Demand Response
มาตรการ Demand Response
- Demand Response คืออะไร
การตอบสนองด้านโหลด (Demand Response) คือ การส่งเสริมให้เกิดการเปลี่ยนแปลงการใช้ไฟฟ้าของผู้ใช้ไฟเองจากรูปแบบการใช้ปกติ เพื่อตอบสนองต่อราคาค่าไฟในช่วงเวลาต่างๆ เพื่อเพิ่มศักยภาพในการลดความต้องการไฟฟ้าสูงสุด (Peak Demand) อันจะเป็นประโยชน์ต่อการจัดการสภาวะวิกฤตด้านพลังงานไฟฟ้า และเสริมความมั่นคงด้านพลังงานไฟฟ้าทั้งในระยะสั้นและระยะยาว
มาตรการ Demand Response เพื่อลด Peak ในช่วงวิกฤตที่ผ่านมา
ในช่วงปี 2556-2557
- เดือนเมษายน 2556 ทำการรณรงค์ลดการใช้พลังงานทั่วประเทศ ผ่านการขอความร่วมมือจากภาคอุตสาหกรรมและภาคประชาชน เพื่อแก้ไขปัญหาวิกฤตแหล่งก๊าซยานาดา
- 31 ธันวาคม 2556 – 20 มกราคม 2557 ทำการเปิดรับสมัครปริมาณที่สามารถลดความต้องการใช้ไฟฟ้าโดยสมัครใจมีเป้าหมาย 200 MW ดำเนินการได้จริง 70 MW เพื่อแก้ไขปัญหาวิกฤตแหล่งก๊าซยานาดา
- เดือนพฤษภาคม – กรกฎาคม 2557 ทำการรณรงค์ลดการใช้พลังงานพื้นที่ภาคใต้ ผ่านการขอความร่วมมือจากภาคอุตสาหกรรมและภาคประชาชน เพื่อแก้ไขปัญหาวิกฤตแหล่งก๊าซ JDA
- 13 มิถุนายน – 10 กรกฎาคม 2557 ทำการเปิดรับสมัครปริมาณที่สามารถลดความต้องการใช้ไฟฟ้าโดยมีค่าชดเชยการลดการใช้ไฟฟ้า (Rebate) มีเป้าหมาย 247 MW ดำเนินการได้จริง 48 MW เพื่อแก้ไขปัญหาวิกฤตแหล่งก๊าซ JDA
ในช่วงปี 2558
- 10 – 27 เมษายน 2558 ทำการเปิดรับสมัครปริมาณที่สามารถลดความต้องการใช้ไฟฟ้าโดยมีค่าชดเชยการลดการใช้ไฟฟ้า (Rebate) มีเป้าหมาย 676 MW ดำเนินการได้จริง 560 MW เพื่อแก้ไขปัญหาวิกฤตแหล่งก๊าซยานาดา
- 21 – 25 กรกฎาคม 2558 ทำการเปิดรับสมัครปริมาณที่สามารถลดความต้องการใช้ไฟฟ้าโดยมีค่าชดเชยการลดการใช้ไฟฟ้า (Rebate) มีเป้าหมาย 53 MW ดำเนินการได้จริง 25 MW เพื่อแก้ไขปัญหาวิกฤตแหล่งก๊าซ JDA
- 21 – 25 กรกฎาคม 2558 เปิดรับซื้อไฟฟ้าเพิ่มเติมจากกำลังผลิตส่วนเหลือของ VSPP ที่ใช้เชื้อเพลิงพลังงานหมุนเวียนในพื้นที่ภาคใต้ ในช่วงเวลา 18.30 -21.30 น. โดยให้อัตรารับซื้อตามอัตราค่าไฟฟ้าขายส่งรวมค่า Ft ขายส่งเฉลี่ย (ไม่ได้รับค่า Adder) โดยดำเนินการได้จริงจำนวน 19,011 หน่วย เพื่อแก้ไขปัญหาวิกฤตแหล่งก๊าซ JDA
ประเภทของ Demand Response
สามารถแบ่งประเภทของ DR ตามลักษณะกลไกการตอบสนอง แบ่งออกเป็น 2 ลักษณะ ได้แก่
