยและความมั่นคงของประเทศ
2.3 กองบิน 1 ขอรับการสนับสนุนงบประมาณกองทุนฯ ในวงเงิน 3,686,000 บาท ดำเนิน "โครงการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานทดแทนในกองบิน 1" เพื่อขยายผลการใช้เทคโนโลยีและการผลิตพลังงานทดแทนจากโครงการนำร่องกองทัพสีเขียวการใช้พลังงานทดแทนในหน่วยงานกองทัพอากาศ
2.4 สนพ. ขอรับการสนับสนุนงบประมาณจากกองทุนฯ ในวงเงิน 2,000,000 บาท เพื่อดำเนิน "การติดตามประเมินผลการดำเนินงานของกองทุนพัฒนาชุมชนในพื้นที่รอบโรงไฟฟ้าที่ใช้พลังงานทดแทน ปี 2553" เพื่อติดตามผลการดำเนินงานของกองทุนพัฒนาชุมชนในพื้นที่รอบโรงไฟฟ้าที่มีการใช้พลังงานทดแทนเป็นเชื้อเพลิง
3. ฝ่ายเลขานุการฯ ได้นำงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2554 ของกองทุนฯ (เพิ่มเติม) เสนอคณะอนุกรรมการกองทุนฯ เพื่อพิจารณาเมื่อวันที่ 29 เมษายน 2554 แล้ว และมีความเห็นว่าการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าด้วยเซลล์แสงอาทิตย์ ให้กับฐานปฏิบัติการของกองกำลังป้องกันชายแดนที่ไม่มีกระแสไฟฟ้าใช้งานหรือมีกระแสไฟฟ้าใช้งานไม่เพียงพอ จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติภารกิจในด้านปกป้องอธิปไตยและความมั่นคงของประเทศ จึงเห็นควรให้การสนับสนุนโครงการฯ ตามคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 ของกองทุนฯ (เพิ่มเติม) ในวงเงินรวม 89,582,120 บาท ตามที่ฝ่ายเลขานุการฯ เสนอ โดยมีข้อเสนอแนะ ดังนี้
3.1 โครงการผลิตไฟฟ้าด้วยเซลล์แสงอาทิตย์ เพื่อใช้ในกองกำลังป้องกันชายแดน โดย กองทัพบก เห็นควรให้ปรับลดระยะเวลาดำเนินงาน จาก 1 ปี เป็น 6 เดือน เพื่อให้เกิดการใช้ประโยชน์จากระบบผลิตไฟฟ้าด้วยเซลล์แสงอาทิตย์ให้เร็วขึ้น
3.2 โครงการส่งเสริมการผลิตไฟฟ้าด้วยเซลล์แสงอาทิตย์สำหรับฐานปฏิบัติการทางทหาร โดย พพ. เห็นว่า มีบางพื้นที่ที่จะดำเนินการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าด้วยเซลล์แสงอาทิตย์ในฐานปฏิบัติการทางทหารซ้ำซ้อนกับโครงการผลิตไฟฟ้าด้วยเซลล์แสงอาทิตย์เพื่อใช้ในกองกำลังป้องกันชายแดน ของกองทัพบก จึงให้ตัดพื้นที่ซ้ำซ้อนในโครงการของ พพ. ออก ทำให้จำนวนระบบผลิตฯ ลดลงเหลือ 176 ระบบ และคงเหลืองบประมาณในการดำเนินโครงการ ในวงเงิน 44,241,920 บาท
3.3 โครงการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานทดแทนในกองบิน 1 เห็นว่า เป็นการขยายผลการใช้เทคโนโลยีและการผลิตพลังงานทดแทน จากโครงการนำร่องกองทัพสีเขียว ซึ่งจะช่วยให้เกิดการส่งเสริมให้การใช้พลังงานทดแทนตามกลไกการผลักดันให้มีการใช้พลังงานทดแทนทุกภาคส่วน จึงเห็นควรให้การสนับสนุน ในวงเงิน 3,686,000 บาท
3.4 การติดตามประเมินผลการดำเนินงานของกองทุนพัฒนาชุมชนในพื้นที่รอบโรงไฟฟ้า ที่ใช้พลังงานทดแทน ปี 2553 โดย สนพ. เห็นว่า โครงการดังกล่าวจะทำให้ได้แนวทางในการดำเนินงานและ/หรือแนวทางในการปรับปรุงผลการดำเนินงานของกองทุนพัฒนาชุมชนในพื้นที่รอบไฟฟ้าในอนาคต จึงเห็นควรให้การสนับสนุน ในวงเงิน 2,000,000 บาท
3.5 เห็นควรจัดสรรเงินกองทุนฯ ให้กับ 2 หน่วยงานผู้เบิกเงินกองทุนฯ เพื่อดำเนินโครงการ ดังนี้
(1) ให้ พพ. ในวงเงิน 44,241,920 บาท ในการดำเนิน "โครงการส่งเสริมการผลิตไฟฟ้าด้วยเซลล์แสงอาทิตย์สำหรับฐานปฏิบัติการทางทหาร"
(2) ให้ สนพ. ในวงเงินรวม 45,340,200 บาท ในการดำเนิน
- โครงการผลิตไฟฟ้าด้วยเซลล์แสงอาทิตย์ เพื่อใช้ในกองกำลังป้องกันชายแดน ในวงเงิน 39,654,200 บาท โดยมีระยะเวลาดำเนินโครงการ 6 เดือน
- โครงการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานทดแทนในกองบิน 1 ในวงเงิน 3,686,000 บาท
- การติดตามประเมินผลการดำเนินงานของกองทุนพัฒนาชุมชนในพื้นที่รอบโรงไฟฟ้า ที่ใช้พลังงานทดแทน ปี 2553 ในวงเงิน 2,000,000 บาท
4. คณะอนุกรรมการฯ จึงมีมติให้ฝ่ายเลขานุการฯ เสนอคณะกรรมการกองทุนฯ เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 ของกองทุนฯ (เพิ่มเติม) ต่อไป
มติที่ประชุม
1. อนุมัติเงินกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ปีงบประมาณ 2554 (เพิ่มเติม) แผนพลังงานทดแทน งานส่งเสริมและสาธิต ให้ พพ. ในวงเงิน 44,241,920 บาท (สี่สิบสี่ล้านสองแสนสี่หมื่นหนึ่งพันเก้าร้อยยี่สิบบาทถ้วน) เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนิน "โครงการส่งเสริมการผลิตไฟฟ้าด้วยเซลล์แสงอาทิตย์สำหรับฐานปฏิบัติการทางทหาร" ระยะเวลาดำเนินงาน 6 เดือน
2. อนุมัติเงินกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ปีงบประมาณ 2554 (เพิ่มเติม) แผนพลังงานทดแทน งานส่งเสริมและสาธิต ให้ สนพ. ในวงเงินรวม 45,340,200 บาท (สี่สิบห้าล้านสามแสนสี่หมื่นสองร้อยบาทถ้วน) เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนิน
(1) โครงการผลิตไฟฟ้าด้วยเซลล์แสงอาทิตย์ เพื่อใช้ในกองกำลังป้องกันชายแดน ในวงเงิน 39,654,200 บาท โดยมีระยะเวลาดำเนินโครงการ 6 เดือน
(2) โครงการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานทดแทนในกองบิน 1 ในวงเงิน 3,686,000 บาท ระยะเวลาดำเนินโครงการ 4 เดือน
(3) การติดตามประเมินผลการดำเนินงานของกองทุนพัฒนาชุมชนในพื้นที่รอบโรงไฟฟ้าที่ใช้พลังงานทดแทน ปี 2553 ในวงเงิน 2,000,000 บาท ระยะเวลาดำเนินโครงการ 12 เดือน
เรื่องที่ 3 การขอรับคืนหุ้นจำนวน 34,200 หุ้น ของบริษัท เซลเลนเนียม (ประเทศไทย) จำกัด ถือในนามกระทรวงการคลัง (กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน)
1. พพ. ได้ให้การสนับสนุนการศึกษาวิจัยแก่ บริษัท เซลเลนเนียม (ประเทศไทย) จำกัด ในการดำเนิน "โครงการต้นแบบการประยุกต์ใช้งานเทคโนโลยี Vanadium Redox Flow" สำหรับการลดภาระกำลังไฟฟ้าสูงสุด การผลิตไฟฟ้าผสมผสานขนาดเล็ก รถประจำทางไฟฟ้า และเซลล์เชื้อเพลิงคาร์โบไฮเดรท ในวงเงิน 175 ล้านบาท มีระยะเวลาตั้งแต่ 30 มีนาคม 2549 - 29 กรกฎาคม 2550 และได้ว่าจ้างสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) เป็นที่ปรึกษาฯ โดยร่วมกับผู้ชำนาญการจากมหาวิทยาลัยของรัฐในประเทศ เพื่อติดตาม ตรวจสอบ และประเมินผลโครงการให้ พพ. และรับการถ่ายทอดองค์ความรู้จากบริษัทฯ ในวงเงิน 25 ล้านบาท โดยมีระยะเวลาดำเนินงานตั้งแต่ 30 มีนาคม 2549-29 ตุลาคม 2550
2. พพ. ได้ยกเลิกสัญญาสนับสนุนบริษัทเซลเลนเนียม (ประเทศไทย) จำกัด เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม 2552 เนื่องจากบริษัทฯ ทำงานล่าช้าและไม่ทำการปรับปรุงผลงานงวดที่ 1 ที่ไม่ผ่านการตรวจสอบจาก สวทช. และไม่เป็นไปตามสัญญาฯ
3. พพ. และ สวทช. ได้ปรับลดวงเงินว่าจ้างตามสัญญาจาก 25 ล้านบาท เหลือ 3,461,487.60 บาท เมื่อวันที่ 8 มิถุนายน 2553
4. ในสัญญาสนับสนุนฯ ระหว่าง พพ. และ บริษัทฯ ได้ระบุว่าบริษัทฯ ได้บริจาคหุ้นให้เป็นกรรมสิทธิแก่กระทรวงการคลัง (กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน) ได้แก่ หุ้นของบริษัทฯ และหุ้นของบริษัทฯ ในเครือ จำนวน 3 บริษัท อันเป็นหุ้นที่ได้มีการชำระเต็มมูลค่าแล้ว ดังนี้ (1) หุ้นของบริษัท Squirrel Holdings Ltd. จำนวน 330 หุ้น คิดเป็นมูลค่าหุ้นรวม 330 เหรียญสหรัฐ (2) หุ้นของบริษัท Cellennium USA., Inc จำนวน 50 หุ้น คิดเป็นมูลค่าหุ้นรวม 50 เหรียญสหรัฐ และ (3) หุ้นของบริษัท เซลเลนเนียม (ประเทศไทย) จำกัด จำนวน 34,200 หุ้น คิดเป็นมูลค่าหุ้นรวม 3,420,000 บาท โดยคิดราคาหุ้นตามที่บริษัทฯ แจ้งไว้ ณ เดือนกันยายน 2548 ซึ่งเมื่อยกเลิกสัญญาฯ บริษัทฯ ได้มีหนังสือขอคืนหุ้น ซึ่ง พพ. ได้จัดทำหนังสือขอทราบความเหมาะสมจากสำนักงานอัยการสูงสุด (อส.) เนื่องจากเป็นหน่วยงานที่ให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการรับบริจาคและการบริหารจัดการหุ้นและช่วยตรวจร่างสัญญาสนับสนุนฯ ให้กับ พพ.
