สนพ.ร่วมมือกับบริษัท หัวเว่ย
กระทรวงพลังงาน สนพ. จับมือหัวเว่ย ร่วมแบ่งปันองค์ความรู้และทักษะให้ไทยสู่ผู้นำความเป็นกลางทางคาร์บอนในภูมิภาคอาเซียน
สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) กระทรวงพลังงาน ร่วมมือกับบริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี่ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดงานสัมมนาเชิงปฏิบัติการและนโยบายแผนพลังงานดิจิทัลแห่งประเทศไทย (Thailand Digital Energy Policy & Planning Workshop) ภายใต้หัวข้อ “ผลักดันเส้นทางการเปลี่ยนผ่านพลังงานดิจิทัลและโครงสร้างเทคโนโลยีไอซีที สู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน เพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียนและเศรษฐกิจสีเขียวของประเทศไทย” (Accelerate Digital Energy and ICT Transformation Pathway towards Carbon Neutrality and Contribute to Thailand BCG Economy) โดยมีเป้าหมายเพื่อแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และแนวทางในการเปลี่ยนผ่านด้านเทคโนโลยีร่วมกับผู้กำหนดนโยบาย นักวิชาการ ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีกว่า 80 ท่านจากประเทศไทยและประเทศจีน
นายวีรพัฒน์ เกียรติเฟื่องฟู รองผู้อำนวยการ สนพ. ได้กล่าวถึงพลังงานดิจิทัลในงานสัมมนาฯ ว่า “การเปลี่ยนผ่านด้านเทคโนโลยีไอซีทีกำลังขับเคลื่อนภาคพลังงานไปสู่ยุคดิจิทัล ซึ่งจะช่วยเร่งเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว (BCG Economy) ไปสู่เป้าหมายด้านความเป็นกลางทางคาร์บอน และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายและตามทิศทางนโยบายภายใต้ “แผนพลังงานชาติ 2022” (National Energy Plan 2022) ที่มุ่งเน้นการสนับสนุนการลงทุนในพลังงานสีเขียวในภาคพลังงาน ดังต่อไปนี้
1) เพิ่มสัดส่วนการผลิตพลังไฟฟ้าแหล่งใหม่ โดยให้เป็นพลังงานทดแทนไม่ต่ำกว่าร้อยละ 50
2) ปรับการใช้พลังงานภาคขนส่งเป็นพลังงานสีเขียว โดยใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้า (EV) ตามนโยบาย 30/30
3) เพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานสูงขึ้นกว่า 30%
4) ปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมพลังงานเพื่อส่งเสริมเทรนด์การเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน ตามนโยบาย 4D1E ของกระทรวงพลังงาน”
งานสัมมนาเชิงปฏิบัติการในครั้งนี้จัดขึ้นทั้งช่องทางออนไลน์ เพื่อเป็นการตอบรับเป้าหมายของการผลักดันประเทศไทยสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนภายใต้นโยบายของรัฐบาล ตามวาระการประชุมผู้นำรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ 26 (COP 26) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้เน้นย้ำว่าประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศแรกที่จัดทำแผนยุทธศาสตร์ระยะยาวในการพัฒนาปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่ำ (LT-LEDS) ภายใต้กรอบความตกลงปารีส (Paris Agreement) เพื่อมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ภายในปี ค.ศ. 2050 และบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emissions) ภายในปี ค.ศ. 2065 ประเทศไทยกำลังมุ่งสู่เป้าหมายดังกล่าว ผ่านความร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดระหว่างรัฐบาลและภาคเอกชนเพื่อส่งเสริมโครงสร้างเทคโนโลยีไอซีทีอันเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน
***************************