มติคณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน
ครั้งที่ 3/2541 (ครั้งที่ 15)
วันพุธที่ 14 ตุลาคม 2541 เวลา 14.00 น.
ณ ห้องประชุมกรรมาธิการหมายเลข 215-216
ชั้น 2 อาคารรัฐสภา 2
1. รายงานการใช้จ่ายเงินกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน
2. รายงานผลการดำเนินงานของคณะอนุกรรมการกำกับดูแลแผนงานภาคบังคับ โครงการอาคารของรัฐ แผนงานภาคความร่วมมือ และแผนงานสนับสนุน
3. รายงานการต่อสัญญาโครงการ การบูรณาการกระบวนการศึกษาระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษา เรื่องการอนุรักษ์พลังงานและสิ่งแวดล้อม (โครงการรุ่งอรุณ)
4. ขออนุมัติรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2542 ของ สพช. บก. และ พพ. เพื่อบริหารงานตาม พรบ. การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535
5. แผนปฏิบัติการโครงการประชาสัมพันธ์เพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานในส่วนที่ สพช. รับผิดชอบ ปีงบประมาณ 2542
6. ขออนุมัติโครงการส่งเสริมการเรียนการสอนเกี่ยวกับการอนุรักษ์พลังงานในระดับอุดมศึกษา (วิศวกรรมศาสตร์)
7. ขอความเห็นชอบแผนปฏิบัติการโครงการอาคารของรัฐ ระยะที่ 2
8. ขออนุมัติให้ พพ. ปรับแผนและค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการโครงการโรงงานควบคุมและอาคารควบคุมที่กำลังใช้งาน (ในส่วนของอาคารควบคุม) จากระยะเวลา 2 ปี (2540-2541) เป็นระยะเวลา 3 ปี (2541-2543)
9. ขออนุมัติให้อธิบดีกรมพัฒนาและส่งเสริมพลังงาน มีอำนาจอนุมัติเงินจากกองทุนฯ สำหรับเป็นค่าใช้จ่ายในการตรวจสอบและวิเคราะห์การใช้พลังงานเบื้องต้น และการจัดทำเป้าหมายและแผนอนุรักษ์พลังงาน
10. ค่าบำรุงรักษาเครื่องปรับอากาศ
11. โครงการสวนพลังงานแสงอาทิตย์
12. โครงการศึกษาแนวทางการปรับปรุงคุณภาพน้ำมันเชื้อเพลิง
13. โครงการบ้านสาธิตประหยัดพลังงานแบบยั่งยืน เพื่อเป็นต้นแบบการอนุรักษ์พลังงานและสิ่งแวดล้อมของภูมิภาค
14. โครงการวิจัยและพัฒนาเซลล์แสงอาทิตย์ที่เหมาะกับภูมิอากาศเขตร้อนชื้น
15. ขออนุมัติให้คณะอนุกรรมการฯ มีอำนาจอนุมัติการเปลี่ยนแปลงการดำเนินงานโครงการที่ได้รับการสนับสนุนจากกองทุนฯ และมีอำนาจอนุมัติเงินกองทุนฯ สนับสนุนให้แก่โครงการที่มีวงเงินไม่เกิน 10 ล้านบาท
16. ขอยกเว้นการปฏิบัติตามนัยข้อ 85 และข้อ 88 แห่งระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม
17. ขออนุมัติแต่งตั้งคณะอนุกรรมการกำกับดูแลการติดตามประเมินผลโครงการ ที่ได้รับการสนับสนุนจากกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน
รองนายกรัฐมนตรี (นายศุภชัย พานิชภักดิ์) ประธานกรรมการ
เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (นายปืยสวัสดิ์ อัมระนันทน์) กรรมการและเลขานุการ
เรื่องที่ 1 รายงานการใช้จ่ายเงินกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน
เลขานุการฯ ได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบถึงรายงานผลการตรวจสอบงบการเงินประจำปี สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2538 และ 2539 ซึ่งสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ได้ตรวจสอบและรับรองแล้ว พร้อมทั้งรายงานการรับ-จ่ายเงินกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ณ วันที่ 31 สิงหาคม 2541 ซึ่งมีเงินคงเหลือในบัญชีธนาคารกรุงไทย สาขาประดิพัทธ์ 14,462,621,510.23 บาท และรายงานเกี่ยวกับการเบิกจ่ายเงินกองทุนฯ ของ สพช. บก. และ พพ. ตามแผนงานภาคบังคับ แผนงานภาคความร่วมมือ และแผนงานสนับสนุน สิ้นสุดวันที่ 31 กรกฎาคม 2541 ซึ่งได้เบิกเงินเพื่อดำเนินงานตามแผนงานไปแล้วเป็นเงินทั้งสิ้น 452,303,30548 บาท และมีงบประมาณที่ผูกพันเป็นเงินทั้งสิ้น 1,869,194,466.52 บาท
เลขานุการฯ ได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบถึงผลการดำเนินงานของคณะอนุกรรมการกำกับดูแลแผนงานภาคบังคับ โครงการอาคารของรัฐ แผนงานภาคความร่วมมือ และแผนงานสนับสนุน ซึ่งสรุปได้ดังนี้
1. ผลการดำเนินงานของแผนงานภาคบังคับ ภายใต้การกำกับดูแลของคณะอนุกรรมการกำกับดูแลแผนงานภาคบังคับระหว่างปี 2538-2541 ดังนี้
1.1 อาคารควบคุมที่กำลังใช้งาน
- อาคารควบคุมได้แจ้งแต่งตั้งผู้รับผิดชอบด้านพลังงานแก่ พพ. แล้วจำนวน 914 ราย คิดเป็นจำนวนบุคลากร 1,473 คน โดย พพ. ได้พิจารณาให้ความเห็นชอบแก่อาคารควบคุมไปแล้ว615 ราย จำนวน 967 คน
- อาคารควบคุมได้ส่งข้อมูลการใช้พลังงาน (บพอ.1) ให้แก่ พพ. (ทุก 6 เดือน) โดยในเดือนแรกของปี 2541 (มกราคม-มิถุนายน) มีผู้ส่งข้อมูลแล้ว 357 ราย
- อาคารควบคุมได้ยื่นขอรับเงินสนับสนุนจากกองทุนฯ (บพท.1) เพื่อทำการตรวจสอบและวิเคราะห์การใช้พลังงานเบื้องต้น จำนวนทั้งสิ้น 868 ราย และได้อนุมัติให้ดำเนินการแล้ว 746 ราย เป็นอาคารเอกชน 519 ราย และเป็นอาคารของส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจ 227 ราย เป็นเงิน 233,570,425 บาท
- อาคารควบคุมส่งรายงานการตรวจสอบฯ ให้ พพ. จำนวน 471 ราย โดย พพ. ได้ให้ความเห็นชอบกับรายงานตรวจสอบฯ แล้ว จำนวน 225 ราย พบว่าอาคารเหล่านั้นมีการใช้พลังงานไฟฟ้า 1,177 ล้านหน่วยต่อปี มีศักยภาพที่จะอนุรักษ์พลังงานได้ 165 ล้านหน่วยต่อปี คิดเป็นค่าใช้จ่ายที่จะประหยัดได้ปีละ 412 ล้านบาท โดยจะต้องใช้เงินลงทุนประมาณ 1,367 ล้านบาท
- พพ.ได้อนุมัติให้มีการขึ้นทะเบียนที่ปรึกษาด้านการอนุรักษ์พลังงานในอาคารควบคุมไปแล้วรวมทั้งสิ้น 71 ราย ประกอบด้วย
- ที่ปรึกษาประเภท ก ซึ่งสามารถดำเนินการตรวจสอบและวิเคราะห์การใช้พลังงานเบื้องต้น จัดทำรายงานและดำเนินการตรวจสอบและวิเคราะห์การปฏิบัติตามเป้าหมายและแผนอนุรักษ์พลังงาน จำนวน 16 ราย
- ที่ปรึกษาประเภท ข. ซึ่งสามารถดำเนินการตรวจสอบและวิเคราะห์การใช้พลังงานเบื้องต้นและโดยละเอียด จัดทำรายงานและจัดทำเป้าหมายและแผนอนุรักษ์พลังงาน ดำเนินการตรวจสอบและวิเคราะห์การปฏิบัติตามเป้าหมายและแผนอนุรักษ์พลังงาน จำนวน 55 ราย
1.2 โรงงานควบคุมที่กำลังใช้งาน
- โรงงานควบคุมได้แจ้งแต่งตั้งผู้รับผิดชอบด้านพลังงานแก่ พพ. แล้ว จำนวน 234 ราย คิดเป็นจำนวนบุคลากร 476 คน โดย พพ. ได้พิจารณาให้ความเห็นชอบแก่โรงงานควบคุมไปแล้ว 143 ราย จำนวน 284 คน
- โรงงานควบคุมได้ส่งข้อมูลการใช้พลังงาน (บพร.1) ให้แก่ พพ. (ทุก 6 เดือน) โดย6 เดือนแรกของปี 2541 (มกราคม-มิถุนายน) มีผู้ส่งข้อมูลแล้ว 103 ราย
1.3. โครงการโรงงานและอาคารที่อยู่ระหว่างการออกแบบหรือก่อสร้าง
อยู่ในระหว่างการจัดทำหลักเกณฑ์และวิธีการโดยละเอียดเกี่ยวกับการพิจารณาการให้การสนับสนุนในโครงการดังกล่าว
2. ผลการดำเนินงานของโครงการอาคารของรัฐ แผนงานภาคความร่วมมือ และแผนงานสนับสนุน ซึ่งสรุปได้ ดังนี้
2.1 คณะอนุกรรมการกำกับดูแลโครงการอาคารของรัฐ ได้มีมติอนุมัติโครงการที่เกี่ยวกับอาคารของรัฐ รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 1,214,950,219 บาท
2.2 คณะอนุกรรมการฯ และคณะกรรมการกองทุนฯ ได้อนุมัติโครงการใต้แผนงานภาคความร่วมมือ จำนวนทั้งสิ้น 52 โครงการ รวมเป็นจำนวนเงินทั้งสิ้นประมาณ 1,155 ล้านบาท และมีโครงการที่ได้ดำเนินงานเสร็จสมบูรณ์ตามแผนงานแล้ว จำนวน 10 โครงการ
2.3. คณะอนุกรรมการฯ และคณะกรรมการกองทุนฯ ได้อนุมัติโครงการภายใต้แผนงานสนับสนุนโครงการพัฒนาบุคลากร และโครงการประชาสัมพันธ์เพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน รวมเป็นเงิน 1,047,010,000 บาท
มติที่ประชุม
ที่ประชุมรับทราบ