5. อส. ได้มีหนังสือแจ้งผลการหารือของ พพ. สรุปได้ว่า ตามสัญญาสนับสนุนฯ หุ้นที่บริษัทฯ บริจาคให้แก่กองทุนฯ นั้น เป็นสมบัติของกองทุนฯ นับแต่วันที่บริษัทฯ ได้โอนให้กับกองทุนฯ ซึ่งคือวันที่ลงนามในสัญญาฯ
6. คณะอนุกรรมการกองทุนฯ ในการประชุมครั้งที่ 1/2554 (ครั้งที่ 25) เมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2554 ได้มีมติเห็นชอบให้ พพ. คืนหุ้นจำนวน 34,200 หุ้น คิดเป็นมูลค่าหุ้นรวม 3,420,000 บาท ให้แก่บริษัท เซลเลนเนียม (ประเทศไทย) จำกัด ตามที่ได้ระบุไว้ในสัญญาสนับสนุนฯ และให้ฝ่ายเลขานุการฯ นำเสนอคณะกรรมการกองทุนฯ เพื่อพิจารณาต่อไป
มติที่ประชุม
เพื่อให้การปฏิบัติของคณะกรรมการกองทุนฯ เป็นไปอย่างถูกต้อง จึงให้ฝ่ายเลขานุการฯ นำเรื่องดังกล่าวหารือไปยังสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณาว่า คณะกรรมการกองทุนฯ สามารถดำเนินการคืนหุ้นตามหนังสือการขอรับคืนหุ้น จำนวน 34,200 หุ้น ของบริษัท เซลเลนเนียม (ประเทศไทย) จำกัด ได้หรือไม่ และมีแนวทางปฏิบัติอย่างไร
เรื่องที่ 4 การตรวจสอบการดำเนินงานโครงการส่งเสริมการผลิตก๊าซชีวภาพในฟาร์มเลี้ยงสัตว์ขนาดกลางและขนาดใหญ่ ระยะที่ 1-4 ของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน
1. คณะกรรมการกองทุนฯ ในการประชุมเมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2538 วันที่ 3 ตุลาคม 2540 วันที่ 19 กันยายน 2544 และวันที่ 21 กันยายน 2550 ได้มีมติอนุมัติเงินกองทุนฯ ให้กับสถาบันวิจัยและพัฒนาพลังงานนครพิงค์ (สวพ.) มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ในวงเงินรวมทั้งสิ้น 1,464,800,000 บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนิน "โครงการส่งเสริมการผลิตก๊าซชีวภาพในฟาร์มเลี้ยงสัตว์ ระยะที่ 1-4" ตั้งแต่ปี 2538-2555 เพื่อส่งเสริมให้ผู้ประกอบการฟาร์มเลี้ยงสัตว์ ก่อสร้างและติดตั้งระบบก๊าซชีวภาพรองรับน้ำเสีย/ของเสียจากการเลี้ยงปศุสัตว์
2. สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ได้ดำเนินการตรวจสอบโครงการส่งเสริมเทคโนโลยีก๊าซชีวภาพในฟาร์มเลี้ยงสัตว์ ขนาดกลางและขนาดใหญ่ ระยะที่ 1-4 เฉพาะในส่วนฟาร์มเลี้ยงสัตว์ที่เข้าร่วมโครงการที่ก่อสร้างระบบผลิตก๊าซชีวภาพแล้วเสร็จ โดยทำการสุ่มตรวจสอบฟาร์มสุกรที่เข้าร่วมโครงการ จำนวน 173 ระบบ จากทั้งหมด 304 ระบบ ใช้วิธีการสุ่มตัวอย่างแบบหลายขั้นตอน เพื่อให้มีการกระจายสัดส่วนครอบคลุมพื้นที่ทุกภาคของประเทศไทย จำนวน 17 จังหวัด พร้อมทั้งมีการตรวจสอบข้อมูลจากเอกสารรายงานต่างๆ ของโครงการฯ มีการสัมภาษณ์ในเชิงลึกกับผู้ที่เกี่ยวข้อง และมีการสังเกตการณ์การดำเนินงานของระบบก๊าซชีวภาพที่สุ่มตรวจสอบในพื้นที่ก่อสร้างระบบจริง ใช้ระยะเวลาการตรวจสอบตั้งแต่วันที่ 15 ธันวาคม 2552 - 31 พฤษภาคม 2553 โดยมีข้อตรวจพบ 2 ประเด็น และข้อสังเกต 1 ประการ ทั้งนี้ สตง. ได้มีข้อเสนอแนะให้ สนพ. ดำเนินการ ดังนี้
ข้อตรวจพบที่ 1: การดำเนินงานไม่เป็นไปตามหลักการและข้อเสนอโครงการระบบก๊าซชีวภาพของฟาร์มที่เข้าร่วมโครงการที่มีการก่อสร้างและติดตั้งระบบก๊าซชีวภาพแล้วเสร็จ และมีการเดินระบบผลิตก๊าซชีวภาพแล้ว ณ 31 กรกฎาคม 2552 พบว่าการดำเนินงานไม่เป็นไปตามหลักการและข้อเสนอแนะโครงการ ดังนี้
1) ฟาร์มที่เข้าร่วมโครงการเป็นฟาร์มขนาดใหญ่ แต่ได้เข้าร่วมโครงการในฐานะเป็นฟาร์มขนาดกลาง จำนวน 8 ฟาร์ม รวม 19 ระบบ หรือคิดเป็นร้อยละ 10.98 ของจำนวนที่สุ่มตรวจสอบ
2) ไม่มีการกระจายฟาร์มที่เข้าร่วมโครงการ (มีการสนับสนุนการก่อสร้างระบบก๊าซชีวภาพในบริเวณที่ตั้งของฟาร์มเดียวกันมากกว่า 1 ระบบ) จำนวน 9 ฟาร์ม รวม 23 ระบบ หรือคิดเป็นร้อยละ 7.57
3) มีการอนุมัติให้องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) 2 แห่ง คือ อบต. สำนักตะคร้อ จ. นครราชสีมา และ อบต. ท่าหิน จ. สงขลา ซึ่งไม่มีอำนาจหน้าที่ในการทำฟาร์มเลี้ยงสัตว์เข้าร่วมโครงการ
ข้อตรวจพบที่ 2: การดำเนินงานไม่เป็นไปตามเป้าหมาย
ระบบก๊าซชีวภาพของฟาร์มที่เข้าร่วมโครงการส่งเสริมการผลิตก๊าซชีวภาพในฟาร์มเลี้ยงสัตว์ขนาดกลางและขนาดใหญ่ จำนวน 173 ระบบ จากระบบผลิตก๊าซชีวภาพที่มีการก่อสร้างและติดตั้งแล้วเสร็จทั้งหมด 304 ระบบ ณ กรกฎาคม 2552 พบว่า
1) ฟาร์มที่เข้าร่วมโครงการที่มีการผลิตก๊าซชีวภาพและใช้ประโยชน์เพื่อทดแทน LPG หรือพลังงานไฟฟ้า ร้อยละ 65.63 ดำเนินการได้ต่ำกว่าเป้าหมายที่กำหนดไว้
2) ฟาร์มที่เข้าร่วมโครงการไม่มีการผลิตก๊าซชีวภาพและใช้ประโยชน์เพื่อทดแทน LPG หรือพลังงานไฟฟ้า โดยมีฟาร์มที่หยุดผลิตก๊าซชีวภาพ 2 ระบบ ได้แก่ อบต. ท่าหิน และฟาร์มพนัสพันธุ์สัตว์
ข้อสังเกต : การจัดทำสัญญาการดำเนินงานเพื่อก่อสร้างและติดตั้งระบบก๊าซชีวภาพกับบุคคลซึ่งไม่ใช่เจ้าของฟาร์มตามกฎหมาย พบว่า มีการลงนามในสัญญากับบุคคลซึ่งไม่ใช่เจ้าของฟาร์มตามกฎหมาย จำนวน 3 ฟาร์ม รวม 9 สัญญา คิดเป็นร้อยละ 5.2 ของจำนวนระบบก๊าซชีวภาพที่สุ่มตรวจสอบ อาจทำให้เกิดความเสียหายต่อเงินอุดหนุนของกองทุนฯ ที่มิได้นำไปสนับสนุนการก่อสร้างและติดตั้งระบบก๊าซชีวภาพให้กับเจ้าของฟาร์มตามกฎหมาย เป็นจำนวนเงินประมาณ 30.59 ล้านบาท และให้นำเสนอต่อคณะกรรมการกองทุนฯ เพื่อพิจารณาดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับความเสียหายต่อเงินอุดหนุนของกองทุนฯ ที่มิได้นำไปสนับสนุนการก่อสร้างและติดตั้งระบบก๊าซชีวภาพให้กับเจ้าของฟาร์มตามกฎหมาย
ข้อเสนอแนะ สตง.ให้ สนพ. พิจารณาดำเนินการดังนี้
