ระบบกักเก็บพลังงาน
ทำความรู้จักกับระบบกักเก็บพลังงาน (Energy Storage System)
ระบบกักเก็บพลังงานมีความสามารถพิเศษในการเป็นทั้งผู้ใช้ไฟฟ้า (ในระหว่างขั้นตอนการกักเก็บพลังงาน) และผู้ผลิตไฟฟ้า (ในช่วงการคายพลังงาน) ทำให้เทคโนโลยีการจัดเก็บพลังงานสามารถกักเก็บพลังงานในช่วงเวลาหนึ่งเพื่อไปตอบสนองความต้องการพลังงานในอีกช่วงเวลาหนึ่งได้ หรืออาจจะกล่าวได้ว่า ระบบกักเก็บพลังงานเป็นเทคโนโลยีที่ทำงานร่วมกับระบบอื่น ๆ โดยสามารถช่วยให้เกิดยกระดับการบริหารจัดการ ทั้งในฝั่งของอุปสงค์พลังงาน (Energy supply) และอุปทานพลังงาน (Demand) ให้เป็นไปอย่างประสิทธิภาพไปพร้อม ๆ กัน ปัจจุบันเทคโนโลยีระบบกักเก็บพลังงานสามารถแบ่งได้ตามหลักการทำงานและคุณสมบัติการกักเก็บพลังงานได้ 5 ประเภทดังนี้
1. เทคโนโลยีกักเก็บพลังงานเคมี (Chemical Energy Storage) หมายถึง การใช้ไฟฟ้าในการผลิตสารเคมี ซึ่งต่อมาสามารถใช้เป็นเชื้อเพลิงที่สามารถใช้ในรูปของพลังงานความร้อน การนำไปผลิตไฟฟ้า หรือแม้แต่การใช้งานในภาคการขนส่งเองก็ตาม โดยระบบกักเก็บพลังงานเคมีที่นิยมใช้งานในปัจจุบันมีอยู่ 3 รูปแบบด้วยกัน คือ การผลิตไฮโดรเจน การผลิตแอมโมเนีย และการผลิตก๊าซธรรมชาติสังเคราะห์
2. เทคโนโลยีกักเก็บพลังงานเชิงกล (Mechanical Energy Storage) หมายถึง การกักเก็บพลังงานอยู่ในรูปของพลังงานศักย์ หรือพลังงานกลที่มีประสิทธิภาพสูงอย่างใดอย่างหนึ่ง เช่น การเก็บพลังงานโดยใช้การปั๊มน้ำเก็บไว้ (Pumped Hydro) ระบบอากาศอัด (Compressed Air) และ ระบบสะสมพลังงานแบบฟลายวีล (Flywheel energy systems) เป็นต้น
3. เทคโนโลยีกักเก็บพลังงานไฟฟ้า (Electrical Energy Storage) หมายถึง การจัดเก็บพลังงานในรูปแบบของสนามไฟฟ้า หรือสนามแม่เหล็ก ซึ่งในปัจจุบันเทคโนโลยี Super Capacitors และ Superconducting Magnetic Energy Storage (SMES) สามารถกักเก็บพลังงานไฟฟ้าโดยตรง และกำลังเป็นทางเลือกหนึ่งในการนำมาใช้งาน เนื่องจากมีความปลอดภัยสำหรับการชาร์จแบตเตอรี่ด้วยเช่นเดียวกัน
4. เทคโนโลยีกักเก็บพลังงานความร้อน (Thermal Energy Storage) หมายถึง การกักเก็บพลังงานความร้อนในรูปของการทำความร้อนหรือความเย็นด้วยวัสดุตัวกลาง เช่น น้ำ เกลือหลอมเหลว (Molten Salt) หรือวัสดุเปลี่ยนเฟส (Phase Change Materials, PCMs) เป็นต้น
5. เทคโนโลยีกักเก็บพลังงานไฟฟ้าเคมี (Electrochemical Energy Storage) หมายถึง ระบบเก็บพลังงานไฟฟ้าในรูปแบบพลังงานเคมี โดยอาศัยปฏิกิริยาเคมีเพื่อเป็นกลไกที่ทำให้เกิดการถ่ายโอนอิเล็กตรอนระหว่างกันจนเกิดเป็นพลังงานไฟฟ้าขึ้น ตัวอย่างที่พบในปัจจุบัน เช่น แบตเตอรี่ประเภทต่าง ๆ หรือ เซลล์เชื้อเพลิง (Fuel Cell) เป็นต้น
***************************