เลขานุการฯ ได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบว่า ตามที่คณะกรรมการกองทุนฯ ในการประชุมครั้งที่ 1/2540 (ครั้งที่ 11) เมื่อวันจันทร์ที่ 12 พฤษภาคม 2540 ได้มีมติอนุมัติเงินกองทุนฯ เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการรุ่งอรุณ โดยใช้เงินโครงการพัฒนาบุคลากร ปี 2540 - 2542 ในวงเงิน 302,681,438 บาท และได้อนุมัติให้ สพช. ทำการประเมินผลโครงการฯ เมื่อสิ้นสุดปีงบประมาณในแต่ละปีและรายงานผลการดำเนินงานต่อคณะอนุกรรมการกำกับดูแลแผนงานสนับสนุน เพื่อให้คณะอนุกรรมการฯ พิจารณาอนุมัติให้ดำเนินงานในปีต่อไป โดย สพช. ได้ดำเนินการว่าจ้างมูลนิธิสิ่งแวดล้อมไทย (มสท.) เป็นที่ปรึกษาในการดำเนินงานโครงการระยะเวลา 3 ปี ในวงเงิน 299,160,713 บาท เริ่มดำเนินงานตั้งแต่วันที่ 25 กรกฎาคม 2540 เป็นต้นไป
การดำเนินโครงการรุ่งอรุณในปีที่ 1 มีความก้าวหน้าพอสมควร แต่เนื่องจากมีปัญหาอุปสรรคที่เกี่ยวกับโรงเรียน ครู และนักเรียน จึงทำให้งานที่ส่งมอบไม่ครบถ้วนตามที่ได้กำหนดไว้ในสัญญา ซึ่งคณะอนุกรรมการฯ ในการประชุมครั้งที่ 2/2541 (ครั้งที่ 42) เมื่อวันศุกร์ที่ 23 มกราคม 2541 ได้มีมติอนุมัติให้ สพช. ดำเนินการว่าจ้าง บริษัท มาร์เก็ต ซับพอร์ท จำกัด เพื่อติดตามวิเคราะห์และประเมินผลโครงการรุ่งอรุณ โดยมีระยะเวลาดำเนินการ 13 เดือน ในวงเงิน 3,976,940 บาท ซึ่งจากรายงานการติดตาม วิเคราะห์ และประเมินผลโครงการรุ่งอรุณ สรุปได้ว่าโครงการหลักที่สำคัญได้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพพอสมควรตามวัตถุประสงค์ของโครงการฯ
คณะอนุกรรมการกำกับดูแลแผนงานสนับสนุน ในการประชุมครั้งที่ 6/2541 (ครั้งที่ 46) เมื่อวันศุกร์ที่ 10 กรกฎาคม 2541 ที่ประชุมมีมติอนุมัติให้ สพช. ดำเนินการต่อสัญญาว่าจ้าง มสท. เป็นที่ปรึกษาเพื่อดำเนินงาน โครงการรุ่งอรุณในปีที่ 2 ระยะเวลาดำเนินงาน 12 เดือน โดยเริ่มตั้งแต่ 1 กรกฎาคม 2541 โดยให้ปฎิบัติตามเงื่อนไขและข้อสังเกต ของคณะอนุกรรมการฯ ซึ่ง มสท.ได้มีหนังสือที่ รุ่งอรุณ 7/311/2541 ลงวันที่ 17 กันยายน 2541 ได้ส่งข้อเสนอโครงการรุ่งอรุณที่ปรับปรุงแล้ว และผ่านความเห็นชอบของคณะกรรมการอำนวยการโครงการฯ ที่ได้รับการแต่งตั้งโดยกระทรวงศึกษาธิการ ในการประชุมครั้งที่ 2/2541 เมื่อวันจันทร์ที่ 14 กันยายน 2541 และ สพช. ได้พิจารณาข้อเสนอโครงการด้านเทคนิค ด้านการเงิน และด้านบุคลากร ตามที่ มสท. ได้นำเสนอแล้ว และมีความเห็นว่าข้อเสนอของ มสท. เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของโครงการฯ ระยะที่ 2 และ ระยะที่ 3 ครบถ้วนแล้ว ในวงเงิน 255,501,715 บาท โดยค่าใช้จ่ายของโครงการฯ รวมตลอดระยะเวลา 3 ปี มีวงเงินลดลงจากเดิม 6,852,454 บาท
สพช. ได้ต่อสัญญาในการดำเนินการโครงการรุ่งอรุณ ในระยะที่ 2 ในวงเงิน 121,361,265 บาท ระยะเวลา 11 เดือน เริ่มดำเนินงาน ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2541 เป็นต้นไป
มติที่ประชุม
ที่ประชุมรับทราบ
เลขานุการฯ ได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบว่า คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ ในการประชุม ครั้งที่ 4/2537 เมื่อวันพุธที่ 3 สิงหาคม 2537 มีมติให้คณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน จัดสรรเงินกองทุนสำหรับแผนงานและโครงการในปีงบประมาณ 2537-2542 ซึ่งมีวงเงินรวม 19,286 ล้านบาท และให้คณะกรรมการกองทุนฯ มีอำนาจที่จะปรับปรุงการจัดสรรเงินตามแผนงานต่างๆ ได้ตามความจำเป็นและเหมาะสมภายในวงเงินรวมดังกล่าว ทั้งนี้โดยสอดคล้องกับการขอรับการสนับสนุนเงินกองทุนฯ การจัดลำดับความสำคัญตลอดจนรายได้ของกองทุนฯ โดยคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ ได้อนุมัติวงเงินเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการบริหารงานตาม พรบ. การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานฯ สำหรับ สพช. บก. และ พพ. และเพื่อให้ สพช. บก. และ พพ. สามารถดำเนินงานตามหน้าที่ความรับผิดชอบได้ตามที่ได้รับมอบหมายในปี 2542 หน่วยงานดังกล่าวจึงขอรับการสนับสนุนจากกองทุนฯ เป็นงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2542 เพื่อใช้ในการบริหารงานตาม พรบ. การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานฯ ซึ่งฝ่ายเลขานุการฯ ได้นำงบประมาณรายจ่ายฯ ของทั้งสามหน่วยงานเข้าพิจารณาในคณะอนุกรรมการกำกับดูแลแผนงานสนับสนุน ซึ่งคณะอนุกรรมการฯ ได้พิจารณาแล้วมีมติเห็นชอบกับงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2542 ของทั้ง 3 หน่วยงาน เป็นจำนวนเงินรวมทั้งสิ้น 865,377,766 บาท โดยให้ถัวจ่ายรายการต่างๆ ภายในหมวดเดียวกันได้ สำหรับรายการที่ต้องการถัวจ่ายระหว่างหมวดและไม่เกินรายการละ 10 ล้านบาท ให้เสนอคณะอนุกรรมการกำกับดูแลแผนงานสนับสนุน พิจารณาอนุมัติ ส่วนรายการที่ถัวจ่ายระหว่างหมวดและเกินรายการละ 10 ล้านบาท ให้เสนอคณะกรรมการกองทุนฯ เพื่อพิจารณาอนุมัติ
วงเงินที่ขออนุมัติเพื่อบริหารงานตามกฎหมายปี 2542
หน่วย : บาท
สพช. | บก. | พพ. | รวม | |
1. ค่าจ้างชั่วคราว | 3,064,560 | 467,040 | 16,905,600 | 20,437,200 |
2. ค่าตอบแทนใช้สอยและวัสดุ | 11,476,466 | 172,000 | 21,607,040 | 33,255,506 |
3. ค่าสาธารณูปโภค | 936,000 | - | 4,965,360 | 5,901,360 |
4. ค่าครุภัณฑ์ที่ดินและสิ่งก่อสร้าง | 451,086,300 | 66,400 | 33,031,000 | 484,183,700 |
5. รายจ่ายอื่น (ค่าจ้างที่ปรึกษา) | 109,000,000 | - | 212,600,000 | 321,600,000 |
รวม | 575,563,326 | 705,440 | 289,109,000 | 865,377,766 |
เลขานุการฯ ได้ชี้แจงถึงความจำเป็นในการขอรับงบประมาณสำหรับการซื้อสถานที่ทำงานของ สพช. เนื่องจากในปัจจุบัน สพช. มีหน้าที่รับผิดชอบเพิ่มขึ้นอย่างมาก สถานที่เดิมที่ใช้อยู่ในทำเนียบรัฐบาล ไม่เพียงพอ จึงได้เช่าที่เอกชนเพื่อเป็นที่ทำงานของเจ้าหน้าที่เพิ่มเติม ต่อมา สพช. ได้รับหนังสือจาก สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี แจ้งให้ทราบว่า สถานที่ที่ สพช. ใช้อยู่ในทำเนียบรัฐบาลจะถูกรื้อทิ้ง จึงให้ สพช. จัดหาสถานที่ทำงานใหม่ ดังนั้นเพื่อความสะดวกและประหยัดในการทำงาน สพช. จึงใคร่ขอซื้อสถานที่ทำงานให้เจ้าหน้าที่ของ สพช. ที่ทำงานเกี่ยวกับกองทุนฯ ในสถานที่เดียวกัน ซึ่งในปัจจุบันทุกกองของ สพช. มีส่วนในการดำเนินงานของกองทุนฯ แต่ต้องทำงานแยกกันเนื่องจากข้อจำกัดด้านสถานที่
เลขานุการฯ ยืนยันที่จะใช้จ่ายเงินในส่วนนี้ให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด โดยคาดว่าจะใช้เงินต่ำกว่าที่ขอวงเงินไว้ โดยสถานที่ทำงานของ สพช. จะใช้เป็นศูนย์เผยแพร่ความรู้และฝึกอบรมเกี่ยวกับการอนุรักษ์พลังงานด้วย โดยจะทำงานร่วมกับสมาคมพัฒนาคุณภาพสิ่งแวดล้อม ภายใต้โครงการสาธิตเทคโนโลยีประสิทธิภาพพลังงาน ซึ่งคณะกรรมการกองทุนฯ ได้อนุมัติเงินกองทุนฯ เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการดังกล่าวแล้ว
มติที่ประชุม
งบประมาณค่าใช้จ่ายของ สพช.
1) อนุมัติรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2542 เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายของ สพช. ในการบริหารงานตาม พรบ. การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานฯ ในวงเงิน 575,563,326 บาท (ห้าร้อยเจ็ดสิบห้าล้านห้าแสนหกหมื่นสามพันสามร้อยยี่สิบหกบาทถ้วน) โดยให้ถัวจ่ายรายการต่างๆ ภายในหมวดเดียวกันได้ สำหรับรายการที่ต้องถัวจ่ายระหว่างหมวดและไม่เกินรายการละ 10 ล้านบาท ให้เสนอคณะอนุกรรมการกำกับดูแลแผนงานสนับสนุน พิจารณาอนุมัติ ส่วนรายการที่ต้องการถัวจ่ายระหว่างหมวดและเกินรายการละ 10 ล้านบาท ให้เสนอคณะกรรมการกองทุนฯ เพื่อพิจารณาอนุมัติ
งบประมาณค่าใช้จ่ายของ บก.
2) อนุมัติรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2542 เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายของ บก. ในการบริหารงาน ตาม พรบ. การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานฯ ในวงเงิน 705,440 บาท (เจ็ดแสนห้าพันสี่ร้อยสี่สิบบาทถ้วน) โดยให้ถัวจ่ายรายการต่างๆภายในหมวดเดียวกันได้ สำหรับรายการที่ต้องถัวจ่ายระหว่างหมวด ให้เสนอคณะอนุกรรมการกำกับดูแลแผนงานสนับสนุน เพื่อพิจารณาอนุมัติ
งบประมาณค่าใช้จ่ายของ พพ.
3) อนุมัติรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2542 เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายของ พพ. ในการบริหารงานตาม พรบ. การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานฯ ในวงเงิน 289,109,000 บาท (สองร้อยแปดสิบเก้าล้านหนึ่งแสนเก้าพันบาทถ้วน) ตามรายละเอียดปรากฏในเอกสารแนบที่ 4.1.3 โดยให้ถัวจ่ายรายการต่างๆ ภายในหมวดเดียวกันได้ สำหรับรายการที่ต้องถัวจ่ายระหว่างหมวดและไม่เกินรายการละ 10 ล้านบาท ให้เสนอคณะอนุกรรมการกำกับดูแลแผนงานสนับสนุน พิจารณาอนุมัติ ส่วนรายการที่ต้องถัวจ่ายระหว่างหมวดและเกินรายการละ 10 ล้านบาท ให้เสนอคณะกรรมการกองทุนฯ เพื่อพิจารณาอนุมัติ
4) อนุมัติให้ สพช. บก. และ พพ. เบิกจ่ายเงินงบประมาณประจำปี 2542 เพื่อการบริหารงานตาม พรบ. การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานฯ ได้ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2541
เลขานุการฯ ได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบว่า แผนปฏิบัติการโครงการประชาสัมพันธ์เพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานในส่วนที่ สพช. รับผิดชอบ ปีงบประมาณ 2541 ที่ได้รับการเห็นชอบจากคณะกรรมการกองทุนฯ และอนุมัติงบประมาณค่าใช้จ่ายเพื่อดำเนินการตามแผนงานฯ เป็นจำนวนเงิน 190,600,000 บาท
และอนุมัติงบประมาณเพิ่มเติมโครงการประชาสัมพันธ์ "ใช้เบนซินให้ถูกชนิด ช่วยเศรษฐกิจของประเทศ" อีก 20,000,000 บาท คณะอนุกรรมการกำกับดูแลแผนงานสนับสนุน ได้อนุมัติโครงการประชาสัมพันธ์เพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ในส่วนที่ สพช. รับผิดชอบปีงบประมาณ 2541 ไปแล้ว 9 ช่วง รวม 53 กิจกรรม และการประชาสัมพันธ์ "ใช้เบนซินให้ถูกชนิด ช่วยเศรษฐกิจของประเทศ" อีก 6 กิจกรรม รวมเป็นเงิน 210,155,125.74 บาท จากเงินที่ได้รับอนุมัติทั้งสิ้น 210,600,000 บาท
คณะอนุกรรมการกำกับดูแลแผนงานสนับสนุน ในการประชุมครั้งที่ 10/2541 (ครั้งที่ 50) เมื่อวันอังคารที่ 29 กันยายน 2541 ได้มีมติเห็นชอบแผนปฏิบัติการและงบประมาณโครงการประชาสัมพันธ์ในส่วนที่ สพช. รับผิดชอบของปีงบประมาณ 2542 ในวงเงิน 186,000,000 บาท
โดยมีกิจกรรมที่จะทำการประชาสัมพันธ์ตามโครงการฯ ปีงบประมาณ 2542 ดังนี้
1. สาธารณชนทั่วไป
1) การประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อต่างๆ เป็นจำนวนเงิน 80,000,000 บาท
2) ประกวดประหยัดน้ำมันและไฟฟ้า เป็นจำนวนเงิน 5,000,000 บาท ระหว่างจังหวัด ช่วงที่ 2
3) สถานีวิทยุ "คลื่นพลังงาน" เป็นจำนวนเงิน 5,000,000 บาท
4) 1 วัน กับการอนุรักษ์พลังงาน เป็นจำนวนเงิน 5,000,000 บาท
5) นาฏศิลป์หาร 2 เป็นจำนวนเงิน 5,000,000 บาท
6) การบริหารกิจกรรม Car pool เป็นจำนวนเงิน 5,000,000 บาท
7) เบิกฟ้าเวียงพิงค์สู่โลกประหยัดพลังงาน เป็นจำนวนเงิน 1,500,000 บาท
2. เยาวชน
1) การแสดงสำหรับเยาวชน ปีที่ 3 เป็นจำนวนเงิน 5,000,000 บาท
2) ค่ายเยาวชนอนุรักษ์พลังงาน ปีที่ 3 เป็นจำนวนเงิน 5,000,000 บาท
3) นิทรรศการเปิดโลกพลังงาน ปีที่ 3 เป็นจำนวนเงิน 3,500,000 บาท
4) ประกวดโรงเรียนรวมพลังหาร 2 เป็นจำนวนเงิน 5,000,000 บาท
5) ประกวดยอวาทีอนุรักษ์พลังงาน เป็นจำนวนเงิน 5,000,000 บาท
6) ศูนย์นิทัศน์พลังงานเพื่ออนาคต เป็นจำนวนเงิน 5,000,000 บาท
7) เสื้อนักเรียน และรองเท้าแตะเพื่อเยาวชนหาร 2 เป็นจำนวนเงิน 3,000,000 บาท
8) ชมรมขบวนการหาร 2 เป็นจำนวนเงิน 5,000,000 บาท
3. องค์กรภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ และเอกชน
องค์กรรวมพลังหาร 2 เป็นจำนวนเงิน 10,000,000 บาท
4. สื่อมวลชน
ศูนย์ประชาสัมพันธ์ "รวมพลังหาร 2" ปีที่ 2 เป็นจำนวนเงิน 10,000,000 บาท
5. ที่ปรึกษาเพื่อบริหารโครงการฯเป็นจำนวนเงิน 6,000,000 บาท
6. ที่ปรึกษาเพื่อติดตามวิเคราะห์และประเมินผลโครงการฯ เป็นจำนวนเงิน 7,000,000 บาท
7. อื่นๆ ที่ยังไม่ได้ระบุ เป็นจำนวนเงิน 10,000,000 บาท
รวม 186,000,000บาท
มติที่ประชุม
1. เห็นชอบแผนปฏิบัติการโครงการประชาสัมพันธ์ในส่วนที่ สพช. รับผิดชอบของปีงบประมาณ 2542 และอนุมัติงบประมาณค่าใช้จ่ายโครงการประชาสัมพันธ์ในส่วนที่ สพช. รับผิดชอบ ปีงบประมาณ 2542 ในวงเงิน 186,000,000 บาท (หนึ่งร้อยแปดสิบหกล้านบาท)
2. อนุมัติให้ สพช. ดำเนินการตามแผนปฏิบัติโครงการประชาสัมพันธ์ โดยให้ สพช. ดำเนินการคัดเลือกผู้ที่จะรับทำโครงการประชาสัมพันธ์ ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ.2535 และให้ สพช. นำผลการพิจารณาคัดเลือกเสนอให้คณะอนุกรรมการกำกับดูแลแผนงานสนับสนุน หรือคณะกรรมการ กองทุนฯ พิจารณาอนุมัติก่อนลงนามในสัญญา
เลขานุการฯ ได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบว่ามหาวิทยาลัยของรัฐและเอกชนได้เสนอขอรับการสนับสนุนเงินกองทุนฯ เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในโครงการส่งเสริมการเรียนการสอนเกี่ยวกับการอนุรักษ์พลังงานในระดับอุดมศึกษา จำนวน 11 มหาวิทยาลัย รวมเป็นเงิน 168,986,448 บาท คณะอนุกรรมการกำกับดูแลแผนงานสนับสนุน ในการประชุมครั้งที่ 14/2540 (ครั้งที่ 39) เมื่อวันอังคารที่ 2 ธันวาคม 2540 ได้มีมติให้แต่งตั้งคณะผู้เชี่ยวชาญโครงการส่งเสริมการเรียนการสอนเกี่ยวกับการอนุรักษ์พลังงานในระดับอุดมศึกษา เพื่อทำหน้าที่พิจารณากลั่นกรองรายละเอียดข้อเสนอโครงการที่มหาวิทยาลัยต่างๆ ที่เสนอเพื่อขอรับการสนับสนุนจากกองทุนฯ ก่อนนำเสนอคณะอนุกรรมการฯ พิจารณาอนุมัติ คณะอนุกรรมการฯ ในการประชุมครั้งที่ 7/2541 (ครั้งที่ 47) เมื่อวันจันทร์ที่ 17 สิงหาคม 2541 ได้พิจารณาโครงการส่งเสริมการเรียนการสอนเกี่ยวกับการอนุรักษ์พลังงาน จากรายละเอียดข้อเสนอโครงการที่ผ่านการพิจารณาของผู้เชี่ยวชาญฯ แล้วและได้มีมติดังนี้
1) อนุมัติเงินกองทุนฯ เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการส่งเสริมการเรียนการสอนเกี่ยวกับการอนุรักษ์พลังงานในระดับอุดมศึกษาด้านวิศวกรรมศาสตร์ โดยใช้เงินงบประมาณโครงการพัฒนาบุคลากรปีงบประมาณ 2541-2543 จำนวน 4 มหาวิทยาลัย โดยแต่ละมหาวิทยาลัยมีงบประมาณไม่เกิน 5 ล้านบาท รวมเป็นเงิน 8,209,000 บาท สรุปได้ดังนี้
- มหาวิทยาลัยขอนแก่น จำนวนเงิน 2,030,000 บาท
- มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จำนวนเงิน 2,600,000 บาท
- สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ จำนวนเงิน 850,000 บาท
- มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ จำนวนเงิน 2,729,000 บาท
- รวม 8,209,000 บาท
2) เห็นชอบให้การสนับสนุนเงินกองทุนฯ เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการส่งเสริมการเรียนการสอนเกี่ยวกับการอนุรักษ์พลังงานในระดับอุดมศึกษาด้านวิศวกรรมศาสตร์ โดยใช้เงินงบประมาณโครงการพัฒนาบุคลากร ปีงบประมาณ 2541-2543 ในกิจกรรมการส่งเสริมการเรียนการสอนเรื่องการอนุรักษ์พลังงานในระดับอุดมศึกษา จำนวน 3 มหาวิทยาลัย โดยแต่ละมหาวิทยาลัยมีงบประมาณเกิน 5 ล้านบาทรวมเป็นเงิน 23,620,000 บาท สรุปได้ดังนี้
มหาวิทยาลัย/ สถาบัน |
โครงการ | วัตถุประสงค์ | งบประมาณ (บาท) |
1.เกษตรศาสตร์ 1.1) วิศวกรรมเครื่องกล/เคมี/ไฟฟ้า |
หลักสูตรการอนุรักษ์พลังงานในอาคารและโรงงานอุตสาหกรรม (5 ปี) |
เพื่อจัดซื้ออุปกรณ์การวัดพลังงานเพื่อให้นิสิตได้มีประสบการณ์ในการจัดการและการอนุรักษ์พลังงานในอาคารและระบบโรงงานอุตสาหกรรม |
5,760,000 |
1.2) วิศวกรรมสิ่งแวดล้อม |
หลักสูตรวิชาวิศวกรรมนิเวศวิทยา |
เพื่อจัดซื้ออุปกรณ์และจัดทำสื่อประกอบการเรียนรู้เกี่ยวกับการจัดการอนุรักษ์พลังงานและทรัพยากรธรรมชาติ |
200,000 |
รวม | 5,960,000 | ||
2. เชียงใหม่ วิศวกรรมศาสตร์ |