1) ในอนาคตหากมีการดำเนินโครงการในระยะต่อไป หรือโครงการอื่นที่มีลักษณะเช่นเดียวกัน
1.1 ต้องมีการควบคุมและตรวจสอบการดำเนินงานของโครงการ ให้เป็นไปตามหลักการและข้อเสนอของโครงการ และความเห็นหรือมติของคณะกรรมการกองทุนฯ อย่างเคร่งครัด
1.2 ควรมีการพิจารณาและตรวจสอบข้อเสนอโครงการ ให้มีการกำหนดกิจกรรมให้ครอบคลุมถึงระบบการใช้ประโยชน์จากก๊าซชีวภาพ
1.3 ควรกำหนดเป้าหมายการผลิตก๊าซชีวภาพและการใช้ประโยชน์ให้สอดคล้องกับสภาพการผลิตและใช้งานจริง
1.4 ควรกำหนดให้มีการติดตามผลและเก็บรวบรวมข้อมูลการดำเนินงานหลังจากเดินระบบครบ 1 ปี แล้ว และให้ฟาร์มที่เข้าร่วมโครงการ รายงานผลให้ทราบเป็นระยะ
1.5 ควรกำหนดระยะเวลาการผลิตและใช้ประโยชน์ของระบบก๊าซชีวภาพไว้ในเงื่อนไขของสัญญา โดยให้สอดคล้องกับอายุการใช้งานของระบบผลิตก๊าซชีวภาพ
1.6 โครงการที่มีการดำเนินการต่อเนื่องระยะเวลาหลายปี ควรกำหนดให้มีการประเมินผลทุกระยะก่อนการอนุมัติเงินกองทุน เพื่อดำเนินโครงการในระยะต่อไป
2) โครงการฯ ระยะที่ 3 และ 4 อยู่ระหว่างดำเนินการ
2.1 ต้องมีการควบคุมและตรวจสอบการดำเนินงานของ สวพ. ให้เป็นไปตามหลักการและข้อเสนอของโครงการ และความเห็นหรือมติของคณะกรรมการกองทุนฯ รวมถึงแจ้งให้ สวพ. ควบคุมการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่และที่ปรึกษาให้เป็นไปตามหลักการและข้อเสนอของโครงการอย่างเคร่งครัด
2.2 ดำเนินการสำรวจระบบผลิตก๊าซชีวภาพที่มีปัญหา/หยุดการผลิต รวมทั้งระบบที่ผลิตและใช้ประโยชน์ได้ต่ำกว่าเป้าหมาย เพื่อรวบรวมปัญหาอุปสรรค และดำเนินการแก้ไขต่อไป
2.3 ฟาร์มที่ยังไม่ได้ทำสัญญาเข้าร่วมโครงการ ควรพิจารณาเพิ่มเงื่อนไขในสัญญาเกี่ยวกับระยะเวลาการผลิตและใช้ประโยชน์ของระบบผลิตก๊าซชีวภาพให้สอดคล้องกับอายุการใช้งานของระบบ และกรณีมีการรื้อถอนระบบผลิตก๊าซชีวภาพก่อนครบอายุการใช้งาน ฟาร์มต้องชำระเงินอุดหนุนค่าก่อสร้างและติดตั้งระบบผลิตก๊าซชีวภาพคืนให้กับกองทุนฯ ตามสัดส่วนของอายุการใช้งานที่เหลืออยู่ รวมทั้งรายงานผลการดำเนินงานตามอายุการใช้งานของระบบ
3. สวพ. ได้ดำเนินการก่อสร้างระบบผลิตก๊าซชีวภาพในพื้นที่จำนวน 3 ฟาร์ม ได้แก่ 1) บริษัท วี.ซี.เอฟ. กรุ๊ป จำกัด 2) บริษัท ปฐมเกษตร จำกัด และ 3) บริษัท ชัยภูมิฟาร์ม จำกัด ซึ่ง สตง. ตรวจพบว่าการก่อสร้างระบบผลิตก๊าซชีวภาพ มีการลงนามในสัญญากับบุคคลซึ่งไม่ใช่เจ้าของฟาร์มตามกฎหมาย ได้แก่ 1) นายวีระชัย เตชะสัตยา 2) นายสว่าง ศักดิ์ศรีสกุล และ 3) นายปราโมทย์ จิรกวินวาณิช และ นางสาวจริภรณ์ จิรกวินวาณิช ตามลำดับ เห็นว่าอาจทำให้เกิดความเสียหายต่อเงินอุดหนุนของกองทุนฯ เนื่องจากมีการทำสัญญากับบุคคลซึ่งไม่ใช่เจ้าของฟาร์มตามกฎหมาย โดย สวพ. ได้ชี้แจงว่า การเข้าร่วมโครงการในนามบุคคลซึ่งไม่ใช่เจ้าของฟาร์มตามกฎหมาย บุคคลดังกล่าวนั้น ได้จัดส่งเงินค้ำประกันสัญญา และได้ดำเนินการก่อสร้างระบบผลิตก๊าซชีวภาพ รวมทั้งอุปกรณ์ผลิตพลังงานทดแทนอย่างถูกต้องตามหลักวิชาการตามที่สัญญาระบุ เมื่อ สวพ. ตรวจสอบแล้วพบว่า บุคคลดังกล่าวสามารถดำเนินการก่อสร้างระบบผลิตก๊าซชีวภาพได้ตามวัตถุประสงค์อย่างสมบูรณ์ จึงได้ดำเนินการเบิกจ่ายเงินสนับสนุนให้แก่บุคคลซึ่งเป็นคู่สัญญา ทั้งนี้ สวพ. ไม่มีอำนาจหน้าที่ในการตรวจสอบการเบิกจ่ายเงินภายในของเจ้าของฟาร์มตามกฎหมาย หรือเงินส่วนตัวของบุคคลในการนำมาใช้ในกิจกรรมการก่อสร้างตามสัญญา
4. สนพ. ได้ประสานงานให้ สวพ. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอื่นปรับปรุงการดำเนินงานโครงการที่กำลังจะดำเนินการในอนาคต หรือโครงการที่ดำเนินการอยู่ในปัจจุบันให้เป็นไปตามข้อเสนอแนะของ สตง. แล้ว ส่วนการดำเนินงานตามข้อสังเกตของ สตง. นั้น สนพ. เห็นสมควรนำเสนอกรรมการกองทุนฯ พิจารณากรณีการจัดทำสัญญาการดำเนินงานเพื่อก่อสร้างและติดตั้งระบบผลิตก๊าซชีวภาพกับบุคคลซึ่งไม่ใช่เจ้าของฟาร์มตามกฎหมาย ของ สวพ.เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับความเสียหายต่อเงินอุดหนุนของกองทุนฯ ที่มิได้นำไปสนับสนุนการก่อสร้างและติดตั้งระบบก๊าซชีวภาพให้กับเจ้าของฟาร์มตามกฎหมาย ตามข้อเสนอแนะของ สตง.
5. ฝ่ายเลขานุการฯ เห็นควรเสนอคณะกรรมการกองทุนฯ ให้มีการตั้งคณะอนุกรรมการเพื่อดำเนินการสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับความเสียหายต่อเงินอุดหนุนของกองทุนฯ ที่มิได้นำไปสนับสนุนการก่อสร้างและติดตั้งระบบก๊าซชีวภาพให้กับเจ้าของฟาร์มตามกฎหมาย ตามความเห็นของ สตง. โดยมีองค์ประกอบ ดังนี้
1. ผู้ตรวจราชการกระทรวงพลังงาน (นายชุมพล ฐิตยารักษ์) ประธานอนุกรรมการ
2. ผู้แทนกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน อนุกรรมการ
3. ผู้แทนกรมบัญชีกลาง อนุกรรมการ
4. ผู้แทนสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน อนุกรรมการ
5. หัวหน้ากลุ่มงานนิติการ สำนักงานปลัดกระทรวงพลังงาน อนุกรรมการและเลขานุการ
มติที่ประชุม
เห็นชอบให้มีการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการฯ เพื่อดำเนินการสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับความเสียหายต่อเงินอุดหนุนของกองทุนฯ ที่มิได้นำไปสนับสนุนการก่อสร้างและติดตั้งระบบก๊าซชีวภาพให้กับเจ้าของฟาร์ม ตามกฎหมาย โดยมีองค์ประกอบและอำนาจหน้าที่ ตามที่ฝ่ายเลขานุการฯ เสนอมา
กอ. ครั้งที่ 53 - วันจันทร์ที่ 7 กุมภาพันธ์ 2554

มติคณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน
ครั้งที่ 1/2554 (ครั้งที่ 53)
วันจันทร์ที่ 7 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา 14.00 น.
