Super User
สถานการณ์ราคาน้ำมันเชื้อเพลิง 25-31 พฤษภาคม 2552
โครงสร้างราคาขายปลีกน้ำมัน 8 เมษายน 2548
กบง. ครั้งที่ 130 - วันพุธที่ 24 ตุลาคม 2555
มติคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน
ครั้งที่ 23/2555 (ครั้งที่ 130)
วันพุธที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2555 เวลา 16.30 น.
ณ ห้องประชุม 2 ชั้น 15 ศูนย์เอนเนอร์ยี่ คอมเพล็กซ์ (ENCO) อาคารบี
การปรับอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน (นายอารักษ์ ชลธาร์นนท์) ประธานกรรมการ
ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (นายสุเทพ เหลี่ยมศิริเจริญ) กรรมการและเลขานุการ
เรื่อง การปรับอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง
สรุปสาระสำคัญ
1. รัฐบาลมีนโยบายแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนและผู้ประกอบการ เนื่องจากภาวะเงินเฟ้อ และราคาน้ำมันเชื้อเพลิง ข้อ 1.7.3 ดูแลราคาสินค้าอุปโภคบริโภคและราคาพลังงานให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม และเป็นธรรมแก่ผู้บริโภคและผู้ผลิต และ ข้อ 3.5.3 กำกับราคาพลังงานให้มีความเหมาะสม เป็นธรรมและมุ่งสู่การสะท้อนต้นทุนที่แท้จริง โดยปรับบทบาทกองทุนน้ำมันฯ ให้เป็นกองทุนสำหรับรักษาเสถียรภาพราคา ส่วนการชดเชยราคานั้นจะดำเนินการอุดหนุนเฉพาะกลุ่ม ส่งเสริมให้มีการใช้ก๊าซธรรมชาติมากขึ้นในภาคขนส่งและส่งเสริมการใช้แก๊สโซฮอลและไบโอดีเซลในภาคครัวเรือน
2. คณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2555 เห็นชอบตามมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2555 เห็นชอบหลักเกณฑ์การปรับอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ และมอบให้คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) พิจารณากำหนดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ และระยะเวลาให้มีความเหมาะสมภายใต้กรอบหลักเกณฑ์การมอบหมาย ดังนี้
2.1 น้ำมันดีเซล การปรับลดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ของน้ำมันดีเซลให้พิจารณาจากราคา ขายปลีกน้ำมันดีเซล หากมีราคาสูงขึ้นจนทำให้มีผลกระทบต่อภาคขนส่งและค่าโดยสารเกินสมควรให้ กบง. พิจารณาปรับลดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ได้ตามความเหมาะสม การปรับเพิ่มอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ของน้ำมันดีเซลให้พิจารณาจากราคาขายปลีกน้ำมันดีเซล หากมีราคาต่ำจนทำให้ผู้ประกอบการขนส่งและโดยสารสมควรปรับอัตราค่าบริการลงให้ กบง. ปรับเพิ่มอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ เพื่อให้ราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลอยู่ในระดับที่เหมาะสมไม่กระทบเกินสมควรต่อค่าขนส่งและโดยสาร
2.2 น้ำมันเบนซิน/น้ำมันแก๊สโซฮอล การปรับเพิ่ม/ลดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ของน้ำมันเบนซินและน้ำมันแก๊สโซฮอลให้พิจารณาปรับ เพื่อรักษาระดับส่วนต่างราคาระหว่างน้ำมันเบนซินกับน้ำมัน แก๊สโซฮอล เพื่อจูงใจให้มีการใช้พลังงานทดแทน (เอทานอล) มากขึ้น