เปิดหลักสูตรวิศวกรรมมหาบัณฑิตสาขาวิศวกรรมพลังงาน (5 ปี) |
เพื่อจัดซื้อครุภัณฑ์ประกอบการเรียนการสอนในหลักสูตรวิศวกรรมพลังงาน |
12,000,000 |
3. เทคโนโลยีแห่งเอเซีย คณะสิ่งแวดล้อม ทรัพยากรและการพัฒนา |
โครงการพัฒนาการสอนและเพิ่มประสิทธิภาพ การศึกษาในวิชาการจัดการพลังงานในอาคาร (2 ปี) |
เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการพัฒนาตำราการจัดการพลังงานสำหรับอาคาร เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการพัฒนาอุปกรณ์การทดลอง ประกอบการสอนทางด้านแสงสว่าง การถ่ายความร้อนผ่านผนัง และหลังคาอาคาร พลภาพของความร้อนและการปรับอากาศ การควบคุมอุณหภูมิของกระแสไฟฟ้า ภาวะความสบายเชิงอุณหภาพ เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการพัฒนาโปรแกรมคอมพิวเตอร์ประกอบการสอนเกี่ยวกับการจัดการพลังงานในอาคาร |
5,660,000 |
รวม | 23,620,000 |
ฝ่ายเลขานุการฯ จึงใคร่ขอเสนอคณะกรรมการกองทุนฯ เพื่อพิจารณาอนุมัติโครงการส่งเสริมการเรียนการสอนเกี่ยวกับการอนุรักษ์พลังงานในระดับอุดมศึกษาด้านวิศวกรรมศาสตร์ สำหรับมหาวิทยาลัยที่ขอรับการสนับสนุนรายละเกิน 5 ล้านบาท
มติที่ประชุม
1. อนุมัติเงินกองทุนฯ โครงการพัฒนาบุคลากร ปีงบประมาณ 2542 ให้มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ (มก.) เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการส่งเสริมการเรียนการสอนเกี่ยวกับการอนุรักษ์พลังงานในระดับอุดมศึกษาด้านวิศวกรรมศาสตร์ ในวงเงิน 5,960,000 บาท (ห้าล้านเก้าแสนหกหมื่นบาทถ้วน)
2. อนุมัติเงินกองทุนฯ โครงการพัฒนาบุคลากร ปีงบประมาณ 2542 ให้มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (มช.) เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการส่งเสริมการเรียนการสอนเกี่ยวกับการอนุรักษ์พลังงานในระดับอุดมศึกษาด้านวิศวกรรมศาสตร์ ในวงเงิน 12,000,000 บาท (สิบสองล้านบาทถ้วน)
3. อนุมัติเงินกองทุนฯ โครงการพัฒนาบุคลากร ปีงบประมาณ 2542-2543 ให้สถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเซีย เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการส่งเสริมการเรียนการสอนเกี่ยวกับการอนุรักษ์พลังงานในระดับอุดมศึกษาด้านวิศวกรรมศาสตร์ ในวงเงิน 5,660,000 บาท (ห้าล้านหกแสนหกหมื่นบาทถ้วน)
เรื่องที่ 7 ขอความเห็นชอบแผนปฏิบัติการโครงการอาคารของรัฐ ระยะที่ 2
เลขานุการฯ ได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบว่า ตามที่คณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ในการประชุมครั้งที่ 2/2538 (ครั้งที่ 6) ได้อนุมัติแผนปฏิบัติการและเงินกองทุนฯ ให้ พพ. เพื่อดำเนินการโครงการอาคารของรัฐ จำนวน 415 แห่ง ในวงเงิน 1,602 ล้านบาท และที่ผ่านมา พพ. ได้ดำเนินการปรับปรุงในช่วงปี 2539-2540 แล้วเสร็จ จำนวน 274 แห่ง ส่วนที่เหลืออีก 140 แห่ง อยู่ในระหว่างการดำเนินการ ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จทั้งหมดในเดือนธันวาคม 2541 และ พพ. ได้ติดตามประเมินผลการอนุรักษ์พลังงานหลังจากใช้งานไปแล้ว 1 ปี จำนวน 149 แห่ง สรุปผลการประเมินได้ว่า สามารถประหยัดพลังงานไฟฟ้าได้ประมาณ 19.94 ล้านหน่วยต่อปี หรือ 39.90 ล้านบาทต่อปี โดยใช้เงินลงทุนดำเนินการประมาณ 270 ล้านบาท และมีระยะเวลาคืนทุน 6.7 ปี เมื่อทำการปรับปรุงครบถ้วน 415 แห่ง ในปีงบประมาณ 2541 จะสามารถประหยัดไฟฟ้าได้ 88.76 ล้านหน่วยต่อปี คิดเป็นเงินที่ประหยัดได้ 177.52 ล้านบาทต่อปี และสามารถลดความต้องการพลังไฟฟ้าได้ประมาณ 33 เมกะวัตต์ ซึ่งจะช่วยชะลอการลงทุนก่อสร้างโรงไฟฟ้าได้ประมาณ 1,485 ล้านบาท
ดังนั้น เพื่อให้การอนุรักษ์พลังงานในอาคารของส่วนราชการเป็นไปอย่างต่อเนื่องและขยายวงกว้างมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานไฟฟ้าให้กับอาคารของส่วนราชการ พพ. จึงได้จัดทำรายละเอียดแผนปฏิบัติการโครงการอาคารของรัฐ ระยะที่ 2 เสนอต่อคณะอนุกรรมการกำกับดูแลโครงการอาคารของรัฐ ในคราวประชุมครั้งที่ 4/2541 (ครั้งที่ 18) เมื่อวันอังคารที่ 18 สิงหาคม 2541 ซึ่งที่ประชุมมีมติเห็นชอบตามที่ พพ. เสนอ ซึ่งสรุปสาระสำคัญได้ดังนี้
1. กลุ่มเป้าหมายในการดำเนินการ
- ส่วนราชการอื่น ๆ 85 แห่ง
- โรงพยาบาล 373 แห่ง
- สถานศึกษา 342 แห่ง
รวม 800 แห่ง
2. แผนดำเนินการ
แผนดำเนินการการอนุรักษ์พลังงานสำหรับโครงการอาคารของรัฐ มีดังนี้
หน่วย : แห่ง
แผนดำเนินการ | จำนวนอาคารที่ดำเนินการ | |||||
ปีที่ 1 | ปีที่ 2 | ปีที่ 3 | ปีที่ 4 | ปีที่ 5 | รวม | |
1. ตรวจวิเคราะห์การใช้พลังงาน | 200 | 250 | 250 | 100 | - | 800 |
2. การดำเนินการปรับปรุงฯ | 160 | 160 | 160 | 160 | 160 | 800 |
3.ปรับปรุงแบบอาคารที่อยู่ระหว่างการออกแบบก่อสร้าง | 10 | 10 | 10 | 10 | 10 | 50 |
4. การติดตามประเมินผล | - | - | 400 | - | 400 | 800 |
3. งบประมาณค่าใช้จ่าย
พพ. ได้จัดทำงบประมาณค่าใช้จ่ายเพื่อดำเนินการอนุรักษ์พลังงานในอาคารของรัฐ ในระหว่าง ปี พ.ศ. 2542 - 2546 รวมเป็นเงิน 2,936 ล้านบาท ดังนี้
หน่วย : ล้านบาท
กิจกรรม | งบประมาณค่าใช้จ่าย | |||||
ปีที่ 1 | ปีที่ 2 | ปีที่ 3 | ปีที่ 4 | ปีที่ 5 | รวม | |
ก. อาคารที่ใช้งานอยู่แล้ว 1. ค่าใช้จ่ายในการบริหารโครงการ |
25.900 | 32.450 | 35.050 | 18.100 | 10.300 | 121.800 |
2. ค่าออกแบบการปรับปรุงการอนุรักษ์พลังงาน | 20.900 | 26.125 | 26.125 | 10.450 | - | 83.600 |
3. ค่าดำเนินการปรับปรุงฯ | 483.200 | 483.200 | 483.200 | 483.200 | 483.200 | 2,416.000 |
4. ค่าควบคุมงานติดตั้งฯ | 7.920 | 7.920 | 7.920 | 7.920 | 7.920 | 39.600 |
ข. อาคารที่อยู่ระหว่างการออกแบบก่อสร้าง | ||||||
5. ค่าปรับปรุงแบบ | 5.000 | 5.000 | 5.000 | 5.000 | 5.000 | 25.000 |
6. ค่าใช้จ่ายสมทบเพื่อปรับปรุงอาคาร | 50.000 | 50.000 | 50.000 | 50.000 | 50.000 | 250.000 |
รวมทั้งสิ้น | 592.920 | 604.695 | 607.295 | 574.670 | 556.420 | 2,936.000 |
4. ผลประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ
คาดว่าการดำเนินการอนุรักษ์พลังงานในอาคารส่วนราชการ จำนวน 800 แห่ง จะได้รับประโยชน์ ดังนี้
1) จะประหยัดพลังงานไฟฟ้าได้ประมาณ 138 ล้านหน่วยต่อปี หรือคิดเป็นเงินประมาณ 346 ล้านบาทต่อปี (คิดจากการดำเนินการปรับปรุง ร้อยละ 80 ของการใช้พลังงานไฟฟ้าทั้งหมด) สำหรับอาคารที่อยู่ระหว่างการออกแบบและก่อสร้าง คาดว่าจะประหยัดพลังงานไฟฟ้าได้ประมาณร้อยละ 20 ของการใช้ไฟฟ้าในอาคารนั้น
2) ลดความต้องการพลังไฟฟ้าในช่วงมีความต้องการพลังไฟฟ้าสูงสุดได้ประมาณ 52 เมกะวัตต์ ซึ่งจะช่วยชลอการลงทุนก่อสร้างโรงไฟฟ้าของสาขาไฟฟ้าได้ประมาณ 2,340 ล้านบาท
3) เพิ่มคุณภาพระดับแสงสว่างในที่ทำงานให้ได้ตามมาตรฐานสากลที่กำหนดไว้ ทำให้ผู้ปฏิบัติงานสามารถทำงานได้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
4) เป็นการประชาสัมพันธ์ เผยแพร่วิธีการ และผลดำเนินการด้านการอนุรักษ์พลังงานเพื่อเป็นตัวอย่างให้กับภาคเอกชนต่อไป
มติที่ประชุม
1. เห็นชอบในหลักการแผนปฏิบัติการโครงการอาคารของรัฐ ระยะที่ 2 ตามรายละเอียดที่ปรากฎในสิ่งแนบเป็นแผ่นบันทึกข้อมูลชุดที่ 1 ชื่อแฟ้ม "Plan2"
2. อนุมัติให้ พพ. ดำเนินการอนุรักษ์พลังงานในอาคารของส่วนราชการ ตามแแผนปฏิบัติการโครงการฯ ระยะที่ 2 ปีที่ 1 และอนุมัติเงินกองทุนฯ ให้ พพ. เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินการตามแผนปฏิบัติการโครงการฯ ระยะที่ 2 ปีที่ 1 ในวงเงิน 592,920,000 บาท (ห้าร้อยเก้าสิบสองล้านเก้าแสนสองหมื่นบาทถ้วน) โดยใช้เงินคงเหลือจากการดำเนินการตามแผนปฏิบิตการโครงการฯ ระยะที่ 1 จำนวน 387,049,781 บาท (สามร้อยแปดสิบเจ็ดล้านสี่หมื่นเก้าพันเจ็ดร้อยแปดสิบเอ็ดบาทถ้วน) และใช้เงินจากแผนงานภาคบังคับ ปี 2535-2542 ในส่วนที่ พพ. ยังไม่มีข้อผูกพันการใช้จ่ายเงิน ในวงเงิน 205,870,219 บาท (สองร้อยห้าล้านแปดแสนเจ็ดหมื่นสองร้อยสิบเก้าบาทถ้วน)