ณ ห้องประชุม 9 ชั้น 15 ศูนย์เอนเนอร์ยี่คอมเพล็กซ์ อาคารบี
นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี รองนายกรัฐมนตรี ประธานกรรมการ
นายวีระพล จิรประดิษฐกุล ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน กรรมการและเลขานุการ
1. งบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2554 ของกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน
2. เกณฑ์การประเมินผลการดำเนินงานของกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ประจำปีบัญชี 2554
3. การมอบอำนาจให้มีผู้แทนคณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานดำเนินการแทนคณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานในการดำเนินคดีทางปกครอง
เรื่องที่ 1 งบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2554 ของกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน
1. คณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2550 ได้รับทราบแผนอนุรักษ์พลังงานและเป้าหมาย ในช่วงปีงบประมาณ พ.ศ. 2551-2554 ตามที่คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) เสนอ โดยมีเป้าหมายและการดำเนินการจะลดปริมาณการใช้พลังงานลง 7,820 พันตันเทียบเท่าน้ำมันดิบ หรือคิดเป็นร้อยละ 10.8 ของความต้องการใช้พลังงานทั้งหมดของประเทศในปี 2554 และกำหนดเป้าหมายการนำพลังงานหมุนเวียนมาใช้แทนพลังงานเชิงพาณิชย์ 8,858 พันตันเทียบเท่าน้ำมันดิบ หรือคิดเป็นร้อยละ 12.2 ของความต้องการใช้พลังงานในปี 2554 และ กพช. ในการประชุมเมื่อวันที่ 16 มกราคม 2552 ได้เห็นชอบแผนพัฒนาพลังงานทดแทน 15 ปี โดยกำหนดเป้าหมายการนำพลังงานทดแทนรวม 10,961 พันตันเทียบเท่าน้ำมันดิบ หรือคิดเป็นร้อยละ 15.6 ของความต้องการใช้พลังงานในปี 2554
2. สนพ. ในฐานะฝ่ายเลขานุการ "กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน" ได้รวบรวมงบประมาณรายจ่ายตามแผนงานและโครงการจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อขอรับการสนับสนุนเงินกองทุนฯ สำหรับ ใช้จ่ายเป็นเงินหมุนเวียน เงินช่วยเหลือ หรือเงินอุดหนุนสำหรับการลงทุน และดำเนินงานเกี่ยวกับการอนุรักษ์พลังงาน ตามมาตรา 25 แห่ง "พระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน" โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ยื่นขอการสนับสนุนจากกองทุนฯ ในปีงบประมาณ 2554 เพื่อดำเนินโครงการ เป็นจำนวน 125 โครงการ ในวงเงินทั้งสิ้น 5,365,911,205 บาท
3. การพิจารณากลั่นกรองงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2554 ดำเนินการโดย "คณะทำงานพิจารณากลั่นกรองงบประมาณประจำปี 2554 ของกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน" ที่ประธานคณะอนุกรรมการกองทุนฯ ได้แต่งตั้ง โดยมีปลัดกระทรวงพลังงานเป็นประธานคณะทำงานฯ ซึ่งได้เริ่มประชุมพิจารณางบประมาณตั้งแต่วันที่ 22 กันยายน 2553 - 3 ธันวาคม 2553 รวม 9 ครั้ง มีหลักเกณฑ์การพิจารณาที่สำคัญ ดังนี้
(1) การจัดลำดับความสำคัญตามนโยบายและแผน โดยทำการพิจารณาถึงความสอดคล้องของโครงการกับภารกิจที่สำคัญ ได้แก่ ข้อกำหนดและกฎหมาย พ.ร.บ. การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน มาตรา 25 ยุทธศาสตร์ระดับชาติ นโยบายรัฐบาล และกระทรวงพลังงาน และ ตามแผนพัฒนาพลังงานทดแทน 15 ปี (พ.ศ. 2551-2565)
(2) ระยะเวลาการเกิดผลสัมฤทธิ์ โดยใช้เป็นเกณฑ์ในการแบ่งช่วงเวลาที่โครงการดังกล่าวสามารถนำไปสู่การปฏิบัติได้จริงหรือขยายผลได้ในอนาคต โดยแบ่งเป็นระยะสั้น ระยะกลาง และ ระยะยาว
(3) ศักยภาพในการขยายผล โดยเน้นโครงการวิจัยและ/หรือดำเนินการแล้วสามารถนำไปปฏิบัติได้จริงหรือขยายผลได้จริง โดยแบ่งตามศักยภาพการขยายผลเป็นกลุ่มที่มีศักยภาพในการขยายผลมากและน้อย
(4) โครงการต่อเนื่อง โดยพิจารณาผลการดำเนินงานในช่วงที่ผ่านมา ถ้ามีความก้าวหน้าเกินกว่าร้อยละ 50 ของแผนงาน และผลการดำเนินงานอยู่ในระดับดี จึงจะได้รับงบประมาณสำหรับปีต่อไป
(5) งานประชาสัมพันธ์ ดำเนินงานเฉพาะกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการสื่อสารอย่างแท้จริง
(6) งบบริหารแผนการดำเนินงาน จะต้องเป็นภารกิจหรืองานที่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของการใช้จ่ายเงินกองทุนฯ ตาม พ.ร.บ. การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน และปรับอัตราค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่ขอรับการสนับสนุนจากกองทุนฯ ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ แนวทาง และขอบเขตการพิจารณางบประมาณตามที่สำนักงบประมาณกำหนด
4. คณะทำงานฯ ได้พิจารณารายละเอียดการของบประมาณรายจ่ายโครงการของกองทุนฯ ตามที่ได้รับมอบหมายจากคณะอนุกรรมการฯ แล้ว โดยเห็นสมควรสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายตามโครงการประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 ของกองทุนฯ เป็นจำนวนไม่เกิน 2,614,335,136 บาท รวม 81 โครงการ ซึ่งได้ครอบคลุมการดำเนินงานทั้งในการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานภาคอุตสาหกรรมและธุรกิจการจัดการด้านการใช้พลังงาน รวมถึงการส่งเสริมการผลิตและการใช้พลังงานทดแทนในการผลิตไฟฟ้า และผลิตความร้อนในเทคโนโลยีต่างๆ เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม พลังงานน้ำ พลังงานชีวมวล และเชื้อเพลิงชีวภาพ โดยแบ่งรายจ่ายออกเป็น 2 หน่วยงานผู้เบิกเงิน กองทุนฯ ดังนี้
(1) พพ. จำนวน 883,618,960 บาท คิดเป็นร้อยละ 33.80 รวม 54 โครงการ
(2) สนพ. จำนวน 1,730,716,176 บาท คิดเป็นร้อยละ 66.20 รวม 27 โครงการ
5. คณะอนุกรรมการกองทุนฯ ในการประชุมเมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2553 ได้พิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2554 ของกองทุนฯ แล้ว มีมติ
5.1 เห็นชอบงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 ของกองทุนฯ เป็นจำนวน 2,614,335,136 บาท
5.2 เห็นชอบให้เสนอคณะกรรมการกองทุนฯ พิจารณาให้ค่าใช้จ่ายในงานบริหารของทั้ง 3 แผนงาน มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2553 โดยให้แต่ละหน่วยงานสามารถถัวจ่ายและเปลี่ยนแปลงรายการในหมวดต่างๆ ได้ ตามความจำเป็นและเหมาะสม
5.3 ให้ฝ่ายเลขานุการฯ เสนอคณะกรรมการกองทุนฯ เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 ของกองทุนฯ ต่อไป
6. คณะกรรมการกองทุนฯ เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2553 ได้พิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2554 ของกองทุนฯ แล้ว มีความเห็นและข้อเสนอแนะที่สำคัญ ดังนี้