3. ราคาน้ำมันตลาดโลกได้ปรับตัวลดลง โดยราคาปิดตลาด ณ วันที่ 23 ตุลาคม 2555 น้ำมันดิบดูไบเบนซิน 95 และน้ำมันดีเซลอยู่ที่ 107.25, 118.4 และ 124.45 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ตามลำดับ โดยราคาน้ำมันดิบดูไบ เบนซิน และดีเซลปรับตัวลดลง 3.55, 6.18 และ 4.73 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ตามลำดับ จากการประชุมเมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2555 (ราคาปิดตลาดวันที่ 18 ตุลาคม 2555) จากราคาน้ำมันตลาดโลกที่เปลี่ยนแปลงส่งผลให้โครงสร้างราคาน้ำมัน ณ วันที่ 24 ตุลาคม 2555 เป็นดังนี้
โครงสร้างราคาน้ำมันเชื้อเพลิง ณ วันที่ 24 ตุลาคม 2555
4. ฐานะกองทุนน้ำมันฯ ณ วันที่ 21 ตุลาคม 2555 มีทรัพย์สินรวม 4,454 ล้านบาท หนี้สินรวม 23,693 ล้านบาท โดยกองทุนน้ำมันฯ มีฐานะสุทธิติดลบ 19,239 ล้านบาท
5. จากค่าการตลาดของน้ำมันเบนซิน น้ำมันแก๊สโซฮอล และน้ำมันดีเซลที่อยู่ในระดับสูง ฝ่ายเลขานุการฯ จึงขอเสนอปรับเพิ่มอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ของน้ำมันทุกชนิด 0.50 บาท/ลิตร ยกเว้นน้ำมันแก๊สโซฮอล E85 ที่เก็บในอัตราเดิม โดยมีอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ดังนี้
ชนิดน้ำมัน | เดิม | ใหม่ | เปลี่ยนแปลง(+/-) |
น้ำมันเบนซิน 95 | 7.50 | 8.00 | +0.50 |
น้ำมันเบนซิน 91 | 6.20 | 6.70 | +0.50 |
น้ำมันแก๊สโซฮอล 95 | 1.80 | 2.30 | +0.50 |
น้ำมันแก๊สโซฮอล 91 | -0.50 | 0.00 | +0.50 |
น้ำมันแก๊สโซฮอล E20 | -2.80 | -2.30 | -+0.50 |
น้ำมันแก๊สโซฮอล E85 | -11.80 | -11.80 | - |
น้ำมันดีเซล | 0.20 | 0.70 | +0.50 |
กองทุนน้ำมันฯ จะมีภาระลดลงประมาณวันละ 36.84 ล้านบาท จากติดลบวันละ 21.42 ล้านบาท เป็นบวกวันละ 15.42 ล้านบาท
มติของที่ประชุม
เห็นชอบให้ปรับอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ดังนี้
(หน่วย : บาทต่อลิตร)
ชนิดน้ำมัน | เดิม | ใหม่ |
น้ำมันเบนซิน 95 | 7.50 | 8.00 |
น้ำมันเบนซิน 91 | 6.20 | 6.70 |
น้ำมันแก๊สโซฮอล 95 | 1.80 | 2.30 |
น้ำมันแก๊สโซฮอล 91 | -0.50 | 0.00 |
น้ำมันแก๊สโซฮอล E20 | -2.80 | -2.30 |
น้ำมันแก๊สโซฮอล E85 | -11.80 | -11.80 |
น้ำมันดีเซล | 0.20 | 0.70 |
โดยมอบหมายให้สำนักงานนโยบายและแผนพลังงานรับไปดำเนินการออกประกาศคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน เพื่อให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 25 ตุลาคม 2555 เป็นต้นไป
สถานการณ์ราคาน้ำมันเชื้อเพลิง 18-24 พฤษภาคม 2552
โครงสร้างราคาขายปลีกน้ำมัน 31 มีนาคม 2548
โครงสร้างราคาขายปลีกน้ำมัน 29 มีนาคม 2548
กบง. ครั้งที่ 129 - วันศุกร์ที่ 19 ตุลาคม 2555
มติคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน
ครั้งที่ 32/2555 (ครั้งที่ 129)
วันศุกร์ที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2555 เวลา 16.00 น.