3. ให้ พพ. ปรับแผนปฏิบัติการโครงการฯ ระยะที่ 2 ตามผลการประเมินโครงการฯ ของ สพช. และเสนอต่อคณะกรรมการกองทุนฯ เพื่อพิจารณาอนุมัติให้ดำเนินการในระยะที่ 2 ปีที่ 2 ต่อไป
เลขานุการฯ ได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบว่า คณะอนุกรรมการกำกับดูแลแผนงานภาคบังคับ ในการประชุมครั้งที่ 2/2541 (ครั้งที่ 2) เมื่อวันจันทร์ที่ 24 สิงหาคม 2541 ที่ประชุมได้มีมติเห็นชอบให้ พพ. ปรับแผนและค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการโครงการโรงงานควบคุมและอาคารควบคุมที่กำลังใช้งาน (ในส่วนของอาคารควบคุม) จากระยะเวลา 2 ปี (2540-2541) เป็นระยะเวลา 3 ปี (2541-2543) ในวงเงินงบประมาณ 6,323.3 ล้านบาท และให้ฝ่ายเลขานุการฯ เสนอคณะกรรมการกองทุนฯ เพื่อพิจารณา
มติที่ประชุม
1. อนุมัติให้ พพ. ปรับแผนและค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานอนุรักษ์พลังงานตามแผนปฏิบัติการโครงการโรงงานควบคุมและอาคารควบคุมที่กำลังใช้งาน (ในส่วนของอาคารควบคุม) ระยะเวลา 3 ปี (2541-2543) ตามรายละเอียดปรากฏในสิ่งแนบเป็นแผ่นบันทึกข้อมูลชุดที่ 1 ชื่อแฟ้ม "Modify-Plan" ในวงเงิน งบประมาณ 6,323.3 ล้านบาท (หกพันสามร้อยยี่สิบสามล้านสามแสนบาทถ้วน)
2. เห็นชอบในหลักการให้เปลี่ยนแปลงองค์ประกอบและอำนาจหน้าที่ของคณะอนุกรรมการกำกับดูแลแผนงานภาคบังคับและคณะอนุกรรมการกำกับดูแลโครงการอาคารของรัฐ โดยยุบรวมเป็นคณะอนุกรรมการเดียว และเสนอให้ประธานกรรมการกองทุนฯ พิจารณาลงนามในคำสั่งแต่งตั้งต่อไป
เลขานุการฯ ได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบว่า ตามที่คณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ในการประชุมครั้งที่ 1/2541 (ครั้งที่ 13) เพื่อวันพุธที่ 25 มีนาคม 2541 ที่ประชุมได้มีมติเห็นชอบในการปรับองค์ประกอบและอำนาจหน้าที่ของคณะอนุกรรมการกำกับดูแลแผนงานภาคบังคับ และประธานกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานได้ลงนามในคำสั่งคณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานที่ 2/2541 เรื่องแต่งตั้งคณะอนุกรรมการกำกับดูแลแผนงานภาคบังคับ ลงวันที่ 29 มิถุนายน 2541 ซึ่งเป็นผลให้องค์ประกอบและอำนาจหน้าที่ของคณะอนุกรรมการฯ ชุดเดิมเป็นอันสิ้นผล และมีผลให้อธิบดีกรมพัฒนาและส่งเสริมพลังงานไม่สามารถอนุมัติค่าใช้จ่ายในการตรวจสอบและวิเคราะห์การใช้พลังงานเบื้องต้น และค่าใช้จ่ายในการจัดทำเป้าหมายและแผนอนุรักษ์พลังงานได้
เพื่อเป็นการแบ่งเบาภาระหน้าที่ความรับผิดชอบของประธานอนุกรรมการฯ และให้การปฏิบัติงานโครงการโรงงานควบคุมและอาคารควบคุมที่กำลังใช้งานเป็นไปอย่างต่อเนื่อง คณะอนุกรรมการกำกับดูแลแผนงานภาคบังคับ ในการประชุมครั้งที่ 1/2541 (ครั้งที่ 1) เมื่อวันจันทร์ที่ 27 กรกฎาคม 2541 ได้เห็นชอบให้ประธานอนุกรรมการฯ มอบอำนาจให้อธิบดีกรมพัฒนาและส่งเสริมพลังงาน มีอำนาจอนุมัติค่าใช้จ่ายในการตรวจสอบและวิเคราะห์การใช้พลังงานเบื้องต้น ไม่เกิน 100,000 บาทต่อราย และการจัดทำเป้าหมายและแผนอนุรักษ์พลังงาน ไม่เกิน 500,000 บาท/ราย และให้ฝ่ายเลขานุการฯ เสนอคณะกรรมการกองทุนฯ เพื่อพิจารณา
มติที่ประชุม
อนุมัติให้ให้อธิบดีกรมพัฒนาและส่งเสริมพลังงาน มีอำนาจอนุมัติค่าใช้จ่ายในการตรวจสอบและวิเคราะห์การใช้พลังงานเบื้องต้น ในวงเงินไม่เกิน 100,000 บาทต่อราย และการจัดทำเป้าหมายและแผนอนุรักษ์พลังงาน ในวงเงินไม่เกิน 500,000 บาทต่อราย เพื่อนำไปจัดสรรให้แก่โรงงานควบคุมและอาคารควบคุมโดยตรงโดยไม่ต้องขอความเห็นชอบจากคณะอนุกรรมการฯ และเมื่อดำเนินการแล้วให้แจ้งคณะอนุกรรมการฯ เพื่อทราบด้วย ตามมติคณะอนุกรรมการกับดูแลแผนงานภาคบังคับ
เรื่องที่ 10 ค่าบำรุงรักษาเครื่องปรับอากาศ
เลขานุการฯ ได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบว่า คณะอนุกรรมการกำกับดูแลโครงการอาคารของรัฐ ในการประชุมครั้งที่ 1/2541 (ครั้งที่ 15) เมื่อวันศุกร์ที่ 24 เมษายน 2541 ได้ตั้งข้อสังเกตว่า การบำรุงรักษาเครื่องปรับอากาศจะมีผลต่อการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้เครื่องปรับอากาศเป็นอย่างมาก และในปัจจุบันงบประมาณสำหรับค่าบำรุงรักษาเครื่องปรับอากาศจะรวมอยู่ในหมวดค่าใช้สอย ตอบแทนและวัสดุ มักจะถูกตัดงบประมาณรายจ่ายอยู่เสมอ ดังนั้นเพื่อเพิ่มความสำคัญของค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ ที่ประชุมจึงเห็นควรให้สำนักงบประมาณพิจารณาอนุมัติงบประมาณค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาเครื่องปรับอากาศที่แต่ละหน่วยงานของรัฐเสนอมา โดยให้หน่วยงานแต่ละแห่งแยกรายการค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาเครื่องปรับอากาศออกมาเป็นรายการหนึ่งต่างหาก พร้อมทั้งระบุด้วยว่าค่าใช้จ่ายดังกล่าวนั้นเป็นรายการห้ามโอนย้าย และที่ประชุมได้มอบหมายให้ พพ. จัดทำรายละเอียดข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับค่าบำรุงรักษาเครื่องปรับอากาศ เสนอสำนักงานคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (สพช.) เพื่อนำเสนอคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ พิจารณาให้ความเห็นชอบก่อน นำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณา
มติที่ประชุม
เห็นชอบให้ สพช. นำเสนอแนวทางการบำรุงรักษาเครื่องปรับอากาศของส่วนราชการและงบประมาณค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษา ต่อคณะรัฐมนตรี โดยขอมติคณะรัฐมนตรีให้สำนักงบประมาณพิจารณาอนุมัติงบประมาณค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาเครื่องปรับอากาศที่แต่ละหน่วยงานของรัฐเสนอมา และให้หน่วยงานของรัฐแต่ละแห่งแยกรายการค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาเครื่องปรับอากาศออกเป็นรายการหนึ่งต่างหาก พร้อมทั้งระบุด้วยว่าค่าใช้จ่ายดังกล่าวนั้นเป็นรายการห้ามโอนย้าย
เรื่องที่ 11 โครงการสวนพลังงานแสงอาทิตย์
เลขานุการฯ ได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบว่า มหาวิทยาลัยนเรศวร (มน.) ได้จัดทำแผนโดยละเอียดโครงการสวนพลังงานแสงอาทิตย์ เสนอขอการสนับสนุนจากกองทุนฯ โดยมีค่าใช้จ่ายที่ขอรับการสนับสนุนจากกองทุนฯ เป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 80,000,000 บาท ฝ่ายเลขานุการฯ จึงนำเสนอคณะกรรมการกองทุนฯ เพื่อพิจารณา โดยมีกิจกรรมที่จะดำเนินการตามเป้าหมายของโครงการ ดังนี้
1) การสาธิต : เป็นการสาธิตอุปกรณ์ด้านพลังงานแสงอาทิตย์อย่างถาวรเกี่ยวกับระบบเครื่องทำน้ำร้อน เครื่องอบแห้ง เครื่องปรับอากาศ และระบบเซลล์แสงอาทิตย์ในสภาพการใช้งานจริง เพื่อให้ประชาชน นิสิต นักศึกษา หน่วยงานต่าง ๆ ทั้งรัฐและเอกชนได้เข้าใจ คุ้นเคยและมั่นใจในระบบพลังงานแสงอาทิตย์พร้อมที่จะตัดสินใจ เพื่อนำไปใช้ได้ในชีวิตประจำวันเช่นเดียวกับเทคโนโลยีอื่น
2) การทดสอบมาตรฐาน : เป็นแหล่งทดสอบมาตรฐานและการใช้งานของระบบเครื่องทำน้ำร้อน ระบบเซลล์แสงอาทิตย์เพื่อวิเคราะห์และนำไปสู่การพัฒนาด้านเทคนิคหรือการประหยัดต้นทุนการทดสอบ เพื่อออกหนังสือรับรองคุณภาพผลิตภัณฑ์ตามมาตรฐานอุตสาหกรรม ซึ่งจะช่วยให้ผู้ซื้อผลิตภัณฑ์เกิดความมั่นใจต่อการใช้ระบบพลังงานแสงอาทิตย์
3) การฝึกอบรม : เป็นการฝึกอบรมของโครงการสวนพลังงาน เพื่อทำการเผยแพร่ความรู้ ความเข้าใจ ทำให้ทราบถึงประโยชน์และการใช้งานระบบทางด้านพลังงานแสงอาทิตย์ เป็นการสร้างพื้นฐานความรู้ทางด้านพลังงานแสงอาทิตย์แก่เยาวชน และประชากรของประเทศไทย และเป็นการเตรียมบุคลากรที่มีความรู้ความเข้าใจต่อการใช้ประโยชน์จากพลังงานแสงอาทิตย์