6.1 ผู้แทนนายกสภาวิศวกร (รศ.ดร.ชัยฤทธิ์ สัตยาประเสริฐ) มีความเห็นว่า การเสนอของบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2554 ของกองทุนฯ หน่วยงานยังไม่ได้นำผลการตรวจสอบของ สตง. มาใช้ประกอบในการขอตั้งงบประมาณ ดังนั้น จึงขอให้ผู้บริหารกองทุนฯ ให้คำนิยามในเรื่องภารกิจของกองทุนฯ ให้ชัดเจน และสามารถแยกออกจากงบประมาณแผ่นดินอย่างไร โดยใช้กรณีศึกษาจากข้อสังเกตของ สตง. ในการพิจารณา พร้อมทั้งวิธีการคิดโครงสร้างค่าใช้จ่ายในการใช้อาคาร ซึ่งสามารถสอบถามได้ที่กรมบัญชีกลาง
6.2 ผู้แทนปลัดกระทรวงการคลัง เห็นว่าควรแยกภารกิจของกองทุนฯ และหน่วยงานให้ชัดเจน เนื่องจากมีบางโครงการที่เสนอของบประมาณกองทุนฯ อาจจะเป็นภารกิจของหน่วยงาน เช่น โครงการศึกษาความเป็นไปได้ในการเป็นศูนย์กลางการค้าเชื้อเพลิงชีวภาพ (HUB) ในภูมิภาคเอเซียตะวันออกเฉียงใต้และศึกษาแนวทางกำหนดดัชนีของราคาขายเอทานอลที่ซื้อขายในเอเซีย
6.3 นายสมชาติ โสภณรณฤทธิ์ เห็นว่าการขอตั้งงบประมาณในบางโครงการไม่เหมาะสม ได้แก่
(1) โครงการภายใต้งานส่งเสริมสาธิต มีบางโครงการที่ได้นำเทคโนโลยีบางประเภทที่ ไม่เหมาะสมมาทำการสาธิต เช่น เตา Gasifier ที่จะไปใช้กับชุมชน เนื่องจากเป็นเทคโนโลยีที่เหมาะสำหรับงานที่ใช้การเดินเครื่องตลอด 24 ชั่วโมง นอกจากนี้ยังมีเทคโนโลยีบางประเภทที่มีความเสี่ยงสูง เช่น ระบบก๊าซชีวภาพ และเครื่องผลิตไบโอดีเซลในชุมชน เนื่องจากการใช้เทคโนโลยีเหล่านี้ที่ผ่านมาพบว่าไม่ประสบผลสำเร็จค่อนข้างสูง
(2) โครงการสำหรับงานศึกษาวิจัย ไม่เห็นด้วยในการสนับสนุนการวิจัยเรื่องเชื้อเพลิงไฮโดรเจน เนื่องจากปัจจุบันเน้นเทคโนโลยีรถยนต์ไฟฟ้ามากกว่าเชื้อเพลิงไฮโดรเจน จึงเห็นว่าควรจะเป็นการวิจัยด้าน Energy Storage หรือแบตเตอร์รี่ น่าจะเหมาะสมกว่า
(3) โครงการปรับปรุงนโยบายการส่งเสริมการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนเกี่ยวกับการกำหนดส่วนเพิ่มราคารับซื้อไฟฟ้า (Adder) สำหรับผู้ผลิตไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน มีความเห็นว่า การคิด Adder สำหรับเทคโนโลยีพลังงานหมุนเวียนในการผลิตไฟฟ้า ซึ่งมี 6 ประเภท ตามประกาศในปัจจุบัน พบว่ามีความแตกต่างกันมากซึ่งเป็นผลมาจากการคิดตามต้นทุนการผลิตของแต่ละเทคโนโลยี ทำให้ Solar cell ได้รับ Adder สูงกว่าพลังงานหมุนเวียนชนิดอื่น มีผู้ผลิตไฟฟ้าจำนวนมากและส่งผลให้ต้นทุนค่าไฟฟ้าแพงขึ้น ดังนั้น การศึกษา Feed in tariff ที่เหมาะสม ควรจะพิจารณา Avoided Cost ในเรื่องของสิ่งแวดล้อม เนื่องจากพลังงานหมุนเวียนแต่ละประเภทช่วยลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) หรือก๊าซเรือนกระจก (Green House Gas) ไม่แตกต่างกัน จึงควรให้ Adder ในระดับที่ใกล้เคียงกัน ซึ่งจะทำให้ต้นทุนค่าไฟฟ้าลดลง
6.4 นายสวัสดิ์ ตันตระรัตน์ มีข้อสังเกตว่า โครงการที่เป็น Grey area ควรมีเหตุผลการอนุมัติที่ชัดเจน และให้ฝ่ายเลขานุการฯ จัดทำเอกสารเพื่อประกอบการพิจารณาว่าทุกโครงการที่ขอรับการสนับสนุนเงินกองทุนฯ สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของ พ.ร.บ. การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานในข้อใด และช่วยสนับสนุนเป้าหมายหรือเทคโนโลยีใด
6.5 คณะกรรมการกองทุนฯ ได้มีมติให้ฝ่ายเลขานุการฯ ไปดำเนินการทบทวนและตรวจสอบงบประมาณรายจ่ายในแต่ละโครงการตามข้อกำหนดในมาตรา 25 ของ พ.ร.บ. การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน เพิ่มเติม พร้อมทั้งตรวจสอบโครงการในมิติตามเป้าหมายการอนุรักษ์พลังงาน และจัดทำข้อมูลดังกล่าวเสนอคณะกรรมการกองทุนฯ เพื่อประกอบการพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2554 ในการประชุมครั้งต่อไป
7. ฝ่ายเลขานุการฯ ได้ดำเนินการตรวจสอบงบประมาณรายจ่ายในแต่ละโครงการตามข้อกำหนดในมาตรา 25 ของ พ.ร.บ. การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน และตรวจสอบโครงการในด้านเป้าหมายการอนุรักษ์พลังงานแล้ว สรุปได้ดังนี้
7.1 โครงการที่ของบประมาณรายจ่าย ปี 2554 เป็นไปตามวัตถุประสงค์การใช้เงินกองทุนฯ ตามมาตรา 25 (2) จำนวน 10 โครงการ และ มาตรา 25 (3) จำนวน 71 โครงการ
7.2 การตรวจสอบโครงการในด้านเป้าหมายการอนุรักษ์พลังงาน สรุปได้ว่า โครงการภายใต้แผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน จะมีผลประหยัดที่คาดว่าจะได้รับจากโครงการในปี 2554 จำนวน 332.83 Ktoe และโครงการภายใต้แผนพลังงานทดแทน จะมีผลประหยัดที่คาดว่าจะได้รับจากโครงการในปี 2554 จำนวน 14.11 Ktoe คิดเป็นมูลค่าผลประหยัดที่คาดว่าจะได้รับจากการดำเนินโครงการต่างๆ เป็นจำนวนเงิน 5,790 ล้านบาท
7.3 ปรับปรุงรายละเอียดข้อเสนอโครงการภายใต้แผนพลังงานทดแทน แผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน และแผนงานบริหารทางกลยุทธ์ ของ สนพ. จำนวน 4 โครงการ คือ 1) โครงการสนับสนุนการศึกษา วิจัย พัฒนาเทคโนโลยีพลังงานทดแทน 2) โครงการส่งเสริมการผลิตพลังงานทดแทนในระดับชุมชน 3) โครงการสนับสนุนการศึกษา วิจัย พัฒนาเทคโนโลยีอนุรักษ์พลังงาน และ 4) โครงการปรับปรุงนโยบายการส่งเสริมการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน ตามความเห็นและข้อเสนอแนะของกรรมการกองทุนฯ (นายสมชาติ โสภณรณฤทธิ์) แล้ว ดังรายละเอียดปรากฏในเอกสารข้อเสนอโครงการที่ฝ่ายเลขานุการฯ เสนอขอแก้ไข และ โครงการของ พพ. ในโครงการที่ 1.1.3 การศึกษาประเมินและจัดทำแผนงาน วิจัยพลังงานทดแทน (Energy Storage) ตามกรอบแผนพัฒนาพลังงานทดแทน 15 ปี
8. ฝ่ายเลขานุการฯ มีข้อเสนอในการดำเนินงานและการใช้จ่ายเงินกองทุนฯ ดังนี้
8.1 เนื่องจาก พพ. และ สนพ. มีงานบริหารเกี่ยวกับการอนุรักษ์พลังงานที่ต้องดำเนินงานต่อเนื่อง เช่น การเบิกจ่ายเงินให้หน่วยงาน โครงการ ตามข้อผูกพันสัญญาฯ การประสานหน่วยงาน โรงงาน อาคาร เพื่อดำเนินการตามกฎหมายอนุรักษ์พลังงาน ฯลฯ จึงมีรายจ่ายประจำที่จำเป็นเพื่อการบริหารงานที่เกิดขึ้นแล้ว เช่น ค่าจ้างพนักงานราชการ ค่าใช้จ่ายในการเข้าร่วมประชุมให้ความเห็น ค่าสาธารณูปโภค เป็นต้น ฝ่ายเลขานุการฯ จึงขอเสนอคณะกรรมการกองทุนฯ พิจารณาเห็นชอบให้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 ของกองทุนฯ งานบริหารของทั้ง 3 แผนงาน มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2553
8.2 ขอแก้ไขข้อเสนอในระเบียบวาระเป็น งบประมาณ "โครงการสนับสนุนการศึกษา วิจัย พัฒนาเทคโนโลยีพลังงานทดแทน และด้านอนุรักษ์พลังงาน" เสนอพิจารณาอนุมัติไว้เป็นกรอบวงเงิน รวม 250 ล้านบาท ให้ผ่านการพิจารณากลั่นกรองของคณะทำงานที่ สนพ. แต่งตั้ง ก่อนเสนอต่อคณะอนุกรรมการกองทุนฯ เพื่อพิจารณาเห็นชอบจัดสรรเงินกองทุนฯ ทั้งนี้ หากวงเงินที่ขอรับการสนับสนุนเกิน 50 ล้านบาท ให้เสนอคณะกรรมการกองทุนฯ พิจารณาเห็นชอบก่อนดำเนินโครงการต่อไป