ณ ห้องประชุม 2 ชั้น 15 ศูนย์เอนเนอร์ยี่ คอมเพล็กซ์ (ENCO) อาคารบี
1. การปรับอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง
ปลัดกระทรวงพลังงาน (นายณอคุณ สิทธิพงศ์) ประธานกรรมการ
ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (นายสุเทพ เหลี่ยมศิริเจริญ) กรรมการและเลขานุการ
เรื่องที่ 1 การปรับอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง
สรุปสาระสำคัญ
1. รัฐบาลมีนโยบายแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนและผู้ประกอบการ เนื่องจากภาวะเงินเฟ้อ และราคาน้ำมันเชื้อเพลิง ข้อ 1.7.3 ดูแลราคาสินค้าอุปโภคบริโภคและราคาพลังงานให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม และเป็นธรรมแก่ผู้บริโภคและผู้ผลิต และ ข้อ 3.5.3 กำกับราคาพลังงานให้มีความเหมาะสม เป็นธรรมและมุ่งสู่การสะท้อนต้นทุนที่แท้จริง โดยปรับบทบาทกองทุนน้ำมันฯ ให้เป็นกองทุนสำหรับรักษาเสถียรภาพราคา ส่วนการชดเชยราคานั้นจะดำเนินการอุดหนุนเฉพาะกลุ่ม ส่งเสริมให้มีการใช้ก๊าซธรรมชาติมากขึ้นในภาคขนส่งและส่งเสริมการใช้แก๊สโซฮอลและไบโอดีเซลในภาคครัวเรือน
2. คณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2555 เห็นชอบตามมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2555 เห็นชอบหลักเกณฑ์การปรับอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ และมอบให้คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) พิจารณากำหนดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ และระยะเวลาให้มีความเหมาะสมภายใต้กรอบหลักเกณฑ์การมอบหมาย ดังนี้
2.1 น้ำมันดีเซล การปรับลดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ของน้ำมันดีเซลให้พิจารณาจากราคา ขายปลีกน้ำมันดีเซล หากมีราคาสูงขึ้นจนทำให้มีผลกระทบต่อภาคขนส่งและค่าโดยสารเกินสมควรให้ กบง. พิจารณาปรับลดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ได้ตามความเหมาะสม การปรับเพิ่มอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ของน้ำมันดีเซลให้พิจารณาจากราคาขายปลีกน้ำมันดีเซล หากมีราคาต่ำจนทำให้ผู้ประกอบการขนส่งและโดยสารสมควรปรับอัตราค่าบริการลงให้ กบง. ปรับเพิ่มอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ เพื่อให้ราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลอยู่ในระดับที่เหมาะสมไม่กระทบเกินสมควรต่อค่าขนส่งและโดยสาร
2.2 น้ำมันเบนซิน/น้ำมันแก๊สโซฮอล การปรับเพิ่ม/ลดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ของน้ำมันเบนซินและน้ำมันแก๊สโซฮอลให้พิจารณาปรับ เพื่อรักษาระดับส่วนต่างราคาระหว่างน้ำมันเบนซินกับน้ำมัน แก๊สโซฮอล เพื่อจูงใจให้มีการใช้พลังงานทดแทน (เอทานอล) มากขึ้น