4) การซ่อมบำรุง : การซ่อมบำรุงจะช่วยแก้ปัญหาด้านเทคนิคจากการทำงานของระบบพลังงานแสงอาทิตย์ ที่เกินความสามารถในการซ่อมบำรุงของประชาชนและช่างเทคนิคในหมู่บ้าน
5) การส่งเสริมธุรกิจพลังงานแสงอาทิตย์ : เป็นการส่งเสริมการขยายการตลาด ด้วยการร่วมมือกับบริษัทและโรงงานผู้ผลิตต่างๆ เพื่อจำหน่ายอุปกรณ์พลังงานแสงอาทิตย์ ให้กับลูกค้าได้ตามวัตถุประสงค์และสามารถหารายได้ในการดำเนินกิจกรรมของสวนพลังงานให้สามารถเลี้ยงตนเองได้
มติที่ประชุม
1. อนุมัติให้การสนับสนุนเงินจากกองทุนฯ แผนงานภาคความร่วมมือ โครงการส่งเสริมธุรกิจด้านการอนุรักษ์พลังงาน ให้มหาวิทยาลัยนเรศวร (มน.) เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการสวนพลังงานแสงอาทิตย์ ตามรายละเอียดแผนงานของโครงการที่ปรากฏในสิ่งแนบเป็นแผ่นบันทึกข้อมูลชุดที่ 2 ชื่อแฟ้ม "EnergyPark" ในวงเงิน 80,000,000 บาท (แปดสิบล้านบาทถ้วน) และให้ มน. ปรับแผนการดำเนินโครงการฯ โดยนำอาคารศูนย์ธุรกิจสวนพลังงานมาดำเนินการในระยะที่ 1 ด้วย
2. ให้ มน. แสดงเอกสารที่อ้างอิงถึงความพร้อมของเอกชน ในการที่จะเข้ามาร่วมลงทุนในสวนพลังงานฯ เสนอต่อคณะอนุกรรมการกำกับดูแลแผนงานภาคความร่วมมือ เพื่อพิจารณาก่อนอนุมัติเบิกจ่ายเงินงวดที่ 1
3. ให้ สพช. ติดตามประเมินผลโครงการฯ ในแต่ละปี และเสนอต่อคณะอนุกรรมการกำกับดูแลแผนงานภาคความร่วมมือเพื่อพิจารณาให้การสนับสนุนโครงการฯ ในปีถัดไป
เรื่องที่ 12 โครงการศึกษาแนวทางการปรับปรุงคุณภาพน้ำมันเชื้อเพลิง
เลขานุการฯ แจ้งให้ที่ประชุมทราบว่า คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ ในการประชุมครั้งที่ 1/2539 (ครั้งที่ 55) เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2539 ได้เสนอแนวทางการควบคุมไอระเหยของน้ำมันเบนซินและการปรับปรุงคุณภาพน้ำมันเชื้อเพลิง โดยมอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (สพช.) และกรมทะเบียนการค้า (กค.) รับไปพิจารณาปรับปรุงคุณภาพน้ำมันเชื้อเพลิงเพิ่มเติม ในเรื่องการกำหนดค่าสูงสุดของปริมาณออกซิเจนเนตที่ผสมในน้ำมันเบนซิน การกำหนดปริมาณสารเบนซีน และสารอะโรมาติกแบบยืดหยุ่นได้ การเพิ่มค่าซีเทนในน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว และการปรับค่าความถ่วงจำเพาะของน้ำมันดีเซลหมุนเร็วให้แคบกว่าเดิม โดยคณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2539 อนุมัติตามมติของคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ ในเรื่องดังกล่าว
คณะอนุกรรมการกำกับดูแลแผนงานภาคความร่วมมือ ในการประชุมครั้งที่ 7/2541 (ครั้งที่ 23) เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 17 กันยายน 2541 ที่ประชุมได้พิจารณาโครงการศึกษาผลกระทบของการใช้สารเติมแต่งประเภทชะล้างทำความสะอาดหัวฉีดในน้ำมันดีเซลกำมะถันต่ำ ซึ่งเสนอโดย กค. โดยจะทำการศึกษาว่าน้ำมันดีเซลกำมะถันต่ำก่อให้เกิดสิ่งสกปรกอุดตันที่หัวฉีด หรือเกิดการสึกกร่อนมากน้อยเพียงใดและการลดปริมาณกำมะถันในน้ำมันดีเซลซึ่งมีคุณสมบัติช่วยเป็นตัวหล่อลื่นของเนื้อน้ำมัน ทำให้มีความจำเป็นต้องมีการเติม Lubricity Additive เพื่อช่วยป้องกันการสึกหรอของปั๊ม (Rotary pump) หรือไม่ โดยมีวิธีการศึกษา ดังนี้
1. ศึกษาคุณสมบัติน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว โดยศึกษาน้ำมันดีเซลที่มีปริมาณกำมะถัน 0.25 % โดยน้ำหนัก และ 0.05 % โดยน้ำหนัก จากโรงกลั่น 6 โรง ในประเทศ เป็นจำนวน 12 ตัวอย่าง เพื่อเลือกตัวอย่างน้ำมันที่น่าจะก่อให้เกิดปัญหามากที่สุดชนิดละ 1 ตัวอย่าง เป็นตัวแทนในการทำการทดสอบ
2. ศึกษาคุณสมบัติของตัวอย่าง Detergent Additive 5 ตัวอย่าง และ Lubricity Additive 5 ตัวอย่าง เลือกตัวอย่าง Detergent Additive และ Lubricity additive มาอย่างละ 1 ตัวอย่าง เพื่อใช้เป็นตัวแทนทดสอบ
3. ทดสอบผลการใช้สารเติมแต่งประเภท Detergent Additive และ Lubricity Additive ในน้ำมันดีเซลกำมะถันต่ำ โดยติดตั้งหัวฉีดใหม่กับรถยนต์ดีเซลขนาดเล็ก 15 คัน และขนาดใหญ่ 15 คัน ทำการทดสอบโดยวิ่งใช้งานปกติ 25,000 กิโลเมตร เพื่อวัดอัตราการไหลของหัวฉีดตาม ISO 4010 วัดควันดำ วัดสารมลพิษวิเคราะห์ชนิดของสิ่งสกปรก การตรวจสอบความเสียหายต่อ rotary pump โดยเครื่อง HFRR และวิเคราะห์มลพิษจากไอเสียรถยนต์
4. ประเมินผลการทดสอบ เพื่อความจำเป็นในสารเติมแต่งประเภท Detergent Additive และ Lubricity Additive ในน้ำมันดีเซลกำมะถันต่ำ
คณะอนุกรรมการฯ ในการประชุมครั้งที่ 7/2541 (ครั้งที่ 23) เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 17 กันยายน 2541 ที่ประชุมได้พิจารณาโครงการศึกษาแนวทางในการปรับปรุงคุณภาพน้ำมันเชื้อเพลิง เพื่อแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ ตามที่ สพช. ได้เสนอขอรับการสนับสนุนจากกองทุนฯ เพื่อจะดำเนินการจ้างผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์เฉพาะด้านให้ทำการศึกษาการปรับปรุงคุณภาพน้ำมันเชื้อเพลิง เพื่อแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ โดยมีเป้าหมายของโครงการฯ ดังนี้
1. เพื่อทบทวนมาตรฐานของน้ำมันเชื้อเพลิงที่ใช้อยู่ในปัจจุบันของประเทศไทย
2. เพื่อทบทวนสภาพปัญหามลพิษทางอากาศของกรุงเทพมหานครในปัจจุบัน ตลอดจนมาตรการที่ดำเนินการเพื่อบรรเทาปัญหามลพิษที่ใช้อยู่ พร้อมทั้งประมาณการแนวโน้มของคุณภาพอากาศในกรุงเทพมหานครในอนาคต
3. ตรวจสอบสถานะภาพการกลั่นน้ำมันของโรงกลั่น และแผนการปรับปรุงคุณภาพน้ำมัน
4. เพื่อทบทวนการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีที่ใช้ในอุตสาหกรรมรถยนต์
5. ศึกษาผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อเครื่องยนต์จากการใช้น้ำมันดีเซลกำมะถันต่ำ (0.05 %) ที่ประกาศใช้ในปี 2542 พร้อมทั้งประเมินผลกระทบต่อผู้ใช้รถยนต์ อุตสาหกรรมน้ำมันและอุตสาหกรรมรถยนต์
ที่ประชุมได้พิจารณาข้อเสนอโครงการฯ ทั้งสองโครงการแล้วมีมติเห็นชอบให้การสนับสนุนเงินจากกองทุนฯ เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการฯ และให้นำเสนอคณะกรรมการกองทุนฯ พิจารณา
มติที่ประชุม
1. อนุมัติให้การสนับสนุนเงินกองทุนฯ แผนงานภาคความร่วมมือ โครงการศึกษา วิจัยและพัฒนา ให้กรมทะเบียนการค้า เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการศึกษาผลกระทบของการใช้สารเติมแต่งประเภทชะล้างทำความสะอาดหัวฉีดในน้ำมันดีเซลกำมะถันต่ำเบื้องต้น ตามรายละเอียดแผนการดำเนินโครงการที่ปรากฏในสิ่งแนบเป็นแผ่นบันทึกข้อมูลชุดที่ 2 ชื่อแฟ้ม "Sulpher" ในวงเงิน 22,394,900 บาท (ยี่สิบสองล้านสามแสนเก้าหมื่นสี่พันเก้าร้อยบาทถ้วน)
2. อนุมัติให้การสนับสนุนเงินกองทุนฯ แผนงานภาคความร่วมมือ โครงการศึกษา วิจัยและพัฒนา ให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (สพช.) เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการศึกษาแนวทางในการปรับปรุงคุณภาพน้ำมันเชื้อเพลิง เพื่อแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ ตามรายละเอียดแผนการดำเนินโครงการปรากฏในสิ่งแนบเป็นแผ่นบันทึกข้อมูลชุดที่ 2 ชื่อแฟ้ม "Fuel-Change ในวงเงิน 24,500,000 บาท (ยี่สิบสี่ล้านห้าแสนบาทถ้วน)
เลขานุการฯ ได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบว่า กรมพัฒนาและส่งเสริมพลังงานเสนอโครงการบ้านสาธิตประหยัดพลังงานแบบยั่งยืน เพื่อเป็นต้นแบบการอนุรักษ์พลังงานและสิ่งแวดล้อมของภูมิภาค เพื่อขอรับการสนับสนุนจากกองทุนฯ ภายใต้แผนงานภาคความร่วมมือโครงการศึกษาวิจัย และพัฒนา ซึ่งฝ่ายเลขานุการฯ ได้เสนอให้คณะอนุกรรมการกำกับดูแลแผนงานภาคความร่วมมือพิจารณา ในการประชุมครั้งที่ 7/2541 (ครั้งที่ 23) เมื่อวันที่ 17 กันยายน 2541 ที่ประชุมได้มีมติเห็นชอบให้การสนับสนุนเงินจากกองทุนฯ ให้กรมพัฒนาและส่งเสริมพลังงาน (พพ.) เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในโครงการบ้านสาธิตประหยัดพลังงานแบบยั่งยืน เพื่อเป็นต้นแบบการอนุรักษ์พลังงานและสิ่งแวดล้อมของภูมิภาค และให้ฝ่ายเลขานุการฯ นำเสนอคณะกรรมการกองทุนฯ เพื่อพิจารณา