8.3 งบประมาณรายจ่ายโครงการประชาสัมพันธ์ในแผนพลังงานทดแทนและแผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน เสนอพิจารณาอนุมัติไว้เป็นกรอบวงเงินแผนงานละ 350 ล้านบาท รวมเป็นเงิน 700 ล้านบาท ให้ผ่านการพิจารณาและเห็นชอบจาก "คณะกรรมการประชาสัมพันธ์และการสื่อสารของกระทรวงพลังงาน" ที่ปลัดกระทรวงพลังงานเป็นประธาน และให้สามารถถัวจ่ายและเปลี่ยนแปลงรายการในแผนงาน/งานเดียวกันได้ ทั้งนี้เมื่อคณะกรรมการประชาสัมพันธ์ฯ เห็นชอบแล้ว ให้เสนอต่อคณะอนุกรรมการกองทุนฯ เพื่อพิจารณาจัดสรรเงินกองทุนฯ ต่อไป และให้กระทรวงพลังงานดำเนินการประเมินผลการประชาสัมพันธ์ที่ได้รับงบประมาณจากกองทุนฯ ต่อไปด้วย
8.4 เพื่อให้เป็นไปตามข้อเสนอแนะของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ให้ สนพ. และ พพ. จัดส่งข้อมูลการดำเนินโครงการที่ได้รับจัดสรรในปีงบประมาณ 2554 พร้อมทั้งเอกสารรายงานที่ได้ตรวจรับแล้ว (ในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์) ให้ฝ่ายเลขานุการฯ ทุก 4 เดือน เพื่อจัดส่งให้คณะอนุกรรมการประเมินผลโครงการภายใต้แผนอนุรักษ์พลังงาน ใช้ในการติดตามประเมินผลโครงการต่อไป
มติที่ประชุม
1. อนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 ของกองทุนฯ เป็นจำนวน 2,614,335,136 บาท (สองพันหกร้อยสิบสี่ล้านสามแสนสามหมื่นห้าพันหนึ่งร้อยสามสิบหกบาทถ้วน) โดยแบ่งรายจ่ายออกเป็น 2 หน่วยงานผู้เบิกเงินกองทุนฯ ดังนี้

2. เห็นชอบให้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 ของกองทุนฯ งานบริหารของทั้ง 3 แผนงาน มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2553 โดยให้แต่ละหน่วยงานสามารถถัวจ่ายและเปลี่ยนแปลงรายการในหมวดต่างๆ ได้ตามความจำเป็นและเหมาะสม
3. เห็นชอบให้งบประมาณ "โครงการสนับสนุนการศึกษา วิจัย พัฒนาเทคโนโลยีพลังงานทดแทน และด้านอนุรักษ์พลังงาน" ในวงเงินรวม 250 ล้านบาท ผ่านการพิจารณากลั่นกรองของคณะทำงานที่ สนพ. แต่งตั้ง ก่อนเสนอต่อคณะอนุกรรมการกองทุนฯ เพื่อพิจารณาเห็นชอบจัดสรรเงินกองทุนฯ ทั้งนี้ หากวงเงินที่ขอรับการสนับสนุนเกิน 50 ล้านบาท ให้เสนอคณะกรรมการกองทุนฯ พิจารณาเห็นชอบก่อนดำเนินโครงการต่อไป
4. เห็นชอบให้งบประมาณโครงการประชาสัมพันธ์ในแผนพลังงานทดแทน 350 ล้านบาท และแผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน 350 ล้านบาท ผ่านการพิจารณาและเห็นชอบจาก "คณะกรรมการประชาสัมพันธ์และการสื่อสารของกระทรวงพลังงาน" ที่ปลัดกระทรวงพลังงานเป็นประธาน ก่อนเสนอต่อคณะอนุกรรมการกองทุนฯ เพื่อพิจารณาเห็นชอบจัดสรรเงินกองทุนฯ ต่อไป และให้กระทรวงพลังงานดำเนินการประเมินผลการประชาสัมพันธ์ที่ได้รับงบประมาณจากกองทุนฯ ด้วย
5. ให้ สนพ. และ พพ. จัดส่งข้อมูลการดำเนินโครงการที่ได้รับจัดสรรในปีงบประมาณ 2554 พร้อมทั้งเอกสารรายงานที่ได้ตรวจรับแล้ว (ในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์) ให้ฝ่ายเลขานุการฯ ทุก 4 เดือน เพื่อจัดส่งให้คณะอนุกรรมการประเมินผลโครงการภายใต้แผนอนุรักษ์พลังงาน ใช้ในการติดตามประเมินผลโครงการต่อไป
เรื่องที่ 2 เกณฑ์การประเมินผลการดำเนินงานของกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ประจำปีบัญชี 2554
1. คณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 30 กันยายน 2546 มีมติอนุมัติให้หน่วยงานต่างๆ ที่มีเงินนอกงบประมาณ ถือปฏิบัติตามมาตรการกำกับดูแลเงินนอกงบประมาณด้วยการประเมินผลการดำเนินงานทุนหมุนเวียน โดยให้กระทรวงการคลังร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติติดตามผลการดำเนินการ ซึ่งกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน เป็นทุนหมุนเวียนที่เข้าสู่ระบบประเมินผลการดำเนินงานตั้งแต่ปีบัญชี 2549 ซึ่งเป็นกลุ่มทุนหมุนเวียนเพื่อการสนับสนุนส่งเสริม
2. ร่างเกณฑ์การประเมินผลการดำเนินงานของกองทุนฯ ประจำปีบัญชี 2554 ฝ่ายเลขานุการฯ ได้ประชุมร่วมหารือระหว่างผู้ถูกประเมิน ประกอบด้วย ผู้แทนกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน และผู้แทนสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน กับผู้ประเมิน คือ กรมบัญชีกลาง และบริษัท ทริส คอร์ปอเรชั่น จำกัด (ทริส) เพื่อกำหนดตัวชี้วัดที่จะทำการประเมินที่เหมาะสม และสอดคล้องกับการดำเนินงานตามแผนการอนุรักษ์พลังงาน
3. กรมบัญชีกลาง (บก.) ได้มีหนังสือเรื่อง "การลงนามในบันทึกข้อตกลงการประเมินผลการดำเนินงานทุนหมุนเวียน ประจำปีบัญชี 2554" เพื่อให้ฝ่ายเลขานุการฯ นำเสนอต่อคณะกรรมการกองทุนฯ พิจารณาให้ความเห็นชอบ ก่อนเสนอประธานกรรมการกองทุนฯ ลงนามในบันทึกข้อตกลงการประเมินผลการดำเนินงานฯ และส่งคืนกรมบัญชีกลางภายในวันที่ 7 มกราคม 2554
4. เกณฑ์การประเมินผลการดำเนินของกองทุนฯ ประจำปีบัญชี 2554 ตามบันทึกข้อตกลงการประเมินผลฯ ระหว่างกระทรวงการคลังกับกองทุนฯ มีเกณฑ์วัดการดำเนินงาน 4 ด้าน 12 ตัวชี้วัด สรุปได้ดังนี้
1) ผลการดำเนินงานด้านการเงิน (ร้อยละ 15)
ตัวชี้วัดที่ 1.1 ร้อยละของงบประมาณที่มีการผูกพันสัญญาต่องบประมาณที่ได้รับการจัดสรรจากกองทุนฯ (ร้อยละ 10)
ตัวชี้วัดที่ 1.2 ค่าใช้จ่ายบริหารที่เกิดขึ้นจริงและผูกพันเทียบกับงบประมาณ (ร้อยละ 5)
2) ผลการดำเนินงานด้านปฏิบัติการ (ร้อยละ 40)
ตัวชี้วัดที่ 2.1 ร้อยละของจำนวนโครงการที่มีการทำสัญญาของแต่ละแผนงานต่อจำนวนโครงการที่ได้รับอนุมัติทั้งหมดของแต่ละแผนงาน (ร้อยละ 15)
ตัวชี้วัดที่ 2.2 ร้อยละความสำเร็จของจำนวนโครงการที่ผูกพันและดำเนินงานได้ตามแผนภายในปีบัญชี 2554 ต่อจำนวนโครงการที่ผูกพันและมีแผนดำเนินงานภายในปีบัญชี 2554 (ร้อยละ 15)
ตัวชี้วัดที่ 2.3 การติดตามประเมินผลลัพธ์ตามวัตถุประสงค์ของกองทุนฯ (ร้อยละ 10)
3) การสนองประโยชน์ต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย (ร้อยละ 15)
ตัวชี้วัดที่ 3.1 การจัดทำแผนการปรับปรุงการให้บริการจากผลสำรวจความพึงพอใจและการดำเนินงานตามแผนการปรับปรุง ประจำปีบัญชี 2553 (ร้อยละ 15)
4) การบริหารพัฒนาทุนหมุนเวียน (ร้อยละ 30)
ตัวชี้วัดที่ 4.1 บทบาทคณะกรรมการทุนหมุนเวียน (ร้อยละ 5)
ตัวชี้วัดที่ 4.2 การบริหารความเสี่ยง (ร้อยละ 5)
ตัวชี้วัดที่ 4.3 การควบคุมภายใน (ร้อยละ 5)
ตัวชี้วัดที่ 4.4 การตรวจสอบภายใน (ร้อยละ 5)
ตัวชี้วัดที่ 4.5 การบริหารจัดการสารสนเทศ (ร้อยละ 5)
ตัวชี้วัดที่ 4.6 ความสำเร็จของแผนเพื่อเตรียมความพร้อมในการรองรับระบบการบริหารและพัฒนาทรัพยากรบุคคล (ร้อยละ 5)
มติที่ประชุม
เห็นชอบเกณฑ์การประเมินผลการดำเนินงานของกองทุนฯ ประจำปีบัญชี 2554 และให้ฝ่ายเลขานุการฯ เสนอประธานกรรมการลงนามในบันทึกข้อตกลงการประเมินผลการดำเนินงานทุนหมุนเวียน ประจำปีบัญชี 2554 กับกระทรวงการคลังต่อไป