3. ราคาน้ำมันตลาดโลกได้ปรับตัวลดลง โดยราคาปิดตลาด ณ วันที่ 18 ตุลาคม 2555 น้ำมันดิบดูไบเบนซิน 95 และน้ำมันดีเซลอยู่ที่ 110.80, 124.32 และ129.18 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ตามลำดับ โดยราคาน้ำมันดิบดูไบ เบนซิน และดีเซลปรับตัวลดลง 0.20, 5.88 และ 1.82 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ตามลำดับ จากราคาปิดตลาดเมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 2555 เนื่องจากราคาน้ำมันตลาดโลกที่ปรับเพิ่มขึ้น และ เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2555 ผู้ค้าน้ำมันปรับลดราคาขายปลีกน้ำมันกลุ่มเบนซินและแก๊สโซฮอลลง 0.50 บาทต่อลิตร ส่งผลให้โครงสร้างราคาน้ำมัน ณ วันที่ 19 ตุลาคม 2555 เป็นดังนี้
โครงสร้างราคาน้ำมันเชื้อเพลิง ณ วันที่ 19 ตุลาคม 2555
4. ฐานะกองทุนน้ำมันฯ ณ วันที่ 7 ตุลาคม 2555 มีทรัพย์สินรวม 5,582 ล้านบาท หนี้สินรวม 24,607 ล้านบาท โดยกองทุนน้ำมันฯ มีฐานะสุทธิติดลบ 19,025 ล้านบาท
5. จากค่าการตลาดของน้ำมันเบนซินและดีเซลอยู่ในระดับสูง ฝ่ายเลขานุการฯ จึงขอเสนอปรับอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ของน้ำมันเบนซิน น้ำมันแก๊สโซฮอล 95, 91 เพิ่มขึ้น 0.50 บาทต่อลิตร และน้ำมันดีเซลเพิ่มขึ้น 0.30 บาทต่อลิตร 95, 91 ลง 0.40 บาทต่อลิตร และเพื่อส่งเสริมการใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล 95 E20 จึงขอปรับอัตราเงินชดเชยเพิ่ม 0.50 บาท/ลิตร โดยมีอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ดังนี้
ชนิดน้ำมัน | เดิม | ใหม่ | เปลี่ยนแปลง(+/-) |
น้ำมันเบนซิน 95 | 7.00 | 7.50 | +0.50 |
น้ำมันเบนซิน 91 | 5.70 | 6.20 | +0.50 |
น้ำมันแก๊สโซฮอล 95 | 1.30 | 1.80 | +0.50 |
น้ำมันแก๊สโซฮอล 91 | -1.00 | -0.50 | +0.50 |
น้ำมันแก๊สโซฮอล E20 | -2.30 | -2.80 | -0.50 |
น้ำมันแก๊สโซฮอล E85 | -11.80 | -11.80 | - |
น้ำมันดีเซล | -0.10 | +0.20 | +0.30 |
กองทุนน้ำมันฯ จะมีภาระเพิ่มขึ้นประมาณวันละ 25.27 ล้านบาท จากติดลบวันละ 46.69 ล้านบาท เป็นติดลบวันละ 21.42 ล้านบาท
มติของที่ประชุม
เห็นชอบให้ปรับอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ดังนี้
(หน่วย : บาทต่อลิตร)
ชนิดน้ำมัน | เดิม | ใหม่ |
น้ำมันเบนซิน 95 | 7.00 | 7.50 |
น้ำมันเบนซิน 91 | 5.70 | 6.20 |
น้ำมันแก๊สโซฮอล 95 | 1.30 | 1.80 |
น้ำมันแก๊สโซฮอล 91 | -1.00 | -0.50 |
น้ำมันแก๊สโซฮอล E20 | -2.30 | -2.80 |
น้ำมันแก๊สโซฮอล E85 | -11.80 | -11.80 |
น้ำมันดีเซล | -0.10 | +0.20 |
โดยมอบหมายให้สำนักงานนโยบายและแผนพลังงานรับไปดำเนินการออกประกาศคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน เพื่อให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 20 ตุลาคม 2555 เป็นต้นไป
โครงสร้างราคาขายปลีกน้ำมัน 23 มีนาคม 2548
สถานการณ์ราคาน้ำมันเชื้อเพลิง 11-17 พฤษภาคม 2552
กบง. ครั้งที่ 128 - วันศุกร์ที่ 12 ตุลาคม 2555
มติคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน
ครั้งที่ 31/2555 (ครั้งที่ 128)
วันศุกร์ที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2555 เวลา 15.00 น.