โครงการบ้านสาธิตประหยัดพลังงานนี้สามารถแบ่งขั้นตอนการทำงานได้เป็น 5 ขั้นตอนหลัก ดังต่อไปนี้
1. การศึกษาแนวทางในการประหยัดพลังงานในอาคาร : ขบวนการวิจัยเริ่มจากการศึกษาแนวทางในการออกแบบบ้านประหยัดพลังงาน 2 หลัง ซึ่งประกอบด้วยบ้านที่มีแนวความคิดในการออกแบบก่อสร้างที่แตกต่างกัน ดังนี้
- บ้านหลังที่ 1 เป็นการออกแบบในแนวคิดของการประยุกต์ใช้ระบบธรรมชาติอย่างเต็มที่ โดยมีสภาพอากาศภายในอาคารอยู่ในเขตสบายเกือบตลอดเวลา (Passive Building) โดยไม่ต้องพึ่งพาระบบปรับอากาศ อีกทั้งยังช่วยให้โดยรอบบ้านมีสภาพอากาศที่ดีขึ้นด้วย คาดว่าบ้านหลังนี้จะเป็นบ้านพักอาศัยที่มีราคาค่าก่อสร้างต่ำและมีการใช้พลังงานน้อยมาก อีกทั้งยังเป็นรูปแบบที่เหมาะสมกับการอยู่อาศัยในชนบทที่ยังมีสภาพแวดล้อมที่ดี
- บ้านหลังที่ 2 เป็นแนวคิดเชิงประยุกต์ในการใช้ระบบธรรมชาติผสมผสานระบบเครื่องกลในบ้าน เพื่อให้คุณภาพชีวิตสภาพอากาศภายในบ้านอยู่ในเขตสบายอย่างสมบูรณ์ตลอดเวลา ซึ่งจะเป็นรูปแบบของบ้านพักอาศัยที่เหมาะสมกับการอยู่อาศัยในเขตเมือง
2. การออกแบบบ้านสาธิต : หลังจากที่ได้ทำการศึกษาหาแนวทางในการออกแบบและก่อสร้างบ้านประหยัดพลังงาน แล้วจึงเริ่มทำการออกแบบบ้านสาธิตทั้ง 2 หลังโดยใช้แนวทางที่ได้ศึกษา ซึ่งจะใช้ระยะเวลาในการออกแบบและการปรับปรุงการออกแบบ ประมาณ 3 เดือน
3. การก่อสร้างบ้านสาธิต : จะมีการเตรียมพื้นที่ก่อสร้างเพื่อให้สามารถทำการก่อสร้างได้โดยสะดวกและรวดเร็ว หลังจากที่ได้ออกแบบบ้านสาธิตเสร็จแล้วจึงเริ่มทำการก่อสร้างบ้านสาธิตทั้ง 2 หลัง โดยจะใช้ระยะเวลาในการก่อสร้างจนแล้วเสร็จ ประมาณ 6 เดือน
4. การทดลองภายในบ้านสาธิต การเก็บข้อมูล และประเมินผล : เมื่อได้ทำการก่อสร้างบ้านสาธิตประหยัดพลังงานทั้ง 2 หลังเสร็จเรียบร้อยแล้ว จึงเริ่มทำการติดตั้งอุปกรณ์ควบคุมและตรวจวัดข้อมูลต่างๆ ทั้งภายในและภายนอกบ้านทั้ง 2 หลัง จากนั้นจึงเริ่มทำการเก็บข้อมูลต่างๆ เช่น อุณหภูมิอากาศภายในบ้าน ณ จุดต่างๆ ความชื้นสัมพัทธ์ ความเร็วลม การใช้พลังงานในส่วนต่างๆ ของอาคารและอื่นๆ เพื่อนำข้อมูลที่ได้มาทำการวิเคราะห์เปรียบเทียบ จากนั้นจึงนำข้อสรุปไปใช้ในการเผยแพร่ต่อไป
5. การเผยแพร่ข้อมูลและการสาธิตให้บุคคลทั่วไป : เมื่อได้ข้อมูลที่ได้มีความเรียบร้อยสมบูรณ์แล้วจึงทำการจัดทำเอกสารและสื่อเพื่อการเผยแพร่ข้อมูลสู่ประชาชนผู้สนใจ โดยมีมาตรการในการเผยแพร่ดังต่อไปนี้
- การเปิดบ้านสาธิตทั้ง 2 หลัง ให้ประชาชนผู้สนใจเข้าชมและมีการจัดนิทรรศการภายในบ้านสาธิตพร้อมทั้งจัดบุคคลากรประจำเพื่อให้ความรู้แก่ผู้สนใจ โดยจะทำการจัดนิทรรศการภายในบ้านสาธิตทั้ง 2 หลังเป็นเวลาประมาณ 6 เดือน
- จัดทำแผ่นพับเพื่อใช้แจกจ่ายให้ประชาชนผู้สนใจ รวม 100,000 ชุด และจัดทำหนังสือคู่มือ 1,000 เล่ม
มติที่ประชุม
อนุมัติเงินกองทุนฯ โครงการศึกษาวิจัย และพัฒนา ให้กรมพัฒนาและส่งเสริมพลังงาน เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการบ้านสาธิตประหยัดพลังงานแบบยั่งยืน เพื่อเป็นต้นแบบการอนุรักษ์พลังงานและสิ่งแวดล้อมของภูมิภาค ตามรายละเอียดแผนการดำเนินโครงการที่ปรากฏในสิ่งแนบเป็นแผ่นบันทึกข้อมูลชุดที่ 2 ชื่อแฟ้ม "DEDP-House" ภายในวงเงิน 28,460,572.86 บาท (ยี่สิบแปดล้านสี่แสนหกหมื่นห้าร้อยเจ็ดสิบสองบาทแปดสิบหกสตางค์)
เรื่องที่ 14 โครงการวิจัยและพัฒนาเซลล์แสงอาทิตย์ที่เหมาะกับภูมิอากาศเขตร้อนชื้น
เลขานุการฯ แจ้งให้ที่ประชุมทราบว่า ตามที่คณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ในการประชุมครั้งที่ 2/2540 (ครั้งที่ 12) เมื่อวันจันทร์ที่ 6 ตุลาคม 2540 ได้อนุมัติเงินกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ให้สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) เพื่อดำเนินการตามโครงการวิจัยและพัฒนาเซลล์แสงอาทิตย์ที่เหมาะกับภูมิอากาศเขตร้อนชื้น ในวงเงิน 90,000,000 บาท (เก้าสิบล้านบาทถ้วน) เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในส่วนของค่าครุภัณฑ์ ที่ประกอบด้วย เครื่อง Large Area Multi-Chamber Plasma Enhanced Chemical Vapor Deposition (PECVD) System และเครื่อง Sputtering System
สวทช. ได้มีหนังสือที่ วว. 5201/2459 ลงวันที่ 21 กันยายน 2541 เพื่อแจ้งให้ฝ่ายเลขานุการฯ ทราบว่า เนื่องจากการที่ค่าเงินบาทลอยตัว จึงส่งผลให้ราคาของเครื่องจักรที่ สวทช. ต้องนำเข้าจากต่างประเทศมีราคาสูงขึ้นเกินกว่าจำนวนเงินที่ได้ขอรับการสนับสนุนจากกองทุนฯ และ สวทช. ไม่สามารถจัดสรรงบประมาณมาสมทบได้ แต่เพื่อให้การวิจัยและพัฒนาด้านเซลล์แสงอาทิตย์ที่เหมาะกับภูมิอากาศร้อนชื้นของประเทศไทย ดำเนินการได้อย่างต่อเนื่อง สวทช. จึงขออนุมัติจากคณะกรรมการกองทุนฯ เพื่อปรับแผนของโครงการฯ ดังนี้
หัวข้อ | แผนงานเดิม | หลังการปรับแผนงาน |
วัตถุประสงค์ | วิจัยและพัฒนาเซลล์แสงอาทิตย์ที่เหมาะกับภูมิอากาศเขตร้อนชื้น | ไม่เปลี่ยนแปลง |
ชนิดของเซลล์แสงอาทิตย์ | แบบอะมอร์ฟัสซิลิกอน ชนิด Tandem Cell ที่มีประสิทธิภาพ 10 % | ไม่เปลี่ยนแปลง |
ชนิดของเครื่องมือที่ขอรับการสนับสนุนจากกองทุนฯ | เครื่อง PECVD System และเครื่อง Sputtering System ซึ่งสามารถผลิตเซลล์แสงอาทิตย์ ในขนาด 30-40 ตารางซม. | เครื่องแบบผสมระหว่าง PECVD System กับ Sputtering System ซึ่งสามารถผลิตเซลล์แสงอาทิตย์ ในขนาด 30-40 ตารางซม. |
จำนวน Chamber ที่ใช้สำหรับเคลือบฟิล์ม |
Ag 2 chamber |
Ag 1 chamber |
ราคาของเครื่องมือที่ขอรับการสนับสนุนจากกองทุนฯ | 2,643,000 US$ หรือ คิดเป็น 118,935,000 บาท ที่อัตราแลกเปลี่ยน 45 บาทต่อ 1 US$ | 1,890,700 US$ หรือ คิดเป็น 85,081,500 บาท ที่อัตราแลกเปลี่ยน 45 บาทต่อ 1 US$ (ส่วนที่เหลืออีกประมาณ 5 ล้านบาท เป็นค่าใช้จ่ายในการขนส่งและติดตั้งเครื่องจักร) |
กำลังการผลิตเซลล์แสงอาทิตย์ | 75 กิโลวัตต์ต่อปี | 15 กิโลวัตต์ต่อปี |
การวิจัยและประกอบแผงเซลล์แสงอาทิตย์ | 1) วิจัยและพัฒนาในเรื่องโครงสร้าง และวัสดุที่เหมาะสมกับการใช้งานร้อนชื้น ดำเนินการโดย สวทช. 2) การประกอบแผงเซลล์แสงอาทิตย์ ดำเนินการว่าจ้างบริษัทภายนอก |
1) วิจัยและพัฒนาในเรื่องโครงสร้างและวัสดุที่เหมาะสมกับการใช้งานร้อนชื้น ดำเนินการโดย สวทช. 2) การประกอบแผงเซลล์แสงอาทิตย์ ดำเนินการโดย สวทช. |
มติที่ประชุม
อนุมัติให้ สวทช. ปรับเปลี่ยนแผนการดำเนินโครงการวิจัยและพัฒนาเซลล์แสงอาทิตย์ที่เหมาะสมกับภูมิอากาศเขตร้อนชื้นตามที่ สวทช. เสนอ ดังนี้
1. เปลี่ยนชนิดของเครื่องมือที่ขอรับการสนับสนุนจากกองทุนฯ เป็นเครื่องแบบผสมระหว่าง PECVD System กับ Sputtering System
2. เปลี่ยนจำนวน Chamber ที่ใช้สำหรับเคลือบฟิล์ม เป็นดังนี้
- Ag 1 chamber
- ITO 1 chamber
- ZnO 1 chamber
- n-chamber 1 chamber
- p-chamber 1 chamber
- chamber 1 chamber
- mc-chamber 1 chamber
- 1 load lock
- 1 isolatetion and transfer Zone
3. ปรับราคาของเครื่องมือที่ขอรับการสนับสนุนจากกองทุนฯ เป็นจำนวนเงิน 1,890,700 US$ หรือคิดเป็นเงิน 85,081,500 บาท ที่อัตราแลกเปลี่ยน 45 บาทต่อ 1 US$ และเป็นค่าใช้จ่ายในการขนส่งและติดตั้งเครื่องจักรประมาณ 5 ล้านบาท
4. เปลี่ยนกำลังการผลิตเซลล์แสงอาทิตย์ เป็น 15 กิโลวัตต์ต่อปี
5. เปลี่ยนผู้รับผิดชอบในการดำเนินการวิจัยและประกอบแผงเซลล์แสงอาทิตย์ เป็น สวทช.