เรื่องที่ 3 การมอบอำนาจให้มีผู้แทนคณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานดำเนินการแทนคณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานในการดำเนินคดีทางปกครอง
1. การกำหนดโครงสร้างของแผนอนุรักษ์พลังงาน ระยะที่ 1 (ในช่วงปี 2538-2542) และระยะที่ 2 (ในช่วงปี 2543-2547) คณะกรรมการกองทุนฯ ได้มีแนวทาง หลักเกณฑ์ เงื่อนไข และลำดับความสำคัญของการใช้จ่ายเงินกองทุนฯประกอบด้วย 3 แผนงาน ได้แก่ แผนงานภาคบังคับ แผนงานภาคความร่วมมือ และแผนงานสนับสนุน
2. กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) เป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบการดำเนินงานตามแผนงานภาคบังคับ ซึ่งในแผนงานดังกล่าว มีการกำหนดโครงการโรงงานควบคุมและอาคารควบคุมที่กำลังใช้งาน เพื่อให้การสนับสนุนเจ้าของโรงงานควบคุมและอาคารควบคุมที่กำลังใช้งานอยู่ในปัจจุบัน ทั้งในด้านการวางแผนเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้พลังงาน และการลงทุนเพื่อให้เป็นไปตามแผนดังกล่าว โดยโรงงานควบคุมและอาคารควบคุมสามารถยื่นข้อเสนอต่อ พพ. เพื่อขอรับการสนับสนุนเงินกองทุนฯ สำหรับใช้เป็น
(1) เงินช่วยเหลือให้เปล่าสำหรับทำรายงานการตรวจสอบและวิเคราะห์การใช้พลังงานเบื้องต้น ไม่เกิน 100,000 บาทต่อราย
(2) เงินอุดหนุนในการจัดทำรายงานการตรวจสอบและวิเคราะห์การใช้พลังงานโดยละเอียด และรายงานการจัดทำเป้าหมายและแผนอนุรักษ์พลังงาน ในวงเงินอุดหนุน 50% ของค่าใช้จ่าย แต่ไม่เกิน 500,000 บาทต่อราย
(3) เงินลงทุนในการอนุรักษ์พลังงานตามแผนอนุรักษ์พลังงาน ในข้อ (2) ซึ่งรวมถึงค่าใช้จ่ายในการออกแบบทางวิศวกรรมด้วย โดยอุดหนุนไม่เกิน 60% ของเงินลงทุน และไม่เกิน 10 ล้านบาทต่อมาตรการในแผนอนุรักษ์พลังงาน
ทั้งนี้ อาคารควบคุมของส่วนราชการหรือรัฐวิสาหกิจ กองทุนฯ จะให้ความช่วยเหลือในรูปของเงินให้เปล่าทั้งหมด (วงเงิน 100% ของค่าใช้จ่าย) ในการดำเนินการตามข้อ (1) (2) และ (3)
3. กฎกระทรวง ฉบับที่ 3 (พ.ศ. 2538) ออกตามความในพระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535 กำหนดให้เจ้าของอาคารควบคุมดำเนินการจัดทำเป้าหมายและแผนอนุรักษ์พลังงาน โดยต้องมอบหมายให้ที่ปรึกษาด้านการอนุรักษ์พลังงานที่ได้ขึ้นทะเบียนไว้กับ พพ. เป็นผู้ช่วยดำเนินการให้
4. มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม ได้เข้าร่วมโครงการโรงงานควบคุมและอาคารควบคุมที่กำลังใช้งาน โดยในการดำเนินงานได้ว่าจ้าง ห้างหุ้นส่วนจำกัด คิวตรอน คอนซัลแตนท์ เป็นที่ปรึกษา เพื่อดำเนินงาน ดังนี้
(1) การจัดทำรายงานการตรวจสอบและวิเคราะห์การใช้พลังงานเบื้องต้น ซึ่ง พพ. ได้ตรวจรายงานฉบับดังกล่าวแล้ว และเห็นว่า มหาวิทยาลัยฯ ได้ดำเนินการอย่างครบถ้วนและถูกต้องตามกฎหมายกำหนด พพ. จึงได้สนับสนับสนุนเงินกองทุนฯ เป็นเงินช่วยเหลือให้เปล่าให้กับมหาวิทยาลัยฯ ในวงเงิน 472,948 บาท
(2) การจัดทำรายงานการตรวจสอบและวิเคราะห์การใช้พลังงานโดยละเอียด และรายงานการจัดทำเป้าหมายและแผนอนุรักษ์พลังงาน ซึ่ง พพ. ได้ตรวจรายงานฉบับดังกล่าวแล้วเห็นว่า มหาวิทยาลัยฯ ได้ดำเนินการอย่างครบถ้วนและถูกต้องตามกฎหมายกำหนด แต่ พพ. ไม่สามารถสนับสนุนเงินกองทุนฯ เป็นเงินช่วยเหลือให้เปล่า ในวงเงิน 1,130,690.30 บาท ตามที่มหาวิทยาลัยฯ ขอมาได้ เนื่องจากคณะกรรมการบริหารกองทุนฯ ในการประชุมเมื่อวันที่ 26 มกราคม 2548 มีมติระงับการสนับสนุนเงินกองทุนฯ เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดทำรายงานการตรวจสอบและวิเคราะห์การใช้พลังงานเบื้องต้น การจัดทำเป้าหมายและแผนอนุรักษ์พลังงาน และการลงทุนตามเป้าหมายและแผนอนุรักษ์พลังงาน แก่เจ้าของอาคารควบคุม ตั้งแต่วันที่ 26 มกราคม 2548 เป็นต้นไป
5. มติคณะกรรมการบริหารกองทุนฯ ที่ให้ระงับการสนับสนุนเงินกองทุนฯ แก่เจ้าของอาคารควบคุม เป็นผลมาจากการประชุมคณะกรรมการกองทุนฯ เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2547 ได้เห็นชอบแผนอนุรักษ์พลังงาน แนวทาง หลักเกณฑ์ เงื่อนไขและและลำดับความสำคัญของการใช้จ่ายเงินกองทุนฯ ระยะที่ 3 (ในช่วงปี 2548-2554) ภายในวงเงินรวม 28,826 ล้านบาท ซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของแผนอนุรักษ์พลังงาน เป็น 3 แผนงาน คือ แผนพลังงานทดแทน แผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน และแผนงานบริหารทางกลยุทธ์ คณะกรรมการกองทุนฯ จึงได้ปรับเปลี่ยนแนวทางการใช้เงินกองทุนฯ โดยการลดการช่วยเหลือเจ้าของโรงงานและอาคารควบคุม ทั้งในด้านการวางแผน และการลงทุนเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้พลังงาน รวมถึงการดำเนินงานที่เป็นหน้าที่และภารกิจของอาคารควบคุมที่เป็นส่วนราชการหรือรัฐวิสาหกิจ ก็ให้จัดสรรงบดำเนินการจากเงินงบประมาณเป็นหลักก่อน ทั้งนี้ ในการดำเนินงานตามแผนอนุรักษ์พลังงานฯ ระยะที่ 3 คณะกรรมการกองทุนฯ ได้กำหนดให้คณะกรรมการบริหารกองทุนฯ มีอำนาจปรับปรุงแนวทาง หลักเกณฑ์ เงื่อนไขและลำดับความสำคัญของการใช้จ่ายเงินกองทุนฯ และการจัดสรรเงินตามแผนงานต่างๆ ได้ตามความจำเป็นและเหมาะสม ภายในวงเงินรวมดังกล่าว
6. คณะกรรมการบริหารกองทุนฯ ในการประชุมเมื่อวันที่ 26 มกราคม 2548 จึงได้มีมติระงับการสนับสนุนเงินกองทุนฯ สำหรับโรงงานควบคุมและอาคารควบคุม โดยแจ้งให้ พพ. ทราบและดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง ดังนี้
(1) ให้ระงับการสนับสนุนเงินกองทุนฯ เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดทำรายงาน การตรวจสอบและวิเคราะห์การใช้พลังงานเบื้องต้น การจัดทำเป้าหมายและแผนอนุรักษ์พลังงาน และการลงทุนตามเป้าหมายและแผนอนุรักษ์พลังงาน ตามระเบียบคณะกรรมการกองทุนฯ ฉบับที่ 1 พ.ศ. 2537 และ ฉบับที่ 2 พ.ศ. 2539 แก่เจ้าของโรงงานควบคุมและอาคารควบคุม ตั้งแต่วันที่ 26 มกราคม 2548 เป็นต้นไป
(2) ให้เจ้าของโรงงานควบคุมและอาคารควบคุมที่ได้ดำเนินการตามกฎกระทรวงฉบับเดิม และ พพ. ได้รับรายงานก่อนวันที่คณะกรรมการบริหารกองทุนฯ ให้ความเห็นชอบการระงับการสนับสนุนเงินกองทุนฯ สำหรับโรงงานควบคุมและอาคารควบคุม สามารถขอรับการสนับสนุนเงินกองทุนฯ ตามระเบียบคณะกรรมการกองทุนฯ ฉบับเดิม โดยการอนุมัติเงินสนับสนุนดังกล่าวของปีงบประมาณ 2548 ให้ใช้เงินกองทุนฯ แผนงานเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน งานส่งเสริมและสาธิต
(3) ให้ยกเลิกการสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการลงทุนตามเป้าหมายและแผนฯ ที่เจ้าของโรงงานควบคุมและอาคารควบคุมขอรับการสนับสนุนฯ ตามระเบียบคณะกรรมการกองทุนฯ ฉบับที่ 1 พ.ศ. 2537 และ ฉบับที่ 2 พ.ศ. 2539 เฉพาะในส่วนที่ยังไม่ได้รับแจ้งการอนุมัติค่าใช้จ่ายจาก พพ.