ณ ห้องประชุม 2 ชั้น 15 ศูนย์เอนเนอร์ยี่ คอมเพล็กซ์ (ENCO) อาคารบี
1. การปรับอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง
2. การเพิ่มสัดส่วนไบโอดีเซลในน้ำมันดีเซล
ปลัดกระทรวงพลังงาน (นายณอคุณ สิทธิพงศ์) ประธานกรรมการ
ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (นายสุเทพ เหลี่ยมศิริเจริญ) กรรมการและเลขานุการ
เรื่องที่ 1 การปรับอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง
สรุปสาระสำคัญ
1. รัฐบาลมีนโยบายแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนและผู้ประกอบการ เนื่องจากภาวะเงินเฟ้อ และราคาน้ำมันเชื้อเพลิง ข้อ 1.7.3 ดูแลราคาสินค้าอุปโภคบริโภคและราคาพลังงานให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม และเป็นธรรมแก่ผู้บริโภคและผู้ผลิต และ ข้อ 3.5.3 กำกับราคาพลังงานให้มีความเหมาะสม เป็นธรรมและมุ่งสู่การสะท้อนต้นทุนที่แท้จริง โดยปรับบทบาทกองทุนน้ำมันฯ ให้เป็นกองทุนสำหรับรักษาเสถียรภาพราคา ส่วนการชดเชยราคานั้นจะดำเนินการอุดหนุนเฉพาะกลุ่ม ส่งเสริมให้มีการใช้ก๊าซธรรมชาติมากขึ้นในภาคขนส่งและส่งเสริมการใช้แก๊สโซฮอลและไบโอดีเซลในภาคครัวเรือน
2. คณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2555 เห็นชอบตามมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2555 เห็นชอบหลักเกณฑ์การปรับอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ และมอบให้คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) พิจารณากำหนดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ และระยะเวลาให้มีความเหมาะสมภายใต้กรอบหลักเกณฑ์การมอบหมาย ดังนี้
2.1 น้ำมันดีเซล การปรับลดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ของน้ำมันดีเซลให้พิจารณาจากราคา ขายปลีกน้ำมันดีเซล หากมีราคาสูงขึ้นจนทำให้มีผลกระทบต่อภาคขนส่งและค่าโดยสารเกินสมควรให้ กบง. พิจารณาปรับลดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ได้ตามความเหมาะสม การปรับเพิ่มอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ของน้ำมันดีเซลให้พิจารณาจากราคาขายปลีกน้ำมันดีเซล หากมีราคาต่ำจนทำให้ผู้ประกอบการขนส่งและโดยสารสมควรปรับอัตราค่าบริการลงให้ กบง. ปรับเพิ่มอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ เพื่อให้ราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลอยู่ในระดับที่เหมาะสมไม่กระทบเกินสมควรต่อค่าขนส่งและโดยสาร
2.2 น้ำมันเบนซิน/น้ำมันแก๊สโซฮอล การปรับเพิ่ม/ลดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ของน้ำมันเบนซินและน้ำมันแก๊สโซฮอลให้พิจารณาปรับ เพื่อรักษาระดับส่วนต่างราคาระหว่างน้ำมันเบนซินกับน้ำมัน แก๊สโซฮอล เพื่อจูงใจให้มีการใช้พลังงานทดแทน (เอทานอล) มากขึ้น