เลขานุการฯ แจ้งให้ที่ประชุมทราบว่า เพื่อเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารกองทุนฯ คณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ในการประชุมครั้งที่ 2/2539 (ครั้งที่ 9) เมื่อวันพุธที่ 14 สิงหาคม 2539 ที่ประชุมได้มีมติมอบอำนาจให้คณะอนุกรรมการกำกับดูแลแผนงานภาคความร่วมมือ คณะอนุกรรมการกำกับดูแลแผนงานสนับสนุน คณะอนุกรรมการกำกับดูแลแผนงานภาคบังคับ และคณะอนุกรรมการกำกับดูแลโครงการอาคารของรัฐ เป็นผู้พิจารณาอนุมัติการเปลี่ยนแปลงการดำเนินงานที่แตกต่างไปจากรายละเอียดโครงการภายใต้การกำกับดูแลของคณะอนุกรรมการแต่ละชุด ซึ่งคณะกรรมการกองทุนฯ และคณะอนุกรรมการฯ ได้อนุมัติไว้แล้วในเรื่องที่เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ดังนี้
1) การเปลี่ยนแปลงกำหนดเวลาในการดำเนินงาน
2) การเปลี่ยนแปลงโยกย้ายงวดการจ่ายเงิน
3) การเปลี่ยนแปลงพื้นที่การดำเนินงานของโครงการ
4) การเปลี่ยนแปลงบุคคล นิติบุคคล หรือองค์กร ที่ร่วมดำเนินการงานโครงการ
ทั้งนี้ การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวจะต้องไม่มีผลกระทบต่อวงเงินที่ได้รับอนุมัติแล้วและไม่ทำให้ผลที่คาดว่าจะได้รับจากโครงการลดลง และให้คณะอนุกรรมการฯ รายงานให้คณะกรรมการกองทุนฯ ได้ทราบถึงการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว การดำเนินการตามแผนงานอนุรักษ์พลังงานของโครงการที่ได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการกองทุนฯ หรือคณะอนุกรรมการฯ บางครั้งเกิดปัญหาหรืออุปสรรคที่ทำให้การปฏิบัติงานไม่เป็นไปตามแผนงาน เจ้าของโครงการฯ จำเป็นต้องปรับแผนการดำเนินโครงการฯ ซึ่งการปรับแผนงานของโครงการในแต่ละครั้งจะต้องขออนุมัติการเปลี่ยนแปลงตามลำดับขั้นตอน โดยการเสนอคณะอนุกรรมการฯ และหรือคณะกรรมการกองทุนฯ พิจารณาให้ความเห็นชอบก่อน เจ้าของโครงการฯ จึงจะดำเนินการต่อไปได้ ดังนั้น เพื่อความคล่องตัวในการปฏิบัติงาน และเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารงานกองทุนฯ คณะอนุกรรมการฯ เห็นควรที่จะเสนอให้คณะกรรมการกองทุนฯมอบอำนาจให้คณะอนุกรรมการฯ มีอำนาจอนุมัติการเปลี่ยนแปลงการดำเนินงานโครงการที่ได้รับการสนับสนุนจากกองทุนฯ และมีอำนาจอนุมัติเงินกองทุนฯ สนับสนุนให้แก่โครงการที่มีวงเงินไม่เกิน 10 ล้านบาท
มติที่ประชุม
1. อนุมัติให้คณะอนุกรรมการกำกับดูแลแผนงานภาคความร่วมมือ คณะอนุกรรมการกำกับดูแลแผนงานสนับสนุน คณะอนุกรรมการกำกับดูแลแผนงานภาคบังคับ และคณะอนุกรรมการกำกับดูแลโครงการอาคารของรัฐ มีอำนาจอนุมัติการขอเปลี่ยนแปลงการดำเนินงานโครงการที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของคณะอนุกรรมการแต่ละชุด โดยการเปลี่ยนแปลงนั้นไม่มีผลกระทบต่อวงเงินที่ได้รับอนุมัติแล้ว และไม่ทำให้ผลที่คาดว่าจะได้รับจากโครงการฯ ลดลง
2. อนุมัติให้คณะอนุกรรมการกำกับดูแลแผนงานภาคความร่วมมือ คณะอนุกรรมการกำกับดูแลแผนงานสนับสนุน คณะอนุกรรมการกำกับดูแลแผนงานภาคบังคับ และคณะอนุกรรมการกำกับดูแลโครงการอาคารของรัฐ มีอำนาจอนุมัติเงินกองทุนฯ สนับสนุนให้แก่โครงการที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของคณะอนุกรรมการแต่ละชุด ที่มีวงเงินไม่เกิน 10 ล้านบาท และให้คณะอนุกรรมการฯ พิจารณากลั่นกรองโครงการที่มีวงเงินตั้งแต่ 10 ล้านบาทขึ้นไป เพื่อเสนอคณะกรรมการกองทุนฯ พิจารณาต่อไป
เลขานุการฯ ได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบว่าในปีงบประมาณ 2541 กรมพัฒนาและส่งเสริมพลังงาน (พพ.) ได้รับอนุมัติค่าใช้จ่ายในการบริหารงานตามกฎหมาย จากคณะกรรมการกองทุนฯ สำหรับเป็นค่าว่าจ้างที่ปรึกษาในการตรวจสอบการดำเนินงานตาม พรบ. การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535 ของอาคารควบคุม จำนวน 1,000 ราย และโรงงานควบคุม จำนวน 600 ราย ในวงเงิน 126,200,000 บาท
การดำเนินการควบคุมตรวจสอบการปฏิบัติงานตามกฎหมายของอาคารควบคุมและโรงงานควบคุม ให้มีประสิทธิภาพจะต้องว่าจ้างที่ปรึกษาตรวจสอบ (Accredited Consultants, ACs) ที่มีมาตรฐานในระดับสากล และควรจ้างที่ปรึกษาตรวจสอบหลายราย เพื่อให้เกิดการแข่งขันในการทำงาน และ พพ. สามารถเปรียบเทียบประสิทธิภาพการทำงานได้ ดังนั้น พพ. จึงแบ่งการจ้างที่ปรึกษาตรวจสอบสำหรับอาคารควบคุม เป็น 5 รายๆ ละ 200 อาคาร และสำหรับโรงงานควบคุม เป็น 3 รายๆ ละ 200 โรงงาน และเนื่องจากเป็นการดำเนินการว่าจ้างที่ปรึกษาระดับสากล จะต้องมีการประกาศเชิญชวนไปต่างประเทศ ดังนั้น การดำเนินการคัดเลือกที่ปรึกษาทีละรายจะต้องทำถึง 8 ครั้ง ซึ่งไม่เป็นผลดี ต้องสิ้นเปลืองงบประมาณและใช้เวลามาก พพ. จึงเลือกวิธีการคัดเลือกครั้งเดียวให้ได้ที่ปรึกษาหลายรายโดยดำเนินการตามขั้นตอน ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. 2535 เกี่ยวกับการจ้าง ที่ปรึกษาโดยวิธีการคัดเลือก โดยเริ่มด้วยการตรวจสอบคุณสมบัติของที่ปรึกษาเบื้องต้น (Prequalification, PQ) ส่ง Term of Reference ให้จัดทำข้อเสนอ พิจารณาข้อเสนอทางเทคนิค เปิดซองราคาของผู้ที่ข้อเสนอดีที่สุดตามลำดับ ตามจำนวนที่ปรึกษาที่ต้องการแล้วต่อรองราคาให้เป็นราคาเดียวกัน โดยถือเอาราคาต่ำสุดเป็นเกณฑ์และอยู่ในวงเงินงบประมาณ
การดำเนินการดังกล่าวจะมีข้อที่แตกต่างจากระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. 2535 ข้อ 85 และข้อ 88 ที่กำหนดให้พิจารณาคัดเลือกรายที่มีข้อเสนอทางด้านเทคนิคดีที่สุดเพียงรายเดียว แล้วเจรจาต่อรองให้ได้ราคาที่เหมาะสม เพื่อให้การดำเนินการว่าจ้างที่ปรึกษาตรวจสอบในกรณีที่เป็นการว่าจ้างในระดับสากล และต้องการว่าจ้างจากหลายรายในคราวเดียวกัน เพื่อประหยัดงบประมาณของทางราชการและระยะเวลาการดำเนินงาน พพ. จึงขอยกเว้นการปฏิบัติตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการพัสดุฯ ในข้อ 85 และข้อ 88 และเนื่องจากจะมีการว่าจ้างในลักษณะนี้ต่อไปในแต่ละปี พพ. จึงขออนุมัติในหลักการสำหรับการว่าจ้างในลักษณะดังกล่าวต่อไปด้วย
ตามระเบียบคณะกรรมการกองทุนฯ ว่าด้วยการเก็บรักษาเงินและทรัพย์สินและการเบิกจ่ายเงินกองทุน พ.ศ. 2537 ข้อ 4 กำหนดว่า "หลักเกณฑ์และวิธีปฏิบัติในเรื่องการเก็บรักษาเงิน การเบิกจ่ายเงิน และการพัสดุ ที่มิได้กำหนดไว้ในระเบียบนี้ ให้ปฏิบัติตามระเบียบ ข้อบังคับหรือคำสั่งของทางราชการโดยอนุโลม ในกรณีที่ไม่สามารถปฏิบัติตามระเบียบทางราชการได้ ให้เป็นไปตามที่คณะกรรมการกองทุนฯ กำหนด โดยความเห็นชอบของกระทรวงการคลัง" ซึ่งหากคณะกรรมการกองทุนฯ เห็นชอบตามที่ พพ. เสนอ พพ. จะต้องนำเสนอกระทรวงการคลังให้ความเห็นชอบต่อไป
มติที่ประชุม
เห็นชอบให้กรมพัฒนาและส่งเสริมพลังงาน ดำเนินการว่าจ้างที่ปรึกษาในการตรวจสอบการดำเนินงานตาม พรบ. การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535 ในอาคารควบคุมและโรงงานควบคุม โดยใช้จ่ายเงินจากกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานโครงการบริหารงานตามกฎหมาย โดยสามารถยกเว้นการปฏิบัติเกี่ยวกับการว่าจ้างที่ปรึกษาโดยวิธีการคัดเลือกตามนัย ข้อ 85 และ ข้อ 88 แห่งระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ได้ตามที่ พพ. เสนอมา และให้ พพ. นำเสนอกระทรวงการคลังเพื่อขอความเห็นชอบต่อไป
เลขานุการฯ แจ้งให้ที่ประชุมทราบว่า แผนงานอนุรักษ์พลังงาน ได้เริ่มดำเนินงานตั้งแต่เดือนเมษายน 2538 เป็นต้นมา ซึ่งบัดนี้ความก้าวหน้าของแต่ละโครงการมีปริมาณที่มากพอสมควรแล้ว และคณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ในการประชุมครั้งที่ 1/2541 (ครั้งที่ 13) เมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2541 ที่ประชุมได้มีมติมอบหมายให้ฝ่ายเลขานุการฯ ทำการประเมินผลการใช้จ่ายเงินของกองทุนฯ ในแต่ละแผนงานให้ชัดเจนว่าแต่ละโครงการที่ได้ดำเนินการไปแล้วมีการใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพเพียงไร เป็นไปตามวัตถุประสงค์และเป้าหมายของแผนงานที่จัดทำไว้หรือไม่ โดยควรจะเปิดให้หน่วยงานอิสระหรือเป็นกลางทำการประเมินผล
ดังนั้นเพื่อแบ่งเบาภาระของคณะกรรมการกองทุนฯ ในการกลั่นกรองงานเกี่ยวกับการประเมินผลแต่ละโครงการ ฝ่ายเลขานุการฯ จึงใคร่ขอเสนอให้คณะกรรมการกองทุนฯ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 34 แห่งพระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535 แต่งตั้งคณะอนุกรรมการกำกับดูแลการติดตามประเมินผลโครงการที่ได้รับการสนับสนุนจากกองทุนฯ โดยมีกรรมการในคณะกรรมการกองทุนฯ เป็นประธานคณะอนุกรรมการฯ และให้ สพช. พิจารณารายละเอียดองค์ประกอบและอำนาจหน้าที่เสนอต่อประธานคณะกรรมการกองทุนฯ พิจารณาลงนามในคำสั่งแต่งตั้งต่อไป
มติที่ประชุม
อนุมัติให้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการเพื่อกำกับดูแลการติดตามประเมินผลโครงการที่ได้รับการสนับสนุนจากกองทุนฯ โดยมีกรรมการท่านใดท่านหนึ่งในคณะกรรมการกองทุนฯ เป็นประธานคณะอนุกรรมการฯ และ ให้ สพช. พิจารณารายละเอียดองค์ประกอบและอำนาจหน้าที่เสนอต่อประธานคณะกรรมการกองทุนฯ พิจารณาลงนามในคำสั่งแต่งตั้งต่อไป