7. พพ. จึงได้ออกประกาศกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน ลงวันที่ 1 เมษายน 2548 เรื่อง ระงับการสนับสนุนเงินกองทุนฯ ของโรงงานควบคุมและอาคารควบคุม ตามมติคณะกรรมการบริหารกองทุนฯ ดังกล่าว เพื่อแจ้งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทราบโดยทั่วกัน
8. เนื่องจาก มหาวิทยาลัยฯ ไม่สามารถจัดหางบประมาณ ในวงเงิน 1,130,690.30 บาท เพื่อมาจ่ายให้ ห้างหุ้นส่วนจำกัด คิวตรอน คอนซัลแตนท์ เป็นค่าจ้างสำหรับการจัดทำรายงานการตรวจสอบและวิเคราะห์การใช้พลังงานโดยละเอียด และรายงานการจัดทำเป้าหมายและแผนอนุรักษ์พลังงานได้ ห้างหุ้นส่วนจำกัด คิวตรอน คอนซัลแตนท์ จึงได้ยื่นฟ้อง มหาวิทยาลัยฯ ต่อศาลจังหวัดพิษณุโลก ตามคดีหมายเลขดำที่ 1346/2548 ให้ มหาวิทยาลัยฯ จ่ายเงินตามสัญญาจ้างดำเนินงานดังกล่าว แต่เนื่องจากสัญญาจ้างนี้เป็นสัญญาที่เกี่ยวกับการให้บริการสาธารณะ จึงเป็นคดีปกครองอยู่ในอำนาจพิจารณาของศาลปกครองจังหวัดพิษณุโลก คดีดังกล่าวจึงโอนจากศาลจังหวัดพิษณุโลกไปยังศาลปกครองพิษณุโลก
9. ห้างหุ้นส่วนจำกัด คิวตรอน คอนซัลแตนท์ ได้ยื่นฟ้องมหาวิทยาลัยฯ ต่อศาลปกครองพิษณุโลก ตามคดีหมายเลขดำที่ 34/2550 ซึ่งการพิจารณาคดีได้ดำเนินการต่อเนื่อง จนมีผลให้หน่วยงานของรัฐเข้ามาเกี่ยวข้องกับคดีนี้ เพิ่มขึ้นเป็น 3 หน่วยงาน ได้แก่ มหาวิทยาลัยฯ เป็นผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 กระทรวงการคลัง เป็นผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 และ พพ. เป็นผู้ถูกฟ้องคดีที่ 3
10. ศาลปกครองพิษณุโลกได้มีคำสั่งเรียกมายังคณะกรรมการบริหารกองทุนฯ ทำคำชี้แจงต่อศาลปกครองพิษณุโลก ตามคำสั่งเรียกให้ทำการชี้แจง ลงวันที่ 14 ตุลาคม 2553 โดยกำหนดให้คณะกรรมการบริหารกองทุนฯ ทำคำชี้แจงในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการระงับการสนับสนุนเงินกองทุนฯ สำหรับโรงงานควบคุมและอาคารควบคุม แต่เนื่องจากคณะกรรมการกองทุนฯ ในการประชุมเมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2548 ได้มีมติเห็นชอบให้ยกเลิกคำสั่งคณะกรรมการกองทุนฯ ที่ 1/2547 เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการบริหารกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ลงวันที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2547 สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) ในฐานะกรรมการและเลขานุการคณะกรรมการบริหารกองทุนฯ จึงได้จัดทำคำชี้แจงในประเด็นดังกล่าวเสนอต่อศาลปกครองพิษณุโลก
11. ศาลปกครองพิษณุโลก ได้มีคำสั่งเรียกมายังคณะกรรมการกองทุนฯ ให้เข้ามาเป็นคู่กรณีและทำคำให้การแก้คำฟ้องต่อศาลปกครองพิษณุโลก ตามคำสั่งเรียกให้เข้ามาเป็นคู่กรณีและให้ทำคำให้การ ลงวันที่ 12 มกราคม 2554 โดยมีประเด็นตามคำขอท้ายคำฟ้องของ ห้างหุ้นส่วนจำกัด คิวตรอน คอนซัลแตนท์ ที่ศาลปกครองพิษณุโลกกำหนดให้คณะกรรมการกองทุนฯ ยื่นตอบ ภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ได้รับคำสั่งนี้ รวมทั้งสิ้น 3 ประเด็น ประกอบด้วย
(1) การประชุมคณะกรรมการกองทุนฯ เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2547 ได้ปรับเปลี่ยนแนวทางการใช้เงินกองทุนฯ โดยลดการช่วยเหลือเจ้าของโรงงานและอาคาร ทั้งในการวางแผนและการลงทุนเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้พลังงาน รวมถึงการดำเนินงานที่เป็นหน้าที่และภารกิจของหน่วยงานใดก็ให้จัดสรรงบดำเนินการจากเงินงบประมาณเป็นหลักก่อน ในเรื่องดังกล่าว คณะกรรมการกองทุนฯ ได้แจ้งมติให้ พพ. หรือผู้เกี่ยวข้องทราบหรือไม่ และเมื่อใด
(2) การประชุมคณะกรรมการบริหารกองทุนฯ เมื่อวันที่ 26 มกราคม 2548 ได้ระงับการสนับสนุนเงินกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานสำหรับโรงงานควบคุมและอาคารควบคุม ในเรื่องดังกล่าว คณะกรรมการบริหารกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานใช้ดุลพินิจในการมีมติดังกล่าวจากข้อกฎหมายและข้อเท็จจริงอย่างไร การระงับการสนับสนุนเงินกองทุนเช่นนี้ เป็นการยกเว้นระเบียบคณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการขอจัดสรร ขอเงินช่วยเหลือ หรือขอเงินอุดหนุนจากกองทุน ฉบับที่ 1 พ.ศ. 2537 และฉบับที่ 2 พ.ศ. 2539 หรือไม่ และได้นำมตินี้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อใด หากไม่ได้ประกาศ เพราะเหตุใด
(3) มติคณะกรรมการกองทุนฯ ที่จะต้องประกาศในราชกิจจานุเบกษาตามพระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535 มาตรา 28 (3) และ (9) มีหลักเกณฑ์อย่างไร และมติการประชุมครั้งที่ 1/2548 เมื่อวันที่ 26 มกราคม 2548 ที่ระงับการสนับสนุนเงินกองทุนฯ สำหรับโรงงานควบคุมและอาคารควบคุม ถือเป็นการกำหนดที่จะต้องประกาศในราชกิจจานุเบกษา หรือไม่ เพราะเหตุใด
12. ศาลปกครองพิษณุโลกได้ระบุในคำสั่งศาลให้คณะกรรมการกองทุนฯ เป็นผู้ถูกฟ้องคดีที่ 4 ในการดำเนินการจัดทำคำให้การแก้คำฟ้องและประเด็นที่ศาลกำหนด คณะกรรมการกองทุนฯ จะต้องมีมติมอบหมายให้มีผู้แทนคณะกรรมการกองทุนฯ ที่มีอำนาจทำการแทนคณะกรรมการกองทุนฯ ในการลงนามในใบมอบอำนาจและเอกสารที่เกี่ยวข้องเพื่อแต่งตั้งพนักงานอัยการดำเนินการแทนคณะกรรมการกองทุนฯ ในการจัดทำคำให้การแก้คำฟ้องและประเด็นต่างๆ ตามที่ศาลกำหนด ฝ่ายเลขานุการฯ จึงเสนอให้คณะกรรมการกองทุนฯ มอบอำนาจให้ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน ในฐานะกรรมการและเลขานุการ เป็นผู้แทนคณะกรรมการกองทุนฯ เพื่อดำเนินการเกี่ยวกับคดีนี้
มติที่ประชุม
มอบอำนาจให้ ผอ.สนพ. มีอำนาจทำการแทนคณะกรรมการกองทุนฯ ในคดีที่ศาลปกครองพิษณุโลกมีคำสั่งเรียกมาดังกล่าว ในการลงนามในใบมอบอำนาจและเอกสารที่เกี่ยวข้องเพื่อแต่งตั้งพนักงานอัยการดำเนินการแทนคณะกรรมการกองทุนฯ ในการจัดทำคำให้การแก้คำฟ้องและประเด็นที่ศาลกำหนด รวมทั้งให้มีอำนาจให้ถ้อยคำหรือข้อเท็จจริงใดๆ ยื่นคำคัดค้าน หรือยื่นคำให้การต่อสู้คดีทั้งปวง ตลอดจนมีอำนาจดำเนินกระบวนการพิจารณาคดีไปในทางจำหน่ายสิทธิได้ เช่น การยอมรับตามที่คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งเรียกร้อง การถอนฟ้อง การประนีประนอมยอมความ การสละสิทธิหรือใช้สิทธิในการอุทธรณ์หรือฎีกา หรือการขอให้พิจารณาคดีใหม่ ให้มีอำนาจรับเงินหรือเอกสาร หรือสิ่งของอื่นใดคืนจากศาล เจ้าพนักงาน หรือบุคคลอื่นแทนคณะกรรมการกองทุนฯ ได้ และให้มีอำนาจแต่งตั้งตัวแทนช่วงคนหนึ่ง หรือหลายคน โดยให้มีอำนาจหน้าที่ดังกล่าวทั้งปวงด้วย