3. ราคาน้ำมันตลาดโลกได้ปรับตัวลดลง โดยราคาปิดตลาด ณ วันที่ 11 ตุลาคม 2555 น้ำมันดิบดูไบเบนซิน 95 และน้ำมันดีเซลอยู่ที่ 111.00, 130.20 และ131.00 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ตามลำดับ โดยราคาน้ำมันดิบดูไบ เบนซิน และดีเซลปรับตัวเพิ่มขึ้น 3.35, 6.33 และ 4.40 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ตามลำดับ จากการประชุมเมื่อวันที่ 27 กันยายน 2555 (ราคาปิดตลาดวันที่ 26 กันยายน 2555) จากราคาน้ำมันตลาดโลกที่ปรับเพิ่มขึ้น และ เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 2555 ผู้ค้าน้ำมันปรับเพิ่มราคาขายปลีกน้ำมันเบนซินและแก๊สโซฮอล 0.50 บาทต่อลิตร ส่งผลให้โครงสร้างราคาน้ำมัน ณ วันที่ 12 ตุลาคม 2555 เป็นดังนี้
โครงสร้างราคาน้ำมันเชื้อเพลิงณ วันที่ 12 ตุลาคม 2555
4. ฐานะกองทุนน้ำมันฯ ณ วันที่ 7 ตุลาคม 2555 มีทรัพย์สินรวม 5,749 ล้านบาท หนี้สินรวม 24,379 ล้านบาท โดยกองทุนน้ำมันฯ มีฐานะสุทธิติดลบ 18,630 ล้านบาท
5. กพช. เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 2555 เห็นชอบมอบหมายให้ กบง. ปรับส่วนต่างราคาขายปลีกน้ำมัน แก๊สโซฮอล 91 และน้ำมันแก๊สโซฮอล E20 เพื่อจูงใจให้ประชาชนหันมาใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล E20 ให้มากขึ้น ฝ่ายเลขานุการฯ จึงขอเสนอเพิ่มแรงจูงใจอีกร้อยละ 5 เป็นร้อยละ 8 หรือปรับส่วนต่าง เป็น 3 บาท/ลิตร โดยในครั้งนี้จะปรับลดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ของน้ำมันแก๊สโซฮอล 91 และ E20 ลง 0.40 และ1.40 บาทต่อลิตร ตามลำดับ ซึ่งจะทำให้ส่วนต่างของราคาขายปลีกน้ำมันแก๊สโซฮอล 91 และ E20 อยู่ที่ 2 บาท/ลิตร และจะทยอยปรับส่วนต่างราคาขายปลีกให้เป็น 3 บาท/ลิตร พร้อมทั้งติดตามผลการใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล E20 เป็นระยะๆ ต่อไป
6. จากค่าการตลาดของน้ำมันเบนซินและดีเซลอยู่ในระดับต่ำ และเพื่อส่งเสริมการใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล E20 ฝ่ายเลขานุการฯ จึงขอเสนอปรับลดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ของเบนซิน 95, 91 น้ำมันแก๊สโซฮอล 95, 91 ลง 0.40 บาทต่อลิตร น้ำมันแก๊สโซฮอล E20 ลง 1.40 บาทต่อลิตร และน้ำมันดีเซลปรับลด 0.30 บาทต่อลิตร โดยมีอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ดังนี้
ชนิดน้ำมัน | เดิม | ใหม่ | เปลี่ยนแปลง(+/-) |
น้ำมันเบนซิน 95 | 7.40 | 7.00 | -0.40 |
น้ำมันเบนซิน 91 | 6.10 | 5.70 | -0.40 |
น้ำมันแก๊สโซฮอล 95 | 1.70 | 1.30 | -0.40 |
น้ำมันแก๊สโซฮอล 91 | -0.60 | -1.00 | -0.40 |
น้ำมันแก๊สโซฮอล E20 | -0.90 | -2.30 | -1.40 |
น้ำมันแก๊สโซฮอล E85 | -11.80 | -11.80 | - |
น้ำมันดีเซล | 0.20 | -0.10 | -0.30 |
กองทุนน้ำมันฯ จะมีภาระเพิ่มขึ้นประมาณวันละ 20 ล้านบาท จากติดลบวันละ 20 ล้านบาท เป็นติดลบวันละ 40 ล้านบาท
มติของที่ประชุม
เห็นชอบให้ปรับอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ดังนี้
(หน่วย : บาทต่อลิตร)
ชนิดน้ำมัน | เดิม | ใหม่ |
น้ำมันเบนซิน 95 | 7.40 | 7.00 |
น้ำมันเบนซิน 91 | 6.10 | 5.70 |
น้ำมันแก๊สโซฮอล 95 | 1.70 | 1.30 |
น้ำมันแก๊สโซฮอล 91 | -0.60 | -1.00 |
น้ำมันแก๊สโซฮอล E20 | -0.90 | -2.30 |
น้ำมันแก๊สโซฮอล E85 | -11.80 | -11.80 |
น้ำมันดีเซล | 0.20 | -0.10 |