1. มาตรการตอบสนองด้านโหลดต่อความน่าเชื่อถือของระบบ (Reliability-based Options)
เป็นรูปแบบการตอบสนองด้านโหลดต่อช่วงเวลาที่ความน่าเชื่อถือของระบบไฟฟ้าต่ำ เหตุการณ์ผิดปกติ หรือเหตุฉุกเฉิน ซึ่งมีความเสี่ยงต่อเสถียรภาพของระบบไฟฟ้า โดยอาจมีการกำหนดค่าตอบแทนที่เหมาะสมให้กับผู้ใช้ไฟฟ้าที่เข้าร่วมดำเนินการ ได้แก่
- มาตรการควบคุมโหลดโดยตรง (Direct Load Control)
- มาตรการเชื่อมต่อผ่านระบบจัดการควบคุมโหลดผ่านระบบจัดการ (AutoDR to EMS)
- มาตรการอัตราค่าไฟฟ้าที่สามารถงดจ่ายไฟฟ้าได้ (Curtailable/Interruptible Tariff)
- มาตรการตอบสนองแบบฉุกเฉิน (Emergency Demand Response Program)
- มาตรการประมูลหรือซื้อคืน (Demand Bidding/Buyback Program)
- มาตรการตลาดกำลังไฟฟ้า (Capacity Market Program)
- มาตรการเครื่องกำเนิดไฟฟ้าสำรอง (Standby Generator)
- มาตรการระบบกักเก็บพลังงาน (Energy Storage)
- มาตรการกำลังผลิตเสริมความมั่นคง (Ancillary Service)
2. มาตรการตอบสนองด้านโหลดต่อกลไกราคา (Price-based Options)
เป็นรูปแบบการตอบสนองด้านโหลดโดยใช้กลไกราคา ตั้งราคาค่าไฟฟ้าให้มีราคาสูงในช่วงที่มีความต้องการใช้ไฟฟ้าสูง หรือช่วงที่มีความเสี่ยงต่อที่จะเกิดเหตุการณ์ผิดปกติในระบบไฟฟ้า เพื่อให้ผู้ใช้ไฟฟ้าลดการใช้ไฟฟ้า หรือหลีกเลี่ยงไปใช้ไฟฟ้าในช่วงเวลาอื่นที่มีความต้องการใช้ไฟฟ้าต่ำ ซึ่งมีราคาค่าไฟฟ้าถูกกว่า ได้แก่
- มาตรการอัตราค่าไฟฟ้าตามช่วงเวลาการใช้ (Time of Use Rates)
- มาตรการอัตราค่าไฟฟ้าช่วงวิกฤต (Critical Peak Pricing)
- มาตรการอัตราค่าไฟฟ้าส่วนลดช่วงวิกฤต (Peak Time Rebate)
- มาตรการอัตราค่าไฟฟ้า ณ เวลาปัจจุบัน (Real Time Pricing)
การดำเนินมาตรการ Demand Response เพิ่มเติมในอนาคต
ปัจจุบันกระทรวงพลังงานได้มีการจัดทำการวิจัยและนำร่องมาตรการควบคุมโหลดโดยตรง (Direct Load Control) และมาตรการเชื่อมต่อผ่านระบบจัดการควบคุมโหลดผ่านระบบจัดการ (AutoDR to EMS) ซึ่งจะทำให้การควบคุมการใช้ไฟฟ้าได้อย่างมีประสิทธิภาพและสามารถลดการก่อสร้างโรงไฟฟ้าได้ดียิ่งขึ้น โดยได้ดำเนินการนำร่องในภาคอุตสาหกรรม ภาคอาคารธุรกิจและภาคบ้านอยู่อาศัย เช่น โครงการ DR ในภาคบ้านอยู่อาศัย นำร่อง 100 หลัง (DR100) โดย คณะวิศวฯ จุฬาฯ เป็นต้น