โดยมอบหมายให้สำนักงานนโยบายและแผนพลังงานรับไปดำเนินการออกประกาศคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน เพื่อให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 13 ตุลาคม 2555 เป็นต้นไป
เรื่องที่ 2 การเพิ่มสัดส่วนไบโอดีเซลในน้ำมันดีเซล
สรุปสาระสำคัญ
1. เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2554 กรมธุรกิจพลังงาน (ธพ.) ได้บังคับใช้ประกาศกำหนดคุณภาพของน้ำมันดีเซลให้มีไบโอดีเซลผสมอยู่ในสัดส่วนร้อยละ 5 (4.5 – 5%) โดยปริมาตร ต่อมา ธพ. ได้ออกประกาศปรับลดสัดส่วนไบโอดีเซล เหลือร้อยละ 4 (3.5 – 4%) โดยปริมาตร ตั้งแต่วันที่ 19 กรกฎาคม 2555 เนื่องจากสต๊อคน้ำมันปาล์มดิบในเดือนพฤษภาคม – มิถุนายน 2555 คงเหลือเพียง 176,030 ตัน และ 158,633 ตัน ตามลำดับ
2. สำนักส่งเสริมการค้าสินค้าเกษตร กรมการค้าภายใน ได้รายงานปริมาณการผลิต การนำเข้า และส่งออกน้ำมันปาล์มดิบคงเหลือ เดือนสิงหาคม 2555 พบว่ามีปริมาณสูงถึง 218,564 ตัน โดยสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร ได้พยากรณ์ปริมาณน้ำมันปาล์มดิบไว้ ดังนี้
ชนิดน้ำมัน | ปี 55 (พยากรณ์โดย สศก.) | ปี 56 (เฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี) | |||||
ก.ย. | ต.ค. | พ.ย. | ธ.ค. | ม.ค. | ก.พ. | มี.ค. | |
ผลผลิต | 182,631 | 182,685 | 185,361 | 169,430 | 117,864 | 137,269 | 173,819 |
คงเหลือ | 251,000 | 285,000 | 310,000 | 322,000 | 290,000 | 274,000 | 289,000 |
3. ความต้องการใช้ภายในประเทศ 132,500 ตันต่อเดือน ประมาณการใช้น้ำมันปาล์มดิบเพื่อการบริโภค 85,000 ตันต่อเดือน ใช้เพื่อการผลิตไบโอดีเซล (สัดส่วน 5%) 47,500 ตันต่อเดือน ดังนั้นสต๊อกปาล์มน้ำมันคงเหลือรายเดือนที่มีความมั่นคงสำหรับประเทศควรมีปริมาณที่พอเพียงสำหรับการใช้ 1.5 เดือน หรือ ประมาณ 200,000 ตัน/เดือน ปริมาณคงเหลือที่ต้องเฝ้าระวัง คือ ปริมาณใช้งานได้ 1.25 เดือน หรือประมาณ 170,000 ตัน/เดือน และปริมาณคงเหลือที่เข้าสู่วิกฤต คือ ปริมาณการใช้งาน 1 เดือน คือ 132,500 ตัน/เดือน
4. เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาน้ำมันปาล์มดิบล้นตลาด ฝ่ายเลขานุการฯ จึงขอเสนอแนวทาง ดังนี้
4.1 เห็นควรมอบหมายให้ ธพ. ปรับเพิ่มสัดส่วนไบโอดีเซลในน้ำมันดีเซลเป็นร้อยละ 5 (4.5 – 5%) และให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย. 2555 เป็นต้นไป
4.2 กำหนดกรอบปริมาณน้ำมันปาล์มดิบคงเหลือ ไม่ต่ำกว่า 200,000 ตัน/เดือน และเมื่อใดปริมาณน้ำมันปาล์มดิบคงเหลือต่ำกว่า 200,000 ตัน/เดือน ให้หน่วยราชการที่เกี่ยวข้องประชุมหารือเพื่อหาทางบริหารจัดการต่อไป
มติของที่ประชุม
1. เห็นชอบให้กรมธุรกิจพลังงานปรับเพิ่มสัดส่วนไบโอดีเซลในน้ำมันดีเซลเป็นร้อยละ 5 (4.5 – 5%) และให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2555 เป็นต้นไป
2. เห็นชอบให้กำหนดกรอบปริมาณน้ำมันปาล์มดิบคงเหลือ ไม่ต่ำกว่า 200,000 ตันต่อเดือน โดยทั้งนี้ เมื่อปริมาณน้ำมันปาล์มดิบคงเหลือต่ำกว่า 200,000 ตันต่อเดือนให้หน่วยราชการที่เกี่ยวข้องประชุมหารือ เพื่อหาทางบริหารจัดการต่อไป